อาทิตย์นี้เรียกว่าเป็นอาทิตย์ที่แสนเหนื่อยของผมจริงๆ ครับ เรียกว่าเหนื่อยทั้งร่างกาย เหนื่อยทั้งจิตใจ
ช่วงนี้ออกไซต์เป็นว่าเล่นครับ Mail box ผมเต็มแล้วเต็มอีก จนใช้วิธี.... Delete..... ลบแม่งซะ จะได้ไม่ต้องเห็นอีก
พูดถึงเรื่องงานหน่อยนะครับช่วงนี้ งานผมนี่ คนนอกดูอาจจะอิจฉานะครับ เพราะไม่ต้องอยู่ประจำที่ออฟฟิศ ได้ขับรถออกไปข้างนอกเรื่อยๆ อยากจะแวะอะไรระหว่างทางตรงไหนก็ได้ ออกไปทำงานจะแวะกินข้าวที่ไหน ออกบิลได้ ก็เบิกค่าอาหารกินได้ ดังนั้น ทำงานเหนื่อยๆ ก็กินอาหารดีๆ เยียวยาได้ครับ ได้เจอคนใหม่ๆ แต่งตัวดีๆ ได้รับการtreat อย่างดี แถมได้กินดื่มอาหารดีๆ ที่สำคัญคือ ฟรี ครับ เรียกว่า เป็นสวรรค์ในสายตาของเด็กวิศวะจบใหม่

แต่เอาจริงไหมครับ เลือกได้ พวกผมไม่มีใครค่อยจะอยากไปกินนะ ไอ่อาหารดีๆ ตามโรงแรมหรู ๆ เนี้ย เพราะเหนื่อยครับ เหนื่อยต้องเอ็นเตอร์เทนลูกค้าบนโต๊ะอาหารนั่นแหละ
หลายคนอาจจะสงสัยว่า จะเหนื่อยยังไงวะ? คือการนั่งบนโต๊ะอาหารกับลูกค้าไม่ได้สนุก หรือกินอร่อยเลยครับ เพราะในหัวต้องคิดตลอดเวลาว่าจะคุยอะไรกับคนตรงหน้า Dead air ป่าววะ เค้าเป็นคนยังไง เค้าจะชอบเรื่องอะไร อ่ะเรื่องนี้ไม่ใช่ งั้นคิดหาเรื่องใหม่มาคุย แถมเรื่องคุยก็ต้องเลือกว่ากับใคร วัยไหนจะคุยมีสาระ หรือใครต้องไร้สาระ จังหวะนี้รีเซียสแล้วไหม งั้นเบรกอารมณ์ก่อนให้สบายๆ ดีรึป่าว
ครั้งไหนที่ไปแบบตั้งใจกินดื่ม แบบนี้เหนื่อยมากครับ เพราะในขณะที่เดินไซต์เหนื่อยมาทั้งวัน สภาพก็อาจจะไม่ได้พร้อมดื่มทุกครั้ง ที่สำคัญ กฎเหล็กที่ต้องรักษาในการดื่มกับลูกค้าคือ "ห้ามเมา" อาจจะเมาครับ แต่ต้อง Keep look ให้เรียบร้อยดูดี บุคลิก วางมือวางไม้ต้องยังคงดี ความลับ ข้อมูล อะไรบางอย่างห้ามหลุดออกมาจากปาก

ดังนั้น ลำบากลำบนมากครับ...... เพราะอย่างที่รู้ ๆ ว่าพวกผมเนี้ย เวลาเมาคือเฮฮาเสียงดัง ร้องเพลง ลุกเต้น ที่สำคัญ พวกเราเฟรนลี่ครับ ก็มักจะเดินชนแก้วมันแทบจะทั่วร้าน แล้วมันเป็นแบบนี้ทุกคน มี 12 คน เป็นแบบนี้ซะ 10 แล้ว แถมเรื่องทั้งหมดนี้.....นายเรา คุณVP ไม่รู้......
เเล้วเพราะเรื่องนี้นั่นแหละครับ พอดีเมื่อวานตอนค่ำ ๆ ขับรถกลับบ้านผมฟัง youtube สัมภาษณ์ กิต three man down แล้วกิตบอกว่า เค้าทำงานที่ต้องเจอคนเยอะก็จริง เค้าทำได้ แต่เค้าเหนื่อยนะ เออ!!! เหมือนกัน ขนาดผมเป็น Ambivert กึ่ง Extrovert นะครับ เวลาต้องเอ้นเตอร์เทนคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน เจอกันครั้งแรกแล้วต้องนั่งคุยกัน ผมก็เหนื่อยนะ!!!! วันทำงานเหนื่อยๆ เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจ ก็อยากกลับไปนั่งชิลๆ ที่บ้านครับ

เมื่อวานเป็นวันที่ผมวิ่งขายโปรเจคไปทั่วกรุงเทพ ตั้งแต่เช้าถึงเย็น เสียงที่ไม่ค่อยมีก็ต้องพูดจนเสียงหมดครับ พูดไปไอไปก็ต้องพูด ต้องมีท่าทางเฟรนลี่ สดชื่นตลอดเวลา

เชี้ย!!!!! Google map พาผมมาทำไมตรงนี้วะเนี้ย แล้วเวลานัดหมาย 13:30 มันบอกผมจะถึง ซึ่งความที่ผมวิ่งงานทั้งวัน ทำให้ยังไม่ได้กินข้าวเช้า และแม้แต่ข้าวกลางวัน ไอ่ที่คิดไว้ว่าจะนั่งกินอะไรก่อนซัก 15 นาทีก่อนเข้าประชุมก็เกมส์ครับ.... ช่วงบ่ายนี้เป็นลูกค้าเดิมที่หยุดธุรกิจกันไปร่วมปีครับ เพราะอะไร....เพราะตอนนั้นลูกค้าเจอปัญหาหนักหน่วงจากสินค้าของเรา product ผม Breakdown แล้ว Breakdown อีกตั้งแต่ Test run คือมันดีอยู่วันเดียวคือวัน install หลังจากนั้นมันไม่เคย Full perfrom อีกเลย และล่าสุดเมื่อเดือนที่แล้ว เราส่ง Demo ไปลงให้ครับ แต่ปรากฎว่า....ไอ่ เครื่อง Demo เจ้ากรรมก็ดันทะลึ่งไม่แมทกับโปรเจคลูกค้า ซึ่งอันนี้ผมก็ด่าลูกน้องที่ส่งไอ่เครื่องนี้ไปให้ไม่ได้ เพราะผมเป็นคนเซ็นต์ รับทราบให้มันเอาไปลง..... นายก็เซ็นต์นะ แต่นายด่าผม 5555555 เออ...ปกติครับ.... ซึ่งผมนี่เห็นลางไม่ดีมาตั้งแต่ E-mail ลูกค้าแล้วครับ

ไปถึงก็คุยทักทายกันโคตรเป็นมิตรครับ หลังจากนั้นผมก็ถูกบรรเลงสับซะและ...... ซึ่งผมก็เสนอแนวทางแก้ไขให้นะครับ ให้ไป 3 options ทีเดียว Defence กันอยู่นาน จนผมต้องใช้อาวุธหนักไปว่า... ถ้าเลือก Option นี้....ในส่วนที่จะต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มน่ะ ผม Service ให้ก็ได้ ..... Free of charge นี่คือผมถอยจนหลังชนกำแพงแล้วถึงได้เปิดการ์ดนี้
เพราะเงินเป็นเรื่องใหญ่ จบได้เลยครับ 55555555
ถึงปัญหาจะจบแล้ว ก็ยังวนมาบ่นซ้ำอีก เรื่องครั้งก่อนที่เหมือนตบหัว เส็ดแล้วลูบหลัง ว่าแล้วก็กระทืบซ้ำอีกรอบ ความ Prond ที่แก้ปัญหาได้นี่ไม่เหลือ แต่สุดท้ายผมเปิดโปรเจคได้ครับ ขายงานได้ บรรยากาศในการพูดคุย ถ้าไม่รวมที่เหมือนเรียกมากระทืบ บรรยากาศก็ถือว่าดีครับ ผมน่าจะเชื่อมความรู้สึกลูกค้าต่อบริษัท ให้กลับมาเชื่อมั่นได้ไม่มากก็น้อยกับผู้มีอำนาจในการตัดสินใจของลูกค้า
ก่อนกลับผมไหว้ลาเรียบร้อยแล้วเริ่มเก็บของบนโต๊ะ เก็บเส็ดก็ถอดแมสดื่มน้ำ เพราะเกือบ 2 ชั่วโมงไม่ได้ดื่มน้ำเลยครับ คือผมไอไง เสียงก็แหบๆ เลยไม่กล้าถอดแมสครับ 1 ใน 4 ลูกค้าเดินเข้ามาข้างหลังผมแล้วพูดไม่ดังมากแต่ก็ไม่เบา เรียกว่า 4 คนได้ยินหมดแน่นอน
"ภาพจำของบริษัทคุณสำหรับคนของผมนะคือ SE หล่อ พอคุณนัดมาปั๊บทุกคนนี่จำได้หมดเลย" ก่อนจะจบด้วย "ขอบคุณนะ ที่ช่วยกันแก้ไขปัญหานะครับ"
ผมยิ้มๆ หัวเราะ ๆ "จิงดิพี่ ขอบคุณครับ" ขำๆ ไป แต่ในใจนี่คือ เมิงลากกุไปกระทืบกลางสี่แยกอยู่เกือบ 2 ชั่วโมง แล้วจะมาชมว่ากุหล่อแบบนี้ไม่ได้โว้ย แม่งไม่ได้ทำให้กุ Satisfy ... ที่ดีคือเมิงไม่ควรเอาเรื่องเก่ามายำตีนกุ คุยแค่ในเรื่องใหม่นี่ ซึ่งกุก็ Service จนพอใจไหม ครั้งก่อนกุก็ fully response รึป่าว ใช่ครับ...ทั้ง service ทั้งเงิน

เล่าแล้วก็นึกได้..... เมื่อวันจันทร์ เส็ดงานจากไซต์ผมก็ต้องรีบไปรับพัทที่บ้าน ทำไมนั่นหรอครับ.....ผมเป็นคนอาสาไปส่งพัทที่สนามบิน....
จำได้ไหมครับ ที่ผมเคยบอกว่าจริงๆ ผมต้องบินไปทำงานต่างประเทศ และครั้งนี้นี่แหละครับ.... ครั้งที่แล้วผมขอพัทไปกับผม แต่คุณ VP ไม่ให้ ครั้งนี้ผมขออีกครั้ง แต่คำตอบยังคงเป็นเหมือนเดิม คือ ไม่ให้พัทไป ด้วยเหตุผลเรื่อง Budget เพราะมีพี่โฟล์ค ซึ่งจะต้องไปเพิ่มอีกคน
แล้วผมต้องทำยังไง........ เมื่อเดือนที่แล้วผมเลยบอกคุณ VP ไปในสิ่งที่ผมคิดไว้นานแล้ว ว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ผมจะตัดสินใจยังไง "งั้นผมไม่ไปแล้วกันครับ ให้พัทไปแทนผม" แน่นอนว่าคุณ VP ตกใจกับสิ่งที่ผมพูด แล้วค่อนข้างกังวลว่าพัทจะ Cover ทุกอย่างได้ไหม ผมบอกว่า "ได้ครับ อาจไม่ใช่ทั้งหมด แต่เวลาเกือบเดือนนี้ผมจะทำให้พัทพร้อมที่สุด พัทอยู่มา 4 ปีแล้ว และในบรรดาระดับ Staff ทั้ง 8 คน พัทพร้อมที่สุด" อันนี้ไม่รวมพี่ป๊อปปี้นะครับ พี่ป๊อปปี้ Senoir กว่าและไปกับพี่ ผจก มาแล้ว "ยังไงก็มีพี่โฟล์ค พี่โฟล์คก็ต้อง Cover ครับ ผมแค่ขอโอกาสให้พัท และผมสัญญาว่าครั้งหน้าผมจะไปเอง"
สุดท้ายคุณ VP พยักหน้าครับ และสั่งให้ผมไปทำหนังสือส่งชื่อพัทเสนออนุมัติ ปกติ ผมไม่ค่อยขัดใจอะไรคุณ VP แต่ครั้งนี้ต้องเลือกทำจริงๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำถูกไหม แต่คุณ VP ก็งอนผมไปหลายวันนะ 55555
ในฐานะลูกพี่.... ผมคือคนที่ในคุณให้โทษกับน้องของผม เพราะผมคือคนที่อยู่ใกล้นาย และถ้าพูดเสียงของผมจะดังเสมอกับนาย ในฐานะลูกพี่.... ผมต้องสู้เพื่อความก้าวหน้าของน้อง ทั้งการงาน และการเงิน ผมต้องผลักดันให้น้องที่พร้อมได้รับโอกาสที่ควรจะได้รับ
แต่ผมรู้สึก Down มากครับ...... ไม่ใช่ Down ที่ตัวเองไม่ได้เดินทาง ไม่เสียใจเลยซักนิดนะ แต่เสียใจที่เจ้านายไม่ให้ความสำคัญกับจิตใจ หรือความก้าวหน้าของเด็กๆ ข้างล่าง ผมสอนงานน้องทำงานมาจนมันเก่งเท่าทุกวันนี้ ผมเหนื่อยเว่ย.... แต่ทำบริษัทไม่คิดจะรักษาคนเก่งๆ เอาไว้ มีแต่ระดับหัวหน้ามันทำงานไม่ได้หรอก ทำไมไม่คิดถึงการให้ความก้าวหน้า กับพวกเค้าบ้าง ทำไมต้องเป็นผม ที่เป็นแค่รองผู้จัดการแผนก ไม่ใช่ Vice president หรือ Deputy VP ที่จะใช้อำนาจที่ตัวเองมีผลักดันและรักษาคนเก่งๆ ไว้ Deputy...พี่โฟล์ค ก็นิ่งเชียว.....นั่นแหละครับที่ทำให้ผม Down

ผมเพิ่งบอกพัทเมื่อปลายเดือนมกรา ว่าพัทจะต้องเดินทางในอีก 2 อาทิตย์ พัทตอบง่ายครับ "โอเคพี่ พี่สั่งเราได้เสมอ" "แต่พี่ไม่ได้ไปนะ" "อ้าว...เฮ้ยไม่เอา งั้นเราไม่ไป เราไม่ไปได้ไหม" พัทหน้าตาสับสนมากนะครับ "ไปเถอะไป ไปกับพี่โฟล์ค" "แล้วพี่ละ ทำไมพี่ไม่ไปอ่ะ" ผมก็อ้างเรื่องสุขภาพครับ ว่าช่วงนี้ป่วย (แต่ช่วงนั้นป่วยจัดจริงๆ) ไม่อยากไปแบบไม่พร้อม ไม่สงสารพี่หรอ งั้นๆ งี้ๆ สุดท้ายพัทก็พูดเหมือนเดิมครับ "พี่สั่ง เราก็ได้หมด แต่เราอยากมีพี่ไปด้วย มันอุ่นใจ" "เฮ้ยไม่ต้องห่วง จนกว่าจะไป พี่จะทำให้พัทพร้อมที่สุด"
และผมก็เริ่มเทรนพัท อธิบายสิ่งที่ต้องทำ ให้ฝึกซ้อมพรีเซ้นงาน จัด Schedule ที่ไม่ Tight มากให้ จัดเตรียมข้อมูลให้ แม้แต่ร้านอาหารที่สามารถไปฝากผีฝากไข้ได้ใกล้ๆ ที่พัก

จนวันจันทร์ผมขับรถไปส่งมันที่สนามบิน "ทำไมพี่ต้องทำแบบนี้วะ" "เพราะกุเป็นลูกพี่เมิงไง" "คือเราไม่ได้อยากไปเว่ย คือไปก็ได้ไปช่วยงานพี่งี้ เราทำเต็มที่" "นี่ก็ไปช่วยงานพี่ไง มันเหนื่อยนะทริปน่ะ" "ก็รู้....ถึงได้ไปให้พี่ เราก็เป็นห่วงพี่"
หลังจากนั้นก็คุยกันสัพเพเหระ จนถึงครับ ซึ่งผมก็บอกว่า ไม่จอดแล้วเดินเข้าไปส่ง โบกมือนั่นนี่นะ คือกุไม่ใช่แฟนเมิง เมิงก็โตแล้ว drop ต้องจุด drop off นี่แหละ ผมก็จอดด้านหน้าแล้วลงไปยืนดูมันยกกระเป๋าลง ก่อนจะยืนถามว่าไอ่นั่นไอ่นี่พร้อมไหม อย่าลืม ซื้อประกันการเดินทาง อย่าลืมของฝากให้ทางนู้น อย่าลืมเอา pocker wifi สั่งเส็ดก็ตบไหล่มันทีนึงว่า ไปๆ โชคดีๆ ส่วนพัทยืนมองผมทำท่าเหมือนอยากพูดอะไร "มีไรป่าว" "ขอบคุณนะพี่ที่เชื่อใจเราว่าเราจะทำได้" "สบาย" "แอบ nervous วะ ไปทริปครั้งแรก ไม่มีลูกพี่ไปด้วยเนี้ย"
คือหน้าตามันแบบนั้นจริงๆ ครับ หน้ามันกังวลๆ ประหลาดๆ ผมที่ทีแรกยืนกอดอกพิงท้ายรถตัวเองอยู่ ก็เลยยื่นมือไปกวักพัท
คราวนี้ก็ซีรีย์วายเลยครับ 555555 ก็เดินเข้ามากอดคอกัน ไม่เชิงกอดคอหรอครับ เหมือนกอดคอแล้วตบไหล่กันเบาๆ แบบเพื่อนกัน "ไปๆ เมิงทำได้ เมิงคือความภาคภูมิใจของกุพัท กุอยู่ไทยกุจะซัพพอตเมิง" "อืม" มันตอบแค่นั้นนะ แต่มันหันกลับไปยืนเงยหน้าตบอกตัวเองเบาๆ "เมิงจะร้องไห้ทำไม เมิงไปเลย" "เออๆ ไปก่อน เดี๋ยวซื้อ Condom มาฝากเล็กกว่า 49 ไหม" ผมยกนิ้วให้ครับ แน่นอนว่าไม่ใช่นิ้วโป้ง หรือนิ้วชี้แน่นอน....
มันบินคืนวันจันทร์ใช่ไหม ส่วนพี่โฟล์คบินคืนวันอังคาร สรุปไอ่พัทต้องไปนอนคนเดียวก่อน 1 คืนใช่ไหมครับ เช้ารุ่งขึ้นมัน Call มาแต่เช้าเลยครับ ด้วยคำขึ้นต้นว่า "พี่....เวลาคนเราแม่งเจอผีจริงๆ อ่ะ แม่งจะไม่โป๊ะป๊ะใช่ป่ะ" "เออ ทำไมวะ" "เมื่อคืนเว่ยพี่ ซัก 5 ทุ่มเราหลับ อยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแบบนี้" แล้วพัทก็เคาะอะไรซักอย่าง เหมือนคนเบื่อแล้วเคาะนิ้วกับโต๊ะหรือตู้ "เราก็ตื่นมาฟัง มันก็เงียบไป แต่ซักพักมันก็ดังอีก เราเงียบๆ ฟังจนแน่ใจว่ามันมาจากตู้เสื้อผ้า" "แล้วเปิดป่ะ" "บ้าหรอ ใครจะเปิด เรานอนฟังเว่ยแล้วบอกตัวเองเหมือนที่พี่เคยบอก" "บอกว่าไรวะ" "กุไม่มีเซ้น กุไม่มีเซ้น เมิงจูนกุไม่ติดหรอก อย่ายุ่งกับกุเลย"
5555555555 ผมฮาเลยครับ หัวเราะใส่โทรศัพท์ จนพัทเรียก เดี๋ยวๆๆ "แล้วแม่งดังทั้งคืน นอนไม่ได้เลยเว่ย ตี 1 เลยบอกว่า กุเริ่มโกรธแล้วนะ" หลังจากนั้นพัทมันก็เดินไปร้านสะดวกซื้อครับ แล้วบอกว่า "เราก็ทำตามที่พี่เคยทำ ซื้อเบียร์มากิน 2 ป๋องรวดเดียว...ยาวถึงเช้าเลย" 5555555555 จะไม่ให้ผมขำยังไงไหว สงสารก็สงสาร ขำก็ขำ แต่พอพี่โฟล์คไป ก็ไม่มีเสียงเคาะอีกเลย เลยคิดว่าพัทน่าจะหลอน เพราะนอนคนเดียวนี่แหละ
บล๊อกนี้อาจจะมีดราม่าหน่อยๆ แต่ผมแค่เครียดๆ ครับ อาจจะเหนื่อยแล้ว Burn out อาจจะ Down จากหลายๆ เรื่อง แต่เดี๋ยวมันก็ผ่านไป
Create Date : 10 กุมภาพันธ์ 2566 |
Last Update : 10 กุมภาพันธ์ 2566 20:00:09 น. |
|
35 comments
|
Counter : 775 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณhaiku, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณThe Kop Civil, คุณกะว่าก๋า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณtoor36, คุณทนายอ้วน, คุณเริงฤดีนะ, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณกิ่งฟ้า, คุณSweet_pills, คุณtuk-tuk@korat, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณnewyorknurse |
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:20:42:47 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:23:12:14 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:5:16:26 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:7:49:09 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:10:20:58 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:12:28:50 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:14:11:40 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:14:15:44 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:22:52:07 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 11 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:23:49:05 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:0:27:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:6:18:09 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:7:43:21 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:10:33:40 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:20:09:19 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:22:28:14 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:6:35:54 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:18:50:55 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:18:51:44 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:19:37:55 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าใสวันใหม่ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:20:46:58 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:5:20:16 น. |
|
|
|
โดย: newyorknurse วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา:3:17:42 น. |
|
|
|
|
|
 |
|
...
เรื่องพูดคุยหรือไปกับลูกค้าหรือคนรู้จักครึ่งค่อนวันนี่่ ไม่สนุกเลย
ไม่รู้จะพูดอะไรมากนัก
คุยกับลูกค้าไม่บ่อยนัก เซลล์เขายังปิดการขายไม่ได้ หุ หุ
เห็นผมเดินเข้าโชว์รูม มันรีบแนะนำว่าที่ลูกค้า พี่ไวน์เขาพูดง่าย
ใจดีด้วย... พูดคุยสิบกว่านาที ลูกค้าตกลงให้ส่งคนไปดูพื้นที่
สถานที่จริงเพือสเก็ตการตกแต่งเสนอราคา เฮ้อ..ลูกค้ายอม
ให้ไปที่คอนโดสำเร็จไปครึ่งกว่าแล้ว
บางทีผมก็นึกขึ้นได้ว่า ลูกน้องมันลองภูมิว่าเราจะปิดการขายได้เปล่า บางทีคุยตั้ง 2 ครั้งกว่าจะสำเร็จ.