ยุวชนวัยซน บทนำ
Knowing Kid(ยุวชนวัยซน) Pre Lesson(บทนำ) Decision to bangkok(ตัดสินใจสู่กรุงเทพฯ) Story by Spiralhead(บทประพันธ์โดยวัฏสีร์ ธรรมจารี)
บ่ายสงกรานต์ปีพศ.255xที่ทางหลวงสายเอเซีย เส้นทางที่เต็มไปด้วยรถยนต์ รถกระบะ รถบรรทุกสินค้าสัมภาระวิ่งผ่านไปมาเยอะกว่าทุกวันเนื่องจากเป็นเทศกาลวันหยุดแถมถนนก็เต็มไปด้วยรอยนูนของยางมะตอยที่ราดซ่อมอยู่เป็นประจำปุปะไปหมด ภาพจับไปที่รถยนต์โตโยต้าสีบลอนด์ที่แล่นจากกรุงเทพฯมา เป็นรถของครอบครัว"ธรรมจารี"นั้นเอง หญิงสาวคนหนึ่งเป็นผู้ขับโดยมีลูกน้อยวัยประมาณ2-3ขวบจำนวน4คนและสามีที่หน้าตาออกญี่ปุ่นๆนั่งโดยสารมา หลายคนอาจจะคิดว่าเด็กๆทั้ง4คงจะนั่งหลับกันมาตลอดทาง แต่จริงๆแล้วพวกเขากำลังตื่นเต้นกับทิวทัศน์รอบตัวเขาที่ดูน่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าพร้อมๆกับสนุกสนานกับเพลงที่เปิดบนรถด้วยเป็นเพลงจังหวะมันๆของวงนูโวเมื่อปี32-33ตอนที่ผู้เป็นแม่ยังเป็นเด็กประถมอยู่ จังหวะเร้าใจพอที่จะไม่ทำให้การขับรถของเธอไร้รสชาติจนเกินไปนัก "คุณแม่ฮะ อุทัยธานีที่เรากำลังไปค้างที่บ้านคุณตาคุณยาย3วัน2คืนเนี่ยมีอะไรน่าเที่ยวเหรอครับ"ลูกชายคนที่โตสุดถาม "อ้อ....ก็มีวัดท่าซุงของท่านหลวงพ่อฤาษีลิงดำพระอาจารย์คนดังผู้ล่วงลับที่ชาวบ้านนับถืออยู่นะสิจ๊ะ วิหารแก้วของวัดนะสวยงามมากนะ และก็มีหุบป่าตาดที่ว่ากันว่าเป็นป่าต้นตาดโบราณในซอกหุบเขาอำเภอลานสักที่สืบทอดกันมาตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์เชียวนะ และก็วัดเขาสะแกกรังซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาเป็นที่พักปิคนิคอย่างดีเลย อ้อ...ยังมีถ้ำสวยงามๆที่อำเภอบ้านไร่ด้วยนะแม้จะไม่อลังการเท่าที่อื่นก็ตามที อุทัยธานีนะถึงจะเป็นจังหวัดเล็กเมื่อเทียบกับนครสวรรค์,พิษณุโลก,อยุธยา,สุโขทัย แต่ก็พอจะมีที่น่าเที่ยวบ้างนะ เก่งลูกรัก"คุณแม่คนขับรถอธิบายมาซะยืดยาว "ฮ่ะๆๆๆที่รักสมกับเป็นชาวอุทัยธานีเลยนะนี่รู้จักสถานที่น่าเที่ยวได้ขนาดนี้นะ ว่าแต่เรือนตะวันของคุณพ่อตาแม่ยายที่เรากำลังจะไปเยี่ยมนี่ อยู่ที่ไหนเหรอจ๊ะ"สำเนียงเหน่อๆแบบญี่ปุ่นหัดพูดไทยของผู้เป็นสามีถามขึ้นมา "ก็อยู่ในตัวอำเภอเมืองนี่แหละ และเส้นทางก็ค่อนข้างจะวกวนพอสมควรด้วยไม่งั้นดิฉันก็คงไม่มาออกแรงขับแบบนี้สิค่ะ"หญิงสาวตอบก่อนที่หักรถเลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงสาย333ที่จะนำทางเข้าสู่ตัวเมือง.....
ย้อนมาที่บ้านไร่หลังหนึ่งบนเกาะเทโพริมแม่น้ำสะแกกรัง ชายชาวสวนวัยกว่า30ปีกำลังยุ่งอยู่กับงานที่สวนผักผลไม้อยู่โดยมีลูกสาววัย15คอยช่วยเหลือที่บ้านทำด้วยไม้ยกพื้นสูง ภรรยาชาวสวนกำลังเตรียมทำอาหารจากผักผลไม้ที่ปลูกได้กับของอย่างอื่นเป็นหม้อใหญ่ๆเพื่อเตรียมนำไปจำหน่ายที่ตลาดเทสบาลเมืองที่ฝั่งแม่น้ำอีกฝั่งหนึ่ง โดยลูกชายวัย9ขวบจะขึ้นป.4กำลังอ่านการ์ตูนความรู้วิทยาศาสตร์ทั่วไปของสำนักพิมพ์ซีเอ็ดกับประวัติบุคคลสำคัญของนานมีบุ๊คส์กองเป็นภูเขาอยู่ เขาชอบวิทยาศาสตร์มากหนังสือทั้งหมดเขาขอยืมอ่านมาจากห้องสมุดของโรงเรียนอนุบาลเมืองอุทัยธานี ถึงจะเป็นเด็กบ้านนอกคอกนาก็ยังมีนิสัยอยากรู้อยากเห็นโลกกว้างนอกเหนือจากบ้านไร่ริมธารที่เขารักและชื่นชอบในความร่มรื่นในความเขียวขจีของพืชพันธ์ไม้นานาชนิด (เพลง"บ้านไร่ริมธาร"จากละครของค่ายกันตนาช่อง5เริ่มบรรเลง) (solo)บ้านริมธารคือวิมานของเรา... คู่หนุ่มสาว ต่อสู้ฟันฝ่า... เมื่อดวงดาวเกลื่อนเต็มท้องฟ้า.... เจ้าเหนื่อยอ่อนล้า หลับเถิดหลับให้สบาย.... ชีวิตเรา.. เกิดมาหลายคู่.... ให้อยู่..เคียงใจเราสอง.... ข้ามคืน.. ข้ามวันอย่าให้ใครมาต้อง แยกทางเธอไปจากฉัน... สร้างทาง.. สร้างความรักยิ่งใหญ่... ด้วยใจระคนห้าวหาญ... ด้วยจิต เมตตา..ปลอดทุกข์ทุกเส้นทาง ด้วยความหวังความงดงามของคนดี....(ด้วยความหวังความงดงามบ้านไร่ริมธาร) ด้วยพลัง.. ด้วยแรงศรัทธา... ชาวไร่ชาวนา.. จงกล้าแกร่ง...สร้างถิ่นกำเนิดอย่าให้ใครมายื้อแย่งเป็นเครื่องดัดแปลง ผืนดินและแดนถิ่นวิมาน.... (solo) สร้างทาง.. สร้างความรักยิ่งใหญ่... ด้วยใจระคนห้าวหาญ... ด้วยจิต เมตตา..ปลอดทุกข์ทุกเส้นทาง ด้วยความหวังความงดงามของคนดี....(ด้วยความหวังความงดงามบ้านไร่ริมธาร.....solo ending)
จากนั้นผู้เป็นแม่ซึ่งตระเตรียมข้าวของจะไปขายในตลาดแล้วได้ร้องเรียกลูกชายของตัวเอง"เล็ก ได้เวลาไปช่วยแม่ขายของแล้วนะ" "ครับ..."เด็กน้อยรับคำที่จะไปช่วยแม่ "นี่ลูกยังจะเอาหนังสือพวกนั้นไปอ่านอยู่อีกหรือไงนะ"คุณแม่ทักท้วง "โธ่...คุณแม่ครับไปทำงานขายของก็ดีอยู่หรอกครับ แต่ช่วงที่หาลูกค้าไม่ได้เลยเนี่ยมันว่างมากน่าเบื่อจริงๆนะครับ ผมเลยต้องหาอะไรที่มีสาระน่าสนใจและก็สนุกด้วยจากหนังสือพวกนี้นะ มันมีประโยชน์กับผมมากเลยนะเนี่ยแม้ว่าคุณพ่อคุณแม่จะไม่มีเงินพอจะพาผมออกไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้างนอกจากบ้านไร่ริมธารของเรากับตลาดจังหวัดเล็กๆเนี่ย ผมนะก็ยังรักและอยากช่วยเหลือคุณแม่อยู่เสมอนะครับ"เจ้าเล็กสวนกลับมาซะยาวเชียว คุณแม่เถียงไม่ขึ้นรู้ดีว่าลูกของเขากำลังอยากรู้อยากเห็นเลยต้องปล่อยๆไป หลังจากเตรียมผักผลไม้กับข้าวยกขึ้นรถกระบะเก่าๆที่ตกทอดกันมาตั้งแต่ตายายของเจ้าเล็กแล้ว เล็กและคุณแม่ก็ขึ้นรถขับไปที่ตลาดเทศบาลเพื่อเตรียมขายของต่อไป....
มาที่เรือนตะวันของคุณตาตะวันกับคุณยายจันทรา ธรรมจารี พวกเขาดีใจมากที่ลูกสาวคนเก่งของเขากลับมาเยี่ยมบ้าน โดยก่อนมาเกตได้โทรศัพท์มาบอกว่าจะมาพักค้างคืนที่เรือนตะวัน2คืนในช่วงสงกรานต์แล้ว "โอ้.... พ่อดีใจเหลือเกิน เกตลูกรักตั้งแต่ลูกได้ทุนไปเรียนต่อต่างประเทศนี่ก็ไม่ได้เจอลูกเลยนะนี่"คุณตากล่าวทักทาย "ต้องขอโทษด้วยนะพ่อที่พอหนูเรียนจบก็ต้องเข้าทำงานที่สถาบันวิจัยจุฬาภรณ์เลยนะ งานรัดตัวมากไม่ว่างมาหาพ่อเลยนะและอีกอย่างหนูต้องคอยดูแลพวกลูกทั้งหมดนี่ด้วยจ๊ะ"เกตกล่าวขอโทษทักทายก่อนอธิบาย "ไม่นึกเลยว่าคนชอบทำอาหารอย่างลูกนะจะเก่งขนาดไปเรียนต่อเมืองนอกได้นะเนี่ย ลูกทำงานได้ดิบได้ดีมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาอย่างนี้แม่ก็ดีใจแล้วลูกเอ้ย ดูเหมือนผัวลูกนี่ท่าทางจะรวยซะด้วย เป็นบุญของแม่จริงๆ"คุณยายพรรณนามาอย่างยินดี "แต่หนูก็ยังรักคุณพ่อคุณแม่มากนะ หนูเปิดบัญชีส่งเงินมาให้พ่อแม่ใช้ไม่เคยขาดและสมัยนี้การสื่อสารก็ดีมากหนูก็โทรมาหาอยู่เรื่อยๆเลยคราวนี้เป็นเวลาที่หนูต้องตอบแทนพ่อแม่บ้างนะ แต่เอ...พี่กิ่งยังอยู่ที่ไหนเหรอจ๊ะ" "อืม...ตั้งแต่พี่กิ่งของลูกแต่งงานกับเจ้าเกษมชาวสวนคนนั้นนะ ก็มาช่วยดูแลที่ดินแถวเกาะเทโพให้ตอนนี้เป็นไร่นาสวนผสมสวยงามเลย ทุกเย็นพอหลังจากขายของที่ตลาดเสร็จก็มักจะเอาอาหารที่เหลือขายเนี่ยมาตั้งโต๊ะกินกับพ่อแม่ที่บ้านบ้างเหมือนกันนะ ว่าแต่ยังไม่ทักทายกับพวกหลานๆเลยแนะนำตัวให้รู้จักกันหน่อยสิ"คุณยายตอบพร้อมกับอยากเห็นหน้าพวกหลานๆของตัวเอง "สวัสดีครับคุณตาคุณยาย ผมชื่อเก่ง พิชญุตม์ อายุ3ขวบครับ"เด็กชายร่างสูงที่สุดท่าทางยิ้มแย้มแจ่มใส แนะนำตัวก่อนคนแรก "สวัสดีค่ะ หนูชื่อแก้ว สุทธวีร์ อายุใกล้ๆ3ขวบค่ะ"เด็กสาวหน้าตาน่ารักน่าชังแนะนำตัวตามมา "สวัสดีครับ ผมชื่อศิลป์ ดรัณภพ อายุ2ขวบครับ"เด็กชายท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อยกล่าวออกมา "สวัสดีครับ ผมชื่อกล้า นิพพิชฌญ์ น้องชายฝาแฝดของพี่ศิลป์อายุ2ขวบครับ"เด็กชายคนละหน้าตาจากศิลป์เพราะเป็นแฝดคนละใบแถมท่าทางยิ้มยาก เอ่ยออกมา
"โฮๆๆเพิ่งแต่งงานได้ไม่กี่ปีก็มีลูกหัวปีท้ายปีเลยนะนี่ เหอะๆๆ..."คุณตาพูดหัวเราะออกมา "ฮึ่ม...พูดเกินไปแล้วนาพ่อ จริงๆหนูนะไม่อยากจะมีลูกมากขนาดนี้ซะหน่อยนะค่ะ แต่ว่าเอ้อ...."เกตค้อนพ่อก่อนที่จะเงียบไป "แต่ว่าอะไรหรือลูก?"คุณตาสงสัย "เอ้อ...ช่างเถอะค่ะคือฟุซึคุงเขาอยากจะมีลูกมากนะค่ะ"เกตตอบกลับมา "เจ้าเขยยุ่นคนนี้นะเหรอ"คุณตาหันไปมองสามีชาวญี่ปุ่นของเกต "แหะๆคือพ่อแม่ผมเองก็อยากจะได้ลูกๆไว้สืบสกุลนะครับ"ฟุซึคุงตอบ "เอ้อจริงสินะ เพราะคนละเชื้อชาติกันนี่ยังไงก็ต้องแบ่งๆกันใช้ไป อ๊ะ เจ้าเกษมมันมาพอดีเลย"คุณตาพูดยังไม่ทันขาดคำหนุ่มชาวสวนพร้อมลูกสาวที่เพิ่งเสร็จงานที่สวนขี่จักรยานยนต์เข้ามาที่เรือนตะวันพอดี "เกษม มาทักทายกับพวกหลานๆกันหน่อยสิจ๊ะ"คุณยายออกปากเรียกเกษม "โอ้โฮ เด็กๆน่ารักทั้งนั้นเลย สวัสดีๆลุงชื่อเกษม พรหมจุติ และนี่ลูกสาวของลุง ธาร ธาราวรรณจ๊ะ" "สวัสดีจ้า น่ารักทุกคนเลย"ธาราวรรณยิ้มทักทายหลังจากเกษมแนะนำตัว "เอ้อพี่เกษม หนูธารจ๊ะ นี่สามีชาวญี่ปุ่นของน้าเองจ๊ะชื่อ โยอิฮิโต้ ฟุซึอิซังค่ะ"เกตแนะนำผัวชาวญี่ปุ่นให้พี่เขยรู้จัก "อ้า ไฮสวัสดีครับคุณเกษม โอ้ คาวาอิ(น่ารัก) สวัสดีจ๊ะหนู"ฟุซึอิกล่าวเหน่อๆทักทายสองพ่อลูก "เอ้อ แม่ค่ะไหนๆก็มากันครบแล้วหนูขอแสดงฝีมือทำอาหารไทยในแบบฉบับวิทยาศาสตร์กันหน่อยนะค่ะคราวนี้จะทำต้มยำกุ้ง ผัดไทย และก็แกงเขียวหวานไก่ ของชอบของฝรั่งเขานะค้า พึ่งจะไปตลาดมาซื้อของมาทำเพียบเลย"เกตกล่าวมาอย่างกระตือรือร้น "งั้นแม่จะเป็นลูกมือช่วยลูกทำด้วยดีกว่า ได้ออกกำลังบ้างไม่ยังงั้นโรคข้อโรคกระดูกถามหาแน่ๆ"คุณยายกล่าวอาสาช่วยเกต "หนูก็ขอร่วมด้วยคนสิค่ะ อยากเห็นฝีมือการทำอาหารของคุณน้าบ้างจัง"ธาราวรรณก็ขอร่วมด้วยอีกแรง พวกผู้หญิงทั้งสามก็เดินเข้าห้องครัวพร้อมเสบียงไปทำอาหารด้วยกันพร้อมสนทนาเล็กๆน้อยๆไปด้วย ส่วนผู้ชายก็ไปนั่งพักคุยกันที่โต๊ะรับแขก ศิลป์กับกล้านั่งเล่นGBAแข่งกันอย่างดุเดือดส่วนเก่งกับแก้วก็ไปเดินเล่นสำรวจทั้งในและนอกเรือนตะวันอย่างตั้งอกตั้งใจ
จนกระทั่งสองแม่ลูกที่เพิ่งเสร็จจากการขายของที่ตลาด ขึ้นรถกระบะขับมาถึงเรือนตะวันแล้ว "อืม...ยัยกิ่งกลับมาแล้วละนะพร้อมๆกับเจ้าเล็กด้วย"คุณตากล่าวตัดบทสนทนา "อะไรกันละเนี่ยคุณพ่อ วันนี้ทำไมแขกเยอะจังเลย?"หญิงสาวแม่ค้าอุทานออกมา "ฮ่ะๆๆเอ้อ.. หลานๆจะแนะนำให้รู้จักหน่อยนี่คุณป้าของหลานชื่อกิ่งทองหรือป้ากิ่งนะ และก็นี่หลานอีกคนหนึ่งชื่อเล็ก ทศเทพ ตอนนี้9ขวบจะขึ้นป.4แล้วละนะ"คุณตากล่าวแนะนำสองแม่ลูกให้ฟุซึอิและหลานทั้ง4คนให้รู้จักก่อนจะแนะนำให้สองแม่ลูกรู้จักกับแขกผู้มาเยือน จากนั้นอาหารเย็นก็เสร็จพร้อมตั้งโต๊ะรับประทานด้วยกันทุกคน พอทานอาหารเสร็จก็มาสนทนากันต่อโดยขณะที่กำลังดำเนินไปได้ด้วยดี เกตก็สังเกตเห็นเล็กนั่งอ่านการ์ตูนความรู้หน้าตาท่าทางเอาใจใส่จึงถามถึงนิสัยของเล็กก็รู้ว่าเล็กเป็นเด็กใฝ่รู้ชอบวิทยาศาสตร์ความรู้ทั่วไปก็เกิดความรู้สึกเอ็นดูขึ้นมา
ขณะที่เล็กกำลังอ่านหนังสืออย่างตั้งใจ เก่งกับแก้วก็เดินมาสังเกตดูหนังสือที่เล็กอ่าน เล็กพอรู้ว่าลูกพี่ลูกน้องแท้ๆของตัวเองก็ดูจะสนใจกับหนังสือที่ตัวเองอ่านเช่นกันจึงหยิบหนังสืออ่านแล้วที่วางไว้มาแล้ว "สนใจเหรอน้อง เอ้อ...เอาไปอ่านสิ สนุกมีสาระน่าสนใจนะ"เล็กพูดชักชวน "เอ้อ... ขอบคุณครับ(ค่ะ)พี่เล็ก"เก่งกับแก้วขอบคุณแล้วรับหนังสือมาอ่านอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสและอ่านติดตามอย่างเอาใจใส่ไม่เคร่งเครียด เกตพอเห็นน้ำใจรวมถึงความขยันอ่านหนังสือของเล็กและสีหน้าอารมณ์ของเก่งกับแก้วเมื่อได้อ่านหนังสือ ก็นึกย้อนไปเมื่อตอนที่ตัวเองสอนลูกๆให้อ่านหนังสือเด็กสอนภาษาไทยประกอบภาพและต่อมาก็เอาสารานุกรมที่เธอเก็บรวบรวมอ่านตั้งแต่เมื่อยังสาวรวมถึงหนังสือเรียนสมัยเด็กๆของเธอเองให้ลูกๆอ่าน ตอนแรกๆลูกเธอก็ตั้งใจอ่านดีแต่หลังๆชักเห็นถึงความไม่แจ่มใสทางสีหน้าของลูกๆเนื่องจากลูกคร่ำเคร่งอ่านหนังสือมากเกินไป เธอพยายามแก้ไขโดยพาลูกไปเล่นกีฬาเบาๆข้างนอกบ้างแต่เธอก็ไม่ค่อยมีเวลามากพอจะทำได้ เมื่อเธอมองดูหนังสือที่เล็กอ่านเป็นการ์ตูนเสริมความรู้ ก็เริ่มนึกถึงการ์ตูนสนุกๆที่เพื่อนสมัยเรียนรวมถึงฟุซึคุงของเธอก็ชอบอ่านมาก
การ์ตูนเป็นสื่อคลายเครียดนิยายภาพวาดที่เด็กชอบอ่านซะยิ่งกว่านิยายเป้นตัวหนังสือที่พวกบ้าละครน้ำเน่าชอบอ่านกัน เนื่องจากแต่เดิมเธอก็เป็นเด็กบ้านนอกจนๆที่เวลาและเงินของเธอหมดไปกับการทำอาหารขายและการเรียนเท่านั้นไม่มีโอกาสสัมผัสกับการ์ตูนเหมือนเด็กทั่วไปเลย เพราะเรือนตะวันของเธอกว่าจะมีทีวีดู เธอก็อยู่ม.ต้นไปแล้ว แต่ช่อง9ที่อุทัยฯนั้นไม่ชัดเท่าที่ควรถ้าไม่ติดตั้งเสาอากาศ เธอเลยดูได้แต่ช่อง3,5,7เท่านั้น ที่เธอชอบดูก็มีข่าว7สี,ละครพื้นบ้าน,รายการเพลงและละครน้ำดีบางเรื่องหลังข่าว ช่วงนั้นเธอเป็นเยาวชนอายุต่ำกว่า18ปีคนหนึ่งในจำนวนกว่า15-16ล้านคนผู้ไม่เคยสัมผัสกับการ์ตูนสไตล์ญี่ปุ่น(เคยแต่ฝรั่ง)เลยแม้สักนิดเดียว ทั้งที่จริงแล้วก็มีการ์ตูนญี่ปุ่นดีๆที่ดูได้ทุกเพศทุกวัย แต่การ์ตูนที่ทีวีบ้านเรานำมาฉายมักจะเจาะเป้าหมายเฉพาะเด็กประถมจริงๆเท่านั้นเนื่องจากเธอมารู้จักการ์ตูนก็ตอนที่เธอโตเป็นสาวต้องรับผิดชอบงานบ้านแล้ว(ในปัจจุบัน2001มีสถิติคนชอบชมการ์ตูนทีวีและอ่านการ์ตูนในแบบคอมมิคแค่ไม่ถึง2ล้านรายจากประชากร63ล้านเป็นเยาวชนต่ำกว่า18ปีเกือบ20ล้านคน)จะว่าไปเล็กก็เป็นเด็กบ้านที่ไม่ได้เปิดหูเปิดตากว้างเหมือนเธอเมื่อยังเด็กเลยเพราะฐานะไม่อำนวย แต่เมื่อเทียบกับตอนนี้ซึ่งที่บ้านของเธอก็มีคอมฯมีอินเตอร์เน็ตสื่อสารหาข้อมูลใช้ ซึ่งเปิดโลกทัศน์ได้กว้างไกลกว่าหนังสือเรียน
เธอเริ่มนึกถึงอนาคตของเด็กคนนี้ในวันข้างหน้า จนกระทั่งครอบครัวพรหมจุติขอตัวกลับบ้าน "นี่เล็กจ๊ะ อยากไปเที่ยวรอบอุทัยฯกับพวกน้าไหมละ"เกตเชิญชวน "เที่ยวรอบจังหวัดเลยหรือครับ ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยไปเลย ดีจังตกลงครับ"เล็กดีใจตัวลอย กิ่งซึ่งไม่เคยพาเล็กไปเที่ยวนอกตัวเมืองเลย ก็เห็นด้วยกับน้องสาวเป็นอันว่านี่เป็นการท่องเที่ยวครั้งสำคัญของเจ้าเล็กเลยทีเดียวรวมไปถึง4พี่น้องธรรมจารีด้วย
วันรุ่งขึ้น เล็กโดยสารรถไปกับครอบครัวธรรมจารีเที่ยวจังหวัดไปตลอดวันเริ่มที่ถ้ำและวัดที่สวยงามที่อำเภอบ้านไร่ หุบป่าตาดที่อำเภอลานสัก ทำบุญให้อาหารเลี้ยงปลาชมวิหารแก้วที่วัดท่าซุง ไปปิคนิคทานอาหารเย็นที่วัดเขาสะแกกรังเสร็จแล้วพาไปสรงน้ำพระกับก่อพระเจดีย์ทรายที่วัดพิชัยปุรณารามตามเทศกาลสงกรานต์ ก่อนจะพาไปเลี้ยงไอศกรีมที่ร้านลำไยแถวตลาดเทศบาล ตลอดทั้งวันเล็กมีความสุขที่สุดกับครอบครัวของคุณน้าและอารมณ์ของเล็กก็อยู่ในสายตาของเกตโดยตลอด เมื่อกลับถึงเรือนตะวันเธอก็ได้พูดถึงอนาคตของเจ้าเล็กกับพี่กิ่งของเธอ "พี่กิ่งจะดีเหรอค่ะถ้าปล่อยให้เล็กซึ่งยังมีอนาคตไกลอย่างนี้อยู่แต่ในบ้านไร่ริมธารของพี่ไปเรื่อยๆนะจริงๆเขาเป็นคนที่ใฝ่รู้มากนะค่ะ ตระกูลของเราตอนนี้ก็มีหนูคนเดียวที่มีฐานะพอที่จะส่งเสริมเขาต่อจากนี้อีกได้แต่พี่นะจะทำได้อย่างหนูหรือเปล่าค่ะ" กิ่งคิดหนักก่อนจะขอเวลากลับไปตัดสินใจที่บ้าน จะว่าไปเรื่องที่ต้องพลัดพรากจากกับครอบครัวเพื่อทำความฝันในการศึกษาและหน้าที่การงานให้เป็นจริงก็เคยมีในครอบครัวแล้วนั้นก็คือเกตกาญจน์ น้องสาวของเธอเองที่ตอนนี้ความฝันของเธอเป็นจริงไปแล้วและพร้อมที่จะทำให้ความฝันของเล็ก ลูกชายของเธอเป็นจริงตามไปอีกคนหนึ่งแน่นอนว่าคงไม่มีแม่คนไหนไม่อยากให้ลูกได้ดีไปตามเส้นทางของตัวเองที่ควรจะไป ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจถามลูกชาย เธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้เล็กฟังแล้ว "ลูกอยากไปอยู่กับน้าเกตที่กรุงเทพฯไหมจ๊ะ"คุณแม่กิ่งถาม "เอ้อ ผมอยากไปมากเลยครับ แต่ว่าผมชอบธรรมชาติ ผมรักบ้านไร่ริมธารบ้านเกิดแห่งนี้มากเลยและอีกอย่างที่สำคัญที่สุด ผมรักพี่ธาร คุณพ่อและก็คุณแม่มากเลยนะครับ"เล็กตอบมาด้วยอารมณ์เหงาปนเศร้า "แม่ก็รักลูกมากเหมือนกันจ๊ะ แต่แม่นะอยากให้ลูกเติบโตขึ้นเปิดหูเปิดตากับโลกทัศน์ที่กว้างขึ้นเหมือนกับน้าเกตของลูกนะเขามีฐานะความเป็นอยู่สุขสบายกว่าพวกเราเยอะเลยนะ"แม่คอยพูดสนับสนุนให้ลูกไป "คุณแม่ครับเรื่องฐานะความเป็นอยู่นะผมไม่สนเลยนะแค่ที่เราใช้ชีวิตแบบพออยู่พอกินตามพระราชดำริของท่านในหลวงก็ดีอยู่แล้วนี่ครับ"เล็กทักท้วง "แต่ว่าความฝันที่อยากรู้อยากเห็นโลกกว้างของลูกละจ๊ะ นี่ฟังแม่ให้ดีๆนะชีวิตเราเกิดมาครั้งหนึ่งนะควรจะทำอะไรที่มีคุณค่าบ้างดีกว่าชีวิตที่ต้องอยู่ไปวันๆหนึ่งแบบนี้นะและถ้าลูกได้ดิบได้ดีเหมือนน้าเกตแล้วละก็จะมีอำนาจช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากในโลกนี้อีกมากมาย นั้นเป็นสิ่งที่ลูกควรทำนะ"กิ่งอธิบายให้ลูกของเธอฟังอย่างกว้างๆเล็กหันมาคิดตามและเห็นด้วยกับคุณแม่ "ตกลงครับ ผมจะไป"เล็กตอบรับอย่างเข้มแข็ง หลังจากนั้นสองแม่ลูกก็ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อและพี่สาว ซึ่งทุกคนก็เห็นด้วยกับการส่งเจ้าเล็กไปเรียนต่อที่กรุงเทพฯก็เป็นอันว่าเจ้าเล็กก็ได้ไปอยู่อาศัยกับน้าเกตที่กรุงเทพฯภายใต้ความเห็นชอบของทุกคน จึงได้ตระเตรียมเสื้อผ้าข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นเก็บใส่กระเป๋าพร้อมที่จะออกเดินทางในวันพรุ่งนี้ "ลูก พ่อมีของอะไรจะมอบให้หน่อยนะ"เกษมเอ่ยขึ้นมาหลังจากจัดของเสร็จเรียบร้อยแล้วจากนั้นก็ไปหยิบสร้อยคอที่มีพระเครื่อง5องค์มาให้เล็ก "นี่คือพระเครื่องเบญจภาคี พระเครื่องยอดนิยมของเซียนนักสะสมพระเครื่องเลยนะ เป็นมรดกตกทอดกันมาของตระกูล"พรหมจุติ"ของเรานะลูก รับไปซะ"เกษมกล่าวแนะนำพระเครื่องก่อนนำพระเครื่องเข้าห้อยคอของเล็กเป็นการมอบให้ "ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลจักรวาลแห่งนี้ได้ช่วยคุ้มครองลูกของข้าพเจ้าให้พ้นจากอันตรายและประสบแต่ความสุขความเจริญและความสำเร็จในชีวิตทุกประการเทอญ"เกษมกล่าวอวยพรก่อนที่ทุกคนในครอบครัวจะขานรับ"สา....ธุ" "เอ้า ไปนอนได้แล้วเล็ก พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้ากินข้าวออกเดินทางกันนะ"จากนั้นทุกคนก็เข้านอน เช้ารุ่งขึ้นที่เรือนตะวันได้จัดพิธีรดน้ำดำหัวคุณตาคุณยายโดยต่างคนต่างอวยพรให้บุพการีของตนได้อยู่เป็นร่มโพธิร่มไทรแก่ครอบครัวไปนานๆ พอเสร็จพิธี ครอบครัวพ่อแม่ลูก"ธรรมจารี"เตรียมพร้อมรับเจ้าเล็กมาอยู่ที่กรุงเทพอยู่แล้วหลังจากจัดข้าวของขึ้นรถเสร็จ เกตกาญจน์ก็สตาร์ทรถเตรียมกลับสู่กรุงเทพ "เล็กเอ้ย รักษาเนื้อรักษาตัวให้ดีด้วยนะหลานยายเอ้ย" "โชคดีนะหลานรักของตา"คุณตาคุณยายกล่าวอำลา "ขอให้ความฝันที่จะเรียนรู้และประสบความสำเร็จของลูกเป็นจริงนะจ๊ะ พวกแม่จะดูแลบ้านไร่ของเราเอง แม่จะคอยจนกว่าจะถึงวันนั้นนะจ๊ะ"แม่กิ่งกล่าวอวยพร "ครับ ลาก่อนครับคุณแม่ ลาก่อนอุทัยธานี บ้านเกิดของผม.."เล็กอำลาทั้งน้ำตา (เพลง"คือหัตถาครองพิภพ"โหมโรง) (solo)สองมือที่ดูนุ่มนวลอ่อนโยน... สองมือที่ดูช่างบอบบางอย่างนั้น... สองมือที่ยังไม่มีความสำคัญ คือสองมือที่ทำให้โลกหมุนไป... แม้เพียงร่างกายนั้นเกิดเป็นหญิง... แท้จริงหัวใจนั้นแกร่งยิ่งกว่าชาย... ขอเพียงให้เป็นได้ดั่งที่ตั้งใจ จะทุกข์ทนเดียวดาย ไม่มีความสำคัญ *บันดาล..โลกหมุนเวียนวนไปตามจิตใจ นำพา.. ให้เป็นไปตามต้องการ ทุกสิ่งเปลี่ยนแปรไปด้วยมือเธอเสกสรร ดั่งถ้อยคำประพันธ์ เปรียบเปรยพรรณนา... ถึงชายได้กวัดแกว่ง แผลงจากอาสน์... ซึ่งอำนาจกำแหงแรงยิ่งกว่า... อันมือไกวเปลไซร้.. แต่ไรมา คือหัตถาครองพิภพจบสากล...(solo)ซ้ำ*(solo ending) จากนั้นรถเก๋งโดยสารก็เคลื่อนตัวจากเรือนตะวันสู่กรุงเทพต่อไป Pre Lesson end. See you again when I have emotion and time.(บทนำจบ แล้วเจอกันเมื่อผมมีอารมณ์และเวลา) ตีพิมพ์ถูกต้อง copyright 2001 วัฏสีร์/PANTIP.COM , Bloggang.com And Dekdee.com All rights reserved
มีตัวละครมาสมัครไป1คนจากPocketคิดว่าจะเอามาใช้ในตอนต่อไปอยู่เหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมนึกไม่ออกว่าจะต่อยังไงดีแล้วกระทู้คงร้างแน่ๆตามเคย แถมยาวอีกต่างหาก
เอ้า ขอสมัคร เป็นตัวละครหน่อยแล้วกัน ชื่อ ศรีชุมพร อายุ 17 ปี อาชีพ หนุ่มเจ้าของฟาร์มกุ้งมังกร ในประเทศไทย วุฒิการศึกษา ม.3 สันดาน (นิสัย) - รักธรรมชาติ รักสงบ เบื่อกฏระเบียบของสังคม ชอบดูถูกตัวเอง ทั้งๆที่ตัวเอง เป็นเจ้าของฟาร์มกุ้งมังกร แห่งแรกในประเทศไทย มีรายได้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง และยังชอบมอง ว่าโลกนี้ มันแย่ไปหมด เกลียดระบบ "กูใหญ่ _เล็ก กูสั่งอะไร _ต้องทำ ถ้า_ไม่ทำ _ตาย" เป้าหมายในชีวิต - เลี้ยงกุ้งต่อไปเรื่อยๆ และไม่ต้องการมีเมีย เพราะเห็นว่า "เมีย คือซาตาน จากนรก ที่มาคอยสูบเลือดสูบเนื้อ" ประวัติ โดยย่อ มีเพียงเท่านี้ จาก : อามุโร่ เรย์ - 27/08/2001 20:45 โฮมเพจ : //members.thaicentral.com/amuro_rei
Create Date : 28 ธันวาคม 2547 | | |
Last Update : 10 กันยายน 2548 12:38:03 น. |
Counter : 806 Pageviews. |
| |
|
|
|