ประวัติศาสตร์ของวิชาเทคนิคการแพทย์ในไทย
บทความโดย owen11_today@hotmail.com
เพื่อให้เกิดความเข้าใจตั้งแต่แรกเกี่ยวกับวิชาชีพนี้ พี่ก็ขอบอกตั้งแต่ประวัติเริ่มแรกที่มีการก่อตั้งการเรียนวิชาชีพนี้ในประเทศไทย
ศาสตราจารย์ นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์
ปีพุทธศักราช 2487 คณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์(มหาวิทยาลัยมหิดลปัจจุบัน)ขาดแคลนบุคลากรที่จะทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ จึงโยกย้ายนพยาบาลบางส่วนมาฝึกหัดตรวจวิเคราะห์ก่อให้เกิดปัญหาการใช้บุคลากรไม่ตรงตามเป้าหมายการผลิต หลวงลิปิธรรมศรีพยัตต์ (ลิ ศรีพยัตต์)ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะบดีคณะแพทยศาสตร์และศิริราชพยาบาลขณะนั้นได้นำปัญหาดังกล่าวเสนอพระอัพภันตราพาธพิลาศ (กำจร พลางกูร)อธิบดีกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ จึงได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นพิจารณาปัญหาและร่างหลักสูตรเพื่อผลิตบุคลากรที่ตรงตามสายงาน แต่โครงการต้องระงับไป เพราะขาดแคลนงบประมาณเนื่องจากอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองพอดี ปีพุทธศักราช 2497 หลวงเฉลิมคัมภีรเวชช์ ( ศาสตราจารย์ นพ.เฉลิม พรมมาส)อธิบดีกรมมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์คนต่อมา ได้รื้อฟื้นโครงการขึ้นมาใหม่โดยขอความช่วยเหลือจากองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งสหรัฐอเมริกา (USAIDในปัจจุบัน) ซึ่งได้รับการตอบสนองให้ความสนับสนุนด้วยดี ทางมหาวิทยาลัยจึงร่างหลักสูตรตามแบบที่ใช้ในประเทศอเมริกาขณะนั้น คือรับบุคคลที่สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมาฝึกอบรมระดับอนุปริญญาต่ออีก 3 ปีและเพื่อเตรียมความพร้อมในหลักสูตรดังกล่าว ในปี พ.ศ. 2498 มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ได้ส่ง นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ และ นพ.เชวง เดชะไกศยะ ไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับเทคนิคการแพทย์ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นเวลา 1 ปี
ศ.นพ.เชวง เดชะไกศยะ ผู้บริหารโรงเรียนเทคนิคการแพทย์ ซึ่งต่อมาเปลี่ยนเป็นคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ รุ่นแรกมี ศ.นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ เป็นคณบดีและหัวหน้าภาควิชาเคมีคลินิกไปด้วย ส่วนศ.นพ.เชวง เดชะไกศยะ เป็นรองคณบดีและหัวหน้าภาควิชาคลินิคัลไมโครสโคปี เป็นผู้ดูแลบริหารงานคณะเทคนิคการแพทย์ ส่วนที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โดยคณะเป็นผู้ให้บริการห้องปฏิบัติการกลางแก่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ด้วย จนกระทั่งถูกคำสั่งคณะปฏิวัติสั่งโอนไปเป็นภาควิชาเวชศาสตร์ชันสูตร ในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ในพ.ศ.2514 และ ศ.น.พ.เชวง เดชะไกศยะ ยังได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าภาควิชา อยู่ระยะหนึ่งจึงเปลี่ยนเป็นท่านอื่น และเป็นที่น่าเสียใจ ทีีทั้งสองท่านได้ล่วงลับไปแล้วจึงขอนำรูปของท่าน มาให้คนรุ่นหลังได้รู้จักกัน องค์การบริหารวิเทศกิจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกาได้ให้ความเห็นชอบโครงการผลิตบุคลากรเพื่อทำการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการที่มหาวิทยาลัยแพทย์ขอรับการสนับสนุน โดยได้ลงนามให้ความช่วยเหลือเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2499 และเริ่มก่อสร้างโรงเรียนเพื่อฝึกอบรมขึ้นที่คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ และที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ พร้อมกันนั้นองค์การบริหารวิเทศกิจแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ได้ส่ง Dr.Robert W.Prichard มาเป็นที่ปรึกษาโครงการ โดยมี นพ.สวัสดิ์ แดงสว่าง, พันโทนิตย์ เวชชวสิสติ, ศาสตราจารย์ นพ.กำธร สุวรรณกิจ และ นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ เป็นคณะกรรมการร่างหลักสูตรขึ้นมาใหม่ ซึ่งได้ใช้ชื่อว่า"เทคนิคการแพทย์" หลักสูตรในระยะแรก ตั้งแต่รุ่นที่ 2 ถึงรุ่นที่ 7 มีการสอนถ่ายภาพเอกซ์เรย์และล้างฟิล์มร่วมด้วย
นักศึกษาเทคนิคการแพทย์รุ่นแรกของประเทศไทย รับโอนมาจากนักศึกษาชั้นปีที่ 1 คณะสาธารณสุขศาสตร์ มาเรียนเตรียมเทคนิคการแพทย์ปีที่ 1 โดยใช้สถานที่และอาจารย์ของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์(คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในปัจจุบัน)ซึ่งนักศึกษาเทคนิคการแพทย์รุ่นแรกของประเทศไทยมีเพียง 5 คนเท่านั้น วันที่ 13 พฤษภาคม 2499 มีประกาศกฤษฎีกาจัดตั้ง"โรงเรียนเทคนิคการแพทย์" สังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ กระทรวงสาธารณสุข (ลงในหนังสือราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 73 ตอนที่ 40 วันที่ 15 พ.ค.2499) โดยมีภารกิจหลัก 2 ประการคือ จัดการเรียนการสอนเพื่อผลิตนักเทคนิคการแพทย์ และให้บริการตรวจทางห้องปฏิบัติการแก่ผู้ป่วยของโรงพยาบาลศิริราชและโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นักศึกษาเทคนิคการแพทย์รุ่นแรกของประเทศไทย สำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญาเทคนิคการแพทย์ (อทกพ.) เมื่อเดือนมีนาคม 2500
ภาพถ่ายประวัติศาสตร์ ยังมีชื่อ "โรงเรียนเทคนิคการแพทย์" ปรากฎอยู่ด้านหลัง ต่อมา ็มีประกาศกฤษฎีกาจัดตั้ง "คณะเทคนิคการแพทย์" เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2500 (ลงในราชกิจจานุเบกษาเล่มที่ 74 ตอนที่ 60 วันที่ 9 ก.ค.2500) โดยมี นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์ เป็นคณบดีท่านแรกซึ่งนับเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์เทคนิคการแพทย์ในประเทศไทย นับแต่นั้นเป็นต้นมา ปีพุทธศักราช 2503 คณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ได้ปรับขยายหลักสูตรจากอนุปริญญา เป็นระดับปริญญาตรี(ปรับก่อนประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 2 ปี) โดยรับนักศึกษาอนุปริญญาปีสุดท้ายที่มีคะแนนตลอดหลักสูตรเกิน 70% มาศึกษาต่ออีก 1 ปี ได้วุฒิวิทยาสตรบัณฑิต(เทคนิคการแพทย์) ซึ่งบัณฑิตรุ่นแรกที่มีคุณวุฒิ วท.บ. (เทคนิคการแพทย์)มีเพียง 3 คนเท่านั้น จากวันนั้น ถึงวันนี้ วิชาชีพเทคนิคการแพทย์ของเราได้หยั่งรากลึกในหน้าประวัติศาสตร์มาแล้วกว่าสี่ทศวรรษจากคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เพียงแห่งเดียวได้แตกดอกออกกอไปสู่มหาวิทยาลัยอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากจากบัณฑิตรุ่นแรกทีมีเพียง 3 คน ได้เพิ่มจำนวนขึ้นเป็นหลายพันคนกระจายกันออกไปรับใช้สังคมอยู่ในส่วนต่างๆ ของประเทศ นี่ย่อมเป็นประจักษ์พยานบ่งชี้ว่า วิชาชีพเทคนิคการแพทย์มีบทบาทสำคัญต่อระบบสุขภาพของคนไทยมาช้านานแล้ว เรียบเรียงจากหนังสือรับน้องเทคนิคการแพทย์มหิดล รุ่นที่ 46 และรุ่นที่ 47) "พวกเราชาวเทคนิคการแพทย์ ทั้งหลาย บางท่าน อาจไม่ทราบความจริงว่า เราได้ต่อสู้ทุกวิถีทาง โดยเฉพาะท่านอดีตคณบดีฯ (ศ.นพ.วีกูล วีรานุวัตติ์)ได้เป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งบุกเบิก ต่อสู้ด้วยความวิริยะอุตสาหะ จนกระทั่งพวกเราได้มีวันนี้ และหวังว่าท่านทั้งหลาย คงจะต้องต่อสู้กันต่อไปด้วยความพากเพียร เพื่อให้วิชาชีพ ของพวกท่านทั้งหลาย ได้เจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง"ศ.นพ.เชวง เดชะไกศยะ หนึ่งในผู้วางรากฐานวิชาชีพ (ตัดตอนจากบทความเรื่อง "30 ปีของเทคนิคการแพทย์" อนุสรณ์ครบรอบ 30 คณะเทคนิคการแพทย์มหิดล)
ประวัติศาสตร์ของเรา เริ่มต้นมาอย่างยาวนาน มีบุคคลสำคัญที่คอยประคับประคองเกื้อหนุนให้วิชาชีพของเราพัฒนาก้าวหน้าเรื่อยมา หากไม่มีก้าวแรกแห่งการเสียสละ อุทิศกายใจ ของใครบางคนเมื่อหลายทศวรรษก่อน ย่อมไม่มีก้าวที่สอง,สาม,สี่... ที่ก้าวมาถึงปัจจุบันได้
Create Date : 24 เมษายน 2549 | | |
Last Update : 6 กุมภาพันธ์ 2554 22:28:40 น. |
Counter : 463 Pageviews. |
| |
|
|
|