ถนนสายนี้มีตะพาบ หลักกิโลเมตรที่ 250 : สภาวะฉุกเฉิน โจทย์นี้เป็นของคุณต่อ toor36 ขออนุญาตทักทายก่อนครับ หายหน้าไปนาน เริ่มจากงานเยอะ และป่วยไปทัวร์ รพ มา 2 รอบติดๆ แต่ไม่ต้องห่วงครับ....ผมไม่ได้เป็นโควิด-19 ^^ ถึงแม้จะถูกวัดไข้มันทุก 2-3 ชั่วโมง แทบไม่ได้หลับไม่ได้นอนก็ตาม 55555
ตอนนี้โอเคขึ้นแล้วครับ กลับมาใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่ที่บ้าน และได้ Work from home จนถึงสิ้นเดือนนี้
เอาละเข้าเรื่องเลย หวังว่ายังไม่ช้าไปนะครับ
สภาวะฉุกเฉินที่ระทึกที่สุดในชีวิตผม อาจเป็นเรื่องปกติของหลายคน หรือในตอนนั้นไม่ได้รู้สึกตกใจอะไร แต่สำหรับผมตอนนั้นน่ะ....โคตรตื่นเต้น โคตรตกใจ เพราะตอนนั้นผมยังเด็กน่ะนะ ทั้งๆ ที่คิดว่าเราโตแล้วก็ตาม เหตุการณ์นั้นก็คือ.... “เคอร์ฟิวส์ปี 53” ใช่ครับ แต่วันนี้จะไม่มีเรื่องการเมืองครับ เราแค่เรื่องที่ตัวเองรู้สึกว่าตื่นเต้นอย่างเดียว ซึ่งจริงๆ ผมจำไม่ได้แล้วครับว่า เหตุการณ์วันนั้นมันเกิดจากเรื่องการเมืองอะไร แต่เหมือนช่วงนั้นเหตุการณ์ทางการเมืองจะรุนแรงมาก มีระเบิดมีคนตายอะไรแบบนั้น จนอยู่ๆ มีการประกาศเคอร์ฟิวส์เกิดขึ้น ตอนนั้น....ผมอยู่ ม.ปลาย ตอนนั้นจำได้ว่าอยู่แถวสยาม ช่วงบ่าย ที่บ้านก็โทรมาบอกว่า กลับได้รีบกลับนะ จะมีการเคอร์ฟิวส์คืนนี้ ตอนนั้นผมรู้นะว่าเคอร์ฟิวส์หมายความว่าอะไร แต่ไม่รู้ว่าบรรยากาศมันควรเป็นแบบไหน ก็ใจเย็นครับ ไม่ตื่นเต้น เพราะกองก็ยังทำงานกันปกติ แต่เห็นมีพูด ๆ กันบ้าง จนเวลาประมาณ บ่าย2 มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งวิ่งเข้ามาบอกว่าผู้บริหารบอกว่าให้เลิกกองกลับให้หมด เนื่องจากจะมีประกาศเคอร์ฟิวส์ เดี๋ยวจะไม่มีรถกลับบ้าน บรรยากาศตรงนั้นแหละครับที่น่าตกใจ เพราะทุกคนดูรีบร้อนมาก และมีเจ้าหน้าที่มาเร่งไล่เด็ก ๆ ให้ออกพื้นที่ และส่งไปที่ถนนให้เร็วที่สุด แค่มาส่งจริงๆ แล้วพี่ๆ เค้าก็วิ่งกลับไปเก็บของกันต่อ เหลือเด็กที่ไปด้วยกัน ยืนงงๆ อยู่ว่าต้องทำอะไรต่อดี เหตุการณ์ตรงหน้าที่เจอคือ.... ถนนโล่งมากครับ แท็กซี่หมดมีคนยืนรออีกเยอะมาก รถเมลล์แน่นจนไม่จอดรับคนเพิ่ม ตอนนั้น คิดอะไรไม่ออกครับ เลยคิดว่า เอาวะ! ต้องออกจากกลางใจเมืองให้ได้ซะก่อน เลยรีบไปที่ BTS ซึ่งคนข้างในเยอะมากๆ และกำลังจะมีการรูดประตูปิดไม่ให้คนเข้าเพิ่ม
ดีนะ...เรื่องวิ่งไว ไว้ใจไอ่ปริ๊นซ์....ผมวิ่งทัน และเข้ามาใน BTS ทันเวลา ก่อนจะนึกได้ว่า..... “ชิบหายแล้ว!!! พี่ปาล์มอยู่ไหน” ใช่ครับ....พี่สาวผมไปเที่ยวอยู่ที่ไหนซักที่ พอหยิบโทรศัพท์มาจะโทรหาพี่สาว ก็เห็น Missed call เค้าเยอะมาก แต่ตอนนั้นผมคงวิ่งๆ อยู่เลยไม่รู้สึก ผมก็โทรศัพท์ไปไหลเข้ารถไฟฟ้าไป ปรากฏว่า พี่ปาล์มที่ติดต่อผมไม่ได้ กำลังอยู่บนรถไฟฟ้าอีกขบวนที่กำลังมาสยาม เพราะรู้ว่าผมอยู่สยามแน่ๆ และคิดว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หรือกลับออกมาไม่ได้ ผมตัดสินใจลงที่เสาวรีย์ และรอเจอพี่ที่จะลงมาหาเพื่อกลับพร้อมกัน เหมือนฉากในหนังเลยครับ คนเดินเร็วๆๆ สวนไปสวนมาเยอะมากๆ ผมถือโทรศัพท์ แล้วเดินสวนคนตามหาพี่ คือแค่คนละฝั่งสถานี แต่กว่าจะหากันเจอนานมาก คนที่เจอก่อนคือพี่ปาล์มครับ คือเดินมาคว้าแขนแล้วกึ่งลากกึ่งผลักให้กลับไปขึ้นรถไฟฟ้า ตอนนั้นคือพี่บ่นครับว่า ผมอ่ะยืนไม่เฉย คราวหน้าถ้าคนเยอะ หลงกันให้ยืนเฉยๆ อันนี้จริงครับ.....ไอ่ผมก็ตกใจ เดินไปเดินมา คือจะตามหาพี่ไอ่ทางพี่ก็มาจากอีกฝั่งมาตามหาผม ถ้าไม่มีใครยืนนิ่งๆ คนเยอะขนาดนั้นหาไม่เจอครับ พอเจอกัน ขึ้นรถไฟฟ้าได้ ก็โทรบอกที่บ้านว่าเจอกันแล้ว เราลงที่สถานีหมอชิต ตอนนี้คิดว่ารอดแล้ว...แต่.... เหมือนเดิมครับ....ถนนโล่ง แบบแทบไม่มีรถ รถเมลล์ก็ยังวิ่งผ่านไปและผ่านไปไม่เจอ แท็กซี่ ไม่มีซักคัน รถตู้ก็ไม่มี คนติดค้างอยู่จตุรัสเยอะมากๆ จนเราไม่มีหวังว่าจะได้ขึ้นรถ เราคิดกันแล้วจะเดินไปถนนวิภาวดี เผื่อหารถกลับบ้านได้ ไกลมากนะน่ะ แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือก ยังไงก็ต้องเดิน และเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เดินไม่ทันถึง......ฝนตก....ตกหนักมากกกกกก จากเดินต้องวิ่ง แล้วไปหลบที่ศาลารอรถ.......น้ำท่วมอี๊ก!!!! จำได้ว่ารองเท้าผ้าใบนี่พังครับ แต่ไม่แย่แมลงสาปแม่งขึ้นจากท่อออกมาไต่ตามเสา แล้วฝนก็เป็นใจสาดแบบ Super surround ผมว่าอยู่ในศาลากับยืนกลางถนนก็เปียกพอกันน่ะ จำได้ว่าทั้งผมทั้งพี่สาวยืนหนีน้ำมันอยู่บนที่นั่ง เหมือนคนอีกเป็นสิบ อยู่ๆ พี่ผมก็จูงให้ขึ้นสะพานลอยไปอยู่ใต้ทางด่วน ตรงนั้นดีตรงที่ฝนไม่สาด แต่เราได้แต่ยืนมองรถเมลล์ผ่านไปผ่านมา ไม่มีโอกาสขึ้นแน่ๆ จนฝนหยุดตก เราถึงลงมายืนรอรถเมลล์อีกรอบ รถแทบไม่จอดเลย จนมีรถ 510 หรือ 29 ซักอย่างที่จะเข้า มธ ผ่านมา คงเห็นพี่สาวผมใส่เสื้อเชียร์ มธ. เค้าเลยจอดรับ ทั้งๆ ที่แน่นมากแล้ว คงคิดว่าจะกลับเข้ามหาลัย เราเลยได้ขึ้นรถครับ และมาลงใกล้ๆ บ้านให้พ่อมารับได้ จำได้รถแน่นมากๆ เรียกว่าเรายืนกันอยู่บนบันไดขั้นสุดท้ายของรถเลยครับ พี่ดันผมเข้ามาติดกระจกรถด้านใน บอกว่าจะได้ไม่หนาว ส่วนผมก็ยืนเกาะแขนพี่ติดหนึบ กลัวประตูเปิดแล้วเค้าร่วงไป คิดว่าเหตุการณ์วันนั้น ถ้าพี่ไม่อยู่ด้วย เราจะทำยังไงว่ะเนี้ย คงจะเครียด คงจะตกใจน่าดู ไอ่กลับคงกลับมาได้อยู่หรอก แต่ตอนนั้นน่าจะเพราะอยู่กัน 2 คน ต่างคนต่างเลยไม่กลัวเท่าไหร่ คิดดูว่า ถ้าหากันไม่เจอคงจะปวดหัวมากกว่านี้อีก กลับมาวันนั้น วันรุ่งขึ้นนี่ หวัดกินไข้ขึ้นกันทั้งคู่นั้นแหละครับสภาวะฉุกเฉินของผม ต้องกลับบ้านอย่างฉุกเฉิน กลับแบบแทบไม่มีอะไรปกติเลย เอาจริงๆ เลยครับ บรรยากาศตอนนั้น ผมไม่เคยเจอมาก่อน โคตรน่าตกใจครับ แถมตอนนั้น รู้สึกว่า ตัวเองแม่งเด็กมาก สับสนงงงวงมาก ๆ หลังจากนั้นก็น้ำท่วมปี 54 ครับ รอบนี้เหมือนโตขึ้นมา 1 ปี และจากไอ่เหตุการณ์เคอร์ฟิวส์นั่นแหละครับ ที่ทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย ถ้าเกิดเหตุอะไรขึ้นอีก เราต้องมีสติให้มากกว่านี้นะ
คราวนั้นก็ฉุกเฉินครับ เพราะหมู่บ้านผมที่สู้กับน้ำรอบบริเวณยืนระยะมาซักพัก เกิดเอาไม่อยู่....เขื่อนแตกขึ้นมา น้ำทะลักเข้ามาเรื่อยๆ ไวมาก หมู่บ้านประกาศให้ออกจากพื้นที่เพราะถ้าไม่ออก จะออกไม่ได้อีก เพราะคาดว่าน้ำจะท่วมถนนในหมู่บ้านมากกว่า 1 เมตร วันนั้นขนของจำเป็นขึ้นชั้น 2 อย่างไว โชคดีที่รถที่บ้านเอาไปไว้ ตจว หมดแล้ว คราวนี้ผมมีสติขึ้นเยอะ ทำอะไรได้เยอะขึ้น วางแผนอะไรได้เยอะขึ้น มากพอที่จะสับคัตเอ้าท์ไฟในบ้าน แล้วอยู่เก็บของ ปิดบ้านเป็นคนสุดท้าย ให้แฟนพี่สาวพาพ่อแม่พี่ออกจากหมู่บ้านไปก่อน แล้วค่อยกลับมารับผม เพราะตอนนั้น ถ้าไม่ออก รถอาจจะเข้ามาอีกไม่ได้แล้ว ผมก็เสี่ยงเอา บอกไว้แล้วว่า ถ้าเข้าไม่ได้ก็ไปเจอกันบ้านยายเลย ผมจะหาวิธีออกไปเอง แต่แฟนพี่สาวก็พยายามเข้ามารับผมจนได้ โดยที่รถแทบจะวิ่งอีกไม่ได้แล้วครับ ถ้าเป็นตอนนี้...เรื่องงี้ไม่เกิดแน่นอนครับ เพราะ.....ผมวิ่งไวกว่าเดิม 555555 คิดไวกว่าเดิม แพนิคกว่าเดิม ตอนนี้สถานะการณ์ฉุกเฉินโควิค-19 อุปกรณ์ก็ครบมือมาก เงินแก้ปัญหาได้เกือบทุกอย่าง มีอยู่อย่างที่แก้ไม่ได้คือ.....คราวซวย เท่านั้นเองครับ เหอะๆๆปล. อยู่บ้านอาจจะได้อัพไม่บ่อยครับ แม่บ่น... ปล2. ขอบคุณทุกคอมเม้นก่อนหน้านี้นะครับ ผมไม่ได้ตอบเลย T_T
Create Date : 10 เมษายน 2563 |
Last Update : 10 เมษายน 2563 19:27:44 น. |
|
23 comments
|
Counter : 2666 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณnonnoiGiwGiw, คุณtuk-tuk@korat, คุณสองแผ่นดิน, คุณThe Kop Civil, คุณหอมกร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณnewyorknurse, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณเริงฤดีนะ, คุณSweet_pills, คุณกะว่าก๋า, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณ**mp5**, คุณtoor36, คุณสันตะวาใบข้าว |
โดย: หอมกร วันที่: 11 เมษายน 2563 เวลา:8:40:19 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:11:54:29 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:12:31:52 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:13:40:52 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:17:18:46 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 12 เมษายน 2563 เวลา:22:58:50 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 เมษายน 2563 เวลา:6:34:07 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 เมษายน 2563 เวลา:9:09:36 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 14 เมษายน 2563 เวลา:8:23:56 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ปล.ไอ้เรื่องแรก.. พี่จำไม่ได้ละ..
ว่าพี่อยู่ส่วนไหนของโลก555+
การมีพี่น้องมันอบอุ่นตรงนี้แหละ
เวลาลำบากไม่มีใครทิ้งกัน