ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

ซีรีส์ฮาร์ดคอร์ลากไส้สื่อเห้:ค่ายเนชั่นข้อตกลงกับปีศาจ เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม

โดย คุณรักในหลวงห่วงลูกหลาน
ที่มา บอร์ดฟ้าเดียวกัน
3 พฤษภาคม 2552

หมายเหตุไทยอีนิวส์: ผู้ใช้นามปากกาว่า"รักในหลวงห่วงลูกหลาน"ได้เขียนลงในเวบบอร์ดฟ้าเดียวกัน แบบเจาะลึกวงในแวดวงสื่อมวลชนแบบรายตัว อย่างถึงรากถึงโคน และมีรสชาติความมันส์ในสไตล์ดิบเถื่อน ซึ่งไทยอีนิวส์นำเสนอตามต้นฉบับเดิม แต่เนื่องจากเนื้อหายาวมาก เราจึงจะพิจารณานำเสนอเป็นตอนๆอย่างต่อเนื่อง และขอขอบคุณผู้เขียนมา ณ โอกาสนี้ ทั้งนี้ผู้อ่านพึงใช้วิจารณญาณ


สิ่งที่เราเห็นบนหน้าจอทีวี3 5 7 9 11 TPBSเด็กของหยุ่นไปแหย่หางไว้เพียบ ทำสีหน้าท่าทางกวนส้นตีน ปากแบะปากเบะเวลาพูดถึงเหลี่ยม เสื้อแดง ใครด่าป๋าแม่งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ โต้ตอบเป็นพัลวันพัลเก

ตอนเหตุการณ์สงกรานต์ทมิฬทหารยิงใส่กระทืบเสื้อแดงเจ็บตายไม่พอ ไอ้พวกเหี้ยนี่ไปกระทืบซ้ำทางทีวีอีก มันก็มีที่ไปที่มายังงี้...นี่คือข้อตกลงกับปีศาจ เรื่องของโชคมหาศาล เบื้องหลังมันคืออาชญากรรม



ก่อนไปว่าถึงเบ๊ค่ายNationคือสรยุทธ์ ,กนก,ธีระ ก็ต้องเกริ่นถึงตัวพ่อก่อนถึงจะถูกเรื่อง

สุทธิชัย หยุ่น-เทพชัย หย่อง

คนละนามสกุลนะ สง่าราศีก็คนละเรื่องกัน แต่2ตัวนี่พี่น้องคลานตามกันมา แต่แม่แกเป็นคนจีนพูกทายม่ายชักนะแหละเรื่องของเรื่อง ตอนไปแจ้งอำเภอที่หาดใหญ่ สงขลาคนพี่นี่นายทะเบียนราษฎร์ได้ยินแซ่เป็น"หยุ่น" ตอนไปแจ้งเกิดคนน้องดันได้ยินเป็น"หย่อง" อาม่าแกก็ปล่อยเลยตามเลย

อย่าง ที่ผมเคยเล่าให้ฟังไปว่า ราวๆยุคน้าชาติเป็นรัฐบาล ตลาดหุ้นบูมสุดเหวี่ยง พวกเจ้าของบริษัทก็เอากิจการเข้าไปขุดทองในตลาดหุ้น สากกะเบือยันเรือรบเข้าตลาดหุ้นได้หมด พวกหนังสือพิมพ์ก็เข้ากับเขามั่ง...อันนี่แหละเป็นจุดเปลี่ยนโคตรสำคัญของสื่อไทย

ความ เป็นสื่อมืออาชีพ มีอุดมการณ์ มีจรรยาบรรณ มีจุดยืนเพื่อสังคมส่วนรวม และคนที่เคยประกาศจะปฏิวัติแมงลงวันสมัยหนุ่มๆอย่างหยุ่นที่รังเกียจ พฤติการณ์ค่ายหัวสีที่ชอบรับซองขาวหนังสือพิมพ์ ไปเล่นไพ่กับตำรวจทหารนักการเมืองนี่ แม่งก็เลยคอรัปชั่นทางวิชาชีพเสียยิ่งกว่ายุคสมัยก่อนที่หยุ่นเคยด่าแม่เขา ไว้

คือสมัยก่อนนี่หนังสือพิมพ์อยู่กันอดๆอยากๆที่เรียกว่าอุดมการณ์ ไส้แห้งนี่เรื่องจริง หยิ่งยิ่งกว่าโดมผู้จองหอง แต่พอมาเข้าตลาดหุ้นนี่มันก็ต้องใส่สูทผูกไทโก้เป็นนักธุรกิจกันแล้ว เงินเดือนนักข่าวมาเป็นหมื่น หรือขึ้นมาเป็นหลายหมื่นในยุคนี้ ผมเองกินเงินเดือนหลักพันมาหลายปีก็ยังพลอยฟ้าพลอยฝนได้เป็นคนข่าวเงินเดือน หมื่นกับเขาก็อีตอนนี้

"เบื้องหลังโชคมหาศาล มันคืออาชญากรรม"ใครจำวรรคทองเรื่องThe God Fatherได้มั่ง ฉันใดก็ฉันเพล....

นายทุนสื่อก็ต้องดัดแปลงตัวเองเลิกเป็นไดโนเสาร์ ให้เป็นจรเข้น้อยหางแดง เพราะมันก็ต้องวิ่งขอคลื่นสัมปทานทีวี วิทยุ ใครเป็นคนผูกขาดเรื่องยังงี้ก็ทหารซึ่งเป็นม้า และเจ้าของคอกม้า แล้วก็โคดสะนาอีกหละ เพราะคุณเข้าตลาดหุ้นนี่จะมาเป็นหนังสือพิมพ์หรือสื่อไส้แห้งไม่ได้แล้วนะ คุณต้องทำตัวให้ใหญ่ ทุนต้องหนา ต้องมีตัวเลขงบการเงิน อัตราขยายตัวของกำไร รายได้สารพัดไปโชว์ให้คนเล่นหุ้นเห็น

แล้วก็ปั่นกันชิบหายวายป่วง หุ้นผู้จัดการไป300-400 หุ้นวัฏจักรหนังสือพิมพ์หางานนี่นะ500-600 หุ้นมติชน400กว่า หุ้นเนชั่น400-500 คิดดูแม่งปั่นกันบ้าเลือด

แต่สิ่งที่คนข่าวกับ สื่อเสียไปคืออะไร เพียบครับคือจุดยืน จรรยาบรรณ ความเป็นมืออาชีพ ที่ร้ายสุดอย่างที่พวกคุณๆเห็นกันตอนสงกรานต์เลือดหมาดๆนั่นแหละ ส้นตีนมั๊ยหละที่สื่อประเทศนี้ยัดเยียดข่มขืนกระทำชำเราบ้านเมือง เพื่อแลกกับโชคมหาศาลของพวกมัน

เพราะโลกนี้มันไม่มีอะไรฟรี คุณได้คลื่นวิทยุมา ก็ต้องแลกกับการต้องเชียร์ผู้มีอำนาจ ทั้งพวกที่มีพลังอำนาจทางการเมือง การทหาร และพลังอำนาจแฝง คุณได้สัมปทานทีวีมาแลกกับการเลิกเป็นหมาเฝ้าบ้านให้ประชาชน ไปเป็นสุนัขรับใช้พวกมีอำนาจ คุณได้โฆษณาหน่วยงานกระทรวงทบวงกรมวิสาหกิจ บริษัทเอกชนที่พวกนี้บีบจ่ายคุณได้ แลกกับที่คุณต้องไปเห่าหอนปฏิปักษ์การเมืองให้เขา แลกกับที่แม้กระทั่งหันมาแว้งกัดเจ้าของบ้านคือประชาชน

แต่หนังสือพิมพ์ สื่อ คนข่าวติดเสพสุขไปซะแล้วในรอบเกือบ 20 ปีมานี้ จะให้กลับไปไส้แห้ง ไม่รู้สิ้นเดือนมีเงินเดือนจ่ายมั๊ย ต้องหุงข้าวหม้อแกงหม้อไว้ที่โรงพิมพ์ต้มมาม่าปลากระป๋องอย่างที่พวกผมเคย เจอแต่ก่อน...มันนึกกันไม่ออกแล้ว

กลับมาเหี้ยตัวพ่อค่ายเนชั่น

เห ตุการณ์พฤษภาทมิฬ2535นั้น ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายกัน หลังจากนั้นเลือกตั้งใหม่ ประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ชวนเป็นนายกฯ คุณหญิงฉุยฉายเมียพี่แป๊ะเป็นรัฐมนตรีคุมสื่อ หยุ่นก็โพนทะนาว่าที่มันบาดเจ็บล้มตายกันมากก็เพราะรสช.ปิดกั้นสื่อ ทีวีไม่เป็นอิสระ ต้องแจ้งเกิดทีวีอิสระซักช่อง(Independent TeleVision-ITV)ก็เกิดมาด้วยประการนี้

หยุ่นชงเองก็ตบเองกินเอง แล้วกลัวคู่แข่งมากก็เสนอค่าสัมปทานแม่งบานเท่าโรคหลายหมื่นล้านบาท ทั้งที่ช่อง3ช่อง7นี่ไม่กี่ร้อยล้าน

ทำ ไปทำมาก็อย่างที่รู้ มันทีวีสไตล์หยุ่นคือออกแนวๆฮาร์ดคอร์เรื่องการเมือง แวดวงคนดูก็จำกัด ชาวบ้านก็ยังดูจำเลยรัก ดาวพระศุกร์ บ้านทรายทองช่อง3ช่อง7กันไป โคดสะนาก็ไม่พอเลี้ยง ก็ติดค่าสัมปทาน ติดมาติดไปหลายเงินก็อาศัยความเป็นคนปักษ์ใต้ไปหาคุณหญิงฉุยฉายคนปักษ์ใต้ ด้วยกัน คุณหญิงก็ใจดีลดแหลกแจกสะบัด

เข้าใจว่าโดนฝ่ายค้านด่าดักคอไว้....หยุ่นก็แค้นตาแม้นกลับไป

ที นี้เหลี่ยมจะเข้าวงการการเมือง ก็เห็นว่าตอนก่อนนั้นเคยเอาตังค์ให้อาจารย์เจิมไปตั้งบริษัททำวิทยุนี่แม่ง ดีเว้ย เหลี่ยมกลายเป็นคนภาพลักษณ์แหล่มระดับน้องๆบิลลฺเกตส์ไปแล้ว เป็นอัศวินคลื่นลูกที่สามกันโน้น....ก็เลยว่า ไหนๆกูจะลงการเมืองแล้ว ก็เอาตังค์ที่รวยจากตลาดหุ้นนี่ไปซื้อทีวีมาไว้ในมือซักช่อง เอาไว้เป็นไม้กันหมา กับเอาไว้เชียร์ตัวเอง

ก็เลยเข้าไปเทกโอเวอร์ ITVจากไทยพาณิชย์ เครือทรัพย์สิน เตะก้นพวกหยุ่นเนชั่นที่เวลานั้นเป็นผู้ถือหุ้นส่วนน้อย(แต่เสียงดังกว่า ทรัพย์สินเพราะมันคุมการทำข่าวออกITV)ออกไป

หยุ่นต้องระเห็จไปเปิด เนชั่นแชนัล อยู่กับTTVของลุงไกรวัฒน์ ลูกน้องเก่าเหลี่ยมที่เคยไปบุกเบิกทีวีให้เหลี่ยมที่เขมร..หยุ่นเลยพ้นโทษ ตาย แต่ไม่วายโดนตามบี้ เพราะทีทีวีหรือเนชั่นแชนัลมันดูได้แค่ในกรุงเทพฯ หยุ่นก็เล่นซิกแซ็กไปยิงสัญญาณเมืองนอกเข้ามา กะเผยแพร่สัญญาณทั้งประเทศ

เหลี่ยม เลยตามบี้ว่า เฮ้ยทำผิดสัญญา แบบนี้อาจไม่ต้องเกรงใจลูกน้องเก่าลุงไกรวัฒน์เจ้าของสัมปทาน ก็ฟ้องกันนัวเนีย หยุ่นก็ออกอากาศทั่วประเทศไม่ได้ หาโฆษณาก็ได้จำกัด(ดังนั้นอย่าสงสัยว่าทำไมหยุ่นเนชั่น กับพวกเด็กๆของหยุ่นอย่างสรยุทธ์ กนก ธีระ จอมขวัญถึงได้ตามฟาดฟันเหลี่ยมชนิดที่ว่า ลืมไปเลยว่าไอ้พวกเหี้ยนี่มึงยังเป็นสื่อกันอยู่มั๊ยสัดดด..)

พอหยุ่นโดนเตะพ้นไอทีวี หยุ่นไม่ไปเปล่าๆ ดันฝากไข่ทิ้งไว้30กว่าชีวิต ในนั้นมีกรุณา บัวคำศรี รองเลขาสนนท.ที่รู้ใจของปริญญา เทวานฤมิตกุล เป็นเลขาธิการยุคพฤษภาทมิฬ(โดยมีอาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นประธานที่ปรึกษาสนนท.ยุคนั้น....โหเรื่องแม่งยาว )

ไอ้ พวก30กว่าชีวิตก็ฟาดงวงฟาดงากับเหลี่ยมว่า มึงเป็นนายทุนเป็นรัฐบาลแล้วแทรกแซงสื่อ กรุจะทำข่าวด่าแม่ง...เหลี่ยมก็เฮ้ย เอาไงวะสัดด ตังค์ก็จ่ายซื้อแล้ว นึกว่าได้ทีวีมาช่วยพีอาร์ พวกห่านี่ด่ากูอี๊ก ก็ส่งลูกน้องอย่างพวกนิวัฒน์บุญทรง ธำรงไพศาลหรือใครต่อใครเข้าไปคุมก็คุมไม่อยู่ เพราะมันพูดคนละภาษากัน เด็กสมุนเหลี่ยมพูดภาษานักธุรกิจ ไอ้30กว่าชีวิตพูดภาษาเดียวกับหยุ่นคือ"แทรกแซงสื้อ คุกคามสื่อ กองบรรณาธิการต้องทำงานเป็นอิสระจากนายทุนสื่อ"

เหลี่ยม เลยมาได้สำราญ รอดเพชรที่เล่าไปก่อนนี้เข้ามาคุม สำราญก็เอาอยู่ แล้วดึงลูกน้องเก่าสารพัดมาแทน พวก30กว่าชีวิตก็กลายเป็นกบฎไอทีวี โดนเลิกจ้างตามระเบียบ นับแต่นั้นเรื่องคุกคามสื่อนี่ก็โดนหยุ่นกับพวกเนชั่นตีเหลี่ยมแม่งทุกวัน ทั้งที่มันไปไข่ทิ้งไว้เอง...

ตอนก่อนรัฐประหาร19กันยายนนี่ ลิ้มเป็นคนออกแรงสารพัด หยุ่นก็ให้ไอ้พวกเบ๊อย่างกนก ธีระ เจ๊าะแจ๊ะป้วนเปี้ยนด่าตามน้ำตามเพลงไป แต่ปฏิวัติเสร็จ ไอ้ลิ้มชวดหมดทั้งช่อง11ก็โดนรุมต้าน ได้ไปโผล่หน้าออกอยู่ทีสองที จะมายึดช่อง9ทางพี่ช้างมติชนก็ส่งอาจารย์ป๋องไปนั่งเป็นก้างอยู่ แถมสหภาพอสมท.ต้านใส่เสื้อดำยกป้ายด่าแม่ลิ้ม

แต่หยุ่นเก็บเกี่ยวไป เนียนๆ คือกูไม่ยึดทั้งช่อง แต่แหย่หางเข้าไปเสียบไว้หมดทั้ง3 5 7 9 NBT และที่สำคัญส่งหย่องเข้าไปคว้าTPBSไว้ตั้งช่อง(หยุ่นแม่งเจ๋งมั๊ย โดนไล่ออกจากITVเหมือนหมูหมา ต่อมามันล่อซะITVพัง แล้วแจ้งเกิดใหม่ชื่อTPBSเอาเงินเหล้าบุหรี่ปี2-3พันล้านมาทำฟรีๆแล้วให้ไอ้ หย่องเข้าไปยึด พวกกบฎไอทีวีสมัยก่อนพวกกรุณา บัวคำศรีกลับมาทุกตัว มีไอ้แม็ค-เถกิง สมทรัพย์ มือขวาอาจารย์เจิมที่เขียนหนังสือด่าเหลี่ยม รู้ทันทักษิณมาแชร์อีกตัว...)

ที่เป็นงี้เพราะสิ่งที่เรียกว่า"ข้อตกลงกับปีศาจ" นั่นแหละ หยุ่นคนสงขลา ป๋าคนสงขลา...ป๋านี่แกเป็นพวกกูนิยม2-3ข้อ คือพวกสงขลา พวกสวนกุหลาบ พวกจปร.อันนี้ไม่ต้องอะไรมาก อยากได้อะไรเอาไปเลย แต่มึงต้องรับใช้กูนะ....

สิ่งที่เราเห็นบนหน้า จอทีวี3 5 7 9 11 TPBSเด็กของหยุ่นไปแหย่หางไว้เพียบ ทำสีหน้าท่าทางกวนส้นตีน ปากแบะปากเบะเวลาพูดถึงเหลี่ยม เสื้อแดง ใครด่าป๋าแม่งเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ โต้ตอบเป็นพัลวันพัลเก

ตอน เหตุการณ์สงกรานต์ทมิฬทหารยิงใส่กระทืบเสื้อแดงเจ็บตายไม่พอ ไอ้พวกเหี้ยนี่ไปกระทืบซ้ำทางทีวีอีก มันก็มีที่ไปที่มายังงี้...นี่คือข้อตกลงกับปีศาจ เรื่องของโชคมหาศาล เบื้องหลังมันคืออาชญากรรม

การจะพูดถึงสรยุทธ กนก ธีระ จอมขวัญอะไรงี้ หากไม่พูดเรื่องนี้ก่อน พวกคุณๆก็ไม่มีวันเข้าใจว่ามันมีมูลเหตุจูงใจอย่างไร คนข่าวหรือสื่อมันถึงได้เหี้ยหางแดงกันขนาดนี้ได้...

กรรมไม่แบแล้วครับพี่น้อง ผมเองก็พูดไม่ออกได้แต่กรอกตา ทำเหี้ยอะไรไม่ได้ ก็ต้องมาด่าแม่มันให้พวกเราฟังนี่ไง.....




 

Create Date : 04 พฤษภาคม 2552    
Last Update : 4 พฤษภาคม 2552 21:01:28 น.
Counter : 834 Pageviews.  

สื่อสร้างมวลชน

โดย สมชาย ปรีชาศิลปะกุล
ที่มา มติชนรายวัน
27เมษายน 2552

สื่อมวลชนเป็นสถาบันที่มีความสำคัญสำหรับสังคมสมัยใหม่ในการส่งข่าวสาร การรับรู้และสร้างทัศนะคติในทางการเมือง

การ ทำหน้าที่ของสื่อมวลชนอย่างตรงไปตรงมาบนหลักจริยธรรมทางวิชาชีพจึงเป็น ปัจจัยที่มีความหมายอย่างมากต่อการสร้างสังคมที่ดำรงอยู่บนฐานของความรู้ข้อ เท็จจริง และการแลกเปลี่ยนถกเถียงความคิดเห็นระหว่างฝักฝ่ายต่างๆ อย่างสันติแม้มีความเห็นที่แตกต่างกัน

ในอดีตที่ผ่านมา การคุกคามต่อการปฏิบัติหน้าที่ของสถาบันสื่อมวลชนในสังคมไทยปรากฏขึ้นใน 2 ลักษณะสำคัญ

ประการแรก เป็นการคุกคามด้วยการใช้อำนาจรัฐทั้งโดยวิธีตามกฎหมายและวิธีนอกกฎหมาย เช่น การสั่งปิดหนังสือพิมพ์ที่ยืนอยู่คนละฝ่ายกับผู้ถืออำนาจรัฐ การทุบแท่นพิมพ์ด้วยอำนาจมืด

ประการที่สอง ด้วยการแปรสภาพเป็นธุรกิจสื่อมวลชน ทำให้ทุนสามารถเข้ามามีบทบาทกำกับการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนได้ ดังการซื้อโฆษณาจำนวนมหาศาลในสื่อต่างๆ โดยองค์กรหรือหน่วยงานขนาดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชน ย่อมมีผลต่อทิศทางการเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนนั้นซึ่งพยายามหลีกเลี่ยงไม่นำ เสนอข่าวอันมีผลกระทบด้านลบต่อองค์กรดังกล่าว

แม้ว่าการคุกคามต่อ สื่อมวลชนใน 2 ลักษณะที่กล่าวมายังไม่ได้ถูกแก้ไขให้ลุล่วงไป แต่บัดนี้สังคมไทยกำลังเผชิญกับปัญหาในการทำงานของสื่อมวลชนในอีกรูปแบบที่ แตกต่างออกไป

ในห้วงเวลาที่ความขัดแย้งทางการเมืองไทยมีความเข้มข้น อย่างมากด้วยการเคลื่อนไหวของฝ่ายเสื้อเหลืองและเสื้อแดง เราสามารถมองเห็นการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนไทยซึ่งสะท้อนให้เห็นบทบาทของสื่อ มวลชนที่ไม่ได้เสนอข้อมูลข่าวสารในลักษณะที่มีความสมดุลหรือมีความเป็นกลาง อย่างเพียงพอ

หากแต่เป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ “เอียง” เข้าไปหาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอย่างชัดเจน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสื่อโทรทัศน์ (ในบทความนี้ไม่ได้หมายความถึงสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวีหรือดีสเตชั่น เพราะทั้งสองสถานีนี้ต่างแสดงตัวชัดเจนว่าเป็นกระบอกเสียงของแต่ละฝ่าย หากแต่ต้องการกล่าวถึงสถานีโทรทัศน์อื่นโดยเฉพาะที่มักอวดอ้างตัวเองว่ามี ความเป็นกลาง เป็นมืออาชีพ)

เช่นในการเคลื่อนไหวของฝ่ายเสื้อเหลือง ที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่านมา สื่อมวลชนได้เข้าไปทำสารคดีของผู้ชุมนุมที่สะท้อนให้เห็นภาพของผู้มาเข้า ร่วมชุมนุม การดำเนินกิจกรรมต่างๆ ในแต่ละวัน นับตั้งแต่การตื่นนอน การทานอาหาร การสัมภาษณ์เพื่อสะท้อนให้เห็นความรู้สึกนึกคิดของประชาชนที่อยู่ภายในการ ชุมนุม ที่ล้วนแต่ทำให้เห็นภาพในด้านบวกของการชุมนุมว่าดำเนินไปอย่างสันติและไม่มี ความรุนแรงอยู่ในการชุมนุมที่กำลังเกิดขึ้น

แน่นอนว่าการนำเสนอข่าว ในลักษณะเช่นนี้ย่อมเป็นสิ่งที่สื่อมวลชนสามารถกระทำได้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นแง่มุมที่ทำให้เห็นความเป็นมนุษย์ของผู้ร่วมชุมนุมอันจะ ทำให้สังคมเข้าใจบรรดาผู้คนเหล่านี้ได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือเป็นบทบาทที่มีความสำคัญที่สื่อควรจะต้องกระทำเป็นอย่างยิ่ง

แต่สิ่งที่เป็นปัญหาก็คือ ในท่ามกลางการเคลื่อนไหวของเสื้อแดงที่เกิดขึ้นในภายหลัง การชุมนุมของคนกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่ถูกมองโดยสื่อมวลชนว่าเป็นม็อบรับจ้าง หรือเป็นบรรดาชาวบ้านที่ไม่มีความรู้อย่างเพียงพอเท่านั้น ในห้วงเวลาของการชุมนุมไม่ปรากฏการนำเสนอข่าวเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็น มนุษย์เฉกเช่นเดียวกับที่เคยมีการนำเสนอกันอย่างแพร่หลายในการชุมนุมโดยอีก ฝ่าย

นอกจากนี้เมื่อเกิดเหตุมีการใช้ความรุนแรงของกลุ่มเสื้อแดงบาง ส่วนในการเผารถเมล์หรือการทำร้ายบุคคลบางคน คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจริงแต่ก็เช่นเดียวกับการ ชุมนุมของกลุ่มเสื้อเหลืองที่มีการใช้ความรุนแรงเกิดขึ้นในหลายครั้งหลาย คราว แต่สังคมได้เห็นภาพของกลุ่มเสื้อแดงนำเสนอซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกลายเป็นภาพ ประทับให้กับกลุ่มคนเสื้อแดงว่าเป็นพวกที่ใช้ความรุนแรง โหดร้าย และต้องการสร้างความวุ่นวายให้กับบ้านเมือง

ไม่เพียงเท่านั้น สื่อมวลชนโดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์ที่ประโคมว่าตนเองเป็นสื่อสาธารณะกลับนำเสนอ ข้อมูลเฉพาะข่าวสารจากทางภาครัฐเพียงด้านเดียว เมื่อมีการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่รัฐเกิดขึ้น สื่อมวลชนก็เพียงทำหน้าที่ส่งผ่านข้อมูลที่มาจากภาครัฐกับประชาชน โดยไม่มีการตั้งคำถามหรือข้อสงสัยใดๆ เลยแม้แต่น้อยกับคำอธิบายเหล่านั้น

ไม่ ต้องพูดถึงการนำเสนอข้อมูลของฝ่ายที่ตกเป็นจำเลยของสังคม แทบจะไม่มีเสียงของฝ่ายอื่นที่เห็นต่างถูกเผยแพร่ออกมาทางสื่อมวลชนได้ ขณะที่มีพื้นที่สำหรับภาครัฐอย่างกว้างขวางแต่มีเพียงกระผีกลิ้นสำหรับ “คนอื่น”

ปรากฏการณ์การเอียงข้างของสื่อมวลชนในลักษณะเช่น นี้เกิดขึ้นไม่ใช่เพราะการคุกคามด้วยอำนาจรัฐหรือทุน หากเกิดขึ้นจากจุดยืนของสื่อมวลชนในการเลือกข้างทางการเมืองมากกว่า

เป็นที่รับรู้กันโดยทั่วไปว่า “ภาพ” ของเสื้อแดงคือกลุ่มชาวบ้าน รากหญ้า หรือฐานคะแนนเสียงของพรรคการเมืองใหญ่ในต่างจังหวัด บุคคลเหล่านี้ถูกมองจากชนชั้นกลางและชนชั้นนำว่าเป็นบุคคลที่ยังไม่บรรลุ นิติภาวะทางการเมือง สามารถถูกชักจูงหรือซื้อได้ด้วยไม่ว่าจะเป็นผลประโยชน์ในช่วงเวลาของการ เลือกตั้ง หรือโดยนโยบายประชานิยม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่เลวร้ายในทรรศนะของบรรดากลุ่มคนที่ลุกขึ้นมาต่อ ต้านรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคไทยรักไทย

คนเสื้อแดงจึงเป็นพลเมือง ชั้นสองที่ควรต้องให้การศึกษาหรือข้อมูลเพื่อให้มีความเข้าใจทางการเมืองที่ ถูกต้อง เมื่อไม่มีความสามารถในการตัดสินใจทางการเมืองได้ด้วยตนเองหากเป็นแต่ผู้ที่ ถูกชักจูงมา จึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกหรือความต้องการของ กลุ่มคนเหล่านี้

ก็ในเมื่อเป็นพวกที่ไม่มีอัตวินิจฉัยอันสมบูรณ์แล้ว ถึงสัมภาษณ์ไปก็เป็นความเห็นที่ไม่เป็นประโยชน์หรืออาจเป็นความเห็นที่ผิดพลาดอีก

อาจมีข้ออ้างว่าความเอียงของสื่อมวลชนเป็นผลมาจากการประกาศใช้กฎหมายว่าด้วย สถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม พึงสังเกตว่าปรากฏการณ์การเอียงข้างแบบกะเท่เร่นี้ปรากฏมาก่อนการประกาศใช้ กฎหมายดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ข้ออ้างดังกล่าวจึงเป็นเพียงการซ่อนจุดยืนทางการเมืองของตนเองไว้หลังอำนาจ รัฐที่ตนเองมีความยินยอมพร้อมใจด้วย

หรือกระทั่งมีการใช้อำนาจรัฐคุก คามสื่อมวลชนในการเสนอข้อมูลข่าวสาร ควรหรือไม่ที่สื่อมวลชนจะยอมอย่างหงอๆ ต่ออำนาจรัฐ ในท่ามกลางสถานการณ์ที่ยิ่งแหลมคม สื่อมวลชนก็ยิ่งทวีความสำคัญในการที่จะทำให้ข้อมูลข่าวสารและข้อเท็จจริง ต่างๆ ปรากฏต่อสาธารณะมากที่สุด

ดังเมื่อมีข่าวลือว่ามีผู้เสียชีวิตจากการใช้กำลังของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่มีสื่อมวลชนใดให้ความสนใจตราบจนกระทั่งกลายเป็นข่าวในสื่อต่างประเทศและ เจ้าหน้าที่รัฐต้องออกตอบคำถาม ทั้งหมดนี้สื่อมวลชนไทยแทบไม่ได้เป็นผู้ตั้งประเด็นขึ้นแต่อย่างใด

ถ้าสื่อมวลชนไทยทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าแต่งหน้าสวย แต่งกายภูมิฐาน พูดจาสุภาพน้ำเสียงชัดเจน คอยเป็นกระบอกเสียงของเจ้าหน้าที่รัฐ การยกเลิกคณะนิเทศศาสตร์หรือสื่อสารมวลชนที่มีอยู่เกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง ทิ้งไปก็ไม่น่าจะทำให้เกิดความเสียหายแก่แวดวงสื่อมวลชนแต่อย่างใดมิใช่หรือ




 

Create Date : 28 เมษายน 2552    
Last Update : 28 เมษายน 2552 19:50:21 น.
Counter : 478 Pageviews.  

‘ทีวีไทย’ยังไม่ใช่‘ทีวีสาธารณะ’บทพิสูจน์จากการรายงานข่าวจลาจลในประเทศ

โดย… จอม เพชรประดับ

“สื่ออคติ ขาดความรับผิดชอบ”

“สื่อกระหายเลือด”

“สื่อไม่เป็นกลาง”

“สื่อและองค์กรวิชาชีพสื่อสองมาตรฐาน”

ฯลฯ

เป็นอีกครั้งหนึ่งที่สังคมตั้งคำถาม และร่วมกันประณามการทำงานของสื่อมวลชนอย่างรุนแรง จากเหตุการณ์นองเลือดกลางเมืองหลวงในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีทั้งการออกแถลงการณ์ การให้สัมภาษณ์เรียกร้องสิทธิการรับรู้ข้อมูลข่าวสารจากสื่อ ให้สื่อมีความเป็นธรรม เสนอข้อมูลข่าวสารอย่างรอบด้าน ตรงไปตรงมา และมีความรับผิดชอบ

ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่มีแต่เฉพาะ ทีวีไทย และ ช่อง 11 เท่านั้น ที่เกาะติดสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และให้เวลากับการนำเสนอเหตุการณ์มากที่สุด ขณะที่ช่องอื่นนั้น ยังคงติดพันอยู่กับภารกิจสำคัญเหมือนที่เคยปฎิบัติกันมา นั่นก็คือ การแสวงหาประโยชน์ทางธุรกิจมากกว่าจะคำนึงถึงประโยชน์ของสาธารณะ แม้แต่ช่วง 9 อสมท.ก็ไม่มีข้อยกเว้น ทั้งๆ ที่น่าจะเป็นอีกช่องที่มีภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ เช่นเดียวกับ ทีวีไทย และช่อง 11

และไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องคาดหวังอะไรกับการเปิดดูช่อง 11 ว่าจะเป็นช่องที่ให้ข้อมูลอย่างครบถ้วนรอบด้าน เพราะเป็นช่องที่ถูกสร้างให้มีภารกิจแก้ต่างแทนรัฐบาลอยู่แล้ว ความคาดหวังก็เลยไปอยู่ที่ ทีวีไทย สถานีโทรทัศน์สาธารณะช่องแรกของประเทศไทยที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อภารกิจพิเศษ นั่นคือ เพื่อประโยชน์ของสาธารณะ มุ่งรับใช้ประชาชนคนไทยทุกกลุ่ม

แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะการปฏิบัติหน้าที่ของทีวีไทย กลับไม่ต่างไปจากช่อง 11 คือเป็นกระบอกเสียงรัฐบาลเพิ่มขึ้นอีกช่อง ทั้งๆ ที่ในบทบัญญัติของกฎหมาย อันเป็นที่มาของสถานีโทรทัศน์

ช่องนี้ ก็เพื่อจะเสนอข้อมูลข่าวสาร ข้อเท็จจริงอย่างเป็นอิสระ รอบด้าน เป็นธรรม เป็นกลาง เพื่อการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนอย่างทั่วถึง รวมทั้งเพื่อทำหน้าที่สร้างความเข้าใจในความเห็นที่แตกต่างหลากหลาย เพื่อเป้าหมายคือการแก้วิกฤติของประเทศชาติ แต่เพราะเหตุใด ทีวีไทย จึงไม่ได้ทำหน้าที่นี้อย่างเต็มภาคภูมิ ทั้งๆ ที่เป็นสถานีโทรทัศน์ที่ผ่านการเรียกร้องต่อสู้มาจากประชาชน (อาจารย์จอน อึ้งภากรณ์ อธิบายเรื่องนี้อย่างไร)

หากการปฏิบัติหน้าที่ของ ทีวีไทย ในยามวิกฤติ ซึ่งประชาชนต้องการข้อเท็จจริง และต้องการเห็นทางแก้ปัญหาเพื่อยุติสงครามกลางเมือง เพื่อความสงบสุขของประเทศ ยังเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ ยิ่งจะเป็นการตอกย้ำข้อสังเกตที่ว่า ทีวีไทย เกิดจากการทำรัฐประหาร ก็ย่อมที่จะสนองความต้องการของผู้มีอำนาจมากกว่าที่จะสนองความต้องการของประชาชน

ต้องขอออกตัวก่อนว่า ผู้เขียนระมัดระวังอย่างยิ่งกับการวิจารณ์ทีวีไทย เพราะอาจจะมีคนที่พาลคิดไปว่า เป็นแค้นฝังหุ่น เหตุเพราะถูกตะเพิดออกมาด้วยข้อหารับใช้ระบอบทักษิณ ได้เคยปฏิเสธข้อกล่าวหาลักษณะนี้เช่นนี้ไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง และถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันที่จะให้มีทีวีสาธารณะ ทั้งเห็นด้วยและสนับสนุนอย่างเต็มที่ตั้งแต่เริ่มต้น (ถ้าไม่เห็นด้วยคงไม่ไปสมัครงานตั้งแต่วันแรกของการเปิดรับพนักงาน) ทั้งนี้ก็เพราะหวังที่จะให้คนไทยได้หลุดพ้นจากพันธนาการ การปิดกั้นข้อมูลข่าวสารจากผู้มีอำนาจ รวมทั้งอยากเห็นเกราะกำบัง หรือภูมิคุ้มกัน สำหรับคนทำข่าวที่มีความรับผิดชอบ กล้าหาญในการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อประชาชนจะได้ประโยชน์โดยไม่ต้องเกรงกลัวอำนาจใดๆ

คนทำสื่อโทรทัศน์อย่างทีวีไทย จะต้องเข้าใจว่า เพราะเหตุใดสถานีโทรทัศน์ช่องนี้จึงถูกสร้างขึ้นมาให้มีอิสระ มีเกราะกำบังที่จะคอยคุ้มกันคนทำข่าวอย่างเต็มที่ มีการอุดหนุนเงินงบประมาณซึ่งเป็นภาษีของประชาชนมาสนับสนุนอย่างไม่ต้องกังวลว่าจะตกอยู่ภายใต้อิทธิพลทางธุรกิจและการเมือง ก็เพราะว่า ในยามวิกฤติ เมื่อโทรทัศน์ทุกช่องถูกฝ่ายผู้มีอำนาจเข้าแทรกแซงครอบงำ ทีวีสาธารณะช่องนี้ เป็นเพียงช่องเดียวที่ประชาชนหวังว่า จะทำหน้าที่ให้ข้อเท็จจริงได้อย่างรอบด้าน ครบถ้วน และเป็นธรรมมากที่สุด แต่สำนึกนี้ดูเหมือนว่า ยังไม่เกิดขึ้นกับคนทำโทรทัศน์สาธารณะช่องนี้

อีกทั้งคนทำข่าว ทีวีสาธารณะ รวมทั้งนักข่าวไทยทุกคน จะต้องเข้าใจด้วยว่า การทำข่าวความขัดแย้งของคนไทยภายในชาติเดียวกันที่ถึงขั้นนองเลือดนั้น คนทำข่าวจะต้องไม่คิดว่า ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเป็นศัตรูของชาติ ( อย่าคิดเหมือนฝ่ายที่กุมอำนาจในขณะนั้นคิด) จะต้องไม่คิดแบ่งเขา แบ่งเรา จะต้องคำนึงอยู่เสมอว่า กลุ่มบุคคลที่กำลังต่อต้านรัฐบาล ด้วยวิธีการผิดกฎหมายทั้งหลาย ไม่ว่า ปิดถนน เผารถเมล์ ขว้างปาสิ่งของใส่ทหาร หรือทำลายอาคารบ้านเรือน พวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ผู้ก่อการร้าย ต้องมองด้วยหัวใจที่ว่า พวกเขาเหล่านั้นก็คือพี่น้อง ลุงป้าน้าอา ซึ่งเป็นคนไทยเหมือนกันกับเรา แต่อาจจะมีความเห็นต่างจากผู้มีอำนาจ หรือมีความคิดต่างไปจากเรา อย่าได้เอาความรู้สึกของตัวเราเป็นที่ตั้ง หรืออย่าได้เอาความรู้สึกหรือความต้องการของผู้มีอำนาจมาอยู่ในความคิดหรือความรู้สึกของเราซึ่งเป็นคนทำข่าวเด็ดขาด ที่สำคัญที่สุด นักข่าวทุกคน จะต้องคิดอยู่เสมอว่า จะทำอย่างไรถึงจะป้องกันหรือหลีกเลี่ยงไม่ให้ คนไทยฆ่าคนไทยด้วยกันเอง

สิ่งที่ประชาชนผู้กระหายข้อเท็จจริงในยามที่บ้านเมืองอยู่ในสภาพจลาจลหรือยามวิกฤติ จึงไม่ใช่เพียงแค่การรายงานข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ความขัดแย้ง เช่น การทุบรถนายกรัฐมนตรี การเผารถเมล์ การปิดถนน การทุบตีระหว่างประชาชนด้วยกันเอง หรือการทุบตีระหว่างประชาชนกับทหาร แต่ควรจะมีบทวิเคราะห์ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงที่ไปที่มาของปัญหา เหตุผล ความต้องการของแต่ละฝ่าย ที่สำคัญ คนทำข่าวจะต้องมีสำนึกความรับผิดชอบประกอบด้วย นั่นคือ ต้องพยายามหาทางออกเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ เพื่อป้องกันการนองเลือดด้วย

(สถานการณ์ข่าวแบบนี้ คิดอย่างสื่อตะวันตก ซึ่งไม่ได้เป็นเจ้าของประเทศไม่ได้ )

ผู้เขียนเองเฝ้าติดตามการรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องต่างๆ ตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 13 เมษายน เริ่มจากเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างกลุ่มคนเสื้อแดงและทหาร บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง และอีกหลายจุดในบริเวณใกล้เคียง การรายงานข่าวของสถานีโทรทัศน์แต่ละช่องไม่แตกต่างกัน คือเน้นไปที่เหตุการณ์ การรายงานสดจากนักข่าวในพื้นที่ผ่านทางโทรศัพท์ ซึ่งน่าแปลกที่ไม่มีช่องไหนเลยรายงานสด หรือมีทีมโอบีรายงานสดในพื้นที่เลย (มีแต่ ซีเอ็นเอ็น และบีบีซี ที่ยืนรายงานเหตุการณ์จากสถานการณ์จริง) ทำให้ไม่เห็นภาพความจริงที่เกิดขึ้นอย่างทันท่วงที ได้ยินจากเสียงการรายงานของนักข่าว ซึ่งนักข่าวหลายคนก็อยู่ในอาการหวาดกลัว ตกใจ และใช้ภาษาคำบรรยายในลักษณะที่ทำให้คนดู คนฟัง ที่อยู่หน้าจอทีวี คิดไปในทำนองว่า กลุ่มคนเสื้อแดงเป็นผู้ร้าย เป็นโจรคลั่งที่มุ่งจะทำร้ายทุกคนที่ขวางหน้า และจะต้องรีบจัดการให้เด็ดขาด (เช่นคำบรรยายที่ว่า “…ชาวบ้านย่านนางเลิ้งต่างก็วิ่งกรูเข้าไปเพื่อจะจัดการกับคนเสื้อแดง.” )

เฉพาะทีวีไทย มีการรายงานเหตุการณ์ผ่านทางโทรศัพท์ของนักข่าวในพื้นที่บ่อยครั้งและยาวนาน และมีการปล่อย ภาพคนเสื้อแดงเผารถ ภาพคนเสื้อแดงปิดถนน ขว้างปาสิ่งของใส่ทหาร ภาพทหารยิงคนเสื้อแดง ภาพประชาชนไม่พอใจคนเสื้อแดง ออกมาทำร้ายคนเสื้อแดง ภาพและเสียงจากฝ่ายรัฐบาลที่ตอกย้ำความผิดของกลุ่มคนเสื้อแดง รวมทั้งสัมภาษณ์ประชาชนที่ไม่พอใจการชุมนุมของคนเสื้อแดง โดยตำหนิอย่างรุนแรงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น ว่าเป็นการซ้ำเติมประเทศชาติ เหตุการณ์และข้อเท็จจริงเหล่านี้มีการบรรยายและนำเสนออย่างต่อเนื่องโดยไม่มีคำอธิบายหรือข้อเท็จจริงจากฝ่ายของเสื้อแดงเลย

การรายงานเหตุการณ์จลาจล โดยการนำเสนอข่าวเพียงด้านเดียวและต่อเนื่องเป็นเวลานาน จึงกลายเป็นการสร้างอารมณ์ความเกลียดชัง ความโกรธแค้นให้เกิดขึ้นกับคนดูที่เฝ้าติดตามเหตุการณ์อย่างใกล้ชิดอยู่ที่บ้าน สิ่งที่ทีวีไทย ขาดพร่องไป นั่นก็คือการ ‘อธิบายความ’ ถึงที่ไปที่มาของปัญหา การพูดถึงการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ไม่นำไปสู่การโกรธแค้น ไม่ช่วยลดอุณหภูมิความโกรธแค้นลง แต่กลับเร่งอารมณ์ความรู้สึกที่จะให้เกิดการเข่นฆ่ากันมากขึ้น

วันเกิดเหตุการณ์การจลาจลขึ้นนั้น ทีวีไทยควรที่จะปรับผังรายการใหม่ให้เป็นรายการพิเศษ ที่มีทั้งการรายงานสดในพื้นที่ การพูดคุยสัมภาษณ์บุคคลที่ต้องการที่จะคลี่คลายปัญหา หรือต้องการหาทางออกผ่านทางโทรศัพท์ หรืออาจจะเชิญมาร่วมรายการ ไม่ใช่รายงานสดเหตุการณ์ สลับกับการอธิบายความจากฝากรัฐบาลเพียงอย่างเดียว โดยไม่มีการอธิบายในเชิงการแก้ปัญหา หาทางลดอุณหภูมิความโกรธแค้นลง

การรื้อผังรายการปกติ เพื่อปรับเป็นรายการพิเศษที่จะเป็นการสร้างความรู้ ความเข้าใจ ในยามที่ประเทศชาติอยู่สถานการณ์วิกฤติ หรือเกิดเหตุการณ์สำคัญขึ้นภายในบ้านเมือง จะต้องทำให้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติของทีวีไทย เพราะ ‘เป็นทีวีสาธารณะ’ ที่ไม่มีเงื่อนไขเรื่องความเสียหายทางธุรกิจ เพราะเป็นทีวีที่ใช้เงินภาษีของประชาชน

นอกจากนั้น คนข่าวทีวีสาธารณะ จะต้องเป็นต้นแบบของคนข่าวที่มีคุณภาพของประเทศ จะต้องมีจิตใจที่รักความเป็นธรรม มีความเป็นกลาง มีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในสังคม มุ่งทำงานเพื่อประโยชน์ของสาธารณะและส่วนรวมเป็นสำคัญ ถ้าคนข่าว ‘ทีวีสาธารณะ’ ทำไม่ได้ ก็ไม่อาจจะคาดหวังคุณภาพคนข่าว จากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นได้ เพราะนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่องอื่นนั้น ไม่ได้มีภูมิคุ้มกันหรือเกราะกำบังอย่างแข็งแรงในเรื่องสิทธิเสรีภาพ เหมือนกับคนข่าวของ ทีวีไทย ทีวีสาธารณะ

คนข่าวโดยทั่วไป และโดยเฉพาะคนข่าวทีวีไทย จะต้องวิเคราะห์ให้ประชาชนเข้าใจว่า การแก้ปัญหาความแตกต่างทางอุดมการณ์ทางการเมือง ไม่อาจจะแก้ปัญหาให้ยุติได้ด้วยการใช้กำลัง ดังนั้นการที่รัฐบาล กองทัพ และตำรวจ สามารถประสานงานทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ จนนำไปสู่การสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงได้ ก็ใช่ว่าปัญหาจะยุติลงได้ เป็นหน้าที่ของคนข่าวทุกคน โดยเฉพาะคนข่าวทีวีไทย จะต้องขบคิดต่อไปว่า จะร่วมกันแก้ปัญหาให้วิกฤตินี้ผ่านพ้นไปได้อย่างถาวรได้อย่างไร

จึงอยากเห็นการปรับเปลี่ยนทีวีไทยอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่บัดนี้ โดยน่าที่จะเอาหนังจีน หนังเกาหลี ออกไปจากหน้าจอก่อน แล้วเปลี่ยนมาจัดเวที เปิดพื้นที่สาธารณะ ระดมความคิดเห็นจากทุกกลุ่มทุกฝ่าย เพื่อหาทางออกให้กับวิกฤติของประเทศชาติ เพราะวิกฤติของบ้านเมืองเราเวลานี้มีหลายด้านหลายปัญหาเหลือเกิน จะหวังพึ่งทีวีช่องอื่นก็ยิ่งหมดหวัง ทีวีไทย จึงเป็นความหวังเดียวที่เหลืออยู่ของสังคมไทย

เอาไว้ เมื่อสังคมไทยเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว ค่อยกลับมาดูหนังจีน หนังเกาหลี หรือรายการที่สร้างสรรค์ จรรโลงใจ ให้ไอเดียอย่างบรรเจิดกันต่อไป

ที่มา : ประชาไท




 

Create Date : 17 เมษายน 2552    
Last Update : 17 เมษายน 2552 20:18:49 น.
Counter : 447 Pageviews.  

'เทือก'จวก'แป๊ะลิ้ม'จ้องรื้อฟื้นคดีปรส.แฉ!สื่อพธม.ถล่มเละ!!ส่งสัญญาณแตกหักปชป.

05 มี.ค. 2009 - 15:15:28 น.

'เทพ เทือก' ปิดปากเงียบคดี ปรส. จวกเละ 'แป๊ะลิ้ม' ขุดคุ้ยเรื่องเก่าโจมตีผ่านสื่อรับใช้ ระบุ 'สนธิ' จ้องรื้อฟื้น 'คดีเร่ขายสินทรัพย์ ปรส.' มูลค่ากว่า 8.5 แสนล้านที่เกิดในรัฐบาลชวน แฉ!ผลสอบ 'ดีเอสไอ' ชี้ผลประโยชน์ทับซ้อน-จงใจหลีกเลี่ยงภาษี เผยหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกต 'สื่อพันธมาร' เพิ่งคิดรื้อฟื้นขณะที่มีความขัดแย้งกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

จากกรณีความ ขัดแย้งระหว่างพรรคประชาธิปัตย์ และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ที่หลายฝ่ายเริ่มจับอาการได้ถึงความไม่พอใจของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ และผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และสถานีโทรทัศน์ ASTV

สำหรับความขัดแย้งดังกล่าว เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา 21 แกนนำกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อครั้งที่ปิดทางเข้าออกรัฐสภา เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ในข้อหามั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง และขัดขวางการทำงานของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้หากตำรวจออกหมายเรียกไปแล้ว 2 ครั้ง แกนนำพันธมิตรฯ ยังไม่ยอมเข้ามอบตัว ก็จะมีการออกหมายจับ

รวมทั้งกรณีล่าสุด นายสนธิได้ออกมาโจมตีผ่าน ASTV ด้วยตนเองเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และแสดงอารมณ์เกรี้ยวกราดไม่พอใจนายสุเทพ โดย อ้างว่านายสุเทพบอกให้ พล.ต.ต.ชัยชนะ ศิริอัมพันธ์กุล รองผู้ชัญชาการตำรวจสันติบาล นายตำรวจซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายสนธิ ให้ถอยห่างจากนายสนธิ เพื่อไม่ให้ถูกจับตามอง แค่นั้นไม่พอ นายสนธิ ยังลำเลิกว่า “คนเราถ้าไม่รู้จักบุญคุณคน จะมีความหมายอะไรถึงแม้มีตำแหน่งใหญ่โต”

นอกจากนี้ นายสนธิยังกล่าวพาดพิงด้วยว่า “คุณสุเทพ ได้ขึ้นวอก็เพราะพันธมิตรฯ” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสะเทือนอย่างชัดเจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับพันธมิตรฯ

ก่อนหน้านั้น นายสนธิ ก็เคยออกมาพูดถึงการรวมตัวกลุ่มลูกหนี้เพื่อจ้องรื้อฟิ้นคดี ปรส. ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี และยังมีเรื่องค้างอยู่ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

'เทพเทือก'จวก'แป๊ะลิ้ม'รื้อฟื้นคดีปรส.

ต่อเรื่องดังกล่าว นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิได้ขุดคุ้ยคดี ปรส. ว่าเป็นเรื่องที่เก่ามาก

“คงไม่จริง เพราะถ้าเป็นเรื่องจริงก็คงจะมีการดำเนินการเอาผู้ที่เกี่ยวข้องเข้าคุกไป แล้ว ซึ่งการที่นายสนธิออกมาพูดเช่นนี้ ไม่ทราบว่ามีจุดประสงค์อะไร จึงขออนุญาตไม่ตอบคำถามนี้”

ส่วนที่มีนักวิชาการออกมาตั้งข้อสังเกตุว่าเป็นการเล่นเกมทาง การเมืองนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า “ไม่เอาแล้ว ผมขี้เกียจ ไม่อยากพูดเรื่องนี้”

แฉ!!ผลสอบDSIฟันหนี้ปรส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อน หน้านี้ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้มีข้อสรุปร่วมกับอัยการสำนักคดีพิเศษ และที่ปรึกษาจากกระทรวงการคลัง ในสำนวนคดีการขายทรัพย์สินขององค์การเพื่อการปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.)

ทั้งนี้ ในการสอบสวนดังกล่าว ได้มุ่งถึงการปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการนำทรัพย์สินของ 56 สถาบันการเงินที่ถูกปิดกิจการ มูลค่า 851,000 ล้านบาท ไปประมูลขายเพียง 190,000 ล้านบาท และ การดำเนินการของ ปรส. ขัดต่อวัตถุประสงค์ของกฎหมายที่มุ่งแก้ไข ระบบสถาบันการเงินด้วยการฟื้นฟูฐานะของบริษัทที่ถูกระงับการดำเนินการ

"แต่ขั้นตอน ดำเนินการของ ปรส. กลับไม่แยกหนี้ดี หนี้เสีย เพื่อแยกหนี้ดีไปให้กับธนาคารรัตนสิน จำกัด (มหาชน) นำไปบริหาร ทำให้เกิดความเสียหายแก่ระบบเศรษฐกิจของประเทศ ส่งผลให้ต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์โดยมิชอบ"

รายงานระบุว่า คดี ปรส. มีผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ 5 คดี ประกอบด้วย คดีที่ 1 กรณีบริษัท เลห์แมนบราเดอร์ โฮลดิ้ง อิงค์ ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ประเภทสินเชื่อที่อยู่อาศัยจาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมโกลบอลไทยพร็อพเพอร์ตี้ เมื่อวันที่ 13 ส.ค.2541 ยอดคงค้างทางบัญชี 24,616.95 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 11,520 ล้านบาท

คดีที่ 2 กรณีบริษัท โกลด์แมน แซคส์ เอเชีย ไฟแนนซ์ จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมบางกอกแคปปิตอล ยอดคงค้างทางบัญชี 115,890.96 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 22,454.87 ล้านบาท

คดีที่ 3-4 กรณีบริษัท เกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) ผู้ ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับ กองทุนรวมเอเชียรีคอฟเวอรี่ 1 - 3 ยอดคงค้างทางบัญชี 64,303.34 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 23,176.38 ล้านบาท

คดีที่ 5 กรณีบริษัท วีคอนกลอมเมอเรท จำกัด ผู้ชนะการประมูลซื้อสินทรัพย์ จาก ปรส. แล้วโอนสิทธิให้กับกองทุนรวมวีแคปปิตอล ยอดคงค้างทาง บัญชี2,376.73 ล้านบาท แต่ประมูลขายไปเพียง 3,189.90 ล้านบาท

ในคดีที่ 1 มีการสอบปากคำพยานบุคคล ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวม 106 ปาก แยกประเด็นการสอบสวนออกเป็นประเด็นข้อกฎหมายและประเด็นข้อเท็จจริง เพื่อให้ได้หลักฐานถึงวัตถุประสงค์ในการปฏิรูปสถาบันการเงิน และกรณีผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงการจงใจหลีกเลี่ยงภาษี

สำหรับการขาย ทรัพย์สินของสถาบันการเงินทั้ง 56 แห่ง ในกลุ่มสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย มีการดำเนินการที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เป็นความผิดทางอาญา

หลังจากนั้น กรรมการ ปรส.ที่รู้เห็น หรือเกี่ยวข้องโดยตรงในการขายและนิติบุคคลที่มีส่วนร่วมและสนับสนุนให้เจ้า หน้าที่กระทำผิดอาญาจำนวนไม่ต่ำกว่า 5 ราย จะถูกดำเนินคดี ฐานเป็นผู้สนับสนุนให้เจ้าพนักงานและเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต และร่วมกันกระทำโดยความเท็จ โดยฉ้อโกงหรืออุบายเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร

สื่อฯรับใช้'พันธมาร'โบ้ยปชป.หลังขัดแย้งรุนแรง!!

แหล่งข่าวจากดีเอสไอ ระบุว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการขายสินทรัพย์ของ ปรส.ที่ผ่านมา เคยมีการตั้งนายยุวรัตน์ กมลเวชช เป็นกรรมการตรวจสอบ และได้ตั้งประเด็นในการตรวจสอบตรงกับการสอบสวนของดีเอสไอ โดยการสอบสวนครั้งนั้น พบพยานหลักฐานว่ามีการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากดีเอสไอสั่งฟ้องคดีที่ 1 เรียบร้อย ก็จะเป็นบรรทัดฐานข้อกฎหมายที่จะมาใช้ฟ้องกรณีบริษัทอื่นๆ ต่อไป

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ทั้งหมด เกิดขึ้นในสมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี จึงได้มีการโจมตีพรรคประชาธิปปัตย์ว่ามีส่วนรู้เห็น กระทั่งเป็นเรื่องยากที่จะปัดความรับผิดชอบนี้ลงได้

ทั้งนี้ เพราะการที่ขายทรัพย์สินของ ปรส.มูลค่ากว่า 851,000 ล้านบาท ให้ กับสถาบันการเงินต่างชาติ โดยไม่เปิดโอกาสให้เจ้าของซื้อคืน ในราคาเพียง 20% และให้ต่างชาติขายคืนในราคาที่สูงกว่าถึง 60 -70% เรื่องดังกล่าวจึงกลายเป็นประเด็นที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ หยิบยกขึ้นมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่มี การตั้งข้อสังเกตว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่เพราะเหตุผลกลใดนายสนธิถึงหยิบประเด็นนี้ขึ้นมาโจมตี ในช่วงเวลาที่กลุ่มพันธมิตรฯได้มีความขัดแย้งกับรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์

ที่มา : ประชาทรรศน์




 

Create Date : 06 มีนาคม 2552    
Last Update : 6 มีนาคม 2552 1:07:11 น.
Counter : 498 Pageviews.  

สหภาพสื่อสารแฉเจอลิ้มแบล็กเมล์ไถเงิน ไม่เจียดให้ใช้สื่อกระบอกเสียงเล่นงานอ่วม

ที่มา เวบไทยอินไซเดอร์
20 กุมภาพันธ์ 2552

“สหภาพ กสท” เปิดศึกใส่ “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้ทรงอิทธิพลใหญ่ของสื่อ จวกยับจาก “นักต่อสู้” ในวันวาน กลายมาเป็น “นักบุญในคราบซาตาน” ในวันนี้ แฉให้บริษัทในเครือขอทำพีอาร์ผ่านสื่อในเครือ 16 ล้าน แต่ไม่ได้รับการตอบรับ จึงโจมตีผ่านสื่อตัวเอง

เวบไซต์ไทยอินไซเดอร์ของนายเอกยุทธ อัญชัญบุตร รายงานว่า เว็บไซต์สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) เผยแพร่ “แถลงการณ์ สร.กสท.” เรื่อง “นักสู้หรือนักบุญในคราบซาตาน” ระบุว่า ตามที่มีข่าวจากนสพ.ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งลงข่าวเกี่ยวกับการปลด CFO ให้พ้นจากหน้าที่ความรับผิดชอบด้านการตลาด โดยกล่าวถึงการพบเงื่อนงำในการจัดซื้อวิธีพิเศษเกี่ยวกับโครงข่าย CDMA และความเสี่ยงที่ CAT จะทุ่มเงินถมลงไปในระบบ CDMA แทนที่จะตัดสินใจมุ่งหน้าหาโลกอนาคตด้วย 3G/HSPA นั้น สร.กสท.ได้ตรวจสอบข้อมูลในเบื้องต้นพบว่า การจัดจ้าง Maintenance Agreement (MA) ระบบเครื่อข่าย CDMA 2000 1xEV-DO ในส่วนภูมิภาค เพราะระยะเวลาการรับประกันตามสัญญาจัดสร้างระบบเครือข่าย CDMA ทั้งสองเฟสได้หมดลงในเดือนมี.ค. 2552 ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ของ CAT ไม่พร้อมที่จะดำเนินการเองได้ อีกทั้ง CAT ไม่ได้ซื้อบริการหลังการขายไว้ เมื่อพ้นระยะเวลาการรับประกัน จึงจำเป็นต้องจัดจ้างเพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการให้บริการ เรื่องนี้ได้ผ่านการพิจารณาจาก EX-COM แล้ว แต่บอร์ดกลับให้นำเรื่องมาทบทวนใหม่ วันนี้คุณภาพการให้บริการ CDMA ทั้งระบบเหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ถ้ามีปัญหาร้ายแรงเกิดขึ้น จนเจ้าหน้าที่ของเราไม่สามารถแก้ไขได้ ระบบ CDMA อาจจะล่มลงทั้งระบบ ถึงวันนั้นบอร์ดทั้งคณะจะรับผิดชอบไหวหรือไม่กับความเสียหายครั้งนี้

ส่วน เรื่องการจัดทำ RF Optimization นั้น หลังจากบริษัท หัวเหว่ย ได้ส่งมอบระบบ CDMA แล้ว ยังไม่มีการปรับแต่งระบบแต่อย่างใด ทำให้มีผลต่อคุณภาพของการให้บริการ เช่น สายหลุดบ่อย, Internet Data ไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ และในระหว่างที่รอจัดซื้อเครื่องมืออุปกรณ์ CAT จึงได้จัดจ้างบริษัทให้ดำเนินการกับจังหวัดที่มีปัญหา 12 จังหวัดก่อน และเหตุผลที่ยกเลิกการจัดจ้าง เพราะต้องการปรับปรุงข้อกำหนดใหม่ โดยให้เจ้าหน้าที่ CAT เข้าร่วมเรียนรู้และสามารถดำเนินการได้เองในอนาคต

สร. กสท. ขอให้ช่วยจับตามองความเป็นไปได้ในการแย่งชิงผลประโยชน์กัน ไม่ว่าจะเป็นภายในและภายนอก ปัจจุบัน CAT อยู่ได้เพราะเงินจากสัมปทาน ถึงวันนี้ผู้บริหารระดับสูงยังไม่คิดที่จะช่วยกันปกป้องผลประโยชน์ขององค์กร แต่กลับทำตัวเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือนักต่อสู้ที่จ้องแต่จะสูบเลือดสูบเนื้ออยู่อย่างนี้ ไม่นานองค์กรคงต้องล่มสลายแน่

การเสพข้อมูลข่าวสาร ขอให้กระทำอย่างมีสติและเหตุผล ปัจจุบันมีนสพ.ที่เจ้าของเป็นผู้ทรงอิทธิพลใหญ่รายหนึ่ง พยายามตีข่าวเพื่อลดความน่าเชื่อถือ (Dis-Credit) ผู้บริหารท่านหนึ่งอย่างต่อเนื่อง เบื้องลึกเบื้องหลังน่าจะเกิดจากผู้ทรงอิทธิพลท่านั้น ขอเงินสนับสนุนกิจการของตัวเองจำนวน 16 ล้านบาท แต่ไม่ได้รับการตอบรับ อีกทั้งมีข่าวว่า มีสายสัมพันธ์กับนักการเมืองสายปากน้ำ เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว ยิ่งทำให้กลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากขึ้น ถึงขั้นมีข่าวว่า ได้ส่งคนของตัวเองเข้ามานั่งเพื่อส่งส่วยผลประโยชน์จากภายในสู่ภายนอกมา ตั้งแต่รัฐบาลชุดที่แล้วจนถึงปัจจุบัน เมื่อเส้นทางผลประโยชน์ไม่ราบรื่น จึงสั่งให้สื่อภายใต้อาณัติของตนเองเล่นงานฝ่ายตรงข้าม สร้างความเสียหายให้กับ CAT TELECOM

อะไรที่ทำให้ผู้ทรงอิทธิพล “อาแปะ” นักต่อสู้ในวันวาน กลับกลายเป็นนักบุญในคราบซาตานได้ในวันนี้

ผู้ สื่อข่าวรายงานต่อว่า นอกจากนี้ ทางนางณัฏฐิกา วงศ์ซื่อสัตย์ รองประธานสร.กสท. ทำหน้าที่รักษาการประธาน สร.กสท. ยังได้ทำจดหมายด่วนที่สุด ถึงร.ต.หญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยแจกแจงรายละเอียดถึงความไม่โปร่งใสของกรรมการบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ซึ่งช่วงหนึ่งระบุว่า มีสื่อมวลชนด้านสิ่งพิมพ์ ทำหนังสือถึง บมจ.กสท. เสนอโครงการประชาสัมพันธ์บริษัท ผ่านสื่อดังกล่าว เป็นจำนวนเงิน 16 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของฝ่ายประชาสัมพันธ์ โดยกรรมการบอร์ดบางท่าน ได้พยายามโน้มน้าวผู้บริหารระดับรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ท่านหนึ่ง พิจารณาให้ความเห็นชอบอนุมัติเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่สื่อมวลชนรายนั้น แต่รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ส่งเรื่องให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบรายละเอียดของ “สิ่งที่ส่งมาด้วย” ในลำดับที่ 5 พบว่า เป็นสำเนาหนังสือ เรื่องเสนอโครงการประชาสัมพันธ์ บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) ผ่านสื่อในเครือบริษัท ไทยเดย์ดอทคอม จำกัด ซึ่งเป็นเครือข่ายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม ว่า จากการตรวจสอบสื่อสิ่งพิมพ์ที่ตีพิมพ์ข่าวเกี่ยวกับ “กสท.” พบว่า นสพ.ASTV ผู้จัดการรายวัน ฉบับวันที่ 16 ก.พ. 2552 ซึ่งเป็นสื่อในเครือข่ายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้ตีพิมพ์ข่าวเรื่อง “เล็งยื่นถอดถอน ‘ระนองรักษ์’ ตั้ง กก.สอบบอร์ด กสท.ผิด กม.” โดยมีเนื้อหาสรุปได้ว่า แฉรมว.ไอซีทีรับใช้ทุนการเมือง ตั้งกก.สอบข้อเท็จจริงบอร์ดกสททั้งคณะไม่ชอบด้วยกฎหมาย ใช้อำนาจการเมืองแทรกแซงการบริหารบริษัทมหาชนที่คลังถือหุ้น 100% เล็งยื่นถอดถอนร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ กระเด็นตกเก้าอี้รมว.ไอซีที เผย 3 ประสานบีบประธานบอร์ดกสทหลังรักษาประโยชน์คลังและกสท ขวางทางถอนทุนนักการเมือง (ติดตามอ่านได้ที่ //www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9520000017455)




 

Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2552    
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2552 1:54:22 น.
Counter : 493 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.