เมื่อปลายมกรา ผมป่วยเป็นไข้สูงจากการติดเชื้อแบคทีเรียรอบที่ไปเที่ยวเชียงใหม่
1 สัปดาห์สำหรับอาการไข้ และอีก 3 สัปดาห์กับอาการหวัด
ทั้งน้ำมูก ปวดหัว ไอ และอาการหอบหืดที่ถือโอกาสกำเริบผสมโรง
แบบนั้นละครับ อยู่ 1 เดือนเต็ม และค่อยๆ ดีขึ้น
จนอาการหวัดหายไปตอน 1 เดือนครึ่ง ทิ้งไว้แต่อาการหอบและความดันโลหิตต่ำ
ช่วงนั้นต่ำจริงครับ 70 กว่าๆ ก็ส่งผลให้รู้สึกเพลียง่าย เวียนหัวง่าย
ส่วนเรื่องหอบ ยาคุมอาการได้ค่อยข้างดีแล้วครับ
แต่แม่งเหมือนย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเลย ที่ต้องกลับมาใช้ยาป้องกัน
และต้องพกยาพ่นขยายหลอดลมไปไหนต่อไหนด้วย
ผมไม่พกมันมา 3-4 ปีได้แล้วมั้ง ยกเว้นไปต่างประเทศ
จริงๆ ผมเคยหอบที่ต่างประเทศ เพราะว่าแพ้ละอองเกสรอะไรซักอย่าง
จากปลายมกรา มาถึงปลายเมษา 3 เดือนเต็มพอดี
แต่ผมยังไม่ปกติเลยเหอะ
ผมก้มตัวไม่ได้ เดินข้างนอกร้อนๆนี่ไม่ได้เลยครับ เวียนหัว หน้ามืด
แบบที่ความรู้สึกหายไปเลยนี่ 2 ครั้ง
และแบบหน้ามืด ใจสั่นต้องนั่งหายใจลึกๆนี่ เกิน 5 ครั้ง
บอกไว้ก่อนว่าผมไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน นี่ครั้งแรกใจชีวิต
ปกติผมเป็นคนแข็งแรงไม่เคยหน้ามืดเป็นลมมาทั้งชีวิต เลยรู้สึกว่าไม่ปกติครับ
ซึ่งมันกระทบต่อการใช้ชีวิต เพราะเดินออกไปกินข้าวเที่ยงไม่ไหว หน้ามืดเกือบร่วง
ไปเดินสวนทุเรียนที่ระยองก็หน้ามืด ต้องไปนั่งกินทุเรียนเพิ่งกลูโคล...เหอะๆ
ไปเกาะ เดินไปท่าเรือ...อันนี้เกมครับ วูบไปแบบได้แผลเป็นของแถม
เพื่อนบอกว่าดูไม่น่าปกติ ให้ไปตรวจร่างกายดู
อาจเป็นอะไรเกี่ยวกับหัวใจ หรือเส้นเลือดสมองก็ได้
เดี๋ยว! เมิงกำลังทำให้กุกลัว!
ผมไปหาหมอมาแล้วนะครับ
คุณหมอบอกว่าเกิดจากร่างกายอ่อนเพลียจากการเจ็บป่วยนาน
โดยที่พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็น่าจะจริง เพราะผมนอน 5-6 ชั่วโมงเป็นประจำ
ตั้งแต่ช่วงที่ป่วยแล้วครับ เพราะมีงานราช งานหลวง ต้องทำ
ตอนตรวจ ความดันผม 76/58 วัด 3 ครั้งบวกลบเล็กน้อย
สมองปกติ หัวใจปกติ (โล่ง...)
แนะนำให้พักผ่อนให้ได้ 8-9ชั่วโมง หรือ 10 ชั่วโมงถ้าทำได้สำหรับช่วงนี้
ดื่มน้ำมากๆ ให้ได้ 2 ลิตรต่อวัน อันนี้ผมทำได้ครับ ดื่มน้ำเยอะอยู่แล้ว
งดคาเฟอีน...นี่แหละปัญหา....ตอนนี้งดไม่ได้แต่ลดลงแทนครับ
งดแอลกอฮอล์...พอ...ได้ครับ ยังไม่วันศุกร์ก็ยังได้อยู่ เหอะๆ
และออกกำลังกายแบบคาดิโอ
ปกติก่อนหน้านี้ผมเข้ายิม 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์อยู่แล้ว หลัก ๆ คือวิ่งลู่วิ่ง ปั่นจักรยาน และเวท
จนพอป่วยเลยหยุดไปเลยครับ พยายามจะเริ่มกลับมาวิ่งอีก
แต่ติดเรื่องหอบ ที่พอผมวิ่งคุม heart rate ช่วง 140 ซัก 10 นาที ก็จะเริ่มมีอาการ
ถ้าไม่พ่นยาก่อน ซึ่งปกติผมวิ่งคุม HR140-150 ประมาณ 30-45 นาทีสม่ำเสมอ
งานนี้คุณหมอแนะนำว่าต้องค่อยเป็นค่อยไป เริ่มจากการเดินเร็ว
แบบเร็วจริงๆ เหมือนเวลาจะเข้างานสาย...(ชัดเจน...กุเห็นภาพเลย)
เพราะถ้าออกกำลังกายหนักตอนนี้ ผลคือ
หนึ่ง...เส้นเลือดจะขยายตัว เลือดกลับเข้าหัวใจได้น้อยก็ทำให้หน้ามืดวูบได้
สอง...ตอนนี้หลอดลมยังไวต่อสิ่งกระตุ้น ต้องให้ค่อยๆ ปรับตัวและกลับมาขยาย/หดตัวตามปกติ
หลังจากนั่นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้นช้าๆ โดยต้องพ่นยาก่อนทุกครั้ง (ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยต้องพ่นนะ!)
เมื่อวานฟังคุณหมอเสร็จ ผมนี่กลับไป....เล่นเกมส์! ถุยยยยยยยย
วันนี้ผมจะเริ่มไปยิมทำตามที่คุณหมอว่าครับ
เป็นกำลังใจให้ผม recover ด้วยนะครับ
เจอกันครับ
เปิดจากบล็อกหลังถอยขึ้นมาหน้า
ส่งกำลังใจค่ะ
ต้องหยุดเล่นเกมส์ด้วย
ตามันจ้องที่จอ
ทำให้เกิดความตึงเครียด(ที่มาจากการมุ่งมั่นอยากเอาชนะ)
ที่กระทรวงฯเมื่อบ่ายวันศุกร์ เพื่อนพี่อ้อแวะมาหา
คนที่เตะบอลกันแล้วขวางเธอจนลื่นล้มข้อมือแตก
ก็จะมาหาที่พักสายตานอน ก่อนสอบสัมภ่ษณ์ C 10
เธอบอกเพิ่งรู้สึกเหมือนปิดสวิทซ์ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
มันมืดไปหมด..
พี่อ้อบอกมันแย่นะ เสาร์-อาทิตย์นี่
หากเป็นได้
ต้องนอนยาว นอนชดเชย
(พี่อ้อก็เคยนอนชดเชย 2 วัน ติด
แม่ปลุกมากินข้าว แล้วนอนๆๆๆต่อ)
เป็นกำลังใจให้ค่ะ