Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2558
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 กรกฏาคม 2558
 
All Blogs
 

อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. อนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙

ภิกษุ ท.!
เราจักแสดงซึ่ง อนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ ประการ เหล่านี้.
เธอทั้งหลายจงฟัง.

ภิกษุ ท.! อนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ ประการนั้น เป็นอย่างไรเล่า ?

(๑) กามทั้งหลาย ย่อมดับไปในที่สุด,
และชนเหล่าใดยังกามทั้งหลายให้ดับไปๆในที่ใดแล้วแลอยู่;เรากล่าวว่าผู้มีอายุเหล่านั้น หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้ว ด้วยองค์นั้นๆในที่นั้น แน่แท้.

ถ้าผู้ใดจะพึงกล่าวถามอย่างนี้ว่า
"กามทั้งหลาย ดับไปในที่ไหน ? และชนเหล่าไหนยังกามทั้งหลายให้ดับไปๆในที่ไหนแล้วแลอยู่ ? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น" ดังนี้ไซร้;

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ! ภิกษุในกรณีนี้ สงัดแล้วจากกามและอกุศลธรรมทั้งหลายเข้าถึงปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดจากวิเวก แล้วแลอยู่.

กามทั้งหลายดับไปในปฐมฌานนั้น, และชนเหล่านั้นยังกามทั้งหลายให้ดับไปๆในปฐมฌานนั้น แล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใครๆ ที่ไม่เป็นผู้โอ้อวด ไม่เป็นผู้มีมายา พึงเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้; ครั้นเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำ สาธุ ดังนี้แล้วนอบน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหาโดยแน่แท้.


(๒) วิตกและวิจารทั้งหลาย ย่อมดับไปในที่ใด,
และชนเหล่าใดยังวิตกและวิจารทั้งหลาย ให้ดับไปๆในที่ใด แล้วแลอยู่ ; เรากล่าวว่า ผู้มีอายุ
เหล่านั้น หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้ว ด้วยองค์นั้น ๆ ในที่นั้น แน่แท้.

ถ้าผู้ใด จะพึงกล่าวถามอย่างนี้ว่า
"วิตกและวิจารทั้งหลาย ดับไปในที่ไหน? และชนเหล่าไหน ยัง วิตกและวิจารทั้งหลาย ให้ดับไปๆในที่ไหนแล้วแลอยู่? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น" ดังนี้ไซร้ ;

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะความที่วิตกและวิจารทั้งหลายระงับลง เข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน นำให้เกิดสมาธิมีอารมณ์อันเดียวไม่มีวิตกและวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่,

วิตกและวิจารทั้งหลาย ดับไปในทุติยฌาน นั้น, และชนเหล่านั้น ยังวิตกและวิจารทั้งหลายให้ดับไป ๆ ในทุติยฌานนั้นแล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใคร ๆ ที่ไม่เป็นผู้โอ้อวด ไม่เป็นผู้มีมายา พึงเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้; ครั้น
เพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้แล้ว นอบน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหาโดยแน่แท้.


(๓) ปีติ ย่อมดับไปในที่ใด,
และชนเหล่าใด ยังปีติให้ดับไปๆในที่ใดแล้วแลอยู่; เรากล่าว่าผู้มีอายุเหล่นั้น หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้วถึงฝั่งแล้ว ด้วยองค์นั้นๆในที่นั้นแน่แท้.

ถ้าผู้ใดจะพึงกล่าวถามอย่างนี้ว่า
"ปีติดับไปในที่ไหน ? และชนเหล่าไหนยังปีติให้ดับไป ๆ ใน ที่ไหนแล้วแลอยู่? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น" ดังนี้ไซร้;

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ อยู่อุเบกขา
มีสติและสัมปชัญญะ และเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าถึงตติยฌาน อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า 'ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข' ดังนี้แล้วแลอยู่.

ปีติดับไปในตติยฌาน นั้น, และชนเหล่านั้น ยังปีติ ให้ดับไป ๆ ในตติยฌานนั้นแล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใคร ๆ ที่ไม่เป็นผู้โอ้อวดไม่เป็น ผู้มีมายา พึงเพลิดเพลิน อนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้ ; ค รั้นเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้แล้ว นอบน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหา โดยแน่แท้.


(๔) อุเบกขา สขย่อมดับไปในที่สุด ,
และชนเหล่าใดยังอุเบกขาสุขให้ดับไป ๆ ในที่ใดแล้วแลอยู่; เรากล่าวว่า ผู้มีอายุเหล่านั้น
หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้วด้วยองค์นั้นๆ ในที่นั้นแน่แท้.

ถ้าผู้ใดจะพึงกล่าวถามอย่างนี้ว่า
"อุเบกขาสุขดับไปในที่ไหน? และชนเหล่าไหนยังอุเบกขาสุขให้ดับไปๆในที่ไหนแล้วแลอยู่? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น" ดังนี้ไซร้,

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ! ภิกษุในกรณีนี้ เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับหายไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อนเข้าถึงจตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขาแล้วแลอยู่.

อุเบกขาสุขดับไปในจตุตถฌานนั้น, และชนเหล่านั้นยังอุเบกขาสุขให้ดับไปๆในจตุตถฌานนั้นแล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใคร ๆ ที่ไม่เป็นผู้โอ้อวด ไม่เป็นผู้มีมายา พึงเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำ ว่าสาธุ ดังนี้; ครั้นเพ ลิดเพ ลินอนุโมทนาด้วยคำ ว่า สาธุ ดังนี้แล้วนอบน้อมอยู่จะประคองอัญชลีเข้าไปหา โดยแน่แท้.


(๕) รูปสัญญาทั้งหลาย ย่อมดับไปในที่ใด,
และชนเหล่าใด ยังรูปสัญญาทั้งหลาย ให้ดับไป ๆ ในที่ใด แล้วแลอยู่ ; เรากล่าวว่าผู้มีอายุเหล่านั้นหายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้วด้วยองค์นั้นๆในที่นั้นแน่แท้.

ถ้าผู้ใดจะพึงกล่าวถามอย่างนี้ว่า
"รูปสัญญาทั้งหลายดับไปที่ไหน ? และชนเหล่าไหน ยัง รูปสัญญาทั้งหลาย ให้ดับไปๆในที่ไหนแล้วแลอยู่? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้นไม่เห็นข้อนั้น " ดังนี้ไซร้,

คำตอบพีงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ!ภิกษุในกรณีนี้ เพราะการก้าวล่วงเสียซึ่งรูปสัญญาทั้งหลายโดยประการทั้งปวง เพราะความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งปฏิฆสัญญาทั้งหลาย เพราะไม่ได้ทำไว้ในใจซึ่งความกำหนดหมายในภาวะต่าง ๆ จึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า 'อากาศไม่มีที่สุด'แล้วแลอยู่.

รูปสัญญาทั้งหลาย ดับไปในอากาสานัญจายตนะ นั้น, และชนเหล่านั้นยังรูปสัญญาทั้งหลาย ให้ดับไปๆในอากาสานัญจายตนะนั้นแล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใครๆที่ไม่เป็นผู้โอ้อวด ไม่เป็นผู้มีมายา พึงเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้; ครั้นเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุดังนี้แล้ว นอบน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหา โดยแน่แท้.


(๖) อากาสานัญจายตนสัญญา ย่อมดับไปในที่ใด,
และชนเหล่าใดยัง อากาสานัญจายตนสัญญา ให้ดับไปๆในที่ใดแล้วแลอยู่ ; เรากล่าวว่าผู้มีอายุเหล่านั้น หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้ว ด้วยองค์นั้นๆในที่นั้นแน่แท้.

ถ้าผู้ใด จะพึงกล่าวถามอย่างนี้ ว่า "อากาสานัญจายตนสัญญา ดับไปในที่ไหน? และชนเหล่าไหนยัง อากาสานัญจายตนสัญญา ให้ดับไป ๆ ในที่ใดแล้วแลอยู่? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น" ดังนี้ไซร้;

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ! ภิกษุในกรณีนี้ ก้าวล่วงเสียซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงวิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า 'วิญญาณไม่มีที่สุด' แล้วแลอยู่.

อากาสานัญจายตนสัญญาดับไปในวิญญาณัญจายตนะนั้น,และชนเหล่านั้น ยังอากาสานัญจายตนสัญญา ให้ดับไปๆในวิญญาณัญจายตนะนั้นแล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใครๆที่ไม่เป็นผู้โอ้อวด ไม่เป็นผู้มีมายา พึงเพลิดเพลิน อนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้; ครั้นเพ ลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้แล้ว นอนน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหาโดยแน่แท้.


(๗) วิญญาณัญจายตนสัญญา ย่อมดับไปในที่ใด,
และชนเหล่าใดยัง วิญญาณัญจายตนสัญญาให้ดับไป ๆ ในที่ใดแล้วแลอยู่; เรากล่าวว่า ผู้มี
อายุเหล่านั้น หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้ว ด้วยองค์นั้น ๆ ในที่นั้นแน่แท้.

ถ้าผู้ใด จะพึงกล่าวถามอย่างนี้ ว่า "วิญญาณัญจายตนสัญญา ดับไปในที่ไหน ? และชนเหล่าไหนยัง วิญญาณัญจายตนสัญญา ให้ดับไป ๆ ในที่ใดแล้วแลอยู่ ? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น " ดังนี้ไซร้;

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ! ภิกษุในกรณีนี้ ก้าวล่วงเสียซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า 'อะไร ๆ ไม่มี'แล้วแลอยู่,

วิญญาณัญจายตนสัญญา ดับไปในอากิญจัญญายตนะนั้นและชนเหล่านั้น ยังวิญญาณัญจายตนสัญยาให้ดับไป ๆ ในอากิญจัญญายตนะ นั้นแล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใคร ๆ ที่ไม่เป็นผู้โอ้อวดไม่เป็นผู้มีมายา พีงเพลิดเพลิน อนโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้; ครั้น เพลิดเพลินอนุโมทนา ด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้แล้ว นอบน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหา
โดยแน่แท้.


(๘) อากิญจัญญายตนสัญญา ย่อมดับไปในที่ใด,
และชนเหล่าใดยัง อากิญจัญญายตนสัญญา ให้ดับไป ๆ ในที่ใด แล้วแลอยู่; เรากล่าวว่า ผู้มี
อายุเหล่านั้น หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้วด้วยองค์นั้น ๆ ในที่นั้นแน่แท้.

ถ้าผู้ใด จะพึงกล่าวถามอย่างนี้ว่า "อากิญจัญญายตนสัญญา ดับไปในที่ไหน ? และชนเหล่าไหนยังอาญจัญญายตนสัญญา ให้ดับไป ๆ ในที่ใดแล้วแลอยู่ ? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น" ดังนี้ไซร้;

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ ! ภิกษุในกรณีนี้ ก้าวล่วงเสียซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะแล้วแลอยู่.

อากิญจัญญายตนสัญญาดับไปในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น, และชนเหล่านั้นยังอาญจัญญายตนสัญญาให้ดับไปๆในเนวสัญญานาสัญญายตนะนั้น แล้วแลอยู่"ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใคร ๆ ที่ไม่เป็นผู้โอ้อวด ไม่เป็นผู้มีมายา พึงเพลิดเพลิน อนุโมทนาด้วยคำ ว่า สาธุ ดังนี้ ; ครั้นเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุดังนี้แล้ว นอบน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหา โดยแน่แท้.


(๙) เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา ย่อมดับไปในที่ใด
และชนเหล่าใดยังเนวสัญญานาสัญญายตนสัญญาให้ดับไป ๆ ในที่ใด แล้วแลอยู่; เรากล่าวว่า ผู้มีอายุเหล่านั้น หายหิว ดับเย็น ข้ามแล้ว ถึงฝั่งแล้ว ด้วยองค์นั้นๆในที่นั้นแน่แท้.

ถ้าผู้ใด จะพึงกล่าถามอย่างนี้ว่า
"เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา ดับไปในที่ไหน? และชนเหล่าไหนยัง เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา ให้ดับไปๆในที่ใดแล้วแลอยู่? ข้าพเจ้าไม่รู้ข้อนั้น ไม่เห็นข้อนั้น" ดังนี้ไซร้;

คำตอบพึงมีแก่เขาว่า
"ผู้มีอายุ! ภิกษุในกรณีนี้ก้าวล่วงเสียซึ่งเนวสัญญานาสัญญายนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่,

เนวสัญญานาสัญญายตนสัญญา ดับไปในสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น, และชนเหล่านั้น ยังเนวสัญญานาสัญญายตนสัญญาให้ดับไป ๆในสัญญาเวทยิตนิโรธนั้น แล้วแลอยู่" ดังนี้.

ภิกษุ ท.!
ใคร ๆ ที่ไม่เป็นผู้โอ้อวด ไม่เป็นผู้มีมายา พึงเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้;
ครั้นเพลิดเพลินอนุโมทนาด้วยคำว่า สาธุ ดังนี้แล้ว นอบน้อมอยู่ จะประคองอัญชลีเข้าไปหา โดยแน่แท้.

ภิกษุ ท.!
เหล่านี้แล อนุปุพพวิหารสมาบัติ ๙ ประการ.
.
.
.
นวก. อํ. ๒๓/๔๒๔/๒๓๗.




 

Create Date : 02 กรกฎาคม 2558
0 comments
Last Update : 2 กรกฎาคม 2558 7:42:40 น.
Counter : 1133 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สดายุ...
Location :
France

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 151 คน [?]









O ใช่แน่หรือ ? .. O






O หรือธรรมชาติผ่านเวียน .. คอยเปลี่ยนโลก ?
ทั้งสุขโศกเร่งรุดยากหยุดไหว
หรือกำหนดยุดยื้อจากมือใด
จัดการให้แปลกแยกได้แทรกตัว
O หรือพบกันครั้งแรก, ความแตกต่าง
ถูกบ่มสร้างเหมาะควรอย่างถ้วนทั่ว
แต่ตา-รูป .. สบกัน, ที่สั่นรัว-
แรกที่หัวใจคน .. เริ่มอลเวง
O ละห้อยเห็นในยามห่างนามรูป
แต่ละวูบเนรมิตคอยพิศเพ่ง
งามทุกงามจารจรดเยี่ยงบทเพลง
พร้องบรรเลงด้วยมือช่วยยื้อยุด
O ย่อมเป็นมือสร้างเหตุแทรกเจตนา
ผ่านรูปหน้าอำนวยเข้าฉวยฉุด
ร้างไร้ความกริ่งเกรง, หากเร่งรุด
แทรกลงสุดหัวใจเพื่อไขว่คว้า
O แน่นอนว่ายากเว้น .. อยากเห็นรูป
และชั่ววูบวาบเดียวที่เหลียวหา
หวังทุกหอมรินไหลผ่านไปมา
ทั้งหางตาที่ชม้อยเหลือบคอยปราย
O โลกย่อมงามพร่างแพร้วเมื่อแผ้วผ่าน
ด้วยอ่อนหวานอ่อนโยนที่โชนฉาย
แม้นมิอาจโยกคลอนให้ผ่อนคลาย
ก็อย่าหมายโยกคลอนให้ผ่อนลง
O จะกี่ครั้งกี่ครา, ความอาวรณ์
เวียนรอบตอนจับจูงจนสูงส่ง
ด้วยรูปนามเทียบถวัลย์อย่างบรรจง
แตะแต้มลงผ่านจริตจนติดตรึง
O ความรู้สึกในอกย่อมยกตัว
หวานถ้วนทั่ว, รสประทิ่น, ถวิลถึง
เหมือนรุมล้อมหยอดย้ำลงคำนึง
ให้เสพซึ้งรสงามของ .. ความรัก
O วัฏฏจักรแห่งธรรม .. ย่อมย่ำผ่าน
เข้าขัด-คาน จับจูงความสูงศักดิ์
ของอาวรณ์หลบเร้น เพื่อเว้นวรรค
ที่เข้าทักทายทั่วทั้งหัวใจ
O หรือแท้จริงตัวตนถูกค้นพบ
การบรรจบ .. รูป-จริต แล้วพิสมัย
ปรารมภ์ของฝั่งฝ่าย .. นั้น-ฝ่ายใด
เพิ่งยอมให้เรื่องเฉลย .. ยอมเผยความ ?



Friends' blogs
[Add สดายุ...'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.