วายแล้วมันหนักหัวใคร?
"วายแล้วมันหนักหัวใคร"
Entry นี้สำหรับทั้งคนที่ยืดอกพูดประโยคนี้ได้อย่างเต็มปากเต็มคำ และสำหรับคนที่สงสัยเหลือเกินว่าใครสักคนกล้าพูดประโยคนี้ออกมาได้อย่างไร
ก๊อปปี้มาจากบล็อกในมุมมืดของตัวเอง ตอนแรกตั้งใจว่าจะเขียนระบายความคิดเฉย ๆ แต่ไป ๆ มา ๆ รู้สึกว่า ถ้ามีใครได้เข้ามาอ่านแล้วเลิกฮึ่มแฮ่ใส่อีกฝ่ายได้ก็คงดี เลยนำมาอัพในนี้ด้วย เพราะมันอยู่ใกล้เวทีที่ไปมุงมามาก หุ ๆ
-------------------------------------------------- วาย แล้วเป็นไงอ่ะ? (มีปัญหาเหรอเพ่!?) --------------------------------------------------
สองวันนี้มีโอกาสไปเกาะเวทีดูอะไรประหลาด ๆ
เอาเป็นว่า ก็เวทีเดิมที่อิฉันชอบไปมุงนั่นล่ะค่ะ พันติ๊บ....เจ้าเก่า แหล่งความบันเทิง เอ๊ย ไม่สิ แหล่งมวยชั้นยอดที่ฉันชอบไปมุงแบบติดขอบเวที และบางครั้งก็กระโดดข้ามเชือกเข้าไปแจมกับเขาด้วยเพราะความมันและคันมือ อิอิ ตีกันนัวเลยค่ะ มีสารพัดรูปแบบ ทั้งมมวยชั้นเชิง มวยรอบคอบ มวยวัด และแม้แต่มวยใต้เข็มขัด อู๊ยดุเด็ดเผ็ดมันมาก ขอบอก แม้ว่าอ่านแล้วจะแอบรำคาญคนมุงหรือคนเชียร์บางคน ที่ช่วยชกไม่ดูตาม้าตาเรือ แล้วยังทำให้ฝ่ายที่ตัวเองเชียร์เสียคะแนน (ในสายตาคนดูอย่างเรา ที่แอบให้คะแนนคู่ชกแต่ละคนอยู่ในใจไปด้วย) อีกต่างหาก
-------------------------------------------------- แล้วไปมุงเค้าทำไม? --------------------------------------------------
ก็มีคนโยน link มาให้ดูอ่ะ ลองคลิกเข้าไปเห็นว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจ เพราะเราเองมีงานอดิเรกชอบเขียนนู่นเขียนนี่ และเคยติดตามอ่านและให้ความเห็นในกรณีพิพาทว่าด้วยการลอกผลงาน หรือแอบอ้างผลงานมาแล้วหลาย ๆ คดี ก็เลยลองอ่านกระทู้ดู....
และแน่น้อนนนน มนุษย์เราน่ะ อะไรที่ตัวเองไม่เดือดร้อน แต่น่าสนุกหรือแปลกดีล่ะก็ ย่อมสุขไปกับมันค่ะ จะว่ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นก็พอได้นะ โดยเฉพาะสำหรับคนที่ถือคติ "มุงเรื่องชาวบ้านคืองานของเรา" อย่างนี้ เหอ ๆ ตอนนี้เรื่องเกิดกับคนอื่นก็มุงไปแจมไป ยังสนุก ยังขำได้ ไว้รอให้เกิดปัญหาเดียวกันกับตัวเองก่อนสิจะขำไม่ออก ก๊าก) และที่สำคัญ นอกจากเรื่องการกล่าวหาว่ามีการลอกแล้ว หนนี้บังเอิญมีการคาดเดาอะไรบางอย่างที่พาดพิงมาถึงเรื่องประเด็นทำนองว่า "วายแล้วมันหนักหัวใคร" ด้วย จนเรื่องมันบานปลาย พายเรือออกนอกอ่าวไปไกล เบี่ยงประเด็นกระทู้ไปหลายองศา จนร้อนถึงคนรอดูคู่เอก ต้องมาช่วยพายกลับเข้าฝั่งหลายราย
อ่านไปอ่านมาของขึ้นค่ะ.... มีหลายประเด็นที่อยากเขียนตอบมากกกกกกกกกก แต่มันไม่ใช่ประเด็นหลักที่เจ้าของกระทู้ต้องการ (เจ้าของกระทู้ต้องการแค่พิสูจน์ตัวเอง ล้างมลทินและข้อกล่าวหาเรื่องลอกสปอยล์จากเว็บบล็อกต่างประเทศเท่านั้น) ก็เลยต้องแอบมาเขียนในมุมมืดส่วนตัวของตัวเองเยี่ยงนี้
. . .
เรื่องของเรื่องเกิดจาก ค่านิยม รสนิยม และคตินิยมที่ไม่ตรงกันของคนสองประเภท คือ ประเภทที่ชอบวาย (Yaoi) เป็นชีวิตจิตใจ กับประเภทที่เกลียดวายเหมือนเกลียดขี้!
ถ้าคนสองประเภทนี้มาพบกันโดยไม่ไม่มีการประนีประนอมให้อีกฝ่าย มันจะเกิดอะไรขึ้น?!
ฝ่ายหนึ่งบอกว่า ชายคู่หญิง คือสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมา เป็นเรื่องสามัญ เป็นเรื่องปรกติ (โดยที่มีบางส่วนอคติหนักถึงขั้นระบุว่าคนที่ชอบวายน่ะเป็นพวกจิตวิปริต)
อีกฝ่ายหนึ่งบอกว่า ความรักไม่แบ่งแยกเพศ เป็นเรื่องของโลก ชายคู่ชายไม่ใช่เรื่องผิด (โดยที่มีบางส่วนบอกว่า คนที่ต่อต้านวาย/เกลียดวาย เป็นพวกโลกแคบ ใจแคบ)
ฉันเห็นด้วย (และไม่เห็นด้วย) ค่ะ
. . .
จะสุดโต่งกันไปถึงไหนคะคู้ณณณณ
แค่รสนิยมไม่ตรงกัน ค่านิยมไม่ตรงกัน ต้องฟาดฟันกันให้อีกฝ่ายตายจากไปจากโลกเลยมั้ยเนี่ย? คนที่ชอบไม่เหมือนกัน เกลียดไม่เหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าจะอยู่ร่วมกันอย่างสันติไม่ได้นี่นา แค่เคารพในความคิดส่วนบุคคลของอีกฝ่าย ไม่ยัดเยียดทัศนคติของตนให้อีกฝ่าย และไม่ดูถูกเหยียดหยามในสิ่งที่เขาชอบหรือในสิ่งที่เขาเป็น คนที่มีรสนิยมตรงกันข้ามกัน 180 องศา ก็สามารถคบหากันอย่างสมานฉันท์ได้
ปัญหาปีนเกลียวที่เกิดอยู่ตอนนี้ (หมายถึงการกระทบกระทั่งกันทั่ว ๆ ไปในสังคม ไม่ว่าจะสังคมจริงนอกจอ หรือสังคมเสมือนในโลกอินเทอร์เน็ต) ก็เกิดเพราะฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือทั้งสองฝ่าย ใช้อคติมาตั้งป้อมรังเกียจซึ่งกันและกัน หรือใช้คำพูดทำร้ายจิตใจกัน บางครั้งอาจรุนแรงถึงขนาดไม่ถนอมน้ำใจ ด่าทอจนเหมือนไม่เห็นว่าอีกฝ่ายเป็นมนุษย์ โดยยึดหลักว่าตนเองถูกเสมอ คนอื่นผิด และใจแคบ เพียงเพราะเขาไม่ยอมมองโลกแบบที่เรามอง!?
แรงไปแล้วมั้ง? กับแค่ขัดแย้งเรื่องทัศนคติ เรื่องรสนิยมเนี่ยนะ?
#############################################
ถึงรสนิยมของเราถูกประณามหยามเหยียด
....ก็ใช่ว่าโลกนี้จะพังทลายลง
....ก็ใช่ว่าสิ่งที่เราชอบจะสิ้นสลายลง
....ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องยัดเยียดรสนิยมของเราให้คนอื่นมาชอบด้วย
....และยิ่งไม่จำเป็นที่จะต้องไปต่อว่าต่อขานพวกเขาว่าใจแคบหรืออะไร
ถึงคนอื่นจะคลั่งใคล้ในสิ่งที่เรารังเกียจ
....ก็ใช่ว่าโลกนี้จะพังทลายลง
....ก็ใช่ว่าสิ่งที่เราชอบจะสิ้นสลายลง
....ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นจะต้องยัดเยียดสิ่งที่เราเรียกว่า"ปรกติ"ให้คนอื่นเอาไปยึดถือด้วย
....และยิ่งไม่จำเป็นที่จะต้องไปต่อว่าต่อขานพวกเขาว่าวิปริตหรืออะไร
#############################################
สำหรับ ฉัน ที่ชอบวาย และเริ่มชอบมานานประมาณ 12 ปีแล้ว (ตั้งแต่เพิ่งขึ้นม.ปลายแน่ะ คิดดูสิ!?) ฉันเชื่อมั่นว่าตนเองไม่ได้วิปริต ไม่ได้ผิดปรกติ เพราะมันเป็นความชอบส่วนบุคคล เป็นรสนิยม และฉันเชื่อว่าตัวฉันดีพอ จึงไม่จำเป็นจะต้องสะทกสะท้านเวลาที่มี "คนที่ไม่ยอมเข้าใจ" และ/หรือ "คนที่ไม่ยอมแม้แต่จะพยายามทำความเข้าใจ" มาว่ากล่าวเหล่าสาวกวายเสีย ๆ หาย ๆ เพราะเหตุว่าทองแท้ย่อมไม่กลัวไฟ! (และพูดไปก็ป่วยการ เหมือนสีซอฯ)
แต่ มันก็ไม่ใช่หน้าที่ และไม่ใช่เรื่องดีงามหรือน่าภาคภูมิ ที่จะไปเที่ยวป่าวประกาศถึงความเป็นสาววายของฉัน ฉันไม่จำเป็นจะต้องไปชักจูงหรือโฆษณาใคร ๆ ให้หันมาชอบวาย ไม่จำเป็นจะต้องพยายามคัดง้างหรือโน้มน้าว หรือถึงขั้นบังคับขู่เข็ญ ดุด่าว่ากล่าวพวกคนที่ไม่ชอบ หรือคนที่ถึงขั้นรังเกียจวาย ให้หันมาชอบวาย หรือหันมายอมรับวาย ความเป็นสาววายของฉัน....ใครจะรู้ก็รู้ไป ไม่ได้ปิดบังอะไร ส่วนใครไม่รู้ก็ไม่ใช่ธุระของฉันที่จะต้องไปสะกิดบอกให้เขารู้ว่า "นี่ ๆ ฉันเป็นสาววายนะ" ส่วนใครจะรู้แล้วขอดูบ้าง รู้แล้วรับได้ รู้แล้วเฉย ๆ หรือรู้แล้วร้องยี้ ก็ไม่ใช่ธุระอะไรของฉันเหมือนกันที่จะต้องไปเปลี่ยนรสนิยมของเขาให้มาเป็น พวกเดียวกัน
******************** ยกตัวอย่างง่าย ๆ ใกล้ตัว ********************
ทุเรียนค่ะ!
ทุเรียน!
เหตุที่ต้องเป็นทุเรียนเพราะว่าตัวฉันเองเกลียดทุเรียนมาก! รู้สึกว่ามันมีกลิ่นเหม็นอันสุดจะทานทน ขนาดแค่เดินผ่านร้านที่ขายทุเรียนปอกเปลือกแล้วก็อยากแหวะขึ้นมาทันที แต่คนที่บ้าน ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ และพี่สาว ชอบทุเรียนมาก! ทว่า เราอยู่ร่วมกันได้ค่ะ ฉันไม่เห็นจะต้องลุกขึ้นมาร้องแรกแหกกระเชอ บอกว่าแบนทุเรียน! บ้านนี้ห้ามเอาทุเรียนเข้ามากิน! และพ่อแม่ กับพี่ของฉัน ก็ไม่ได้พยายามบังคับให้ฉันชอบทุเรียน รวมทั้งไม่บังคับให้ฉันนั่งในห้องที่เขากินทุเรียนกันด้วย
ก็มันเหม็นนี่! หลบได้ฉันก็หลบ เพราะไม่อยากได้กลิ่น ถ้าใครกินแล้วมาเรอใส่ใกล้ ๆ ฉันก็บ่น หรือไล่ให้ไปแปรงฟัน และบอกว่าอย่ามาเรอใส่จมูกอีกนะ ต่อให้คนกินจะบอกว่าทุเรียนน่ะหอม หวาน อร่อย เป็นสุดยอดแห่งผลไม้ เป็นราชาแห่งผลไม้ทั้งปวง
ฉันเคยลองพยายามกินดูหนหนึ่งเหมือนกันนะทุเรียนเนี่ย คุณแม่เลือกพูที่ยังไม่สุกมาก กลิ่นไม่แรงมาให้ชิมคำหนึ่ง แค่เอาเข้ามาใกล้ปากก็จะเป็นลมแล้ว แต่ก็อุดจมูกแล้วกินลงไป มันมีรสหวานจริง ๆ อย่างที่ทุกคนในบ้านโฆษณาค่ะ แต่รสสัมผัสของมันไม่ถูกรสนิยมของฉัน แล้วไหนจะกลิ่นที่แสนรุนแรงนั่นอีก! สุดท้ายแม้จะดื่มน้ำตามเข้าไปสองสามอึกเป็นการล้างปาก ฉันก็"แหวะ"ออกมาตามธรรมชาติอยู่ดีค่ะ (เสียดายอาหารมื้อเย็นมาก!)
. . . . .
วายก็คล้ายกับทุเรียนนี่แหละค่ะ บางคนบอกว่าหอม หวาน อร่อย บางคนบอกว่าเหม็น คนที่บอว่าเหม็น ไม่ชอบ เกลียด บางคนอาจจะแค่ได้กลิ่นก็ไม่ชอบแล้ว ไม่เคยลองพยายามชิมดู แต่บางคนก็เคยชิมแล้วแต่ก็ยังเกลียดอยู่ ซึ่งมันก็ไม่ใช่ความผิดของเค้าเลยใช่มั้ยล่ะคะ? รสนิยมส่วนตัวนี่ อะไรที่รับไม่ได้ก็คือรับไม่ได้
ยี่สิบกว่าปีมาแล้วนะคะ ที่ฉันต้องเห็นทุเรียน ได้กลิ่นทุเรียน เหม็นทุเรียน และเกลียดทุเรียน ทั้งที่ไม่ชอบกลิ่น แต่ก็ต้องพบปะกับมันทุกครั้งที่ถึงฤดูทุเรียน และคนในครอบครัวซื้อมากิน
แต่ฉันก็ไม่เคยที่จะชี้หน้าว่าใครที่ชอบทุเรียนว่าเป็นพวกวิปริตชอบกินของเหม็น หรือลุกขึ้นมาขับไล่ไสส่งให้ออกไปพ้น ๆ ไกล ๆ จากฉัน อย่าให้ฉันได้กลิ่น (ฉันเดินหนีเองได้ค่ะ มีเท้า ไม่ใช่เป็นง่อย)
ในขณะเดียวกันคนในบ้าน หรือคนอื่นที่ชอบทุเรียน ก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาด่าค่ะว่าฉันโง่ ไม่เห็นค่าของราชาแห่งผลไม้ หรืองี่เง่า มีของดีแล้วไม่รู้จักหัดกิน!
รสนิยมนะคะ เรื่องส่วนตัวค่ะ บังคับกันไม่ได้
###########################################
เราเชื่อว่าชาววายหลาย ๆ คน อยากให้สังคม หรืออย่างน้อยก็คนรอบข้าง ยอมรับเราในสิ่งที่เราเป็น โดยที่ยอมรับสิ่งที่เราชอบด้วย ไม่มองเราด้วยอคติหรือสายตารังเกียจ ไม่เหยียดหยามเราเพราะแค่รสนิยมของเราไม่เหมือนเขา
ถ้า อยากให้เป็นเช่นนั้น แล้วเริ่มด้วยการที่คนรอบข้าง "ไม่ชอบแต่ก็ไม่เกลียด" มันก็คงไม่ยากหรอกค่ะ เพราะเริ่มที่ 0 และที่เราต้องการก็คือ 0 หรือ +
ในเมื่อเขาไม่ได้รังเกียจอยู่แล้ว ถึงเขาจะรู้ว่าเราชอบแบบนี้ก็คงรู้สึกเฉย ๆ ไม่มาตั้งอคติต่อว่าอะไรเราหรอกค่ะ
แต่ถ้ามันเริ่มที่เกลียด หรือรังเกียจล่ะคะ? เราต้องทำจาก - ให้เป็น 0 ก่อนนะคะ อยู่ ๆ จะให้ + เลยมันเป็นไปไม่ได้
เพราะคนเราถ้าเกลียดหรือรังเกียจแล้ว ถ้ามีอะไรมากระทบความรู้สึกในแง่ลบปุ๊บ ความเกลียดจะยิ่งทบเพิ่มได้ง่ายค่ะ
*************************************************
เมื่อสมัยมีเรื่องเกี่ยวกับรายการหลุม*ปี๊บ* ฉันเองก็รู้สึกนะคะว่า ถ้าทุกคนชื่นชมหรือชื่นชอบวายกันเงียบ ๆ ไม่ไปทำตัวเด่นหรือสะดุดตาใคร ก็คงไม่ดึงดูดให้ใครเขาหันมาเพ่งเล็งได้ง่าย ๆ หรอกค่ะ เห็นในคลิปวีดีโอที่ดักถ่ายในร้านการ์ตูนแล้วรู้สึกว่า พฤติกรรมบางอย่างของสาววายบางคนมันเตะตาจริง ๆ ไม่แปลกเลยที่จะทำให้ถูกจับตามอง มันเหมือนชักศึกเข้าบ้านราดี ๆ นี่เองค่ะ แหม ใครเค้าจะบุกฝ่ากำแพงเมืองเราเข้ามาล่ะคะ ถ้าเราไม่ทำให้เขาเห็นช่องโหว่ที่กำแพง.... ลงมีรอยร้าวล่ะก็ ข้าศึกที่ไหนเห็นก็ย่อมอยากประชิดมาตีกำแพงเมืองทั้งนั้น
ถึงเราไม่ได้ทำไม่ดี (ในที่นี้หมายถึง "อนาจาร") แต่ในหมู่เรามีสิ่งไม่ดีปะปนแปลกปลอมอยู่ ก็ไม่แปลกใช่มั้ยที่คนนอกเขาจะเพ่งเล็งและเล่นงานตรงจุดนั้น
อันนี้เราก็ต้องมองความเป็นจริงของโลกกันก่อนนะคะ ว่ารสนิยมวายเนี่ยยังไม่เป็นที่ยอมรับกันในวงกว้างขวางอย่างเปิดเผย (โดยเฉพาะในประเทศไทย) แต่ยังเป็นกลุ่มเฉพาะอยู่เพราะฉะนั้นถ้าจะมีคนมองว่าผิดปรกติก็ย่อมไม่แปลก ถามว่าชอบวายผิดมั้ย? เราขอตอบเต็มปากเต็มคำว่าไม่ผิดค่ะ! แต่ถ้าถามต่อว่า แล้วคนที่เกลียดวายล่ะผิดมั้ย? เราก็ต้องตอบว่า ไม่ผิดค่ะ! เหมือนกัน
เพราะมนุษย์โลกเป็นปัจเจกชน แต่ละคนจึงแตกต่างกันไป และมีความคิด ค่านิยม ทัศนคติ รสนิยม และขอบเขตของการยอมรับ แตกต่างกันไป
. . .
ถ้าเราต้องการให้คนรอบข้างยอมรับเราในความเป็นสาววายแบบที่เราเป็น
เราก็ต้องยอมรับคนรอบข้าง ในความเป็นคนยึดมั่นต่อความ"ปรกติ"ในสายตาของเขาเช่นกัน
ถ้าเรามัวแต่คิด หรือมัวแต่พูดว่า คนที่ไม่ยอมรับวาย มองวายเป็นเรื่องวิปริตน่ะ เป็นพวกโง่ จิตใจคับแคบ
เราเองก็จิตใจคับแคบไม่แพ้พวกเขาล่ะค่ะ
*************************************************** ทำไมสาววายถึงไม่ชอบให้ใครมาด่าวาย มาด่ารสนิยมของเรา มาหาว่าเราวิปริต? ***************************************************
เพราะเรารับไม่ได้ใช่ไหมที่เราถูกกระทำหรือถูกมองเหมือนเป็นตัวประหลาดของสังคม
เรารับไม่ได้ใช่ไหมที่บางคนในสังคมรังเกียจเราหรือว่าเราเสีย ๆ หาย ๆ แค่เพราะรสนิยมของเราไม่เหมือนคนอื่น?
ฉันใดก็ฉันนั้นค่ะ....
คน"ปรกติ"เขาก็ไม่ชอบเหมือนกันที่มีใครมาด่า"ความปรกติ"ของเขา หาว่าเขาโง่ ใจแคบ
หรือบางทีก็มองว่าเขาเป็นตัวประหลาดหลงยุค ไม่พัฒนา ความคิดโบราณเป็นไดโนเสาร์เต่าล้านปี
เขาก็คงรับไม่ได้เหมือนกับเรานั่นแหละ ถ้าเขาถูกด่าต่าง ๆ นานา แค่เพราะเขาไม่อาจเข้าใจหรือเข้าถึงในโลกแห่งสวนดอกไม้สีม่วงของพวกเรา
เราเป็นมนุษย์นะคะ
เขาก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
เคารพในทัศนคติของกันและกันในฐานะมนุษย์ ให้เกียรติกันและกันในฐานะมนุษย์ ไม่ต้องแบ่งแยก ไม่ต้องเอาความแตกต่างมาเป็นอคติดีกว่านะ
*********************************************
และสำหรับทั้งสองฝ่าย....
การเชื่อมั่น เชื่อถือ และเชื่อในตนเองในสิ่งที่ตนเองชอบ หรือคิดว่า"ถูกต้อง" มันไม่ผิดหรอกค่ะ
แต่ความถูกต้องของคนเรานั้น ถ้าคนอื่นจะเห็นพ้องด้วย เขาก็จะเห็นพ้องกับเราเองโดยเราไม่ต้องบังคับ หรือไม่ต้องไปสาดโคลนใส่สิ่งที่เขาเชื่อถืออยู่ก่อนหรอกนะคะ
การที่เหยียดหยามหรือกดคนอื่นให้ต่ำลง ไม่ว่าจะโดยการกระทำหคือคำพูด ด้วยการว่ากระทบ เหน็บแนม หรือด่าสาดเสียเทเสีย มันไม่อาจทำให้คนเราสูงส่งขึ้นมาได้หรอกค่ะ
ถ้า เราเชื่อว่าเราถูกต้อง เราดูดีอยู่แล้ว.... ก็ไม่ต้องพยายามเหยียบคนอื่นให้จมดินหรอกค่ะ เพราะเราย่อมดูดีอยู่แล้วด้วยตัวของเราเอง ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปกดคนอื่นให้ดูต่ำลงหรอก
ใช่มั้ย?
############################################
โลกนี้ไม่ได้มีแค่ขาวกับดำนะคะ
การไม่ขาว ไม่ได้หมายความว่าจะต้องดำเสมอไป
สีเทาน่ะ....มีมากมายหลายระดับ ใช่ว่าจะต้องสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งเสียเมื่อไร!?
คนที่แตกต่าง ไม่ได้หมายความว่าจะต้องแปลกแยกเสมอไป เราสามารถกลมกลืนกับรอบข้างได้ ถ้าเรายอมเลือกสีเทา
ยึดมั่นในสิ่งที่เราเป็น แต่ยอมรับในสิ่งที่คนอื่นเป็น นี่ล่ะค่ะคือวิธีที่จะปรองดองกันได้ทั้ง ๆ ที่แตกต่าง!
Free TextEditor
Create Date : 12 มีนาคม 2552 |
|
3 comments |
Last Update : 12 มีนาคม 2552 21:50:48 น. |
Counter : 4326 Pageviews. |
|
|
|
ขอให้มีความสุข เท่าที่หัวใจ อยากมีนะคับ
โจ...พลังชีวิต