ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
สื่อในมือ

คำถามหนึ่งที่ค้างคาใจประชาชนคนไทยครึ่งค่อนประเทศมานานแล้ว

ทำไม หนังสือพิมพ์ วิทยุโทรทัศน์ ไม่ชอบนายกฯทักษิณ ชินวัตร และต้องกล่าวหาใส่ร้ายทุกเรื่อง

จริงบอกเท็จ เท็จบอกจริง ทำสังคมสับสนวุ่นวายไปหมด กระทั่งเชียร์ให้ทหารปฏิวัติ ยุให้ในหลวงทำผิดรัฐธรรมนูญ จนถึงเทิดทูนอำนาจเผด็จการไว้เหนือหัว กลัวประชาธิปไตยจะกลับมา

นี่เป็นคำถามที่ผมเชื่อว่ามีหลายสิบล้านคนในประเทศนี้ ที่คาใจ และยังไขปริศนาไม่ออก

มาสิครับ มาฟังข้อมูลที่ผมไปสืบเสาะหามา

แม้จะไม่ถึงกับเสี่ยงชีวิต เหมือนไปล้วงเอกสารลับจากองทัพมาเปิดเผย

แต่ก็หมดเหล้าเลี้ยงญาติมิตรสื่อมวลชน ไปหลายขวด กว่าจะเก็บข้อมูล สาวความใน(วงการสื่อ) ได้เรื่องราวมาบอกกล่าว ไขปริศนาในใจทุกท่าน

ในวงการหนังสือพิมพ์ จะมีองค์กรอยู่องค์กรหนึ่ง เรียกว่าสภาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เป็นสภาวิชาชีพ เหมือนกับ แพทยสภา วิศวกรรมสถาน สภาทนายความ ทำนองนั้น น่ะครับ

สภาการหนังสือพิมพ์ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ทุกคน ทุกฉบับ เป็นที่ยอมรับของสมาชิกโดยทั่วกัน มีหน้าที่สอดส่องดูแลว่าสมาชิกคนใด หนังสือพิมพ์ฉบับใด ออกนอกลู่นอกทาง เรียกรับผลประโยชน์ กินสินบาทคาดสินบน ทุจริตต่อหน้าที่ ใช้สื่อที่สังกัด และความเป็นสื่อ ของตัวเอง ไปหาประโยชน์โดยมิชอบหรือไม่

กล่าวกันง่ายๆ ก็คือ สภาการหนังสือพิมพ์ เป็นทั้งผู้ออกกฎ ผู้คุมกฎ และผู้พิจารณาตัดสินความตามกฎ เมื่อมีสมาชิกละเมิดกฎ หรือมีผู้ร้องเรียนว่าได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จากการปฏิบัติหน้าที่ของหนังสือพิมพ์ฉบับใดฉบับหนึ่งที่เป็นสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์

พิจารณากันโดยทั่วไป สภาการหนังสือพิมพ์ ก็ไม่แตกต่างจากสภาวิชาชีพอื่นๆ ที่ต้องกวดขันจริยธรรม คุณธรรมการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิกแห่งสภา แต่สิทธิพิเศษเหนือสภาวิชา ชีพอื่นๆ ก็คือ สภาการหนังสือพิมพ์ สามารถออกหนังสือรับรองให้แก่สมาชิกที่ถูกฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทผู้อื่นได้ และสมาชิกสามารถนำหนังสือที่สภาการหนังสือพิมพ์ออกให้ เป็นหลักประกันตัวในชั้นศาลได้ โดยไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือเงินสด เช่นผู้ประกอบอาชีพอื่น เมื่อถูกแจ้งความดำเนินคดีหรือห้องร้องต่อศาล ข้อหาละเมิดต่อผู้อื่น

สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ตั้งขึ้นเมื่อปี 2540 จนถึงปัจจุบันนี้ นับได้ 10 ปี มีคณะกรรมการสภา รวมแล้ว 6 ชุด กรรมการชุดปัจจุบัน เป็นชุดที่ 6 มีนายสุวัฒน์ ทองธนากุล เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์

นายสุวัฒน์ ทองธนากุล เป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในสภาการหนังสือพิมพ์ มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง มีตำแหน่งเป็นเลขาธิการสภาฯ ในคณะกรรมการชุดที่ 1 และมาเป็นรองประธานคณะกรรมการคนที่ 1 ในคณะกรรมการชุดที่ 5 จากนั้น ก็ขึ้นเป็น ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ ในคณะกรรมการชุดที่ 6 หรือชุดปัจจุบัน

ตลอดระยะเวลา 2 ปีเศษที่ผ่านมา ที่หนังสือพิมพ์บางฉบับโจมตีให้ร้าย นายกฯทักษิณ ชินวัตร อย่างหนักหน่วง ใช้ถ้อยคำรุนแรง สภาการหนังสือพิมพ์ ไม่เคยออกมาทักท้วงหรือตัก เตือน แต่กลับมองว่าเป็นสิทธิเสรีภาพของหนังสือพิมพ์ที่จะจิกหัวด่ากระชากมาตบ อย่างไรก็ได้ เพราะนี่คือการตรวจสอบการทำงานของนายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ของสื่อ มวลชน ที่ทำหน้าที่แทนประชาชนทั้งประเทศ

วันหนึ่ง สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของตัวจริง หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ปั้นน้ำเป็นตัว กล่าวหาใส่ร้ายนายกฯทักษิณ ชินวัตร ด้วยความเท็จ เรื่องทำบุญประเทศไทย สภาการหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะทำหน้าที่ของตัวเอง

สำนักพระราชวัง ทนฟังการให้ข้อมูลผิดๆ ต่อไปไม่ได้ จึงทำหนังสือชี้แจงว่านายสนธิ ให้มูลที่ไม่ถูกต้อง สภาการหนังสือพิมพ์ก็ยังวางเฉย ปล่อยให้นายสนธิ พูดความเท็จซ้ำๆจนประชาชนหลงเชื่อต่อไป

กระทั่ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงตรัสด้วยพระองค์เองว่านายกฯทักษิณ ไม่ได้ทำผิด ตามที่นายสนธิ กล่าวหา สภาการหนังสือพิมพ์ ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ต่อการทำหน้าที่สื่อของนายสนธิ

ไม่เพียงไม่ห้ามปราม ตักเตือน ทักท้วง หรือตำหนิ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ แล้ว สภาการหนังสือพิมพ์ ยังส่งเสริมสนับสนุนนายสนธิ ลิ้มทองกุล โดยไม่คำนึงความเป็น "สื่อ" และจริยธรรมของ "สื่อ" แม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เป็นองค์กรกำกับดูแลความมีจริยธรรมของ "สื่อ"

เมื่อวันที่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เดินขบวนนำม็อบขับไล่นายกฯทักษิณ ชินวัตร ด้วยการชูประเด็น เรียกร้องให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช้อำนาจมาตรา 7 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 ซึ่งขัดเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ ขัดหลักการระบอบประชาธิปไตย และ ขัดรัฐธรรมนูญ ชัดเจน

สภาการหนังสือพิมพ์ฯ ในฐานะสภาวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นสื่อมวลชนที่ทรงอิทธิ พลที่สุดในประเทศไทย ก็ทำหนังสือทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา ขอให้ทรงใช้อำนาจตามมาตรา 7 แต่งตั้งนายกรัฐมนตรีพระราชทาน เช่นเดียวกับข้อเรียกร้องของนายสนธิ ลิ้มทองกุล

กระทั่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส สรุปความได้ว่าการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีพระราชทาน เป็นการกระทำที่ขัดรัฐธรรมนูญ และทำไม่ได้ สภาการหนังสือพิมพ์ ก็ไม่ได้ใส่ใจที่จะทบทวนบทบาทหน้าที่ท่าทีของตนเอง ว่าเหมาะสมหรือไม่ ที่เข้าร่วมขับไล่นายกฯทักษิณ ชินวัตร ซึ่งไม่ใช่บทบาทหน้าที่ของสภาการหนังสือพิมพ์ ตามเจตนา รมณ์ที่ก่อตั้งขึ้นมา

มิพักต้องกล่าวถึงเรื่องอื่น แม้แต่การละเมิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หนังสือพิมพ์คมชัดลึก นายสนธิ ลิ้มทองกุล หลายต่อหลายครั้ง สภาการหนังสือพิมพ์ ก็มิได้แสดงท่าทีความห่วงใยความกังวลต่อการทำหน้าที่ของผู้ละเมิดพระบาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ประชาชนได้รับทราบ แม้แต่น้อย แต่กลับปกป้องหนังสือพิมพ์คมชัดลึก และ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ตลอดจนนายสนธิ ลิ้มทองกุล เมื่อถูกประชาชนเรียกร้องให้สำนึกผิดต่อการกระทำอันเป็นการระคายเคือเบื้องพระยุคลบาท

ระยะเวลา 1ปีเศษ ที่ผ่านมา บทบาทของหนังสือพิมพ์สูงยิ่งต่อการการรับรู้ข่าวสารของประชาชน สร้างความเกลียดชังให้แก่ระบอบประชาธิปไตย สร้างการยอมรับระบอบเผด็จการทหาร ทำให้ประชาชนหลงเชื่อว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ชั่วช้าเลวทรามกว่านายกรัฐมนตรีที่มาจากการแต่งตั้งของทหาร โฆษณาชวนเชื่อให้ประชา ชน ยอมรับอำนาจเถื่อนที่ได้มาจากการปล้น มากกว่าอำนาจธรรมที่ได้จากการเลือกตั้ง

ไม่เพียงยอมรับคณะรัฐประหาร สยบยอมใต้อำนาจเผด็จการ และกระทำตนเป็นเครื่อง มือโฆษณาชวนเชื่อทำลายประชาธิปไตย นางบัญญัติ ทัศนียะเวช ประธานสภาการหนังสือ พิมพ์ ยังตอบรับเข้าร่วมเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ตามที่คณะรัฐประหาร เสนออีกด้วยความยินดียิ่ง

จะเรียกว่า ของขวัญ หรือ รางวัล จากคณะรัฐประหาร ก็ตาม แต่ตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่อดีตประธานสภาการหนังสือพิมพ์ ได้รับ และดำรงอยู่ในขณะนี้ คือ พยานและหลักฐานที่ฟ้องว่าองค์กรวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นตัวแทนของหนังสือพิมพ์ทั้งหมดในประเทศไทย ได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับคณะรัฐประหาร อย่างยากที่จะปฏิเสธได้

ในขณะที่ หนังสือพิมพ์มีบทบาทอย่างมากต่อการล้มครืนแบบถอนรากของประชาธิปไตย และการเพาะเมล็ดฟูมฟักระบอบเผด็จการทหารให้กลับมาคืนมา แต่ บทบาทของสภาการหนังสือพิมพ์ กลับแผ่วเบายิ่ง ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมาให้ประชาชนได้ยินว่า หนังสือพิมพ์ในรอบ 1 ขวบปีที่ผ่านมา ละเมิดสิทธิของผู้อื่น ฝ่าฝืนจริยธรรม นำประโยชน์ของตนเป็นที่ตั้ง แต่ทำเพื่อประโยชน์ตนเองกี่ครั้งและกี่เคส

สนธิ ลิ้มทองกุล ชี้หน้าด่ากราดหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ที่ไม่เขียนข่าวตามคำเท็จของเขาจวกยับนักการเมืองทุกคนที่ไม่ก้มหัวให้ ความเกือบทั้งหมดเป็นเท็จมากกว่าจริง สิ่งเหล่านี้พิสูจน์ได้ ทุกคดีที่ถูกฟ้องร้องในศาล สนธิ ลิ้มทองกุล ยินดีกราบกรานผู้ที่ถูกเขาละเมิดด้วยความเท็จทุกคน และกล่าวคำขอโทษ เพื่อให้ตัวเองพ้นผิด จากการกล่าวหาให้ร้ายใส่ความผู้อื่น

แต่ สภาการหนังสือพิมพ์ ไม่เคยแม้แต่จะส่งเสียงกระแอมให้สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ยิน เพราะเกรงใจหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และเกรงกลัวสนธิ ลิ้มทองกุล

ทำไมต้องเกรงใจหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ และ ไยต้องเกรงกลัวสนธิ ลิ้มทองกุล อีกทั้ง เพราะเหตุใด หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ จึงมองเห็นนายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นศัตรู และเป็นคนที่ทำลายประเทศชาติ ตามแนวทางและแนวคิดที่สนธิ ลิ้มทองกุล ชี้ให้มอง พูดให้คิด

ตรงนี้ล่ะครับ สำคัญนัก ฟังกันให้ดี

นายสนธิ ลิ้มทองกุล คือ ผู้อุปถัมภ์รายใหญ่ของสภาการหนังสือพิมพ์ ตั้งแต่แรกก่อตั้ง เมื่อปี 2540 เรื่อยมาจนถึงปัจจุบันนี้

นาย สุวัฒน์ ทองธนากุล ประธานสภาการหนังสือพิมพ์ คนปัจจุบัน ก็คือ เลขาธิการสภาการหนังสือพิมพ์คนที่ 1 และ เป็นรองประธานสภาการหนังสือพิมพ์ สมัยที่แล้ว เป็นลูกจ้างของนายสนธิ ลิ้มทองกุล มายาวนานกว่า 30 ปี ตั้งแต่เริ่มต้นอาชีพนักข่าวที่หนังสือประชาธิปไตย และเดินตามก้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล มาตลอดจนถึงทุกวันนี้

กว่า 30 ปีที่ผ่านมา นายสุวัฒน์ ทองธนากุล คือ ลูกจ้างที่สุดแสนจะซื่อสัตย์ต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล ยินดีรับใช้ทุกอย่าง ทุกงานที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล สั่งให้ทำ

ทุกวันนี้ นายสุวัฒน์ ทองธนากุล ก็ยังคงเป็นลูกจ้าง กินเงินเดือนของนายสนธิ ลิ้มทองกุล เขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หาเลี้ยงชีพ เป็นรายได้หลัก

เมื่อทราบเหตุเช่นนี้แล้ว จึงไม่ต้องคิดถึงผลกระมังว่า ทำไมสภาหนังสือพิมพ์ จึงเงียบกริบเหมือนรูดซิปปาก ต่อพฤติกรรมของนายสนธิ ลิ้มทองกุล และ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ซึ่งเป็นหนังสือพิมพ์เพื่อการปลุกระดมโค่นล้มประชาธิปไตย และสนับสนุนการรัฐประหาร ซึ่งขัดกับจริยธรรมของสภาการหนังสือพิมพ์

ธรรมนูญสภาการหนังสือพิมพ์ ข้อ 7 และ ข้อ 8 เขียนไว้อย่างสวยหรู ดูยิ่งใหญ่ ว่า

"ข้อ 7 สภาการหนังสือพิมพ์มีวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้

(1) ส่งเสริมผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ให้มีความรับผิดชอบและปฏิบัติตาม

หลักจริยธรรมแห่งวิชาชีพ

(2) ส่งเสริมเสรีภาพ และสนับสนุนสิทธิการรับรู้ข่าวสาร การแสดงความคิดเห็นของพลเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

(3) ส่งเสริมและพัฒนาการประกอบวิชาชีพและกิจการหนังสือพิมพ์"

ข้อ 8 สภาการหนังสือพิมพ์มีอำนาจและหน้าที่ดังต่อไปนี้

(1) ควบคุมการปฏิบัติหน้าที่ของสมาชิก และผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ใน

สังกัดสมาชิกให้เป็นไปตามข้อบังคับว่าด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ และข้อบังคับหรือระเบียบปฏิบัติอื่น ซึ่งตราขึ้นตามธรรมนูญนี้ หรือตามที่คณะกรรมการกำหนด

(2) ให้การศึกษาอบรมด้านวิชาการแก่ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์

(3) เผยแพร่ ประกาศ รายงานการประชุม งาน คำวินิจฉัย และคำสั่งของสภาการหนังสือพิมพ์ ต่อสาธารณะเป็นประจำ"

คำถามจากผม ก็คือ ในรอบ 1 ปีเศษที่ผ่านมา นับแต่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของหนัง สือพิมพ์ผู้จัดการตัวจริง ปลุกระดมขับไล่นายกฯทักษิณ ชินวัตร กล่าวให้ร้ายใส่ความเท็จแก่ผู้อื่นให้ได้รับความเสียหาย เป็นจำนวนมาก สภาการหนังสือพิมพ์ได้ปฏิบัติตามธรรมนูญข้อ 7 และข้อ 8 หรือไม่

สภาการหนังสือพิมพ์ ได้ทำหน้าที่ของตัวเองตามเจตนารมณ์ การก่อตั้งสภาวิชาชีพ อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรีแล้วหรือไม่

การดำรงอยู่ของสภาการหนังสือพิมพ์ มีประโยชน์อันใดแก่ประชาชนส่วนร่วม นอก เหนือจากปกป้องผลประโยชน์ของผู้ประกอบวิชาชีพเดียวกันในลักษณะ "แมลงวันไม่ตอมแมลงวัน"

ผู้ประกอบวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ตอบได้หรือไม่

ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบัน ที่มีนายสุวัฒน์ ทองธนากุล เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์ มี นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้ทรงอิทธิพล ในการชี้นำประเด็นข่าว และยังคงกล่าวหาให้ร้ายผู้อื่นที่ไม่เอื้ออำนวยประโยชน์ให้แก่ตนเอง โดยไม่คำนึงความจริงหรือความเท็จ และไม่สนใจที่จะพิสูจน์ความจริงในเนื้อหาคำพูดของตนเอง

ประชาชนยิ่งหมดสิ้นความหวังกับการทำหน้าที่ของสภาการหนังสือพิมพ์ ตลอดจน หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ ที่เป็นสมาชิกของสภาการหนังสือพิมพ์ ที่มีลูกจ้างทาสเงินของนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นประธาน

เนื่องเพราะองค์กรวิชาชีพแห่งนี้ ยอมรับบุคคลที่อยู่ในหนังสือพิมพ์ซึ่งทุจริตต่อวิชาชีพ ละเมิดจริยธรรมขององค์กรที่สังกัด ให้เป็นผู้นำ เสียแล้ว

การมี นายสุวัฒน์ ทองธนากุล เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย มิได้แตกต่างจากการมีนายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นผู้นำองค์กรวิชาชีพหนังสือพิมพ์ ทุกฉบับ

ผลงานของนายสุวัฒน์ ทองธนากุล ที่ปกป้องไม่ให้สภาการหนังสือพิมพ์ ตำหนิ ตัก เตือน ทักท้วง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ในรอบ 1 ปีเศษที่ผ่านมาคือ สิ่งบอกเหตุล่วงหน้าว่า ห้วงเวลา 2 ปี ที่องค์กรวิชาชีพหนังสือพิมพ์มี นายสุวัฒน์ ทองธนากุล เป็นประมุข นั้น นายสนธิ ลิ้มทองกุล จะปลอดโปร่งเพียงใด

เห็นภาพชัดหรือยังครับว่าทำไม หนังสือพิมพ์ทุกฉบับ จึงให้ความเป็นธรรมแก่ นายสนธิ ลิ้มทองกุล และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แตกต่างกัน ชนิด ฟ้า กับ เหว

เพราะพวกเขาล้วนตกอยู่ใต้อิทธิพลของคนเลว และนับถือคนเลวเป็นผู้นำของพวกเขา ก็เท่านั้นเอง

ระยะนี้มีเรื่องราว ข่าวสารบ้านเมือง ชวนให้พูดถึง เขียนถึงมากมายหลายเรื่อง

จดบันทึกไว้ในลิสต์ ติดข้างฝาจนผนังแทบทรุด เพราะแต่ละเรื่อง แต่ละประเด็น เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องหนัก และเป็นเรื่องอันตรายทั้งสิ้น

ที่น่าสนใจก็คือ แต่ละเรื่อง แต่ละประเด็น ที่ปะทุขึ้นมาในยามนี้ ทำให้ได้เห็นพฤติกรรมและตัวตนที่แท้จริงของคนหลายคนที่ประชาชนเคยหลงนับถือ ศรัทธากันมานาน

เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส กับคำพูดทุเรศแห่งปี การครอบครองระเบิดพาวเวอร์เจล ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ใครๆ ก็มีได้ และไม่เกี่ยวกับการเมือง ต้องขึ้นบัญชีไว้ครับ กับวีรบุรุษจอมปลอมรายนี้

ปราโมช รัฐวินิจ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ กับอาการเด้งรับอารมณ์เดือดของหัวหน้าโจรใหญ่ ใจกบฎ สั่งปิดวิทยุชุมชน 87.75 ข้อหา พูดคุยกับนายกฯทักษิณ ชินวัตร ให้ประชาชนฟัง

ยกตัวอย่างให้เห็นกันแค่ 2 ชื่อก่อน ที่ต้องเช็คบิล เปิดบัญชีคนบาป ให้ทุกท่านได้รู้จักกัน

สันดานและธาตุแท้ของแต่ละคน แต่ละผู้ แต่ละชื่อ ที่ปกปิดกันมาตลอดชีวิตที่ผ่านมา ถึงคราต้องมาเปิดเผยกันก็ในห้วงยามที่ ดาวประจำตัวคณะรัฐประหาร เดินเข้าสู่เรือนมร ณะ คิดจะหาใครมาช่วยกอบกู้ แก้ดวง เสริมชะตา เห็นทีจะยากเสียแล้ว

เพราะยุคนี้ กรรมออนไลน์ครับ แถม เป็นออนไลน์แบบเอดีเอสแอลเสียด้วย ตอนจบศพสวยหรือไม่ ทันได้เห็นกันแน่ๆ ครับ พี่น้อง

กลับมาเรื่องที่ผมตั้งใจเขียน ตั้งใจนำข้อมูลวงการสื่อมาฝากให้เป็นพื้นฐานการคิด การอ่าน การฟัง ข่าวสาร เพื่อจะรู้เท่าทันสื่อ ว่าทำไมวงการสื่อวันนี้ จึงมี "สื่อสารมารชน" มากกว่า "สื่อสารมวลชน"

เมื่อวานนี้ผมเฉลยไปแล้ว ว่าวงการหนังสือพิมพ์ ตกไปอยู่ในมือของสมุนสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ชื่อ สุวัฒน์ ทองธนากุล ซึ่งได้รับการลงมติเป็นเอกฉันท์ของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับให้เป็นประธานสภาการหนังสือพิมพ์

สุวัฒน์ ทองธนากุล เป็นลูกจ้างที่กินเงินเดือนสนธิ ลิ้มทองกุล มานานกว่า 30 ปี เรียกว่าตั้งแต่สนธิ ลิ้มทองกุล ส่งเสียเลี้ยงดู ตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ก็ไม่ผิด

จึงอย่าได้สงสัยว่าทำไม สภาการหนังสือพิมพ์ ในฐานะตัวแทนของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ จึงเลือกที่จะปกป้อง สนธิ ลิ้มทองกุล และเดินตามรอยเท้าสนธิ เหมือนเด็กเดินตามรอยเท้าพ่อ

วันนี้ ผมจะบอกกล่าวข้อมูลของวงการนักข่าววิทยุ และ โทรทัศน์ ซึ่งเป็นสื่อที่มีมีความ สำคัญ และมีอิทธิพลต่อการล้างสมอง และยัดเยียดข้อมูล ความคิดใส่สมองของเหล่าบรรดาสาวกสมองกลวงๆ ที่คิดไม่ได้ ตามไม่ทัน ผู้ประกาศข่าวเจ้าเล่ห์ และ ผู้จัดรายการเจ้าแค้น

ในวงการวิทยุโทรทัศน์ ก็มีองค์กรวิชาชีพของตัวเอง เหมือนหนังสือพิมพ์ เช่นกัน เรียกขานชื่อตัวเองว่าเป็น สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2543 ทำหน้าที่คล้ายๆ กับสภาการหนังสือพิมพ์นั่นล่ะ คือ กวดขันจริยธรรม ของนักข่าววิทยุและโทรทัศน์

การดำเนินงานของสมาคมฯ ก็อีหรอบเดียวกับสภาการหนังสือพิมพ์ คือ ไม่ได้ดูแลกวดขันเรื่องจริยธรรม ตามเจตนารมณ์การก่อตั้งสมาคมฯ หากแต่ทำหน้าที่ปกป้องสิทธิของนักข่าว และออกแถลงการณ์เรียกร้องสิทธิของนักข่าว เมื่อถูกกระทบหรือถูกละเมิด แต่ไม่เคยคำนึงสิทธิของผู้อื่นที่ถูกนักข่าวละเมิด

นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ คนปัจจุบัน ชื่อ นายเถกิง สมทรัพย์ เป็นกรรม การผู้จัดการ บริษัทว็อชด็อก จำกัด

คุ้นๆ ไหมครับ บริษัทว็อชด็อก จำกัด หรือแปลเป็นไทย ก็ต้องเรียกว่า บริษัทหมาเฝ้าบ้าน จำกัด ซึ่งคำคำนี้เป็นคำที่เท่ห์มากทีเดียวในวิชาชีพสื่อมวลชน

พวกสื่อมวลชนเขาชอบเปรียบตัวเองเป็นหมา เหมือนกับ หนังสือพิมพ์ข่าวสด ก็บอกว่าตัวเองเป็นหมา เช่นกัน

เพราะฉนั้นอย่าได้เกรงใจ หากอยากด่าสื่อที่ใส่ร้ายท่านด้วยความเท็จ ว่า หมาลอบกัด หรือ ด่าหนังสือพิมพ์ หลายฉบับที่ช่วยกันรุมนำเสนอข่าวเกี่ยวกับท่าน ด้วยความไม่เป็นธรรม ว่า หมาหมู่

เพราะ หมา คือ ตัวแทนของวิชาชีพ ที่สื่อมวลชนทุกคน ภาคภูมิใจ

บริษัทว็อชด็อก จำกัด ที่นายเถกิง สมทรัพย์ เป็นกรรมการผู้จัดการ นี้ มีบิ๊กบอสส์ หรือ นายใหญ่ ชื่อ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และ กรรมการ บริหาร(บอร์ด) บริษัทท่าอากาศไทย จำกัด (มหาชน) นั่นล่ะครับ

นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง กับ นายเถกิง สมทรัพย์ เป็นพาร์ตเนอร์ร่วมธุรกิจ ทำมาหากินมาด้วยกันตั้งแต่ ทำรายการมองต่างมุม ช่อง 11 รายการขอคิดด้วยคน ช่อง 9 รายการเวทีชาวบ้าน ช่อง 11 รายการกรองสถานการณ์ ช่อง 11 และรายการโทรทัศน์อีกหลายรายการ

ปัจจุบันนี้ นายเถกิง สมทรัพย์ เป็นผู้บริหารสถานีวิทยุกรมประชาสัมพันธ์ เอฟเอ็ม 105 เมกกะเฮริตซ์ มีนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นผู้ดำเนินรายการทุกเช้า มาทำหน้าที่ยัดเยียดความ ผิดให้แก่นายกฯทักษิณ ชินวัตร เป็นประจำทุกวัน

นายเถกิง สมทรัพย์ เคยมีความหลังฝังใจ ถึงขั้นเพาะเมล็ดพันธุ์ความแค้นต่อนายกฯทักษิณ ชินวัตร ไว้เมื่อครั้งที่เป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารคลื่นวิทยุเอฟเอ็ม 94 เมกกะเฮริตซ์ รายการโอเพ่นเรดิโอ ของค่ายแกรมมี่

ด้วยฝีมือชั้นเซียนเหยียบขี้เมฆ โอเพ่นเรดิโอ ออกอากาศด่านายกฯทักษิณ ชินวัตร จำขี้ปากสนธิ ลิ้มทองกุล มาขยายต่อ ล่อรัฐบาลทักษิณ ต่อเนื่อง 4 เดือนเต็มๆ พันธมิตรชอบใจ แต่ธุรกิจไม่ตอบรับ รายได้จึงไม่ขยับ อากู๋แกรมมี่ คนลงทุน ต้องนั่งคอพับ 4 เดือนผ่านไป เหนื่อยแทบขาดใจ ยังขาดทุนป่นปี้ไป 60 ล้านบาท

อากู๋แกรมมี่ ขยี้ตาแทบบอด เมื่อเห็นตัวเลขสีแดงแจ้งขาดทุน พุ่งพรวดๆ โตเร็วยิ่งกว่าต้นถั่วงอก คิดหาทางแก้ไขตัวเลขขาดทุน จนผมหงอกขึ้นต็มหัว ก็มองไม่เห็นทาง สุดท้ายจึงต้องตัดหางปล่อยวัด ยอมตัดขาดทุนปิดโอเพ่นเรดิโอ เพราะเหตุผลทางธุรกิจ "เจ๊งต่อไปไม่ไหวแล้ว"

แต่ นายเถกิง สมทรัพย์ ไม่เชื่อว่าด้วยฝีมือการบริหารของตัวเอง จะทำความเสียหายให้แกรมมี่มากมายขนาดนี้ นำความไปปรึกษาลูกพี่ใหญ่ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อยู่นานสองนาน ก่อนจะส่งข่าวถึงเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการ ว่า ถูกการเมืองรังแก กล่าวหานายกฯทักษิณ ชินวัตร ล็อบบี้แกรมมี่ ให้เลิกรายการโอเพ่นเรดิโอ ผูกใจเจ็บต่อนายกฯทักษิณ ชินวัตร นับแต่นั้นมา

นายเถกิง สมทรัพย์ คนนี้ล่ะที่เป็นบรรณาธิการพิมพ์หนังสือรู้ทันทักษิณ ทุกเล่ม ทุกตอน ออกวางจำหน่าย สร้างข่าว สร้างเรื่อง ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ด้วยการยัดเยียดข้อ กล่าวหาสารพัดให้นายกฯทักษิณ หาเงินเข้ากระเป๋าตัวเองด้วยการหยิบยื่นความทุกข์ให้ผู้อื่น

เมื่อมาเป็นนายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย เป็นประมุข เป็นผู้นำของนักข่าววิทยุ และนักข่าวโทรทัศน์ จึงไม่ต้องแปลกประหลาดใจ เมื่อเราจะได้ยินและได้ชมข่าวนายกฯทักษิณ ชินวัตร มากมายล้วนแต่เรื่องร้ายทั้งนั้น ส่วนข่าวดีที่มีมา ถ้าเป็นข่าวทักษิณ จะสั้นจะยาว ไม่มีให้ดู ไม่มีให้ฟังทั้งสิ้น เพราะ "ทักษิณ กับ กู นับเป็นศัตรูต่อกัน"

อันที่จริง การเสนอข่าวทางวิทยุ และโทรทัศน์ นั้น ถึงแม้ คมช.ไม่สั่ง สพรั่ง จะไม่บังคับ ทหารก็ไม่ต้องนั่งนับวินาทีข่าวดีข่าวร้ายของนายกทักษิณไปรายงานเจ้านาย ให้เปลืองแรงเปลืองน้ำลาย และถูกค่อนแคะว่าปิดกั้นสื่อ แค่เห็นชื่อนายเถกิง สมทรัพย์ ลูกน้องนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง เป็นนายกสมาคมฯ ก็น่าจะวางใจได้แล้ว

แม้แต่เงาทักษิณ ก็ห้ามออกในยุคที่นักข่าววิทยุและโทรทัศน์ มีนายกสมาคมฯ ชื่อ นายเถกิง สมทรัพย์

ลำพังนายกสมาคมฯ คนเดียว ก็วางใจได้แล้ว พลันเหลือบไปเห็นชื่อ นายก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์ จากเครือเนชั่น เป็นอุปนายกฝ่ายวิชาการ คนที่หนึ่ง ก็อึ้งโดยไม่ต้องมีเสียว ลืมไปได้เลยว่า จะมีความเป็นธรรม และเป็นกลาง บนหน้าปัดท์วิทยุ และ หน้าจอโทร ทัศน์ให้แก่นายกฯทักษิณ ชินวัตร

นายก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์ คนนี้นี่ล่ะ ที่เป็นบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์คมชัดลึก หนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ข้อความคำพูดของนายสนธิ ลิ้มทองกุล หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อรับผิดชอบ อ้างว่าเสนอข่าวคลาดเคลื่อน ปกป้องนายสนธิ ลิ้มทองกุล ไม่ได้พูดตามที่หนังสือพิมพ์ตัวเอง เสนอข่าว แต่สุดท้ายความจริงก็ปิดไม่มิด คนทั้งโลกได้ฟังนายสนธิ ลิ้มทองกุล หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จริงๆ ชัดๆ จึงได้รับรู้ทั่วกันว่านายก่อเขต จันทรเลิศลักษณ์ จงรักต่อนายสนธิ ลิ้มทองกุล ถึงกับยอมตายแทน แต่ไม่ภักดีต่อในหลวง

เห็นชื่อแค่ 2 คนนี้ก็เลิกหวังและเลิกฟังได้แล้วครับ

เพราะ วิทยุและโทรทัศน์ ทุกวันนี้ วางตัวเป็นกลางจริงๆ กลางใจคณะรัฐประหาร และ กลางใจนายสนธิ ลิ้มทองกุล

ทีนี้จะทำอย่าไงรกันดีล่ะครับ

สภาการหนังสือพิมพ์ ตกอยู่ใต้การบังคับของสมุนนายสนธิ ลิ้มทองกุล

สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ ถูกรวบไว้ในมือบริวารนายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง และ นายสุทธิชัย หยุ่น

เห็นกันอย่างนี้แล้ว ผมแนะนำคำเดียวครับ

"เลิก"

เลิกเถอะครับ

ทั้งเลิกหวังความเป็นธรรม และเลิกเชื่อแบบไม่คิด ไม่ไตร่ตรองเมื่อได้อ่านข่าวจากสื่อหนังสือพิมพ์ ได้ฟังข่าวจากวิทยุ และได้ดูข่าวจากโทรทัศน์

เพราะ สิ่งที่ท่านเห็น และ ฟัง อาจจะไม่ใช่ความจริง

เพราะ สิ่งที่ท่านเห็น และ ฟัง ล้วนออกมาจากพลังแค้นที่ไม่ยอมเลิกราง่ายๆ

เพราะ ทุกวันนี้ เราต้องคิดก่อนเชื่อ ไม่ใช่เชื่อก่อนคิด

สงสารก็แต่นักข่าวรุ่นใหม่ ที่ต้องเติบใหญ่ขึ้นมาท่ามกลางความสกปรกและเชื้อโรคร้ายที่ผู้ใหญ่ปล่อยไว้ เต็มวงการ

คิดแล้วเศร้า ครับ

บรรทัดฐานของฐานันดรที่สี่

ผมมีตัวอย่างการเสนอข่าวของวิทยุและโทรทัศน์ ที่จะทำให้ทุกท่านกระจ้างแจ้งว่าเกิดอะไรขึ้นในวงการสื่อวิทยุและโทรทัศน์

บริษัทยูคอมขายหุ้นบริษัทดีแทค ให้แก่บริษัทเทเลนอร์ จาก นอร์เวย์

ไม่มีสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ สักคลื่น สักช่อง สักฉบับ นำเสนอข่าวประเด็นเสียภาษีหรือไม่ ไม่มีประเด็นขายสมบัติของชาติ ไม่มีประเด็นบริษัทดีแทคเป็นบริษัทต่างด้าว ต้องยกเลิกสัญญาสัมปทาน

ทุกวันนี้บริษัทยูคอม ยังปกติดี บริษัทดีแทค ยังสบายดี บริษัทเทเลนอร์ ยังทำธุรกิจกอบโกยกำไรออกนอกประเทศไทย โดยไม่มีข้อกังวลและไร้ซึ่งข้อกล่าวหา

ตระกูลเบญจรงคกุล นายทุนใหญ่พรรคประชาธิปัตย์ ผู้เอื้อเฟื้อเงินทุนแก่ ASTV ยังนั่งนับเงินจากการขายหุ้นอยู่ในประเทศไทยได้อย่างมีความสุข

บริษัทชินคอร์ป ขายหุ้นบริษัทเอไอเอส ให้แก่กองทุนเทมาเส็ก จากสิงคโปร์

ไม่มีสื่อวิทยุ โทรทัศน์ และหนังสือพิมพ์ สักคลื่น สักช่อง สักฉบับ ที่ไม่รุมสับบริษัทชินคอร์ป ขายสมบัติชาติ ทั้งหมดรุมขย้ำนายกฯทักษิณ ชินวัตร ขายหุ้นได้กำไร ไม่ยอมเสียภาษี รุมฟัด เอไอเอส เป็นบริษัทต่างด้าว ต้องเรียกคืนสัมปทาน เพราะคลื่นเป็นสมบัติของชาติ ตกเป็นของต่างชาติ จะมีปัญหาด้านความมั่นคง

ทุกสื่อรุมกระหน่ำตีจนชินคอร์ป ภาพลักษณ์เสียหายมากมาย เอไอเอสประสบปัญหาทางธุรกิจ กองทุนเทมาเส็ก ขาดทุน ไม่รู้อนาคต ทุกข้อกล่าวหา จะจบสิ้นวันใด

ตระกูลชินวัตร ถูกกล่าวหา ถูกตราหน้าเป็นคนผิดคิดร้ายต่อประเทศ ถูกข่มถูกขู่ต้องยึดทรัพย์ จับเข้าคุก

ทุกอย่างทำเหมือนกัน ทั้ง ยูคอม และ ชินคอร์ป แต่ผลแตกต่างกัน เพราะ มาตรฐานของสื่อที่จับจ้องมองสองกรณีนี้ต่างกันชนิดสวรรค์กับนรก และนำเสนอต่อประชาชนให้เห็นภาพชนิดดำกับขาว ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องเดียวกัน

เพราะว่า นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ คนก่อนหน้านี้ ในห้วงเวลาที่ยูคอมขายดีแทค และชินคอร์ปก็ขายเอไอเอส ชื่อ นายสมชาย แสวงการ เป็นกรรมการผู้จัดการสำนักข่าวไอเอ็นเอ็น

สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น ที่มีบริษัทยูคอม ถือหุ้นใหญ่

เมื่อนายกสมาคมฯ เป็นลูกจ้างของบริษัทยูคอม แล้ว บริษัทยูคอม จะถูกวาดภาพ ใส่สีตีไข่ นั่งเทียนเขียนข่าวให้เป็นผู้ร้ายเช่นบริษัทชินคอร์ป ได้อย่างไร

ถ้าเพื่อนพ้องสื่อที่เป็นสมาชิกสมาคม ทำกันเช่นนั้นก็เท่ากับไม่ไว้หน้านายกฯสมาคม ที่ชื่อ นายสมชาย แสวงการ น่ะสิ

นี่เองที่ทำให้มาตรการนำเสนอข่าวการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทยูคอม กับ เทเลนอร์ แตกต่างจากการซื้อขายหุ้นระหว่างบริษัทชินคอร์ปกับกองทุนเทมาเส็ก และเป็นที่มาของข้อกล่าวหามากมาย จนทำให้นายกฯทักษิณ ชินวัตร ถูกเข้าใจผิดจากประชาชนจำนวนมาก

นี่คืออิทธิฤทธิ์ของสื่อนั่นเอง

และวันนี้ นายสมชาย แสวงการ ก็ได้ดิบได้ดี ได้เป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นทั้งรางวัลและของขวัญตอบแทน การเข้าร่วมกับคณะรัฐประหาร ขับไล่โค่นล้มนายกฯทักษิณ ชินวัตร และทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข ด้วยความขันแข็ง

เขียนถึงตรงนี้ ก็อยากจะวิงวอนให้ผู้ประกอบวิชาชีพสื่อสารมวลชนทั้งหลาย ได้โปรด กลับไปอ่าน "วิญญาณหนังสือพิมพ์" ของ จิตร ภูมิศักดิ์ อีกครั้ง ก่อนตัดสินใจว่าจะประกอบอาชีพสื่อสารมวลชน ต่อไปดีหรือไม่ เพื่อที่จะไม่ถูกตราหน้า เป็น...



"ใครคนหนังสือพิมพ์ ที่ขายตัวเพื่อเงินตรา
จารึกบนหนังหมา ประจานนานถึงหลานเหลน"

และ

"เจ้าซื่อต่อคนคด ทรยศต่อคนไทย
ลูกหลานจะอายใจ ที่มีพ่อเป็นคนทราม"

โดยประดาบแห่งHi-Thaksin.net เขียนเมื่อ18/05/07


Create Date : 08 กันยายน 2550
Last Update : 8 กันยายน 2550 18:40:22 น. 3 comments
Counter : 427 Pageviews.

 
สวัสดีครับ แวะมาให้รางวัลครับ
และผมจะมาขอความเห็น ว่าถ้าจะมีการเลือกตั้งในวันที่30ธค.50ดีไหม ไม่อยากกลับบ้านหลายครั้งเปลืองเงิน ถ้าจะไม่ไปก็กลัวเสียสิทธิ เลือกตั้ง23ธคผมว่าไม่ดีแน่ๆเลย ครับ/ขอบคุณครับ/เชินแวะชมบล็อกอื่นๆผมได้ที่ oknation.net/blog/kengrimsayครับผม


โดย: kengrimsay (kengrimsay ) วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:19:15:56 น.  

 
รู้สึกว่าเราจะคอเดียวกัน นะครับ


โดย: เก่ง ริมเซ (kengrimsay ) วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:19:20:43 น.  

 
มาช่วยกันต่อต้าน ไอลิ้ม ไลหัวหน้าพักเก่าแก่ ให้มันต้องเปลียนหัวหน้าพัก รูปหลอคอนกรีดออกจาพัก เก่าแก้


โดย: คนเมืองนน IP: 124.120.216.52 วันที่: 27 พฤษภาคม 2551 เวลา:13:16:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.