|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
คุณพีรพงศ์ เพิ่มแสงงาม

ทำบล๊อคเชียร์หนุ่มต่างชาติมาหลายบล๊อคแล้ว งวดนี้มาปลื้มหนุ่มไทยมั่ง คนนี้ถึงจะหล่อไม่เท่าพี่ชายแต่เท่สุด ๆ แล้วความสามารถเพียบจนน่าทึ่ง  เมื่อสักเดือนมานี้ได้ดูรายการสุริวิภาแล้วชอบมาก คุณแหม่มสัมภาษณ์ "คุณพีรพงศ์ เพิ่มแสงงาม" เป็นนายตำรวจสหรัฐมาเกือบยี่สิบปีแล้ว เก่งกาจขนาดได้เป็นครูสอนศิลปะการป้องกันตัวและยุทธวิธีการต่อสู้ให้ตำรวจแอลเอพีดี (LAPD) และนำมวยไทยเข้าไปในหลักสูตรการสอนด้วย ช่วงนี้คุณพีทกลับมาพักผ่อนที่เมืองไทย แล้วรับหน้าที่เป็นครูสอนให้ตำรวจไทยในโครการ "สายตรวต ปะ ฉะ ดะ" ของกองบัญชาการนครบาล ๑ อยากให้เมืองไทยมีตำรวจแบบคุณพีทเยอะ ๆ ชาวบ้านคงอุ่นใจได้อย่างแท้จริง(ซะที)
คลิปรายการตอน ๑ hiptv.mcot.net คลิปรายการตอน ๒ hiptv.mcot.net
หาคลิปมาให้ดูแล้วก็มีบทสัมภาษณ์มาให้อ่านด้วย คุณพีทให้สัมภาษณ์รายการทีวีของอเมริกา "S.O.S.: Stories of Success" ฉายทางช่อง 1 IPtv News ทุกวันเสาร์ เวลา ๑๕.oo น. ถึง ๑๗.๓o น. แปซิฟิคไทม์ รับชมซ้ำวันอาทิตย์ เวลา ๑๕.oo น. ทางช่อง 1 IPtv News วันอังคาร เวลา ๘.oo น. วันพฤหัสบดี เวลา ๑๗.๓o น. แปซิฟิคไทม์ทางช่อง 4 IPtv Music & Shopping และยังสามารถชมรายการย้อนหลังได้ทางเว็บไซต์ thaitownusa.com หรือ thaitv.tv

นายตำรวจเชื้อสายไทยที่ก้าวเข้าไปทำงานในกรมตำรวจลอสแอนเจลิส หรือ Los Angeles Police Department เขาคนนี้เป็นตัวแทนความภาคภูมิใจและเป็นแบบอย่างที่ดีเยี่ยมสำหรับทั้งคนไทย คนเอเชีย รวมถึงบรรดานายตำรวจอเมริกันทั้งหลาย ทั้งในด้านความสามารถเฉพาะตัว ตลอดไปจนถึงความรักและมุ่งมั่นต่ออาชีพและการอุทิศตนในการปฏิบัติหน้าที่ คุ้มครองปกป้องช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง
 
คุณพีทเล่าให้เราฟังว่า ชอบและสนใจเรื่องของการต่อสู้มาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ผมว่าผู้ชายทุกคน ตั้งแต่เล็กต้องมีสัญชาตญาณการต่อสู้อยู่ในตัว ตั้งแต่เล็กผมชอบความท้าทาย ชอบการต่อสู้ คุณพีทกล่าว
คุณพีทถูกส่งไปอยู่โรงเรียนประจำตั้งแต่อายุประมาณ ๙ ปี การใช้ชีวิตด้วยตัวเองในโรงเรียนประจำทำให้คุณพีทเติบโตมาอย่างเป็นลูกผู้ชาย มีความรับผิดชอบมีระเบียบวินัย หลังจากที่คุณพีทจบไฮสคูลจากประเทศอินเดียก็ได้มาศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัย CAL state ทางด้านบิสิเนส มาร์เก็ตติ้ง ที่สหรัฐอเมริกา หลังจากเรียนจบก็ได้มาช่วยงานคุณพ่อคุณแม่ เพราะครอบครัวมีธุรกิจของตนเอง แต่ด้วยความที่เป็นคนชอบบู๊และไม่ชอบงานนั่งโต๊ะ จึงสมัครเข้าเป็นตำรวจ ที่ Redland อยู่ที่นั่นเป็นเวลา ๘ เดือน จึงสมัครเข้ามาเป็นตำรวจที่แอลเอพีดี และทำงานเป็นตำรวจของแอลเอพีดีมาจวบจนทุกวันนี้
 
ก่อนที่จะผ่านการสอบเพื่อจะเข้ามาเป็นตำรวจของที่นี่ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีคุณสมบัติหลายอย่างตามที่ทางกรมฯกำหนดเอาไว้เช่น จะต้องอายุ ๒๑ ปี และต้องเป็นอเมริกันซิติเซ่น ส่วนการสอบนั้นมี ๔ ขั้นคือ การสอบข้อเขียน สอบสัมภาษณ์ สอบประวัติ และตรวจร่างกาย
คุณพีทบอกว่าขั้นของการสัมภาษณ์จะสำคัญที่สุด เพราะเขาจะดูว่าเรามีไหวพริบปฏิภาณ มีคอมมอนเซนส์ไหม ซึ่งคุณพีทผ่านการสอบสัมภาษณ์มาด้วยคะแนนที่สูงมาก คือได้คะแนนสูงถึง ๙๘ คะแนน โดยตอนสอบสัมภาษณ์นั้นมีคณะกรรมการ ๓ คน เป็นตำรวจ ๒ คน เป็นนักจิตวิทยา ๑ คน
 
ข้อที่ผมได้คะแนนสูงก็คือ เขาถามผมว่า Why do you want to be a police officer? เราก็เตรียมตัวมาเพราะรู้ว่าเขาต้องถามคำถามนี้อยู่แล้ว เหมือนเราไปสมัครงานเขาก็ต้องถามว่าทำไมเราอยากมาเป็น ผมก็คิดว่าฝรั่งสมัครกัน ๑oo คน เขาต้องพูดเหมือนกันหมดว่าอยากจะช่วยสังคม อยากช่วยประชาชน ผมคิดว่าเราเป็นคนไทยเราต้องตอบให้เหนือเขาหน่อย เราตอบเหมือนเขาเราเทียบเขาไม่ได้ เพราะนั่นประเทศเขา...ผมบอกพวกเขาว่า "ตอนเด็ก ๆ ผมโตที่เมืองไทย ตอนอยู่เมืองไทยผมเห็นตำรวจอเมริกันในหนังแล้วประทับใจภาพพจน์ของตำรวจอเมริกันมาก นอกจากบู๊ต่อสู้แล้ว ผมชอบความซื่อสัตย์ ชอบเครื่องแบบของตำรวจ...ผมก็มองหน้ากรรมการทั้ง ๓ คน บอกว่าอนาคตของผมในแอลเอพีดีอยู่ในมือคุณทุกคน ถ้าคุณรับผมมาเป็นตำรวจแอลเอพีดี ผมจะเป็นตำรวจที่เก่งที่สุดที่คุณจะต้องภูมิใจผมในอนาคต

คุณ พีทได้ผ่านประสบการณ์มากมายของชีวิตการเป็นตำรวจแอลเอพีดี ผ่านเหตุการณ์ตื่นเต้นเฉียดตาย เหตุการณ์เศร้าสลดใจมาก็มาก เราถามคุณพีทว่าท้อบ้างไหมคุณพีทตอบกับเราว่า
ถ้าถามว่าผมเคยท้อไหม ก็ต้องตอบว่าเคย เพราะด้วยความที่ผมเป็นคนไทย สมัย ๑๙ - ๒o ปีก่อน ตำรวจฝรั่งบางคนก็เหยียดผิวบ้าง ดูถูกเราบ้าง ทำให้เราท้อบ้างนิดหน่อย สำหรับอาชีพตำรวจก็มีประสบการณ์ที่ทำให้เราท้อบ้างเหมือนกัน เพราะการเข้ามาทำอาชีพตำรวจนี้ ทำให้เราต้องเห็นหลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่ต้องการเห็น เช่นการฆาตกรรม ฆ่ากัน ยิงกัน แทงกัน บางทีต้องไปเห็นศพ เห็นความทุกข์ของประชาชน บางทีก็หนักเหมือนกัน...ผมว่างานตำรวจเป็นงานที่เรียกว่าคนที่ใจไม่รักจริง ๆ จะทำให้เกิดความกดดันขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่เราจะต้องใจถึงและเข้มแข็งทีเดียว
 
ปีแรกนี้เป็นปีที่ยากที่สุด พอพ้นปีที่ ๒ ปีที่ ๓ ปีที่ ๔ ปีที่ ๕ จะง่ายขึ้น แล้วปีแรกก็เหมือนกับตอนผมปลอมตัวเป็นหน่วยยาเสพติด เป็นสายสืบ คดีแรกก็ยากเพราะต้องไปโกหก ต้องไปปลอมตัวเป็นผู้ร้าย ตอนผมเป็นตำรวจใหม่ ๆ อย่างเช่นมีครั้งหนึ่ง ตอนนั้นผมเป็นสายตรวจที่อีสต์แอลเอ มีสถานการณ์หนึ่งที่เขาเรียกผมไปเพราะเขาถือว่าผมเป็นตำรวจเอเชีย ครั้งนั้นมีพวกแก๊งค์เวียดนามขับรถตามนักธุรกิจคนหนึ่งกลับบ้าน พอเขากลับไปถึงบ้านเขากำลังทานข้าวกับครอบครัวอยู่ ที่บ้านมีลูก ๓ คน ตั้งแต่คนเล็กจนคนโตอายุ ๑๔ ปี ตอนพวกเขาทานข้าว ผู้ร้ายก็เข้าไปเคาะประตู พอเขาแง้มดูผู้ร้ายกบุกเข้าไปจับทุกคนมัดหมด จะเอาเงิน เพราะนักธุรกิจเอเชียสมัยก่อนจะเก็บเงินไว้ในบ้าน แก๊งค์พวกนี้ก็เข้าไปปล้นมัดมือมัดเท้า ซึ่งตอนนั้นลูกสาวอายุ ๑๔ ปี กำลังซักผ้าอยู่หลังบ้าน ซึ่งเด็กคนนี้ปกติเขาจะใส่แว่นตาหนา ๆ แต่วันนั้นไม่ได้ใส่ เขาเดินกลับเข้ามาจากโรงรถ เข้ามาทางประตูหลังผู้ร้ายก็จับดึงเขามา เขาก็ทำตาเหมือนพยายามเพ่ง พยายามจะมองว่าใครเพราะเขาไม่ได้ใส่แว่นตา แต่ผู้ร้ายหาว่าเด็กพยายามจะจำหน้าเขา ผู้ร้ายยิงศีรษะต่อหน้าต่อตาทุกคนในครอบครัว พอผมไปเห็นเราก็ท้อ เพราะเราเป็นคนไทย เป็นคนเอเชียเหมือนกันพอเข้าไปแล้ว เห็นคนร้องไห้ เห็นความทุกข์ของคน ๒ - ๓ วันหลังเกิดเหตุผมยังคิดเลยว่าเราควรจะทำงานนี้ต่อไหม มีช่วงท้อตอนนั้นละครับ ตอนปีแรก
 
ผ่านมาแล้วเกือบ ๑๙ ปีสำหรับการเป็นตำรวจในสังกัดของกรมตำรวจลอสแอนเจลิส คุณพีทเป็นตัวแทนความภูมิใจของชาวไทยและชาวเอเชีย และแม้กระทังตำรวจอเมริกันเอง
ความภูมิใจหนึ่ง ผมภูมิใจที่เป็นตัวแทนคนไทยที่ได้เป็นตำรวจ LAPD และเมื่อสองปีก่อนทาง LAPD ต้องการตำรวจเอเชียเพิ่มขึ้น เขาก็ให้ผมเป็นตัวแทนตำรวจ LAPD ถ่ายรูปโปสเตอร์ลงโฆษณา อย่างเวลาพิมพ์ www.joinlapd.com ในเวบไซต์ก็จะเห็นรูปผมเป็นตัวแทนตำรวจเอเชีย สอง ถ้าพูดถึงหน้าที่การงาน ผมว่าผมได้ทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมเป็นสิ่งที่ผมภูมิใจมาก สุดท้ายการที่ผมสอนตำรวจเป็นหน้าที่ที่ผมภูมิใจมากที่สุด และถ้าเขานำสิ่งที่ผมสอนไปใช้และทำให้เขาปลอดภัยผมคิดว่าเป็นบุญ
 
ผมจำได้ว่าตั้งแต่เล็กจนโต สังเกตว่ามีแต่ฝรั่งสอนคนไทย การที่เราเป็นคนไทยแล้วเราไปสอนฝรั่งได้ เป็นสิ่งที่ผมว่าผมได้นำวิชาจากเอเชียที่เรารู้จริงทำจริงได้ และเราเป็นผู้เชี่ยวชาญ อย่างแม่ไม้มวยไทย คาราเต้ อาคิโด การฝึกมีด การเตะต่อย เอามาสอนฝรั่ง เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าเราภูมิใจมาก
ปัจจุบันผมจะฝึกศิลปะป้องกันตัวให้ตำรวจ และฝึกพวกสายตรวจที่ทุก ๆ ๒ ปีจะต้องกลับมาฝึกทบทวนกับเรา หน่วยผมจะสอนวิธีต่อสู้ระยะใกล้ ระยะไกล มีหลายวิชา มีทั้งการต่อสู้แบบลงไปสู้กับพื้น
 
เมื่อเราถามว่า ทำอย่างไรถึงเข้ามาเป็นถึงครูฝึกศิลปะการป้องกันตัวให้ตำรวจที่แอลเอพีดีได้ คุณพีทเล่าให้เราฟังต่อว่า ตอนเข้ามาเรียนโรงเรียนตำรวจที่นี่ผมมุ่งมั่นและตั้งใจ ตอนเรียนจบ ผมได้รางวัลคนที่เก่งที่สุดด้านศิลปะการป้องกันตัวของชั้นเรียน และเพราะเหตุนี้ ปัจจุบันผมจึงเป็นครูฝึกเพราะใจชอบการต่อสู้และศิลปะการป้องกันตัว...ผมทำงานตำรวจมา ๑o ปีก่อนจะมาทำงานนี้ ใน ๑o ปี ผมทำอยู่หน่วยเครื่องแบบ สายตรวจ หน่วยยาเสพติด หน่วยสืบสวน แล้วถึงมาสมัครเป็นครูสอนศิลปะป้องกันตัว ซึ่งการจะมาเป็นครูสอนนั้น หลักก็คือต้องเป็นตำรวจมาแล้วอย่างน้อย ๕ ปี ซึ่งตอนสมัครผมเป็นมาแล้วเกือบ ๑o ปี เขาจะดูว่าเรามีผลงานอะไรมาบ้าง บางคนเป็นตำรวจมา ๕ ปี แต่นั่งโต๊ะตลอด พอมาสมัครเป็นครูสอนเขาก็ไม่รับ เขาต้องการให้เรามีประสบการณ์...เราเคยทำสายตรวจมาก่อน ทำสอบสวนมา เวลาเราสอนศิลปะการป้องกันตัวให้นักเรียน เราสามารถเล่าให้ผู้เรียนฟังได้ว่า เราเคยใช้วิธีการต่อสู้พวกนี้มาแล้วทั้งเตะคน ชกคน การยิงก็ทำมาแล้ว ฯลฯ เราสามารถอธิบายให้เขาฟังถึงความสำคัญของการต่อสู้และศิลปะการป้องกันตัวได้ เพราะว่าเราผ่านประสบการณ์มา เขาจะเข้าใจชัดเจนว่าทำไมเราจึงต้องเรียนวิชานี้ คุณพีทอธิบายให้เราฟัง
 
เมื่อเราถามถึงมุมมองว่า คุณพีทมองว่าความสำเร็จของการเป็นตำรวจคืออะไร คุณพีทตอบว่า พูดถึงความสำเร็จ ตำรวจบางคนอาจจะเข้ามาเพื่อยศ อยากเป็นอธิบดี รองอธิบดีใหญ่โต ของผมนี่ผมไม่คิดอย่างนั้น เราได้เข้ามาแล้วเราได้ทำบุญ ทำประโยชน์ ช่วยสังคม ช่วยตำรวจด้วยกัน นั่นคือความสำเร็จอย่างหนึ่งของผม จุดมุ่งหมายของผมก็คือ ผมสามารถช่วยชีวิตตำรวจได้ ไม่ว่าชีวิตใดชีวิตหนึ่ง ช่วยเขาได้นี่คือความสำเร็จ มันมากกว่าเงินทองที่เราจะหา...จริงอยู่อาชีพตำรวจ รายได้ดี สวัสดิการก็ดี แต่สำหรับผม เราอยู่สบายมีความสุข ครอบครัวมีความสุข และเราทำประโยชน์ให้กับกรมตำรวจและช่วยชีวิตคน ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม นี่คือความสำเร็จของผม คุณพีทกล่าวถึงความสำเร็จในมุมมองของเขาเอง
 
ในอนาคตคุณพีทยังมีแผนการที่จะเข้าฝึกการกู้ระเบิด ซึ่งเขาเชื่อว่า จะเป็นสิ่งที่เขาสามารถนำไปช่วยเหลือคนได้อีกหลายชีวิต
ผมเชื่อในการเสียสละ อย่างการกู้ระเบิด ถ้าเราทุกคนกลัวจนไม่กล้าเข้าไปแล้วระเบิดเกิดระเบิดขึ้นมา คนต้องเสียชีวิตมากมาย ถ้าเราสามารถเข้าไปกู้ระเบิดได้ เราจะช่วยชีวิตคนหลายชีวิตทีเดียว ผมคิดว่านี่คือสิ่งที่ผมชอบ ผมอยากทำ และมันเป็นสิ่งที่ท้าทายด้วย เพราะการเข้าไปตรงนี้มันเหมือนวัดใจเราว่า เราจิตใจเข้มแข็งแค่ไหน ในอนาคต ถ้าผมสอนกู้ระเบิดได้ผมจะเอาวิชานี้ไปสอนที่เมืองไทย


ภาพและข้อมูลจากเวบ thaibusinesscenter.net


ต่ออีกนิดนึง ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเปล่า ในรายการตอนแรก คุณพีทพูดถึงการสังเกตภาษากายที่ช่วยให้งานสืบสวนง่ายขึ้น แล้ววิชานี้มีการเปิดสอนในอเมริกาเป็นเรื่องเป็นราวด้วย ฟังแล้วน่าสนใจดี พอถัดมาอีกวันก็ได้ดูซีรีส์ฝรั่งเรื่อง "Lie To Me" พระเอกเป็นนักอ่านภาษากายชั้นเยี่ยม ใช้ความสามารถช่วยงานสืบสวนของทางราชการ ดูแล้วสนุกดี พระเอกเก่งชะมัด มองปราดเดียวก็รู้ว่าใครคิดยังไง
เรื่องย่อ : Dr. Cal Lightman เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษากายที่ไม่ธรรมดา เขาสามารถบอกได้ว่าใครกำลังโกหกอยู่หรือไม่ด้วยการสังเกตจากสีหน้า และกริยาท่าทางที่บุคคลนั้นแสดงออกมา Dr. Cal ได้เปิดบริษัท The Lightman Group เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรมตำรวจ สำนักงานกฏหมาย หรือ FBI ในการสืบสวนและค้นหาข้อเท็จจริง โดยมีเพื่อนร่วมทีมอย่าง Dr. Gillian Foster นักจิตวิทยาสาวสวยที่ติดขนมกินเล่น Eli Loker นักวิจัยหนุ่มที่พูดแต่ความจริง และ Ria Torres สาวผู้มีพรสวรรค์ในการจับผิด
เพิ่มเติม :
Lie to Me เป็นซีรีส์สืบสวนแนวใหม่ที่หยิบยกเอาภาษาท่าทางมาใช้ในการดำเนินเรื่อง แม้ว่าเหตุการณ์ในแต่ละตอนอาจจะไม่ลุ้นมากจนนั่งไม่ติดเหมือนซีรีส์สืบสวนเรื่องอื่น ๆ แต่ก็ถือว่าดูสนุกใช้ได้เลยทีเดียว ในแต่ละตอนยังมีการเอารูปยามเผลอของเหล่าคนดัง เช่น Bill Clinton, Saddam Hussein และ Simon Cowell มาแซวอีกด้วย
คุณจะชอบเรื่องนี้ถ้า :
ชอบซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน
แต่ไม่อยากดูเรื่องที่เครียดมาก
ต้องการเก็บข้อมูลไว้จับผิดคนอื่น
นักแสดง
Tim Roth
Kelli Williams
Brendan Hines
Monica Raymund
ข้อมูลจากเวบ seriesfever.com
บีจีจากคุณยายกุ๊กไก่ ไลน์จากคุณฮัทโทริ
Free TextEditor
Create Date : 01 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 20 กรกฎาคม 2557 22:18:06 น. |
|
34 comments
|
Counter : 16922 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: สาวชาววัง วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:09:08 น. |
|
|
|
โดย: sj IP: 118.173.148.183 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:10:18:47 น. |
|
|
|
โดย: โจเซฟิน วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:11:07:20 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:12:46:21 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:14:32:10 น. |
|
|
|
โดย: อ้อ (sandseasun ) วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:16:58:51 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:17:16:19 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:17:50:13 น. |
|
|
|
โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:21:56:05 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแอ๊ด วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:22:22:22 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:23:57:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:23:51 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแว่น วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:8:24:35 น. |
|
|
|
โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:9:34:31 น. |
|
|
|
โดย: yosa วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:11:11:21 น. |
|
|
|
โดย: PANDIN วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:15:19:10 น. |
|
|
|
โดย: Unravel วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:20:19:08 น. |
|
|
|
โดย: ลุงแว่น วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:22:48:00 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:1:20:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:7:05:22 น. |
|
|
|
โดย: หยุ่ยยุ้ย วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:11:46:19 น. |
|
|
|
โดย: พี่รี่+ต๊อก วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:22:08:52 น. |
|
|
|
โดย: ใบไม้ต้องลม วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:22:53:56 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:23:34:00 น. |
|
|
|
โดย: จอมมารแห่งหุบเขาคนโฉด (zoomzero ) วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:0:19:54 น. |
|
|
|
โดย: มินทิวา วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:6:20:48 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:13:16:58 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:19:15:02 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:10:27:34 น. |
|
|
|
โดย: แมวสามสี IP: 58.136.51.171 วันที่: 14 ตุลาคม 2552 เวลา:13:08:38 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 15 ตุลาคม 2552 เวลา:12:03:15 น. |
|
|
|
โดย: เทพศักดิ์ เหมะธุรินทร์ IP: 61.19.205.215 วันที่: 4 สิงหาคม 2554 เวลา:20:32:02 น. |
|
|
|
โดย: สายสับสมิธ IP: 171.97.32.131 วันที่: 15 กรกฎาคม 2557 เวลา:15:46:38 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ขอความกรุณาเป็นหูเป็นตาแมวตัวนี้ทีนะคะ