Group Blog
 
All Blogs
 

บริจาคเลือด

เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) เป็นเซลล์ตัวอ่อนของโลหิต โดยจะเจริญเติบโตไปเป็นเม็ดโลหิตแดง (ทำหน้าที่นำอ๊อกซิเจนไปหล่อเลี้ยงทั่วร่างกาย) เม็ดโลหิตขาว(ต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมหรือเชื้อโรค) และเกล็ดโลหิต (เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้โลหิตแข็งตัว) ซึ่งนอกจากจะเจริญเติบโตเป็นเม็ดโลหิตหลายชนิดแล้ว สเต็มเซลล์ยังสามารถให้กำเนิดตัวเองได้ตลอดเวลา ด้วยคุณสมบัติพิเศษดังกล่าว ทำให้สเต็มเซลล์ไม่มีวันหมดไปจากร่างกาย เราจึงสามารถบริจาคสเต็มเซลล์ให้กับผู้ป่วยโดยที่สเต็มเซลล์ของผู้บริจาค สามารถสร้างขึ้นทดแทนได้อย่างรวดเร็ว


โรคที่สามารถรักษาได้ด้วยการปลูกถ่าย Stem Cell

โรคโลหิตจางธาลัสซีเมีย (เป็นโรคที่พบได้มากในประเทศไทย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น)

โลหิตจางชนิดไขกระดูกฝ่อ

มะเร็งเม็ดโลหิตขาวเฉียบพลัน / เรื้อรัง

มะเร็งต่อมน้ำเหลือง


มะเร็งกระดูก Myeloma

มะเร็งเต้านม

มะเร็งรังไข่

มะเร็งปอด


แสดงความจำนงบริจาค

stem cell

การแสดงความจำนงเป็นผู้บริจาค Stem cell

1. คุณสมบัติผู้ที่ลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต

– อายุ 18-50 ปี


– มีสุขภาพแข็งแรง

– ไม่มีโรคประจำตัวหรือโรคติดต่อร้ายแรง และไม่มีพฤติกรรมเสี่ยง

2. ขั้นตอนการลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาค Stem Cell

2.1 สำหรับผู้ที่บริจาคโลหิตอยู่แล้ว

– แจ้งความจำนงลงทะเบียนพร้อมกับการบริจาคโลหิตปกติ ตรวจวัดความดัน ความเข้มข้นโลหิต และรับหมายเลขถุงบรรจุโลหิตที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียน (ขั้นตอนหมายเลข 3)

อย่าลืม!!! ย้ำกับเจ้าหน้าที่อีกครั้งว่าขอลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต

– กรอกรายละเอียดเพื่อแสดงความยินยอมเป็นผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์

2.2 สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยบริจาคโลหิต

– แจ้งความจำนงลงทะเบียนเป็นอาสาสมัครบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธก่อนที่จะไปห้องเก็บตัวอย่างโลหิต


3. การเก็บโลหิตตัวอย่าง

– ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ จะเก็บโลหิตตัวอย่างประมาณ 20 ml. (c.c.) เพื่อนำไปตรวจลักษณะเนื้อเยื่อ (HLA หรือ Tissue typing) และเก็บเป็นฐานข้อมูล (database) ไว้ เมื่ออาสาสมัครฯ มีลักษณะเนื้อเยื่อ HLA เข้ากันได้กับผู้ป่วยแล้ว ทางศูนย์ฯ จะเชิญอาสาสมัครมาบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) ในภายหลัง ซึ่งโอกาสที่ลักษณะเนื้อเยื่อของผู้ป่วยและอาสาสมัครฯ จะตรงกันมีเพียง 1 ใน 10,000 เท่านั้น


วิธีบริจาค


วิธีการบริจาค Stem Cell

stem cell

1. การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตทางหลอดโลหิตดำ (Peripheral Blood Stem Cell Donation)

วิธีการนี้ใช้เวลาทั้งหมด 6-7 วัน ซึ่งต้องมาต่อเนื่องกัน โดยเริ่มจาก

ขั้นแรก ฉีดยา G-CSF 4 วัน เพื่อกระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) ออกจากไขกระดูก (Bone Marrow) มากระจายตัวในกระแสโลหิตให้มากพอ ที่ต้องฉีดยาชนิดนี้ก่อน เพราะว่า โดยปกติในกระแสโลหิตจะมีเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต (Stem Cell) อยู่น้อยมาก จึงต้องมีการเตรียมตัวก่อนเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากผู้บริจาค

ขั้นต่อไป จะเข้าสู่กระบวนการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต ซึ่งใช้เวลา 2-3 วัน และแต่ละวันใช้เวลา 3 ชั่วโมง โดยแทงเข็มที่หลอดโลหิตดำบริเวณข้อพับแขน (Vein) ให้โลหิตไหลเข้าสู่เครื่อง Automated Blood Cell Separator เพื่อแยกเก็บเฉพาะเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิต กระบวนการนี้คล้ายกับวิธีการเก็บเกล็ดโลหิต (platelet) หรือน้ำเหลือง (Plasma) ซึ่งจะเก็บปริมาณเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของผู้ป่วย


2. การบริจาคเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตทางไขกระดูก (Bone Marrow Donation)

เป็น กระบวนการเก็บเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตจากโพรงไขกระดูก โดยใช้เข็มพิเศษเจาะเก็บจากบริเวณสะโพกด้านหลัง โดยผู้บริจาคจะได้รับการดมยาสลบ กระบวนการนี้จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ทั้งนี้ร่างกายสามารถสร้างเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดโลหิตขึ้นมาทดแทนได้อย่างรวด เร็ว ผู้บริจาคสามารถกลับบ้านได้ในวันรุ่งขึ้น และควรพักฟื้นร่างกายประมาณ 5 – 7 วัน


ผู้บริจาคจะได้บริจาควิธีการแบบใด ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์เฉพาะทาง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บริจาคด้วย


ทำบุญวันเกิด เป็นสิ่งดี ๆ ที่คุณทำได้โดยเลือกโอกาสดี ๆ เช่นวันเกิดของคุณในการ ทำบุญวันเกิด และเราคิดว่าการ ทำบุญวันเกิด ของคุณจะส่งผลดีต่อคุณและผู้อื่นที่คุณได้ทำความดีด้วย




 

Create Date : 20 ตุลาคม 2552    
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 9:19:41 น.
Counter : 1599 Pageviews.  

การทำบุญวันเกิด

ทำบุญวันเกิด



ความเป็นมา
อันประเพณีที่จะ ทำบุญวันเกิด ขึ้นนี้เนื่องจาก พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงทำเป็นตัวอย่างตั้งแต่ยังทรงผนวช ไม่ใช่ทำอย่างจีนหรือฝรั่ง ด้วยทรงพระราชดำริเห็นว่าการมีอายุยืนมาบรรจบรอบปีครั้งหนึ่งๆ ไม่ตายไปเสียก่อนเป็นลาภอันประเสริฐ ควรยินดี เมื่อรู้สึกยินดีก็ควรจะบำเพ็ญกุศล ที่เป็นประโยชน์แก่ตนและแก่ผู้อื่น ให้สมกับที่มีน้ำใจยินดี และไม่ประมาท เพราะไม่สามารถจะรู้ได้ว่าจะอยู่ไปบรรจบรอบปีเช่นนี้อีกหรือไม่ ถึงวันเกิดปีหนึ่งเป็นที่เตือนใจครั้งหนึ่ง ให้รู้สึกว่าอายุล่วงไปต่อความตายอีกก้าวหนึ่งชั้นหนึ่ง เมื่อรู้สึกเช่นนั้น จะได้บรรเทาความมัวเมาประมาทในชีวิตเสียได้ นี้เป็นพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นสาเหตุให้ มีการทำบุญวันเกิดขึ้นเรียกว่า เฉลิมพระชนมพรรษา



การที่ทรงทำในครั้งนั้นปรากฏว่ามีการสวดมนต์เลี้ยงพระ ๑๐ รูป เป็นการน้อยๆ เงียบๆ ครั้นต่อมาก็มีเจ้านายขุนนางทำบุญวันเกิดกันชุกชุมขึ้น แต่การทำบุญเกี่ยวกับพระลดลง เป็นแค่ประชุมคนแสดงเกียรติยศให้ปรากฏว่ามีผู้นับถึอมาก ตั้งโรงครัวเลี้ยงกันไปวันยังค่ำการมหรสพก็มีละครเป็นพื้น และนำของขวัญไปให้กันมีการเลี้ยงดูกันอย่างสนุกสนานให้ศีลให้พรกัน ถ้าเป็นวันเกิดเจ้านายขุนนางชั้นผู้ใหญ่ พระเจ้าแผ่นดินก็พระราชทานพระราชหัตถเลขาให้พรด้วย พระราชทานของขวัญด้วย สมัยนั้นการทำบุญถือเป็นเกียรติใหญ่ เมื่อถึงวันเกิดของใครก็อึงคนึงเป็นการใหญ่ตั้งแต่เริ่มงานจนงานแล้ว และถือว่าถ้าไม่ไปช่วยงานวันเกิดกันแล้วเป็นไม่ดูผีกันทีเดียว



สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงผนวชเป็นสามเณรก็ทรงทำบุญวันพระราชสมภพ ตามอย่างพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วิธีทำก็มี สวดมนต์ เลี้ยงพระและแจกสลากสิ่งของต่างๆ แก่พระสงฆ์ ทรงทำตลอดมาจนกระทั่งเสวยราชย์และทำเป็นการใหญ่เช่น หล่อพระพุทธรูปอายุ เรียกว่า “หล่อพระชนมพรรษา” ทั้งมีการตกแต่งตามชาลาพระบรมมหาราชวัง ให้เป็นการครึกครื้นสนุกสนาน ตามริมน้ำและตามถนนก็สว่างไสวไปด้วยแสงประทีปโคมชวาลา จึงได้เกิดมีการแต่งซุ้มไฟประกวดประขันกันขึ้นและมีเหรียญพระราชทานแก่ผู้ แต่งซุ้มไฟเป็นรางวัล อนึ่งในวันนั้นได้มีผู้ไปลงนามถวายพระพร พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชการอ่านคำถวายพระพรอันเป็นเครื่องหมายแสดงความจงรักภักดี จึงถือเป็นประเพณีเนื่องด้วยทำบุญวันเกิดมาจนปัจจุบันนี้



วิธีปฏิบัติในการทำบุญวันเกิด

วิธีปฏิบัติ ในการทำบุญวันเกิดอาจเลือกปฏิบัติอย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างก็ได้ ดังนี้



๑. ตักบาตรพระสงฆ์เท่าอายุหรือเกินอายุหรือกี่รูปก็ได้ตามสะดวก

๒. บำเพ็ญกุศลอุทิศแก่บรรพบุรุษ ที่เรียกว่า ทักษิณานุประทานก่อนแล้วจึงบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันเกิด

๓. ทำบุญ สวดมนต์ เลี้ยงพระ หรือมีพระธรรมเทศนาด้วย

๔. ถวายสังฆทาน

๕. ทำทานช่วยชีวิตสัตว์ เช่นปล่อยนก ปล่อยปลา ฯลฯ หรือส่งเงินไปบำรุงโรงพยาบาลหรือกิจกรรมด้านสังคมสงเคราะห์อื่นๆ

๖. รักษาศีลหรือบำเพ็ญภาวนา

๗. กราบขอรับพรจากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย หรือผู้ที่ตนเคารพนับถือ

๘. บำเพ็ญคุณประโยชน์อื่นๆ โดยมุ่งที่การให้ มากกว่า เป็นการรับ



อานิสงส์หรือผลดีของการทำบุญวันเกิด


การทำบุญวันเกิด คือการปรารภวันเกิดและทำความดีในวันนั้นเป็นเหตุให้ได้รับผลดีหรืออานิสงส์ ตอบแทน ดังมีพุทธภาษิตความว่า “ผู้ให้อาหาร ชื่อว่า ให้กำลัง ผู้ให้ผ้า ชื่อว่า ให้ผิวพรรณ ผู้ให้ยาน ชื่อว่า ให้ความสุข ผู้ให้ประทีป ชื่อว่า ให้ดวงตา” (พระไตรปิฏก เล่มที่ ๑๕ ข้อ ๑๓๘ หน้า ๔๔ ) และพระพุทธภาษิต ความว่า “ผู้ให้สิ่งที่น่าพอใจ ย่อมได้สิ่งที่น่าพอใจ ผู้ให้สิ่งที่เลิศ ย่อมได้สิ่งที่เลิศ ผู้ให้สิ่งประเสริฐ ย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐ ผู้ให้สิ่งที่ประเสริฐสุด ย่อมได้สิ่งที่ประเสริฐสุด “ (พระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๒ ข้อ ๔๔ หน้า ๖๖)



ข้อเสนอแนะในการทำบุญวันเกิด


๑. กิจกรรมในการทำบุญวันเกิดควรเน้นคุณค่าทางจิตใจมากกว่าวัตถุ เช่นทำจิตใจให้สงบแจ่มใสและทำบุญตามศรัทธา

๒. ควรเป็นกิจกรรมที่มุ่งบำเพ็ญประโยชน์แก่ผู้อื่นหรือส่วนรวม เช่นการบริจาคทาน สมทบทุนเพื่อสาธารณประโยชน์ ใช้แรงงานของตนเองเพื่อส่วนรวม

๓. ควรมุ่งเน้นให้เป็นการประหยัด จัดงานวันเกิดในวงครอบครัวไม่ควรจัดหรูหราฟุ่มเฟือย

๔. ควรอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย ไม่จำเป็นต้องจัดแบบต่างประเทศ เช่นตัดเค้กวันเกิดจุดเทียน หรือเป่าเทียน ร้องเพลงภาษาต่างประเทศอวยพรวันเกิด ฯลฯ

๕. ในกรณีที่ผู้น้อยไปรดน้ำอวยพรวันเกิดผู้ใหญ่ นิยมอ้างคุณพระศรีรัตนตรัยก่อนแล้วจึงมีคำอวยพร ส่วนของขวัญที่จะให้นั้น ควรทำด้วยน้ำพักน้ำแรงหรือของที่ประดิษฐ์ด้วยฝีมือตนเอง ถ้าเป็นดอกไม้ควรเป็นดอกไม้ที่ปลูกในประเทศไทย กรณีที่ผู้ใหญ่อวยพรวันเกิดผู้น้อย ผุ้ใหญ่ควรกล่าวถ้อยคำอันเป็นมงคลแก่ผู้รับพร




ทำบุญอายุ




การทำบุญอายุ มักนิยมทำกัน เมื่ออายุ ๒๕ ปี ซึ่งเรียกว่าเบญจเพสแผลงมาจาก ปัญจวีสะ คำว่าเบญจเพส ก็แปลว่า ๒๕ นั่นเอง ถือกันว่าตอนนี้เป็นตอนสำคัญ เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่จะย่างขึ้นสู่สภาวะผู้ใหญ่ ตั้งตนให้เป็นหลักเป็นฐาน ถ้าดีก็ดีกันในตอนนี้ ถ้าเอาดีไม่ได้ก็อาจจะเสียคน ด้วยเหตุนี้จึงมีการทำบุญเมื่ออายุ ๒๕ ปีเพื่อส่งให้เจริญงอกงามต่อไป ต่อจากนั้นก็ทำเมื่ออายุ ๕๐ หรือ ๖๐ ปีอีกครั้งหนึ่ง เพราะถือกันว่าตอนนิอายุย่างเข้ากึ่งหนึ่งของศตวรรษแล้ว และเจริญมากถึงที่สุดแล้ว ต่อไปร่างกายก็มีแต่จะทรุดโทรมลงทุกวัน การทำบุญที่อายุปูนนี้จึงเป็นการทำโดยไม่ประมาท ร่างกายเสื่อมลงไปๆ จึงควรทำบุญไว้ เพื่อเป็นประกันในเมื่อจวนจะหมดลมจะได้นึกว่าทำดีไว้มากแล้ว ถึงตายก็ตายอย่างสงบ อนึ่งการทำบุญอายุนี้ บางทีทำกันเมื่อมีอายุครบ ๒ รอบ ๓ รอบ ๔ รอบ ไปจนถึง ๕ -๖ รอบฯลฯ รอบหนึ่งมี ๑๒ ปีถ้าบรรจบปีเกิดในรอบไหนก็ทำในรอบนั้น วิธีปฏิบัติ อานิสงส์ผลดีหรือข้อเสนอแนะ เช่นเดียวกับการทำบุญวันเกิด



ขอขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการวัฒนธรรมแห่งชาติ กระทรวงวัฒนธรรม



นี่คือรายชื่อองค์กรและมูลนิธิต่าง ๆ ที่คุณสามารถบริจาคได้

1. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก

2. ทำบุญวันเกิด บ้านอุ่นรัก

3. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

4. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน

5. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กกำพร้า

6. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย

7. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก

8. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ในประเทศไทย

9. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

10. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสร้างเสริมไทย

11. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสันติสุข

12. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด

13. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสิกขาเอเซีย

14. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

15. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิอาร์ทฟอร์ออล

16. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิอาสาพัฒนาเด็ก

17. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิอินเทอร์เน็ตเพื่อโรงเรียนและชุมชน

18. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเกื้อดรุณ

19. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเกื้อฝันเด็ก

20. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็ก

21. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็กตัวเล็ก

22. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ

23. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็กโรคหัวใจฯ

24. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิกระจกเงา

25. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา

26. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิชีวิตบริบูรณ์

27. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิชุมชนไท

28. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิดร. พิชนี โพธารามิก

29. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิดวงประทีป

30. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิบ้านนกขมิ้น

31. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิปวีณาหงสกุล

32. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิรักษ์เด็ก

33. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิราชประชานุเคราะห์





 

Create Date : 21 กันยายน 2552    
Last Update : 21 กันยายน 2552 16:54:20 น.
Counter : 568 Pageviews.  

ทำบุญวันเกิด

ชาวพุทธเราส่วนใหญ่ยังเข้าใจผิด เกี่ยวกับเรื่องของ “ บุญ ” คิดว่าการทำบุญก็คือ การตักบาตร การถวายทรัพย์ , ปัจจัย การถวายสังฆทาน ฯลฯ เพียงเท่านี้ เป็นต้น


“ บุญ ” หรือ “ ปุญญ ” แปลว่า ชำระ หมายถึงการทำให้หมดจด จากมลทิน เครื่องเศร้าหมอง อันได้แก่ โลภะ โทสะ และ โมหะ



ตามพระไตรปิฎก เราสามารถสร้าง “ บุญ ” ได้ถึง ๓ อย่าง คือ


๑ . ทาน คือ การให้ เช่นที่กล่าวมาแล้ว คือ การตักบาตร บริจาคทรัพย์ ถวายสังฆทาน เป็นต้น ถือเป็น จาคะ หรือ การให้ นับเป็น บุญอย่างหนึ่ง แต่มีการให้บางประการที่ไม่นับเป็นบุญ เช่น สุรา มหรสพ ให้สิ่งเพื่อกามคุณ เป็นต้น


๒ . ศีล คือ ความประพฤติที่ไม่ละเมิด หรือรักษาความสำรวมทางกาย วาจา การรักษาศีลสำหรับฆราวาส ได้แก่ ศีล ๕ และอุโบสถศีล ( มี ๘ ข้อ )


๓ . ภาวนา ภาวนา คือ การอบรมจิต ทางสมถะและทางวิปัสสนา การนั่งสมาธิ เรียกว่า สมถะภาวนา ส่วนการนั่งวิปัสสนา ( สติรู้ถึงรูป – นาม ) เรียกว่า วิปัสสนาภาวนา



ถ้าท่านต้องการทำบุญวันเกิดของตัวเอง แต่ไม่รู้ว่าจะไปทำบุญ หรือบริจาคได้ที่ไหนดี



นี่คือรายชื่อองค์กรและมูลนิธิต่าง ๆ ที่คุณสามารถบริจาคได้

1. ทำบุญวันเกิด บ้านครูน้อย

2. ทำบุญวันเกิด บ้านอุ่นรัก

3. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเพื่อเด็กพิการ

4. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิกระจกเงา

5. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิกองทุนการศึกษาเพื่อการพัฒนา

6. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิชีวิตบริบูรณ์

7. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิชุมชนไท

8. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิดร. พิชนี โพธารามิก

9. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิดวงประทีป

10. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิบ้านนกขมิ้น

11. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิปวีณาหงสกุล

12. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิรักษ์เด็ก

13. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิราชประชานุเคราะห์

14. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิร่วมจิตต์น้อมเกล้าฯ เพื่อเยาวชน

15. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิศรัทธาชนเพื่อการศึกษาและเด็กกำพร้า

16. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย

17. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิศูนย์พิทักษ์สิทธิเด็ก

18. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจน ซี.ซี.เอฟ.ในประเทศไทย

19. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสร้างสรรค์เด็ก

20. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสร้างเสริมไทย

21. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสันติสุข

22. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสำนึกรักบ้านเกิด

23. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิสิกขาเอเซีย

24. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

25. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิอาร์ทฟอร์ออล

26. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิอาสาพัฒนาเด็ก

27. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิอินเทอร์เน็ตเพื่อโรงเรียนและชุมชน

28. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเกื้อดรุณ

29. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเกื้อฝันเด็ก

30. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็ก

31. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็กตัวเล็ก

32. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ

33. ทำบุญวันเกิด มูลนิธิเด็กโรคหัวใจฯ




 

Create Date : 21 กันยายน 2552    
Last Update : 21 กันยายน 2552 16:49:10 น.
Counter : 686 Pageviews.  

วันลอยกระทง

วันลอยกระทง เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของชาวไทยส่วนใหญ่ ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ตามปฏิทินจันทรคติไทย หรือเดือนยี่ (เดือนที่ 2) ตามปฏิทินจันทรคติล้านนา "มักจะ" ตกอยู่ในราวเดือนพฤศจิกายน ตามปฏิทินสุริยคติ ประเพณีลอยกระทงนี้กำหนดขึ้นเพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์และขอขมาต่อพระแม่คงคา บางหลักฐานเชื่อว่าเป็นการบูชารอยพระพุทธบาทที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมทามหานที และบางหลักฐานก็ว่าเป็นการบูชาพระอุปคุตอรหันต์หรือพระมหาสาวก สำหรับประเทศไทยประเพณี ลอยกระทงได้กำหนดจัดในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ติดกับแม่น้ำ ลำคลอง หรือ แหล่งน้ำต่าง ๆ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็จะมีเอกลักษณ์ที่น่าสนใจแตกต่างกันไป

ในวันลอยกระทง ผู้คนจะพากันทำ "กระทง" จากวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ตบแต่งเป็นรูปคล้ายดอกบัวบาน ปักธูปเทียน และนิยมตัดเล็บ เส้นผม หรือใส่เหรียญกษาปณ์ลง ไปในกระทง แล้วนำไปลอยในสายน้ำ (ในพื้นที่ติดทะเล ก็นิยมลอยกระทงริมฝั่งทะเล) เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ไป นอกจากนี้ยังเชื่อว่าการลอยกระทง เป็นการบูชาพระแม่คงคาด้วย
เนื้อหา

ประเพณีในแต่ละท้องถิ่น

* ภาคเหนือตอนบน นิยมทำโคมลอย เรียกว่า "ลอยโคม" หรือ "ว่าวฮม" หรือ "ว่าวควัน" ทำจากผ้าบางๆ แล้วสุมควันข้างใต้ให้ลอยขึ้นไปในอากาศอย่างบอลลูน ประเพณีของชาวเหนือนี้เรียกว่า "ยี่เป็ง" หมายถึงการทำบุญในวันเพ็ญเดือนยี่(ซึ่งนับวันตามแบบล้านนา ตรงกับวันเพ็ญเดือนสิบสองในแบบไทย)
o จังหวัดตาก จะลอยกระทงขนาดเล็กทยอยเรียงรายไปเป็นสาย เรียกว่า "กระทงสาย"
o จังหวัดสุโขทัย ขบวนแห่โคมชักโคมแขวน การเล่นพลุตะไล ไฟพะเนียง
* ภาคอีสานจะตบแต่งเรือแล้วประดับไฟ เป็นรูปต่างๆ เรียกว่า "ไหลเรือไฟ"
* กรุงเทพฯ จะมี งานภูเขาทอง เป็นรูปแบบงานวัด เฉลิมฉลองราว7-10วัน ก่อนงานลอยกระทง และจบลงในช่วงหลังวันลอยกระทง
* ภาคใต้ อย่างที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาก็มีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ นอกจากนั้น ในจังหวัดอื่นๆ ก็จะจัดงานวันลอยกระทงด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ในแต่ละท้องถิ่นยังอาจมีประเพณีลอยกระทงที่แตกต่างกันไป และสืบทอดต่อกันเรื่อยมา

ประวัติ
พลุเฉลิมฉลองในเทศกาลวันลอยกระทงริมแม่น้ำเจ้าพระยา

เดิมเชื่อกันว่าประเพณีลอยกระทงเริ่มมีมาแต่สมัยสุโขทัย ในรัชสมัยพ่อขุนรามคำแหง โดยมีนางนพมาศ เป็นผู้ประดิษฐ์กระทงขึ้นครั้งแรก โดยแต่เดิมเรียกว่าพิธีจองเปรียง ที่ลอยเทียนประทีป และนางนพมาศได้นำดอกโคทม ซึ่งเป็นดอกบัวที่บานเฉพาะวันเพ็ญเดือนสิบสองมาใช้ใส่เทียนประทีป แต่ปัจจุบันมีหลักฐานว่าไม่น่าจะเก่ากว่าสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น โดยอ้างอิงหลักฐานจากภาพจิตรกรรมการสร้างกระทงแบบต่างๆ ในสมัยรัชกาลที่ 3

ปัจจุบันวันลอยกระทงเป็นเทศกาลที่สำคัญของไทย ที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศมาเที่ยวปีละมากๆ ทั้งนี้ในช่วงเวลาดังกล่าวมักจะเป็นช่วงต้นฤดูหนาว และมีอากาศดี

ในวันลอยกระทง ยังนิยมจัดประกวดนางงาม เรียกว่า "นางนพมาศ"

ความเชื่อเกื่ยวกับวันลอยกระทง

* เป็นการขอขมาพระแม่คงคา ที่มนุษย์ได้ใช้น้ำ ได้ดื่มกินน้ำ รวมไปถึงการทิ้งสิ่งปฏิกูลต่างๆ ลงในแม่น้ำ
* เป็นการสักการะรอยพระพุทธบาท ที่พระพุทธเจ้าทรงได้ประทับรอยพระบาทไว้หาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ในประเทศอินเดีย
* เป็นการลอยความทุกข์ ความโศกรวมถึงโรคภัยต่างๆ ให้ลอยไปกับแม่น้ำ
* ชาวไทยในภาคเหนือมีความเชื่อว่า การลอยกระทงเป็นการบูชาพระอุปคุต ตามตำนานเล่าว่า พระอุปคุตทรงสามารถปราบพญามารได้




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2551    
Last Update : 29 ตุลาคม 2551 10:42:19 น.
Counter : 695 Pageviews.  

เรื่องลิขสิทธิ์ของสามก๊กของผมครับ

ประกาศครับ blog นี้ไม่มีการอัพเดตแล้ว เพราะไปทำเวบของตัวเองเองแล้ว ขอบคุณทุกคนที่ติดตามครับ ถึงจะจำนวนน้อย แต่ก็ซึ้งใจครับ

ตามไปอ่านต่อได้ที่ //www.feelthailand.com/sanguo เป็นเวบของตัวเองครับ หรือใครที่ต้องการจะติดต่อสอบถาม ติดต่อที่ anotherkaz(at)gmail.com หรือ kazama(at)thailand.com ครับ ขอบคุณทุกคนอีกครั้งครับ

มีคนมาทักท้วงผมบ้างเรื่องงานแปลของผม เกี่ยวกับลิขสิทธิ์
ผมเลยได้ติดต่อไปถึง ศาสตราจารย์ Rafe De Crespigny เกี่ยวกับเรื่องนี้
ศาสตราจารย์นิสัยดีมาก ๆ ท่านยินดีที่มีคนแปลออกมาเป็นภาษาไทย แต่ท่านบอกว่างานของท่านนั้น
ลิขสิทธิ์เป็นของทาง Australian National University ต้องสอบถามกับทางมหาวิทยาลัยเอง

จนวันนี้ผมได้คำตอบจากทางมหาวิทยาลัยแล้วครับ ว่าได้อนุญาตให้ผมทำการแปลเป็นภาษาไทย โดยต้องอ้างอิงแหล่งที่มาด้วย
ที่เวบนี้คือที่มาของผลงานครับ

//asianstudies.anu.edu.au/wiki/index.php/Early_Imperial_China

1. the original English version was published by the Faculty of Asian Studies – Australian National University in 1996.
1. บทความต้นฉบับภาษาอังกฤษนี้ ได้ถูกตีพิมพ์โดยคณะเอเชียนศึกษา มหาวิทยาลัย Australian National ในปี 1996

2. This writer have the author’s permission to publish his work in translation.
2. ผู้เขียนได้รับการอนุญาตจากผู้เขียนต้นฉบับนี้แล้วให้สามารถทำการเผยแพร่ผลงานแปลได้

ตามความประสงค์ของทางมหาวิทยาลัยครับ อ่านรายละเอียดตามเมล์ข้างล่างครับ

-----Original Message-----
From: Gordon Hill [mailto:Gordon.Hill@anu.edu.au]
Sent: Thursday, 28 September 2006 3:24 PM
To: Gordon.Hill@anu.edu.au
Cc: Rafe.deCrespigny@anu.edu.au
Subject: RE: FW: FW: To Establish Peace volume 1&2

Dear XXX:

You are welcome to go ahead and make a Thai language translation of Dr Rafe de Crespigny’s book ‘To Establish Peace’ Vols 1 & 2.

You should clearly indicate in your text that the original English version was published by the Faculty of Asian Studies – Australian National University in 1996.

You should also indicate that you have the author’s permission to publish his work in translation.

Best wishes – Gordon Hill




 

Create Date : 28 กันยายน 2549    
Last Update : 13 กรกฎาคม 2550 13:15:13 น.
Counter : 785 Pageviews.  

1  2  

kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.