|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
At Frist Sight EP.3 : Fruitcake's war |
|
ความเดิมตอนที่แล้ว
เวลาผ่านไป 1 เทอม เหตุการณ์มากมายที่ผมไม่รู้ตัว แต่สร้างความหงุดหงิดและเจ็บปวดหัวใจให้กับพี่ยุทธเป็นอย่างมาก แถมหญิงก็โพสรูปผมกับเค้าลงเฟซบุ๊คซะไม่เกรงอกเกรงใจพี่ยุทธ อาจจะด้วยคิดน้อย ไม่คิด หรือตั้งใจจะประชดพี่ยุทธที่ติดเพื่อนประปราย แต่บาปมาตกที่ผมแน่นอน!!! จนรู้สึกได้ว่า บรรยากาศในคลาสดูแปลกไป
อ่านย้อนหลังได้ที่ >>> At First Sight EP.1 >>> At First Sight EP.2
มาต่อกันใน EP.3 : Fruitcake's War (สงครามคนเพี้ยน)
อันนี้ผมมารู้ตอนหลังจากปากคำของคู่กรณีสายตรงนะครับ ว่า....ช่วงนั้นบางกลุ่มแอบเม้าเรื่องผมกัน เช่น ขี้อ่อย ชอบเข้าหาผู้หญิง ซึ่ง....พวกคุณก็ผู้หญิงกันซะเกินครึ่งห้องไหมครับ.... เข้าห้องสายนี่น่าจะอยากเป็นที่สนใจ...เดี๋ยว...เมิงนั่นแหละสนใจกุเอง ผมก็มาสายเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ได้อยากสาย แต่กุตื่นไม่ทัน!!!
ทำให้อะไรรู้ไหมครับ.....เพื่อนในสาขาที่มีแฟนแล้วบางคน ไม่ค่อยอยากนั่งกับผม หรือเดินไปไหนต่อไหนกับผม ด้วยสาเหตุว่า ไม่อยากเป็นประเด็น แต่บอกก่อนว่า หลายๆ คนไม่เป็นนะครับ ก็เป็นปกติดี แค่ผมสังเกตได้กับบางคน ซึ่งผมก็คิดว่า แฟนเค้าอาจะขี้หึงก็ได้ เวลาไปกินข้าวกันทั้งสาขา มีแฟนเพื่อนมาด้วย ผมก็ระวังไม่ยุ่งกับคนมีแฟน ส่วนใหญ่ผมก็อยู่กับแก๊งผู้ชายครับ แต่สาขาผู้หญิงเกินครึ่ง ก็ต้องมีบ้างที่พูดคุย หรือเรียกไปไหนพร้อมกัน ผมก็ไปแค่คนที่ชิลๆ เอา
แต่ก็มีข่าวประหลาดๆ ครับ เช่น พี่ปั๊มรุ่นพี่มาแอบคุยกับหญิง อาร์มเพื่อนในสาขาแอบมาคุยกับหญิง ส่วนตัวผมไม่ใช่คนสนใจ rumor เลยได้ยินผ่านๆ แบบไม่ ค.ว.ย. หมายถึง คิด วิเคราะห์ แยกแยะ น่ะครับ มีไอ่ต้นนี่แหละที่ ค.ว.ย แล้วมาพูดให้ผมฟังว่ามีเรื่องประมาณนี้ด้วย
เรื่องราวการตีตัวออกห่างเริ่มตีวงกว้างออกไป ผมสังเกตได้ว่า ครึ่งนึงของเพื่อนดูแปลกๆ ไป
ช่วงนั้นผมรู้สึก แต่ไม่ได้สนใจ เพราะจริงๆ ผมเข้าใจเรื่องการระวังตัว ซึ่งจากที่คิดว่าเพื่อนกันหมด ไม่เคยระวัง ผมก็แค่พยายามระวังมากขึ้น มีระยะห่างระหว่างตังเองและคนอื่นมากกว่าเดิม ช่วงนั้นถ้าเจอเพื่อนเดินสวนกันข้างนอก ผมก็ทักทายครับ ถ้าเจอที่อาคารจอดรถผมก็โอเคที่จะรอเดินไปเรียนพร้อมกัน หรือไปไหน ทางเดียวกัน เดินไปพร้อมกัน โดยที่ไม่สนว่าเพื่อนกลุ่มไหน
ครั้งนึง ผมนั่งกินข้าว พร้อมชาเย็นอยู่ที่ร้านกาแฟใต้ตึกคณะ คือผมมาสายครับ เรียน 8.30 โมง ผมมาซะเกือบ 10 โมง ซึ่ง 10 โมงเป็นเวลาพักเบรก ไอ่ครั้นจะเดินเข้าห้องเรียนไปตอนนี้ก็ยังไงอยู่ อาจารย์คงจะถามว่าเอ็งมาเอาตอนนี้ทำไม จะพักอยู่แล้ว ผมเลยไม่เข้าห้อง แล้วนั่งกินข้าวรอเวลาแทน พอ 10 โมง ผมก็ยังนั่งอยู่ที่ร้านครับ เพราะกะว่าลุกไปที่ห้องใกล้ๆ เวลา แต่นั่งๆ อยู่ ผมก็เห็นเพื่อนร่วมคลาส เดินเข้ามาให้ร้านกาแฟ 2 คน นั่นคือ ปุ้ม กับ หญิง ผมเลยยกมือทัก ปุ้มหันมามองให้รู้ว่าเห็น แล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ ส่วนหญิงเดินมาหาผม ผมที่กินเส็ดแล้วแต่นั่งเขี่ยมือถือเล่นอยู่ ก็ลุกขึ้นไปเช่นกัน "เอ้า! ทำไมไม่ไปเรียนอ่ะ" หญิงหัวเราะ "มาถึงก็จะ 10 โมงแล้ว เลยไม่อยากเข้าห้อง กลัวจารย์ด่า" "แล้วทำไมวันนี้สายเยอะจัง" "รถแบตหมด รอเรียกช่างมาเปลี่ยน...แล้วนี่มาซีร็อคชีทหรอ" "ใช่ๆ จดกันไม่รู้เรื่อง เลยเอาชีทเจ๊จิ๊บมาซีฯ" "เผื่อเราชุดนึงดิ" "ได้ๆ" หญิงรับปากแล้วรีบวิ่งไปบอกพนักงานขอเพิ่มอีก 1 ชุด
ปุ้มไม่ได้คุยอะไรกับผม พูดคุยแต่กับหญิง ซึ่งเป็นแก๊งเจ๊ปิ่นเหมือนกัน ผมก็ไม่รู้จะคุยอะไรกับเค้า เลยพูดแค่ขอบคุณที่ให้พ่วงซีร็อค ก่อนจะเอาตังให้หญิงเป็นค่าชีท
ผมเดินไปห้องเรียนพร้อมปุ้มกับหญิงครับ ซึ่งหญิงเดินคุยกับผมเรื่อยเปื่อยมาตลอดทาง มันปกติมากทำให้ผมจำเหตุการณ์ไม่ได้เลย แต่เอาเป็นว่า เปิดประตูเข้าห้องไปปุ้มเดินตรงเข้าไปนั่งในกลุ่มเพื่อนก่อน ทำให้ทุกคนในแก๊งเจ๊ปิ่นหันมามองทางประตูพร้อมกัน ซึ่งหญิงเดินเข้าห้องก่อน ส่วนผมเดินตามเข้ามา โดยผมไม่ได้เดินไปที่แก๊งเจ๊ปิ่น แต่เดินแยกไปทักไอ่ต้น พี่นัท แล้วหาที่นั่งที่ว่างๆ
จนมางานสัมมนาคณะที่กาญจนบุรี เพื่อนจัดให้ผมไปทำการแสดงเป็นตัวแทนสาขา พร้อมเพื่อนอีก 3 คน ผมบ่นนิดหน่อย แต่ก็ไปให้ตามขอ ถือว่าให้ความร่วมมือกับสาขา กะว่าสถานการณ์แปลก ๆจะดีขึ้น
วันนั้นพอแต่งตัวทำผมเส็ดก็เริ่มมีเพื่อนคว้าผมขึ้นมาถ่ายรูปด้วย ซึ่งยังดีที่พี่นัทหัวหน้าสาขาและพี่ใหญ่กลุ่มผมค่อยมาแวะดูเสมอ ว่าเพื่อน 4 คนเป็นยังไงมีน้ำมีข้าวกินไหม พอทำการแสดงจบ ซึ่งบนเวทีมีหลายคนครับ 8-9 คนได้ ก็มีเสียงเรียกให้ยืนถ่ายรูปรวมจากสาขาต่างๆ ซึ่งปกติ....ก็ยืนให้ถ่ายไป มีคนมาขอจับมือที่หน้าเวที ซึ่งแต่ละคนก็จับทักทายเหมือนกันหมด ซึ่งเอาจริงๆ ผมไม่ได้โฟกัสที่ใครเลยว่ามีใครบ้าง (แอบเล็งโฮมมี่ แต่มี่ไม่มาครับ 55555) สาขาผมก็มีมา ทั้งหญิงทั้งชายให้กำลังใจเพื่อนที่ขึ้นแสดง
หนึ่งในนั้นคือหญิง ที่วิ่งมาหน้าเวทีพร้อมเอาดอกไม้ที่ประดับโต๊ะมายื่นให้ผม ผมก็รับ ยิ้มๆ หัวเราะๆ ตามปกติ ส่วนหญิงก็กวักมือเรียกให้ผมก้มไปหา เวทีไม่ได้สูงครับน่าจะแค่เมตรนิด ๆผมก็นั่งลงไปหา ด้วยเสียงรอบข้างและเสียงเพลงที่ดัง ทำให้เราต้องพูดกันใกล้ๆ หู "วันนี้...หล่อมากเลย ทำได้ดีมากอ่ะ เยี่ยมๆ" หญิงพูดพร้อมยิ้มกว้าง "แต้งกิ้วๆ" "ถ่ายรูปกันได้ไหม" หญิงถามพร้อมยกมือถือขึ้นเซฟฟี่ ซึ่งผมก็พยักหน้ารับ แล้วนั่งดีๆ ถ่ายรูปกับหญิง พร้อมถือดอกไม้ที่เค้าให้ แต่ผมไม่ได้ถ่ายกับหญิงแค่คนเดียวนะครับ ผมรับดอกไม้หรือแม้แต่ผักจัดจาน จากเพื่อน ทั้งผู้หญิงผู้ชายอีกตั้งหลายคน รูปก็ถ่ายด้วย จะดีจะกวนก็ตามอารมณ์
แต่ในสายตาของพี่ยุทธที่ทีแรกนั่งกินข้าวเกรียบอยู่ที่โต๊ะรวมกับกลุ่มเจ๊ปิ่น พี่ยุทธคงจะเห็นแค่ภาพหญิงที่เอาดอกไม้ไปให้แล้วถ่ายรูปกับผม พี่ยุทธรู้สึกแย่มาก และลุกเดินออกไปนอกห้องจัดงานทันที แล้วออกไปนั่งดูดบุหรี่อยู่ข้างนอกพักใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่า เจ๊ปิ่น เพื่อนเจ๊ปิ่นดูออก ไม่ใช่แค่นั้น เพราะอาการของพี่ยุทธก็ทำให้คนอื่นๆ ในสาขาดูออกเช่นกัน
เจ๊ปิ่นเดินตามออกไปพร้อมพี่อ้นแก๊งพี่ยุทธเพื่อนั่งเป็นเพื่อน "เอาอีกแล้ว เห็นไหมเจ้...คือผมไม่เข้าใจว่าทำไมหญิงไม่เลิกยุ่งกับไอ่ปริ้นซ์" "หญิงมันจะเลิกยังไงแก ปริ้นซ์มันก็เล่นด้วยไม่หยุดรึป่าว" "ก็มันไม่รู้อ่ะเจ้ แต่หญิงต้องหยุดไหม หญิงเป็นแฟนผมนะ" "แต่เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดังนะ" "อืม....ตบมือข้างเดียวไม่ดัง" พี่ยุทธทวนคำพูดด้วยสีหน้าเริ่มลังเล ตรงนี้ ตอนที่พี่ยุทธมาเล่าให้ผมฟังทีหลัง ผมสวนกลับพี่แกไปว่า 'แล้วผมไม่ตบด้วยตอนไหนวะ ผมอยู่ของผมดีๆ คนของพี่แหละยุ่งกับผม' อาจจะแรงนะครับ แต่ผมพูดจริงๆ ......
เปลี่ยนชุดเส็ด ซึ่งผมนี่เสื้อยืดมาเลยครับ ไม่มีพยายามแต่งหล่อ ก็มานั่งกินอะไรกับเพื่อนกลุ่มตัวเอง + กลุ่มพี่อั้ม นั่งคุยอะไรกันโคตรสนุก กลุ่มพี่อั้มก็เป็นอีกกลุ่มที่ไม่ได้อินเรื่องที่มีคนเม้าผม และยังเป็นปกติ แถมใช้ผมเอ็นเตอร์เทนพี่แกอย่างกับเป็นโฮส 555555 พอจบเรื่องกิน โต๊ะก็ถูกยกออกไปแล้วกลายเป็นที่โล่ง ให้ดื่มให้เต้นกันใต้เสียงเพลงดังๆ และแสงสี ซึ่ง.....รู้อยู่แล้วใช่ไหมครับว่าผมจะทำอะไร..... รู้ตัวอีกที ผมก็ไปยืนจับกลุ่มแก๊งผู้ชาย ข้างๆ มีเหล้า โซดา น้ำแข็งพร้อม ถือแก้วไปยืนโยกยืนเต้นกันไป และหนึ่งในแก๊งผู้ชายก็ต้องมีพี่ยุทธ ที่กลับเข้ามาเมื่อไหร่อันนี้ผมไม่รู้ จริงๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพี่เค้าเดินออกจากงานตั้งแต่แรก
ด้วยอะไรไม่รู้ พี่ยุทธที่ปกติก็สนิทกันอยู่แล้วก็มากอดคอ แล้วชนแก้ว "หมดเว้ยไอ่เชี้ยปริ้นซ์!" พี่ยุทธตะโกน แล้วหันไปชนไล่รอบวง "หมดเว้ยพี่" ผมตอบกลับแล้วยกแก้วขึ้นดื่มสุดซอยพร้อมกับคนอื่นๆ เพลงยิ่งดังยิ่งสนุก จากเหล้าโซดา ก็กลายเป็นเหล้า+น้ำแข็ง แล้วยกเลย หลายคนเดินมาขอชนแก้ว ผมก็ชน แต่ด้วยดื่มไปหนักมาก เพราะพี่ยุทธนี่เทให้ผมไม่ขาดมือเลยเหมือนกัน "ผมเมาแล้วพี่ เบาได้เบา" ผมร้องขอชีวิตจากพี่ยุทธ "แดกเหล้าก็ให้เมาดิวะ กุไม่เคยเห็นเมิงเมาซักที วันนี้กุจะเอาให้เมิงคลานกลับห้อง" คงจะรักผมมากสินะ หรือไม่ก็เกลียดแน่ๆ เพราะสุดท้ายไปนั่งอ้วกอยู่ในห้องน้ำ พร้อมเพื่อนผู้ชาย 1 ผู้หญิง 1 ไปยืนเฝ้า "เชี้ยเอ้ย....กุไม่ชอบแดกเรด....." ผมสบถในขณะที่ลุกยืนยังแทบไม่ได้
ปาร์ตี้จบลง ทุกคนแยกย้ายกันกลับห้องพัก พี่บอยกับพี่นัทรับหน้าที่หามผมกลับห้อง โดนมีพี่ยุทธเดินโซเซไปพร้อมกัน ตอนนั่งรถกอล์ฟกลับผมก็นั่งหมดสภาพซบที่กั้นรถ พี่นัทจะคอยหิ้วหัวไว้ อยู่ๆ พี่ยุทธก็ตบไหล่ผมแรงๆ แล้วก้มหน้ามาใกล้ "ปริ้นซ์เมิง...กุเป็นพี่เมิงไหม" "เป็นดิ เมิงจะเอาไร เอ้ย! พี่จะเอาไร" ผมตอบมึนๆ "เมิงสัญญากับกุได้ไหมว่าเมิงจะไม่ทำเชี้ยกับกุ" "เออๆ ..... พี่แม่งเมาวะ พูดจาไม่รู้เรื่อง" ผมยิ้มๆ แล้วซบหน้าลงบนแขนตัวเอง เพราะมึนจนยกหัวไม่ไหว
ถึงห้องพี่นัทที่นอนห้องเดียวกับผมก็หามผมมาโยนไว้บนเตียง "นอนเลยได้ป่าวะ ไม่อาบน้ำได้ไหม หมุนไปหมดเลยวะพี่" ผมนอนบ่นอุบอิบอยู่บนเตียง "ลุกไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเมิงก็ดีขึ้น" พี่บอยพูดไป ก็ล้วงกระเป๋าตังนั่นนี่ออกมาวาง "ลุกไม่ไหวแล้วพี่ ผมนอนเลยนะ" "เมิงลุกก่อนๆ ไปล้างหน้าแปรงฟันก็ยังดี เร็วๆ" เป็นภาระเพื่อนมากครับ เพราะเพื่อนต้องหิ้วขึ้นไปยืนหน้ากระจกห้องน้ำ
คืนนั้นผ่านไปยังไงก็ไม่รู้ครับ เพราะความทรงจำผมตัดแค่ยืนหน้ากระจก
เช้ามาผมก็ไม่ค่อยไหวแหละครับ เพราะผมไม่ถูกกับเหล้ายีห้อนี้เลย ทั้งปวดหัว ทั้งผะอืดผะอม ดังนั้นตอนปิดการสัมมนา ผมนี่นั่งกอดเข่าซบหน้าอยู่ที่ท้ายๆแถว ไม่ได้มีผมคนเดียว ที่มีอาการนี้ เพราะอีกหลายคนก็สภาพไม่ต่างกัน สเตอร์นี่ถึงขนาดออกไปพูดขอบคุณสถานที่ไม่ไหว ต้องให้รองประธานออกไปพูดแทน
แล้วคณะก็พาไปสะพายข้ามแม่น้ำแคว ผมกับเพื่อนก็ไม่เดินครับ ไปนั่งหาชา กาแฟ กินอยู่ที่ร้านริมทาง พี่ยุทธกับเพื่อนออกไปเดินเล่นครู่เดียวก็กลับมานั่งดูดบุหรี่กินกาแฟเหมือนกัน แก๊งเจ๊ปิ่นออกไปเดินเล่นถ่ายรูปที่สะพานตามประสาผู้หญิง แก๊งผู้หญิงในสาขาส่วนใหญ่กลับมาเอาตอนใกล้เวลานัดหมายที่ร้านอาหาร ส่วนผู้ชายที่ขี้เกียจเดินก็นั่งจับจองพื้นที่กันเรียบร้อยแล้ว โต๊ะหลายโต๊ะเต็ม ทำให้หญิงกับเพื่อนอีกคนเลยต้องมานั่งที่โต๊ะกลุ่มผม ผมก็นั่งซดต้มยำเบาๆ แก้แฮ้งค์ ไม่ได้โฟกัสว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างบนโต๊ะ หรือหญิงพูดอะไร เราคุยอะไรกันไหม อันนี้ผมไม่มีความทรงจำเลย
แต่มารู้ว่า ผมกับหญิงคุยกับบ้าง ผมส่งอาหารสลับให้บ้าง หญิงก็เติมน้ำดื่มให้บ้าง แต่ก็น่าจะทำให้ทุกคนนะ คือมันธรรมดามากจนผมไม่ได้ใส่ใจเลยครับ แต่....พี่ยุทธและแก๊งเจ๊ปิ่นสนใจ ซึ่งทำให้เจ๊ปิ่นกับพี่ยุทธขุ่นมาก และแน่นอนว่าเจ๊ปิ่นมองว่าผมผิด
ที่แวะสุดท้ายคือที่วันถ้ำเสือ แล้วก็เกิดเหตุการณ์ ผมโดนทิ้งที่วัดนั่นแหละครับ สาเหตุหลักๆ เกิดมาจากเจ๊ปิ่นปั่นเพื่อน และคนอื่นๆ เรื่องที่แกคิดว่าผมเป็น
หลังจากนั้น บรรยากาศในคลาสเรียนมันแย่มากครับ มีคนนั่งแทนที่ผมเสมอ ชีทที่ควรมีเกินจำนวนคน 2-3 ชุดก็หมดเอาดื้อๆ อ่ะยอมรับว่าผมก็สายจริงๆ แต่ชีทก็ไม่น่าหมด ซึ่งผมก็ต้องซีร็อคชีทพี่บอย หนักที่สุดคือ ผมหลุดออกจากกลุ่มทำงานกลุ่ม โดนอยู่ๆ ก็มีคนอื่นมาแทนที่ ซึ่งผมก็แค่มองหน้าที่นัทพี่บอยเป็นเชิงว่า "ยังไงวะ" แต่พี่เค้าก็ไม่ให้ตอบอะไร แค่บอกว่า เพื่อนอีก 2 คนอยากมาทำด้วย ให้ผมไปหากลุ่มใหม่เอง.....
ได้หรอ อาเฮีย!!!! สาบานว่าผมเคืองมาก แต่ด้วยความที่ผมไม่ค่อยพูดอะไรมากอยู่แล้ว ก็แค่บอกไปว่า "คราวหน้าพี่นับผมด้วยนะ" แล้วเดินไปหากลุ่มใหม่
ซึ่งก็จะไปรวมกับกลุ่มผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่ต้องแตกเป็น 2 กลุ่มแล้วคนขาดเสมอ แต่การไปรวมกับกบุ่มอื่น ก็ถูกเม้าท์ครับเพราะอยากทำงานกับพี่บี แอร์โฮสเตรท ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ได้อยากทำงานกลุ่มกับกลุ่มนี้เลยเพราะแนวไม่ตรงกัน
ผมไม่มีโต๊ะนั่งกินข้าว มีคนนั่งเติมเต็มโต๊ะของกลุ่มผมอีกแล้ว จนผมต้องไปนั่งกับคนอื่น หรือไม่ก็นั่งคนเดียว หรือนั่งกับกลุ่มอื่น หรือนั่งกับสาขาอื่น บางครั้งก็เป็นหญิงนี่แหละที่ออกจากห้องช้า เลยมานั่งกับผม ยิ่งเป็นแบบนี้ เรื่องราวก็ยิ่งบานปลาย กลายเป็นผมไปนั่งกินข้าวกับหญิงแฟนพี่ยุทธ หรือลงไปซื้อของพร้อมกัน คือจริงๆ ผมจะไปคนเดียวนี่แหละครับ แต่พอมีเพื่อนมาเรียกว่าจะไปด้วย ผมที่ไม่ได้รู้เรื่องและไม่ได้คิดอะไรก็ยินดีจะเดินไปพร้อมกัน นึกว่าเรื่องบังเอิญ
ตอนนั้นในใจผมคือ ช่างแม่ง พวกเมิงจะเป็นยังไงกับกุก็ช่างแม่ง กุมาเรียน ถ้าคนมันไม่แมช คอนแนคชั่นก็ไม่ได้สำคัญ โลกของกุกว้างกว่าแค่พวกเมิงคลาสเดียวมาก ยังมีคนอีกมากที่เค้าดีกับกุ และกุมีเพื่อนเยอะแล้ว ไม่มีพวกเมิง ก็ไม่ได้มีผลอะไรกับชีวิตกุเลย......
จากนั้นผมก็ใช้ชีวิตแปลก ๆ ในคลาสไปเรื่อยๆ แต่กวนตีนครับ 555555 เพราะนอกจากผมจะเหินห่างจากสาขาแบบชัดเจนแล้ว จากเงียบๆ ผมนี่เดินทักเพื่อนภาคอื่นเวลาเดินผ่านเป็น สส หาเสียง แต่งตัว เซตผมเหมือนมาเที่ยวมากกว่ามาเรียน เที่ยงผมก็หายไปนั่งกินผัดมาม่าอยู่กับ OM ถ้านั่งกินอยู่ที่สาขา ผมก็นั่งโต๊ะแบบ 2 ที่นั่ง โดยอีกที่ผมวางโน้ตบุ้คแล้วดูหนัง ประมาณว่า ไม่ต้องมีใครมานั่งกับกุ โต๊ะกุไม่ว่าง ช่วงพักก็นั่งใส่หูฟังเปิดหนังดูในโน๊ตบุ๊ค บางทีเรียนไปก็ดูหนังไปอยู่หลังห้อง
จากที่ไม่ค่อยทำโจทย์และยกมือตอบอาจารย์ ผมก็นั่งทำ แล้วผมจบวิศวะIE พอเป็นการคำนวนด้านการอุตสาหกรรมผมนี่คิดลัดเอาเลย ก็เลยยกมือตอบคนแรกเกือบทุกครั้ง จริงๆ ผมทำได้อยู่แล้วแค่ไม่อยากตอบก็แค่นั้น ผมไม่อยู่ติวควิซกับเพื่อนหลังเลิกเรียนอีกเลย แต่กลับไปอ่านเอาเอง โดยให้เหตุผลพี่นัทพี่บอย ที่คอยชวนว่า "ผมถนัดอ่านคนเดียวมากกว่าอ่ะพี่" หลังจากนั้นประกาศคะแนนออกมา ผมก็ได้เกือบเต็ม "เลขที่ 26 ใครอ่ะ ควิซ 3 วิชา Max หมดเลย" เพื่อนที่ยืนดูบอร์ดพูดกัน "เหมือนปริ๊นซ์ป่ะ 26.... ปกติกลุ่มปริ้นซ์ก็คะแนนสูงนะ นี่ไงบอยก็เกือบMax" ก่อนที่ใครซักคนจะหันมาเห็นผมนี่ยืนเอามือถือซูมบอร์ดคะแนน (เพราะสายตาสั้น 555555) "อ้าวปริ๊นซ์....26 นี่ปริ้นซ์ป่ะ" "อืม ผมเอง" "หุย....แบบนี้มาติวให้คราวหน้าหน่อยสิ" "ผมอัฉริยะข้ามคืน ติวไม่ได้หรอกพี่" ผมพูดพร้อมหัวเราะ แล้วหันหลังเดินไปนั่งใส่หูฟังดูหนังต่อในห้องเรียน
อันนี้คือคะแนนจริง ตัดมา 10 คน แต่ภาพจางมาก ผมเลยมาพิมใหม่แบบนี้ครับ
พี่ยุทธเองก็รู้สึกได้ว่าผมแปลกไป จริงๆ พี่นัท พี่บอย พี่นนท์ก็ดูออกครับ ส่วนต้น....ผมบอกไอ่ต้นตอนขับรถไปส่งมันทีป้ายทางผ่านเลยว่า "ต้นว่าเพื่อนดูแปลก ๆกับเราป่ะ" "อืม เราก็รุ้สึก" "ต้นว่ามันเรื่องอะไรวะ เราว่าเราไม่ได้ทำอะไรผิด" "คนบางพวกเค้าไม่ชอบคนที่เป็นเป้าสายตา แต่ดู" "เออ เราไม่ใส่ใจวะ ก็แค่คน 50 คน....แคร์ทำไมวะ แต่เราแค่สงสัย" เราพูดกันถึงเหตุที่อาจจะเป็นไปได้นิดหน่อยครับ จนผมบอกกับต้นว่า .... ถ้าเหตุผลนี้นี่คือ Bullshit มาก 555555 แล้วเราก็จบประเด็นกันไปแบบงงๆ เพราะผมมีอาการหงุดหงิด ซึ่งต้นก็ไม่เคยเห็นผมหงุดหงิดเลยกลัวแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
เหตุการณ์ปัญญาอ่อนที่เกิดขึ้น ทำให้ผมต้องกลับมาตอบโต้ด้วยการเฟดตัวเองออกจากคนในคลาส ถึงจะมีเสียงบอกว่า "หยิ่ง" แต่เออ...เอาเป็นกุหยิ่งก็ได้!!!
ติดตาม EP สุดท้ายพร้อมบทสรุปได้ที่บล๊อกถัดไปนะครับ
Create Date : 22 สิงหาคม 2566 |
Last Update : 22 สิงหาคม 2566 17:06:53 น. |
|
22 comments
|
Counter : 729 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณกะว่าก๋า, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณnonnoiGiwGiw, คุณtanjira, คุณThe Kop Civil, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณRain_sk, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณ**mp5** |
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2566 เวลา:5:32:48 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 23 สิงหาคม 2566 เวลา:7:17:11 น. |
|
|
|
โดย: tanjira วันที่: 23 สิงหาคม 2566 เวลา:14:46:03 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 สิงหาคม 2566 เวลา:15:24:16 น. |
|
|
|
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 23 สิงหาคม 2566 เวลา:20:26:45 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 สิงหาคม 2566 เวลา:21:38:06 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 24 สิงหาคม 2566 เวลา:0:52:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 สิงหาคม 2566 เวลา:5:25:32 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 สิงหาคม 2566 เวลา:0:17:08 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 25 สิงหาคม 2566 เวลา:19:28:51 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 27 สิงหาคม 2566 เวลา:1:23:02 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 27 สิงหาคม 2566 เวลา:9:19:41 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 28 สิงหาคม 2566 เวลา:9:39:47 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
BlogGang Popular Award#20
|
|
|
พี่ก๋าว่าเรื่องราวเกิดขึ้นจาก "ความเข้าใจผิด" นี่ล่ะ
แต่ความเข้าใจผิดนี้มันโยงกันไปโยงกันมา
ที่สำคัญ คือ มีกองเชียร์ผสมโรงด้วย
เลยยิ่งแก้ยากเลย
แต่ชอบตอนที่เกรดออกนะ
เจ๋งดีครับ
นึกถึงนักบอลที่เก่งมากๆ
เพื่อนไม่ส่งบอลให้ กรูลากไปยิงเองเลย 555