Group Blog
 
All Blogs
 

ปี 205 AD

ปี Jian’an ที่ 10 205 AD
(7 กุมภาพันธ์ 205 – 26 กุมภาพันธ์ 206)

ในฤดูใบไม้ผลิเดือนแรก โจโฉโจมตีเมืองลำพี อ้วนถำนำทัพมาสู้ มีคนบาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก โจโฉต้องการที่จะพักรบ แต่ โจซุนพูดว่า กองทัพของเราอยู่ห่างไกลจากที่มั่นของเรา เราล่วงล้ำเข้ามาในดินแดนศัตรูไกลมาก มันเป็นการยากที่จะตั้งค่ายอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เวลานี้เราต้องเดินหน้าต่อไป ถ้าเรายกทัพกลับโดยปราศจากชัยชนะ เราต้องอับอายขายหน้า เขาจึงตีกลองศึกนำทหารเข้าต่อสู้ แล้วทัพโจโฉก็ชนะศึก

อ้วนถำหนีเอาตัวรอดแต่เขาก็ถูกฆ่าตายในการไล่ตามโจมตี

ลีหูประกาศแต่งตั้งตัวเองเป็นขุนนางอาลักษณ์แห่งมณฑลกิจิ๋ว(ซึ่งเป็นตำแหน่งเก่าของเขาภายใต้อ้วนซง) ขอเข้าพบโจโฉแล้วพูดว่า ในเมืองนี้ ผู้แข็งแกร่งข่มเหงคนที่อ่อนแอกว่า ผู้คนจึงตกอยู่ในความหวาดกลัวและหวาดระแวง ข้าแนะนำให้ท่านออกคำสั่งสำหรับคนเพิ่งยอมอ่อนน้อมต่อท่านและคนที่เป็นที่รู้จักและเคารพของชาวเมืองให้ไปประกาศคำสั่งของท่าน

ดังนั้นโจโฉจึงส่งเขาไปที่เมืองเพื่อประกาศให้ชาวเมืองดำเนินชีวิตตามปกติเหมือนเดิมจะไม่มีการทำร้ายจากทัพโจโฉ ทั้งเมืองจึงอยู่ในความสงบ

โจโฉสังหารกัวเต๋าและผู้ติดตามรวมทั้งครอบครัวของพวกเขา

อ้วนถำเคยส่ง อองสิ้วไป Le’an เพื่อควบคุมกองเสบียง เมื่อ อองสิ้วรู้ข่าวว่าอ้วนถำกำลังมีภัย เขาจึงนำทัพของเขามาช่วยเหลือ แต่ทันทีที่พวกเขามาถึง Gaomi พวกเขาก็ได้รู้ข่าวการตายของอ้วนถำ

อองสิ้วลงจากหลังม้าร่ำไห้พูดว่า ขาดนายท่านไปแล้วข้าจะไปหาใคร เขาไปหาโจโฉและขอศพอ้วนถำไปทำพิธีฝัง โจโฉอนุญาตแล้วสั่งให้ อองสิ้วกลับไปที่ Le’an ตามเดิมเพื่อดูแลเสบียงอาหารให้กองทัพ

หัวเมืองทั้งหมดของอ้วนถำยอมจำนนต่อโจโฉยกเว้น Guan Tong เจ้าเมือง Le’an ที่ยังไม่ยอมแพ้ โจโฉสั่งให้ อองสิ้วสังหารเขาเสีย แต่ อองสิ้วเชื่อว่า Guan Tong เป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ของราชสำนัก เขาจึงแก้มัด Guan Tong และส่งเขาไปหาโจโฉ โจโฉยินดีและให้อภัยเขา เขาแต่งตั้ง อองสิ้วเป็นขุนนางในสังกัดของเขา (โจโฉมีตำแหน่งซือคง)

กุยแกสนับสนุนให้โจโฉแต่งตั้งบัณฑิตมีชื่อเสียงจำนวนมากของทั้งสี่มณฑล เฉงจิ๋ว กิจิ๋ว อิวจิ๋ว เป๊งจิ๋ว เป็นขุนนางเพื่อเพิ่มการสนับสนุนการปกครองของเขาจากประชาชน โจโฉทำตามที่เขาแนะนำ

ในเวลาที่เกิดศึกกัวต๋อ อ้วนเสี้ยวสั่งให้ ตันหลิมเขียนร่างประกาศของเขา ตันหลิมใส่ร้ายโจโฉว่าทำความผิดร้ายแรงมากมาย รวมทั้งกล่าวหาครอบครัวและบรรพบุรุษของโจโฉ รวมทั้งการใช้อำนาจในทางที่ผิดและใส่ร้ายต่าง ๆ นานา เมื่อตระกูลอ้วนพ่ายแพ้ ตันหลิมมาหาโจโฉ โจโฉพูดว่า เมื่อเจ้าเขียนร่างประกาศเหล่านั้นให้อ้วนเสี้ยว เจ้าควรที่จะใส่ร้ายป้ายสีข้าเพียงคนเดียว ทำไมถึงต้องด่าลามปามไปถึงบิดาและปู่ของข้า ตันหลิมขอร้องให้เขายกโทษให้ แล้วโจโฉก็ยกโทษให้เขาและตั้งให้เขาเป็นหัวหน้าเลขาของเขาร่วมกับ Ruan Yu

ก่อนหน้านั้น Wang Song ได้ยึด เมือง Zhuo เล่าฮองซึ่งอาศัยในเมืองนั้นได้แนะนำให้เขานำดินแดนตัวเองไปให้แก่โจโฉ โจโฉจึงแต่งตั้งให้ เล่าฮองเป็นที่ปรึกษาในกองทัพของซือคง

อ้วนฮีถูกลูกน้องของเขา เจียวเหียและ เตียวหลำโจมตี เขาหนีพร้อมอ้วนซงไปหาเผ่า Wuhuan ใน Liaoxi

เจียวเหียประกาศตั้งตัวเองเป็นผู้ตรวจการมณฑล อิวจิ๋ว และชักนำให้ขุนนางทั้งหมดละทิ้งตระกูลอ้วนและมอบความภักดีให้แก่โจโฉ เขานำทัพหลายหมื่นเข้าร่วมพิธีสาบาน และสังเวยม้าสีขาวเพื่อบูชาเป็นหลักประกันคำมั่นสัญญา แล้วสั่งว่า ถ้าใครหน้าไหนทรยศจะต้องถูกฆ่า ไม่มีใครกล้าขัดขืน ทุกคนต่างนำเลือดม้ามาทาที่ปากพวกเขาเพื่อยืนยันคำสาบาน

ฮันฮองนายทหารคนสนิทของเมืองเลียวไส พูดว่า ข้าได้รับความกรุณาจากตระกูลอ้วนสองชั่วรุ่น แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้หนีไป ข้าคงจะเป็นคนต่ำช้าขาดคุณธรรม ที่ไม่ฉลาดเพียงพอที่จะช่วยเหลือพวกเขาหรือเข้มแข็งพอที่จะยอมมอบชีวิตให้พวกเขา แต่ให้หันหน้าไปหาโจโฉ ยอมรับโจโฉเป็นผู้นำ ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้

ทุกคนในที่นั้นสีหน้าซีดเผือดด้วยความกลัวแทน ฮันฮองแต่ เจียวเหียกล่าวว่า ภารกิจสำคัญต้องทำด้วยความถูกต้อง และคนเพียงคนเดียวนั้นย่อมไม่ส่งผลกระทบต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวของเรา ปล่อยให้เขายึดหลักการของเขา เพื่อที่เขาจะได้เป็นตัวอย่างขุนนางที่ภักดีต่อพวกเราทุกคน พวกเขาจึงไม่ทำอะไรกับฮันฮอง

เจียวเหียและพวกไปหาโจโฉ พวกเขาได้รับแต่งตั้งเป็น Marquise

ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ เตียวเอี๋ยนหัวหน้าโจรภูเขาดำ ได้นำทัพมายอมจำนน มีจำนวนคนเกินแสนคน เขาได้รับตำแหน่ง Marquis แห่งหมู่บ้าน Anguo

Zhao Du Huo Nu และคนอื่น ๆ ได้ฆ่าผู้ตรวจการมณฑลอิวจิ๋ว และเจ้าเมือง Zhuo ในขณะที่เผ่า Wuhuan ทั้งสามได้โจมตี Xianyu Fu ที่ Gongping

ในฤดูหนาว เดือนที่แปด โจโฉโจมตี Zhao Du และพวก สังหารพวกเขาได้ โจโฉข้ามแม่น้ำ Lu ไปช่วยเหลือ Gongping พวก Wuhuan หนีกลับไปยังดินแดนของตน

ในฤดูหนาว เดือนที่สิบ โกกันได้ข่าวว่าโจโฉโจมตีเผ่า Wuhuan เขาจึงก่อกบฏในมณฑล เป๊งจิ๋ว จับเจ้าเมือง Shangdang และนำทัพไปรักษาด่าน Hu โจโฉส่ง งักจิ้นและลิเตียนมาโจมตีเขา

Zhang Cheng แห่งโห้ลายรวบรวมคนหมื่นคนออกปล้นชาวบ้านระหว่าง Xiao และ Mian เตียวเอี๋ยนก็รวบรวมผู้คนไปร่วมกับเขา

ฮองอิบเจ้าเมือง โฮต๋อง ถูกเรียกตัวกลับ แต่ Wei Gu Fan Xian และลูกน้องคนอื่น ๆ ของเขาไปหาจงฮิวขุนพลประจำเมืองหลวง (Sili Xiaowei) เพื่อขอให้เขาประจำการอยู่ที่นั่นต่อ แต่จงฮิวไม่อนุญาต Wei Gu และผู้ติดตามแกล้งทำเป็นว่า ฮองอิบมีชื่อเสียงเป็นที่น่าเคารพ แต่ความจริงแล้วพวกเขาลอบติดต่อกับโกกัน

โจโฉพูดกับซุนฮกว่า โดยทางการแล้ว เหล่าผู้นำทางด่านตะวันตกนั้นยอมอ่อนน้อมแก่เรา แต่พวกเขากลับวางแผนคิดที่จะทรยศเลา Zhang Cheng ปล้นสะดมสร้างปัญหาในดินแดน Xiao และ Mian และเขาก็ยังมีสัมพันธ์กับเล่าเปียว ถ้า Wei Gu และคนอื่น ๆ ทำตามอย่างเขา พวกเขาต้องเป็นปัญหาใหญ่ของเรา ในเวลานี้ โฮต๋อง เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของแผ่นดิน ท่านสามารถแนะนำคนที่เชื่อใจได้ให้ไปปกครองที่นั่นให้อยู่ได้ความสงบได้หรือไม่

ซุนฮกตอบว่า Du Ji เจ้าเมือง Xiping มีความกล้าหาญที่จะต่อสู้กับอันตรายต่าง ๆ และฉลาดเพียงพอที่จะรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ

ดังนั้นโจโฉจึงแต่งตั้ง Du Jiเป็นเจ้าเมือง โฮต๋อง จงฮิวเร่งให้ ฮองอิบมอบตราตำแหน่งเจ้าเมือง แต่ ฮองอิบนำตราและพู่ตำแหน่งไปกับเขาแล้วมุ่งหน้าจาก Hebeiไปรายงานตัวที่เมืองฮูโต๋

Wei Gu และพวกส่งทหารหลายพันนายไปขวางทางที่ทางแยก Shan เมื่อ Du Jiมาถึงเขาถูกรั้งตัวอยู่ที่นั่นหลายเดือน

โจโฉสั่งให้แฮหัวตุ้นโจมตี Wei Gu และคนอื่น ๆ แต่ก่อนหน้าที่พวกเขาจะมาถึง Du Jiพูดว่า โฮต๋อง มีประชากรสามหมื่นครัวเรือน และพวกเขาย่อมไม่คิดก่อการกบฏทั้งหมด แต่เพราะทหารควบคุมพวกเขาไว้ ทำให้คนที่อยากภักดีก็ไร้ผู้นำที่จะต้าน พวกเขาจึงหวาดวิตกและเชื่อฟัง Wei Gu Wei Gu และพวกได้ยึดอำนาจทั้งหมด พวกเขาจะยอมสู้ตาย ถ้าเราโจมตีพวกเขาแล้วไม่ประสบความสำเร็จจะเกิดปัญหาตามไม่สิ้นสุด ถ้าเราโจมตีพวกเขาแล้วได้ชัยชนะ เราก็จะทำลายชาวเมืองทั้งหมดไปด้วย

มองอีกทางหนึ่ง Wei Gu และพวกยังไม่ได้ฝ่าฝืนคำสั่งทางการ พวกเขาเรียกร้องว่า พวกเขาขอ ฮองอิบกลับมาเป็นเจ้าเมืองเหมือนเดิม ข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องไม่ทำร้ายข้า ถ้าข้ามาในฐานะนายคนใหม่ของพวกเขา ข้าจะไปหาพวกเขาโดยไม่มีคนติดตาม เพื่อให้พวกเขาประหลาดใจ Wei Gu มีความคิดมากมายแต่ไม่เคยติดสินใจอะไรได้ เขาจะต้องแกล้งเป็นยอมรับข้าเป็นนายคนใหม่ และถ้าข้าสามารถอยู่ในเมืองเกินกว่าหนึ่งเดือนจะทำให้ข้ามีโอกาสวางแผนที่จะทำให้พวกเขาสงบลง แล้ว Du Jiก็เดินตามถนนเล็กไปทางทางแยก Dou

Fan Xian ต้องการฆ่า Du Jiเพื่อขู่ให้ชาวบ้านหวาดกลัว แต่เวลานั้นเขาอยากรู้ว่า Du Jiจะมาทำอะไร เขาจึงสังหารขุนนางอาลักษณ์และขุนนางคนอื่นอีกสามสิบคนของเมืองนั้นแล้ววางศรีษะพวกเขาไว้นอกเมือง แต่ Du Jiกลับไม่แสดงความกังวลใด ๆ

แล้ว Wei Gu ก็พูดว่า ถ้าเราฆ่าเขา โจโฉก็ไม่สูญเสียอะไร แต่พวกเราจะได้ชื่อว่าชั่วช้า อย่างไรก็ดี ข้าเชื่อว่าสามารถรับมือเขาได้ ดังนั้นพวกเขาจึงรับ Du Jiเป็นเจ้าเมือง โฮต๋อง คนใหม่

Du Jiพูดกับ Wei Gu และ Fan Xian ว่า พวกท่านตระกูล Wei และ Fan เป็นตระกูลผู้นำแห่ง Hegong ข้าต้องพึ่งพาพวกท่านทั้งหมดในการบริหารบ้านเมือง มีธรรมเนียมปฏิบัติว่าคนที่เป็นเจ้าเมืองและขุนนางนั้น ต้องร่วมกันในความสำเร็จและความพ่ายแพ้ ดังนั้นกิจการทุกอย่างที่สำคัญเราควรจะปรึกษาร่วมกัน เขาแต่งตั้ง Wei Gu เป็น Chief Controller มีหน้าที่เป็นผู้ช่วยเขามีอำนาจควบคุมศาล แล้วก็มอบกองทัพมากกว่าสามพันนายให้ Fan Xian Wei Gu และคนอื่น ๆ ต่างยินดี แม้ว่าพวกเขาจะแกล้งรับใช้ Du Jiแต่พวกเขาก็ไม่ได้ระแวงตัว Du Jiเลย

ต่อมา Wei Gu ต้องการจะเกณฑ์ทหารจำนวนมาก Du Jiซึ่งเกี่ยวกับการนี้ได้พูดกับเขาว่า การเกณฑ์ทหารจำนวนมากต้องสร้างความไม่พอใจให้ประชาชน ทางที่ดีควรค่อย ๆ เพิ่มจำนวนทหารแล้วก็ให้เบี้ยหวัดแก่พวกเขา Wei Gu เห็นด้วย แต่โดยวิธีนี้เขาเกณฑ์ทหารได้จำนวนน้อยนิด

Du Jiยังพูดกับ Wei Gu และพวกว่า เป็นธรรมดาของมนุษย์ที่จะห่วงใยครอบครัวของเขา ปล่อยทหารของท่านให้กลับไปบ้านบ้าง คงไม่เป็นเรื่องยากที่จะเรียกตัวพวกเขากลับเมื่อท่านต้องการ Wei Gu และพวกต้องการความเคารพจากชาวเมือง จึงทำตามคำแนะนำของเขา จากผลของคำแนะนำ Du Jiกลุ่มผู้ภักดีภายนอกวางแผนลับ ๆ สนับสนุนเขา พวกกบฏถูกแบ่งแยกกระจัดกระจายและถูกส่งกลับไปบ้านของพวกเขา

ในเวลานั้น Zhang Cheng ได้โจมตีเมือง Yuan และโกกันได้มาถึง Huoze Du Jiรู้ว่าหัวเมืองยังคงภักดีต่อเขา เขาจึงไปที่เมืองพร้อมทหารม้าไม่กี่สิบคน สร้างป้อมที่แข็งแกร่งและวางกำลังป้องกัน ขุนนางและชาวบ้านจำนวนมากต่างช่วยป้องกันเมืองพวกเขาแทน Du Jiไม่กี่สัปดาห์ Du Jiก็รวบรวมคนได้มากกว่าสี่พันคน

Wei Gu และพวกไปอยู่กับ โกกันและ Zhang Cheng พวกเขาโจมตี Du Jiพร้อมกัน แต่ไม่สามารถเอาชนะได้ พวกเขาจึงพยายามไปยึดเมืองอื่น แต่ก็ไม่สามารถยึดเมืองไหนได้

โจโฉส่ง เตียวเจ ไปตะวันตกและสั่งผู้นำต่าง ๆ ภายในด่านอย่างม้าเท้งและพวกให้ยกทัพไปช่วย พวกเขานำทัพไปด้วยกันโจมตีทำลาย Zhang Chengและพวก พวกเขาตัดหัว Wei Gu เตียวเอี๋ยนและคนอื่น ๆ แต่คนที่เหลือทั้งหมดได้รับอภัยโทษ

ต่อมาเมื่อ Du Jiปกครองเมือง โฮต๋อง เขาบริหารเมืองอย่างระแวดระวังและประพฤติตัวใจกว้างและมีเมตตา เมื่อชาวบ้านทะเลาะกันและนำคดีความมาฟ้องร้อง เขาจะบอกพวกเขาว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด แล้วจะส่งพวกเขากลับไปคิดทบทวนอีกครั้ง แล้วผู้เฒ่าของพวกเขาก็จะด่าพวกเขาที่หาเรื่องทะเลาะกัน แล้วพวกเขาก็จะไม่รู้สึกยินดีที่จะฟ้องร้องกันต่อไป

Du Jiสนับสนุนให้มีการปลูกต้นหม่อนและให้คำแนะนำในการเลี้ยงสัตว์ แล้วทุกครอบครัวก็ใช้ชีวิตอย่างอุดมสมบูรณ์ หลังจากนั้นเขาได้ตั้งโรงเรียน และคัดเลือกขุนนางจากคนที่เป็นบุตรกตัญญูและรักพี่น้องเท่านั้น เขาซ่อมแซมอาวุธและเตรียมพร้อมรับมือสงคราม แล้วโฮต๋อง ก็อยู่อย่างสงบสุข

Du Jiอยู่ที่หัวเมืองนี้เป็นเวลาสิบหกปี เขามักจะถูกยกให้เป็นเจ้าเมืองที่ดีที่สุดในแผ่นดินอยู่เสมอ

Xun Yue ผู้ตรวจการหอสมุดและขุนนางท้องพระโรงได้เขียนบันทึก Shenjian แบ่งออกเป็นห้าส่วนและนำเสนอต่อฮ่องเต้ Xun Yue นั้นเป็นลูกของบุตรคนโตของ ซุนซอง (บัณฑิตที่มีชื่อเสียงในอดีต ซึ่งซุนฮิวและซุนฮกก็เป็นหลานของเขา เท่ากับว่า Xun Yue เป็นลูกพี่ลูกน้องกับซุนฮิวและซุนฮก)

ในเวลานั้นโจโฉควบคุมการบริหารบ้านเมือง ฮ่องเต้เองก็ไม่ต่างจากหุ่นเชิดของโจโฉ Xun Yue พยายามแนะนำฮ่องเต้ แต่ไม่เคยมีแผนใดขอเขาที่ถูกนำไปใช้งาน ดังนั้นเขาจึงเขียนหนังสือ โครงเรื่องของหนังสือว่า

ศิลปการบริหารบ้านเมือง ขึ้นอยู่กับการหลีกห่างความเลวทั้งสี่ และสนับสนุนความดีทั้งห้า

การโกหกมดเท็จทำลายธรรมเนียมปฏิบัติ ความเห็นแก่ตัวทำลายกฎหมาย ความไม่เชื่อฟังทำลายการควบคุม ความฟุ่มเฟือย สุรุ่ยสุร่ายทำลายการจัดการที่ดี จนกว่าความเลวทั้งสี่ถูกทำลาย ไม่เช่นนั้นการใด ๆ ก็บ้านเมืองก็ไม่อาจสำเร็จลงได้ นี่คือสิ่งอันตรายทั้งสี่

สนับสนุนการทำไร่นาและปลูกต้นหม่อนจะช่วยหล่อเลี้ยงความเป็นอยู่ของประชาชน การตัดสินสิ่งใดถูกผิดโดยยึดความยุติธรรมเป็นการรักษาขนบธรรมเนียมประเพณี ส่งเสริมการศึกษาให้เผยแพร่ไปเพื่อแสดงถึงการปฏิรูป จัดเตรียมกองทัพให้พร้อมเพื่อรักษาอำนาจ ให้รางวัลและการลงโทษต้องกระทำอย่างเปิดเผย แล้วกฎหมายก็จะมั่นคง นี่คือข้อดีห้าข้อของการปกครอง

ถ้าคนใดไม่กลัวความตาย ท่านไม่สามารถใช้การลงโทษขู่บังคับเขาได้ ถ้าคนใดไม่รักชีวิต ท่านไม่สามารถชักจูงเขาด้วยความเป็นอยู่ที่ดีได้ ด้วยเหตุผลนี้ คนใดที่มีตำแหน่งสูงต้องให้คนของเขามีความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อไม่ให้ลูกน้องของเขาทะเยอทะยานเกินไป นี่เรียกว่า การเลี้ยงดูผู้คน

ความดีและความชั่วทั้งหลายขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้ทำ การดูถูกหรือยกย่องอาจล่วงรู้ได้จากการไต่ถามอย่างรอบคอบ (คนที่มีหน้าที่แต่งตั้งขุนนางควรจะ)ฟังรายงานและตรวจความจริงที่เกิดขึ้น เพื่อให้แน่ใจว่าชื่อเสียงไม่ใช่สิ่งจอมปลอมแต่เป็นของจริง แล้วก็จะไม่มีขุนนางที่ครองอำนาจโดยหลอกลวงและข่มเหงประชาชน ในกรณีนี้ ขนบธรรมเนียมจะถูกต้องและไม่เบี่ยงเบนไปจากที่เคย แล้วผู้คนก็จะไม่ใฝ่ในความชั่วร้าย นี่คือสิ่งที่หมายถึง การรักษาขนบธรรมเนียมอย่างดี

เกียรติยศและความละอายเป็นปัจจัยสำคัญของการให้รางวัลและการลงโทษ ถ้าสุภาพชนใดเคยผ่านการฝึกสอนสิ่งที่ควรปฏิบัติและคำสอนแบ่งแยกเกียรติหรือความละอาย จิตใจของเขาจะเปลี่ยนไป ในขณะคนชั่วนั้นโซ่ตรวนหรือแส้ ควรนำมาใช้เพื่อเปลี่ยนนิสัยภายนอกของเขา

เมื่อการสอนและการปฏิรูปถูกละเลย ผู้คนที่มีสำนึกดีอยู่บ้างจะด้อยลงไป กลายเป็นคนชั่ว ถ้าการสอนและการปฏิรูปถูกรักษาไว้ คนทั่วไปเหล่านั้นจะกลายเป็นสุภาพชน ที่คือความหมายของ การแสดงการปฏิรูป

คนใดที่มีตำแหน่งใหญ่โต ควรจะเตรียมตัวให้พร้อมต่อสงคราม เพื่อที่พวกเขาจะได้พร้อมอยู่เสมอสำหรับการรับมือสิ่งที่ไม่คาดคิด ในเวลาที่สงบสุข พวกเขาควรมอบหน้าที่ฝึกเตรียมกองทัพให้กับขุนนางการเมือง ดังนั้นเมื่อไหร่ที่มีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้น กองทัพก็จะพร้อมอยู่เสมอ นี่คือความหมายของ การรักษาอำนาจ

รางวัลและการลงโทษเป็นเครื่องมือของการบริหารบ้านเมืองที่ดี ถ้าผู้ปกครองคนใดมอบรางวัลน้อยไป มันไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่คนใจกว้าง แต่เพราะการให้รางวัลโดยปราศจากเหตุผล ไม่ช่วยส่งเสริมการทำดี ถ้าผู้นำคนใดลงโทษผู้คนน้อยไป ไม่ใช่เพราะว่าพวกเขาสงสารคนของพวกเขา แต่เพราะว่าการลงโทษโดยไร้สาเหตุไม่ช่วยกำจัดการทำความชั่ว เมื่อใดรางวัลไม่มีแรงจูงใจต่อผู้คนแล้ว เรียกได้ว่า ยับยั้งความดี และถ้าการลงโทษไม่มีผลให้เกรงกลัว ก็เรียกว่า การปลดปล่อยความชั่ว

เมื่อขุนนางใหญ่ทั้งหลายสามารถหลีกเลี่ยงการยับยั้งลูกน้องจากความดี และไม่ผลักดันพวกเขาให้ทำชั่ว แล้วกฎหมายบ้านเมืองก็จะมั่นคง นี่คือความหมายของ กฎหมายจะมั่นคง

เมื่อใดที่ความชั่วทั้งสี่ถูกกำจัดและความดีทั้งห้าถูกนำมาใช้ และถ้าพวกเขาปฏิบัติอย่างซื่อสัตย์และกระทำอย่างแข็งขัน ทำตัวเรียบง่ายโดยไม่แสร้งทำ ทำตัวใจกว้างออกมาจากใจ เมื่อนั้นฮ่องเต้ก็จะคลายพระทัยและทรงเบาแรงลง การปฏิบัติตามสมบัติผู้ดี และความเหมาะสม แล้วแผ่นดินก็จะสงบสุข




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2549    
Last Update : 2 มีนาคม 2549 17:17:17 น.
Counter : 712 Pageviews.  

ปี 204 AD

ปี Jian’an ที่ 9 204 AD
(18 กุมภาพันธ์ 204 – 6 กุมภาพันธ์ 205)

ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนแรก โจโฉข้ามแม่น้ำเหลือง เขากั้นแม่น้ำกีชุยเพื่อทดน้ำเขาสู่คลอง Bo เพื่อสร้างเส้นทางลำเลียงเสบียง

ในเดือนที่สอง อ้วนซงโจมตีอ้วนถำอีกครั้งที่ เพงหงวนก้วน โดยให้สิมโพยและ โซฮิว รักษาเมือง Ye โจโฉนำทัพของเขาไปตามแม่น้ำ Yuan โซฮิว พยายามที่จะทรยศ แต่แผนเขามีคนล่วงรู้ เขาจึงหนีไปหาโจโฉ โจโฉมุ่งหน้าไปเมือง Ye เพื่อสร้างเนินเขาและอุโมงค์เพื่อโจมตีเมือง

อินไก๋ ลูกน้องของอ้วนซง รักษาค่ายที่ มอเสีย ควบคุมเส้นทางขนเสบียงจาก Shangdang ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ โจโฉให้โจหองคุมกองทัพสู้กับเมือง Ye ส่วนตัวเขานำทัพไปโจมตี อินไก๋ พ่ายแพ้ไป แล้วก็นำทัพกลับ เขายังโจมตี จองกี๋ ลูกน้องอีกคนของอ้วนซงที่ Handan และยึดเมืองได้

Han Fan นายอำเภอ Yiyang และ Liang Qi นายอำเภอ She ยอมแพ้ยกเมืองให้แก่โจโฉ

ซิหลงพูดกับโจโฉว่า ตระกูลอ้วนยังไม่พ่ายแพ้เสียทีเดียว หลายหัวเมืองก็คิดถึงการยอมแพ้ก็กำลังเฝ้าดูว่าท่านจะจัดการกับเมืองทั้งสองที่ยอมแพ้ท่านอย่างไร ท่านควรที่จะให้รางวัลมากมายแก่เจ้าเมืองทั้งสอง เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เมืองอื่นอ่อนน้อมต่อท่าน โจโฉทำตามคำแนะนำของเขา Han Fan และ Liang Qi ทั้งคู่ได้รับการแต่งตั้งเป็น Marquis ภายในดินแดนอาณาจักร

เตียวเอี๋ยนผู้นำโจรภูเขาดำ ส่งฑูตไปหาโจโฉเพื่อขอความสนับสนุน โจโฉแต่งตั้งให้เขาเป็นแม่ทัพผู้รักษาความสงบทิศเหนือ

ในเดือนที่ห้า โจโฉทำลายเนินเขาและอุโมงค์ของเขา สั่งให้ขุดคูยาวสี่สิบลี้รอบล้อมเมือง Ye ตอนนี้เขาสั่งให้ขุดคูตื้น ๆ ดูเหมือนว่าจะข้ามได้ง่าย ๆ เมื่อสิมโพยเห็น เขาหัวเราะแล้วก็ไม่เคลื่อนไหว แต่ในคืนเดียว โจโฉก็ขุดคูนั้นต่อ ความกว้างคูยี่สิบฟุตและความลึกยี่สิบฟุต แล้วก็ทดน้ำจากแม่น้ำ Zhang เข้ามา ชาวบ้านมากกว่าครึ่งเมืองตายเพราะอดอาหาร

ในฤดูใบไม้ร่วง เดือนที่เจ็ด อ้วนซงกลับมาพร้อมทหารมากกว่าหมื่นคนเพื่อช่วยเมือง Ye

ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง เขาต้องการให้สิมโพยรู้เหตุการณ์ก่อน เขาส่ง ลีหู มุ่งหน้าเข้ามาในเมือง

ลีหู หักคฑาของเขาและผูกติดกับหลังม้า เขาคาดผ้าโพกศรีษะ นำทหารม้าสามคนติดตามเขา เขาเดินทางในตอนกลางคืนมุ่งหน้าสู่เมือง Ye เรียกตัวเองเป็นผู้ตรวจการกองทัพ (ยศนายทหารระดับต่ำมีหน้าที่ดูแลระเบียบวินัยทหาร) เขาผ่านไปทางค่ายโจโฉทางเหนือที่ล้อมเมือง มุ่งหน้าไปทางตะวันออก ทุก ๆ ครั้งที่เขาพบความผิดของทหารในหอสังเกตุการณ์ เขาจะลงโทษพวกทหารที่ทำผิด ด้วยวิธีนี้ทำให้เขาสามารถผ่านค่ายโจโฉมาทึงตอนใต้ของกองทัพโจโฉที่ล้อมเมืองทาง ประตู Zhang ของเมือง Ye เขาพบทหารรักษาการณ์ของโจโฉที่ทำผิด จึงมัดพวกเขาเข้าด้วยกัน เขาจึงสามารถเปิดแนวทหารที่ล้อมเมืองได้ เขาควบม้าไปยังประตูและเรียกทหารที่อยู่ภายใน เหล่าทหารยามใช้เชือกดึงตัวเขาขึ้นไป เขาจึงสามารถเข้าเมืองได้

เมื่อสิมโพยและคนอื่น ๆ เห็น ลีหู พวกเขาร้องไห้ด้วยความยินดี กลองศึกถูกตี แล้วพวกเขาก็ตระโกนว่า ทรงพระเจริญหมื่น ๆ ปี ข่าวเรื่องความสำเร็จของเขารู้ไปถึงทัพโจโฉ แต่โจโฉแค่หัวเราะแล้วพูดว่า เขาแค่หาทางเข้าเมืองได้ ยังไม่ได้ออกจากเมือง

ลีหู เชื่อว่าการล้อมเมืองจะยิ่งแน่นหนากว่าเดิม เขาคงไม่สามารถใช้ลูกไม้เดิมได้อีก เขาขอให้สิมโพยส่งคนแก่และคนอ่อนแอออกจากเมืองเพื่อประหยัดเสบียงอาหาร ในคืนนั้น พวกเขาเลือกคนหลายพันคน แต่ละคนต่างถือธงขาว และส่งพวกเขาออกจากเมืองทางสามประตูเมืองเพื่อยอมแพ้ อีกครั้ง ลีหู นำทหารม้าสามคนของเขาแต่งกายคล้ายกับชาวบ้านที่ยอมแพ้ พวกเขาปะปนไปกับคนที่ยอมแพ้ในความมืด ดังนั้นพวกเขาจึงสามารถฝ่าวงล้อมและหนีออกนอกเมืองได้

เมื่ออ้วนซงมาถึง ขุนนางโจโฉพูดว่า กองทัพกลับมาถึงเมือง พวกเขาต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง ทางที่ดีควรจะหลีกเลี่ยงพวกเขา ถ้าอ้วนซงมาทางถนนใหญ่ โจโฉพูด เราควรจะถอยทัพ แต่ถ้าเขามาทางเนินเขาตะวันตก เราจะจัดการเขาได้

อ้วนซงนำทัพผ่านมาทางเนินเขาตะวันตกอย่างที่โจโฉคาด เขานำทัพไปทางตะวันออกยังหมู่บ้าน Yangping ซึ่งห่างไปสิบเจ็ดลี้ทาง Ye และตั้งค่ายริมแม่น้ำ เปกตก อ้วนซงจุดไฟในตอนกลางคืนเป็นสัญญาณให้ลูกน้องในเมืองได้รู้ แล้วลูกน้องในเมืองเขาก็จุดไฟสัญญาณเพื่อรับรู้การมาของเขา

สิมโพยพยายามที่จะฝ่าวงล้อมออกไปร่วมทัพกับอ้วนซง สิมโพยนำทัพโจมตีทัพโจโฉที่ล้อมเมืองอยู่ทางทิศเหนือ โจโฉนำทัพไปสู้กับเขา สิมโพยพ่ายแพ้จนต้องหนีกลับเข้าเมือง อ้วนซงก็พ่ายแพ้เช่นกัน เขาหนีไปที่ Quzhang และตั้งมั่นอยู่ที่นั่น โจโฉนำทัพไปล้อมเข้าไป แต่ก่อนที่ทัพโจโฉจะโอบล้อมเมือง อ้วนซงก็หวาดกลัวและส่งฑูตมาขอยอมแพ้ โจโฉปฏิเสธและล้อมเขาอย่างแน่นหนามากขึ้น

อ้วนซงลอบหนีไปในยามค่ำ เขาไปอยู่ที่เนินเขา Qi โจโฉมุ่งหน้าไปล้อมเขาอีกครั้ง ทันทีที่ทัพทั้งสองเผชิญหน้ากัน ลูกน้องอ้วนซง ม้าเอี๋ยน เตียวเอ๊ก และแม่ทัพคนอื่นก็ออกมายอมแพ้ ทัพของอ้วนซงกระจัดกระจายไป อ้วนซงหนีไป Zhongshan โจโฉยึดสัมภาระของอ้วนซงได้ ตราประทับ พู่ประดับและตราตั้งตำแหน่ง ทั้งหมดอยู่ในห่อเสื้อผ้าของเขา พวกเขานำสิ่งเขาเหล่านั้นไปแสดงให้คนในเมือง Ye ได้เห็น แล้วทหารในเมืองก็เสียขวัญกำลังใจ

แต่สิมโพยก็ยังสั่งการต่อทหารของเขาว่า ป้องกันอย่างแน่นหนา ต่อสู้ให้ถึงวาระสุดท้าย ทัพของโจโฉกำลังมีปัญหา แล้วอ้วนฮีก็กำลังนำทัพมาที่นี่ ไม่มีเหตุผลที่ต้องวิตกว่าเราเสียผู้นำไป เมื่อโจโฉมาตรวจแนวทหารที่ล้อมเมือง สิมโพยสั่งให้พลเกาทัณฑ์ที่ซุ่มอยู่ยิงใส่โจโฉ ลูกธนูที่ยิงไปห่างจากตัวโจโฉเพียงนิดเดียว

สิมเอ๋ง หลานของสิมโพย เป็นขุนพลประจำประตูด้านตะวันออก ในเดือนที่แปด วันที่ 13 กันยายน สิมเอ๋ง เปิดประตูเมืองในตอนกลางคืนให้ทัพโจโฉเข้าเมือง สิมโพยต่อสู้กับทัพโจโฉตามถนนในเมือง แต่ทหารโจโฉก็สามารถจับเขาได้ในที่สุด

ครอบครัวของซินเป๋งถูกจำคุกเป็นนักโทษที่เมือง Ye ซินผี ขี่ม้าไปที่นั่นทันทีเพื่อปล่อยตัวพวกเขา แต่สิมโพยได้สังหารพวกเขาหมดแล้ว ทหารโจโฉได้มัดตัวสิมโพยนำไปที่เต๊นท์ของพวกเขา พวกเขาได้พบกับ ซินผี ซินผี เอาแส้ฟาดหน้าของเขาแล้วสาบแช่งเขาว่า เจ้าทาสชั่ว ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว

สิมโพยมองเขาแล้วพูดว่า สุนัขต่ำช้า นี่ก็เพราะมีคนชั่วอย่างเจ้า มณฑล กิจิ๋ว ของข้าจึงล่มสลาย ข้าเสียใจที่ข้าไม่สามารถฆ่าเจ้าได้ แต่เจ้ามีสิทธิ์อะไรที่จะตัดสินให้ข้าอยู่หรือตาย

ไม่นานโจโฉก็สั่งให้นำตัวสิมโพยไปหาเขาแล้วพูดว่า เมื่อข้าขี่ม้าเฉียดใกล้เมือง เจ้ายิงธนูหลายดอกเข้าใส่ข้า

ข้าเสียใจยิ่งนักที่ยิงใส่น้อยเกินไป สิมโพยตอบ

เจ้าเคยเป็นผู้ภักดีต่อตระกูลอ้วน โจโฉว่า เจ้าจะเปลี่ยนใจมารับใช้ข้าหรือไม่ โจโฉต้องการให้เขามีชีวิตอยู่ แต่สิมโพยหยิ่งในศักดิ์ศรีและยืนกรานเช่นเดิม เขาไม่ยอมก้มหัวหรือขอร้องให้ยกเว้นโทษจากโจโฉ ในขณะที่ ซินผี และคนอื่น ๆ ต่างพากันร้องไห้คร่ำครวญขอร้องให้โจโฉประหารสิมโพย ดังนั้นสิมโพยจึงถูกประหาร

Zhang Ziqian ขุนนางในมณฑล กิจิ๋ว ผู้ยอมแพ้ก่อนหน้านี้ เคยเป็นศัตรูกับสิมโพยมานาน เขาหัวเราะและพูดกับสิมโพยว่า ข้าอยู่เหนือกว่าเจ้า สิมโพย

สิมโพยตะโกนตอบไปว่า เจ้าเป็นคนทรยศ ข้าเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์ แม้ว่าข้าต้องตาย ข้าก็ไม่ขอแลกฐานะกับเจ้า เมื่อเขามาถึงลานประหาร เขาขอร้องต่อเพชรฆาตขอหันหน้าไปทางทิศเหนือโดยบอกว่า นายของข้าอยู่ที่ทิศนั้น

โจโฉมาทำพิธีกราบไหว้หลุมศพของอ้วนเสี้ยว ร้องไห้รำลึกถึงเขา โจโฉอุปการะภรรยาของอ้วนเสี้ยวและมอบทรัพย์สินของตระกูลอ้วนคืนให้แก่พวกเขา และยังมอบผ้าไหมและเสื้อผ้าแก่พวกเขา พวกเขายังได้รับเสบียงอาหารของทางการ

ก่อนหน้านั้น เมื่ออ้วนเสี้ยวและโจโฉก่อตั้งกองทัพต่อสู้กับตั๋งโต๊ะในปี 190 อ้วนเสี้ยวถามโจโฉว่า ถ้าภารกิจครั้งนี้ไม่สำเร็จ ท่านจะไปยึดดินแดนไหนอาศัย

แล้วความเห็นท่านเป็นอย่างไร โจโฉถาม

ทางตอนใต้ อ้วนเสี้ยวตอบ ข้าจะครองดินแดนแม่น้ำเหลือง และในทางเหนือดินแดนข้าจะครอบคลุมไปถึง Yan และ Dai หลังจากนั้นข้าจะรวบรวมพวกชนเผ่าคนเถื่อนต่าง ๆ ทางตอนเหลือแล้วมุ่งหน้าลงใต้ต่อสู้เพื่อแผ่นดิน ข้าจะทำเช่นนั้น

ตัวข้า โจโฉพูด จะใช้คนดีมีความสามารถของแผ่นดิน ข้าจะปกครองพวกเขาอย่างภักดีและซื่อสัตย์ วิธีนี้ข้าจะจัดการได้ทุกสิ่ง

ในเดือนที่แปด มีราชโองการแต่งตั้งให้โจโฉเป็นผู้ปกครองมณฑล กิจิ๋ว แต่โจโฉไม่รับตำแหน่งนั้น เขายังคงใช้ตำแหน่งผู้ปกครองมณฑล กุนจิ๋ว ตามเดิม

ก่อนหน้านั้น อ้วนซงส่ง Qian Zhao ไปยัง Shangdang เพื่อจัดเตรียมเสบียงอาหารสำหรับกองทัพ ก่อนที่เขาจะกลับมาอ้วนซงได้พ่ายแพ้ต้องหนีไปที่ Zhongshan

Qian Zhao แนะนำ โกกัน ว่าเขาควรจะนำกองทัพของมณฑล เป๊งจิ๋ว ไปช่วยอ้วนซง แล้วรวมทัพเฝ้าดูสถานการณ์ โกกัน ปฏิเสธ ดังนั้น Qian Zhao จึงมุ่งหน้าไปตะวันออกหาโจโฉ แล้วโจโฉก็แต่งตั้งเขาเป็นขุนนางของมณฑล กิจิ๋ว เหมือนเดิม

โจโฉยังแต่งตั้ง ซุนต่ำ เป็นนายทหารคนสนิทแห่งมณฑล กิจิ๋ว

โจโฉพูดกับ ซุนต่ำ ว่า ข้าได้ดูทะเบียนราษฎร์ ในบันทึกระบุไว้ว่ามีถึงสามแสนครอบครัว ที่นี่ถือว่าเป็นมณฑลใหญ่

แผ่นดินได้ล่มสลายลง ซุนต่ำ ตอบ แล้วสองพี่น้องตระกูลอ้วนก็ได้นำกองทัพต่อสู้กันเอง ผู้คนในมณฑล กิจิ๋ว ต่างล้มตายจำนวนมาก ข้าไม่เคยได้ยินท่านไต่ถามถึงความเป็นอยู่ของชาวบ้านหรือจะช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ของพวกเขาอย่างไร หนำซ้ำท่านยังคิดถึงแต่จำนวนคนที่จะเกณฑ์ทหาร ท่านคิดจริง ๆ หรือว่านี่คือคำถามที่สำคัญที่สุด นี่คือสิ่งที่ประชาชนชาว กิจิ๋ว ได้คาดหวังจากท่านหรือ โจโฉละอายใจแล้วก็ขอบคุณเขา

เพราะว่าความสำเร็จของเขา เขาฮิวจึงหยิ่งยโสโอหัง ครั้งหนึ่งในที่ประชุมขุนนางของโจโฉ เขาฮิวเรียกชื่อสมัยเด็กของโจโฉ (ชื่อสมัยเด็กของโจโฉคือ Aman) แล้วพูดว่า สำหรับข้าแล้ว ตัวท่านยังไม่เคยได้ครอบครองมณฑล กิจิ๋ว โจโฉหัวเราะแล้วพูดว่า ท่านพูดได้ถูกต้อง แต่เมื่อเขาฮิวทำตัวน่ารำคาญขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดโจโฉก็ฆ่าเขาเสีย

ในฤดูหนาวเดือนที่สิบ มีดาวหางปรากฏในกลุ่มดาวบ่อน้ำตะวันออก

โกกัน ยอมแพ้มอบมณฑล เป๊งจิ๋ว แก่โจโฉ โจโฉแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้ตรวจการมณฑล

ในขณะที่โจโฉล้อมเมือง Ye อ้วนถำถือโอกาสยึดเมือง Ganling Anping Bohai และ Hejian เขายังโจมตีอ้วนซงที่ Zhongshan อ้วนซงพ่ายแพ้หนีไปอยู่กับอ้วนฮีที่ Gu’an อ้วนถำรวบรวมกองทัพของอ้วนซงแล้วกลับมาตั้งค่ายที่ Longcou

โจโฉเขียนจดหมายไปหาอ้วนถำ ขอโทษที่ต้องยุติข้อตกลง โจโฉยกเลิกการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ เขาส่งตัวลูกสาวอ้วนถำกลับ แล้วยกทัพไปโจมตีเขา

ในเดือนที่สิบสอง กองทัพโจโฉอยู่ที่ Qimen อ้วนถำยึด เพงหงวนก้วน ได้ แต่ยกทัพกลับไปตั้งมั่นที่ลำพี ตั้งค่ายริมแม่น้ำ Qing

โจโฉมาถึง เพงหงวนก้วน แล้วจัดตั้งแม่ทัพควบคุมหัวเมืองต่าง ๆ

โจโฉแนะนำให้แต่งตั้ง กองซุนตู้ เป็นแม่ทัพผู้หนักแน่นและสง่างามพร้อมด้วยยศ Marquis แห่งอำเภอ Yongning ข้าปกครอง เลียวตั๋ง เหมือนอย่างเช่นท่านอ๋อง กองซุนตู้ ตอบ แล้ว Yongning เป็นสถานที่เช่นไร เขาจึงเก็บตราและพู่ประจำตำแหน่งในคลังอาวุธของเขา

ในปีนั้นเอง กองซุนตู้ เสียชีวิต กองซุนของ ลูกชายของเขาได้ครองอำนาจแทน เขาแต่งตั้ง กองซุนก๋ง น้องชายเขาเป็น Marquis แห่ง Yongning

เพราะว่า Qian Zhao มีอำนาจควบคุมพวกชนเผ่าภายใต้ตระกูลอ้วน โจโฉจึงส่งเขาไป Liucheng เพื่อควบคุมคนเถื่อนเหล่านั้น ในเวลานั้น อ๋อง Qiao (Supuyan) เตรียมทหารม้าห้าพันนายพร้อมที่จะส่งมาช่วยอ้วนถำ และ กองซุนของ ก็ส่ง ฮันต๋ง มามอบตราแต่งตั้งเขาเป็น Shanyu อ๋อง Qiao จัดการประชุมกับลูกน้องเขาโดยมี ฮันต๋ง เข้าร่วมด้วย

อ๋อง Qiao ถาม Qiao Zhaoว่า ครั้งหนึ่งท่านอ้วนเสี้ยวเคยพูดว่าเขาได้รับคำสั่งจากฮ่องเต้ให้แต่งตั้งข้าเป็น Shanyu เวลานี้ท่านโจโฉก็พูดว่าจะบอกฮ่องเต้ให้แต่งตั้งข้าเป็น Shanyu และนอกจากนั้นยังมีขบวนแต่งตั้งมาจาก เลียวตั๋ง แล้วข้าควรจะเลือกใคร

โดยทางการแล้ว Qian Zhaoตอบ ท่านอ้วนเสี้ยวมีที่ว่าการและอำนาจที่จะแต่งตั้ง ต่อมา เขาได้ขัดคำสั่งทางการ เวลานี้ท่านโจโฉจึงได้แทนที่เขา เขาเต็มใจที่จะจัดการให้ท่านได้รับตำแหน่ง Shanyu อย่างถูกต้อง ดินแดนป่าเถื่อนอย่าง เลียวตั๋ง มีดีอะไรมาแต่งตั้งตำแหน่งให้ท่านได้

ฮันต๋ง พูดว่า เลียวตั๋ง ของข้าอยู่ทิศตะวันออกของทะเลที่กว้างใหญ่ มีทหารจำนวนเป็นล้านนาย และยังมีชนเผ่า Fuyu, Hui และ Mo ที่พร้อมจะช่วยเราออกรบ ทุกวันนี้ผู้แข็งแกร่งเป็นเจ้า แล้วโจโฉพิเศษอันใดกัน

Qian Zhao ตะโกนใส่ ฮันต๋ง ว่า ท่านโจโฉนั้นซื่อสัตย์และเป็นที่น่าเคารพ ฉลาดและเข้าใจสถานการณ์ได้ดี ท่านโจโฉสนับสนุนฮ่องเต้ ปราบปรามโจรกบฏ แต่จิตใจดีต่อผู้ที่อ่อนน้อม เขามอบสันติสุขให้แก่ทั่วแผ่นดิน ตัวเจ้าทั้งนายและบ่าว ช่างโง่เง่าและขัดคำสั่งทางการ เจ้าซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดที่ห่างไกลของราชสำนัก และไม่เชื่อฟังคำสั่งราชสำนัก เจ้าต้องการแอบอ้างอำนาจในการแต่งตั้ง ก้าวก่ายในพระราชกิจของฮ่องเต้ เจ้าสมควรถูกประหารในทันที ใยเจ้ายังกล้าทำตัวหยาบช้าและกล่าวถ้อยคำดูถูกวีรบุรุษ เขาจับคอของ ฮันต๋ง ผลักเขาล้มลงแล้วชักดาบมาเตรียมตัดหัวเขา

อ๋อง Qiao ตื่นตระหนกและหวาดกลัว ถึงกับวิ่งเท้าเปล่าไปยึดตัว Qian Zhao ขอความเมตตาให้ ฮันต๋ง ขุนนางทั้งหลายของเขาสีหน้าซีดเผือด

Qian Zhao เดินกลับไปยังที่นั่งเขา และบอก อ๋อง Qiao และขุนนางของเขาว่าใครที่จะชนะและใครจะพ่ายแพ้ แล้วควรที่จะคล้อยตามผู้ใด ขุนนางทั้งหมดในที่นั้นลุกจากที่นั่ง คุกเข่าลงกับพื้นอย่างว่าง่ายแล้วก็รับฟังคำพูดของเขาด้วยความเคารพ แล้วท่านอ๋องจึงขอโทษต่อฑูตจาก เลียวตั๋ง แล้วก็เลิกทัพทหารม้าที่เขาจัดเตรียมไปช่วยเหลืออ้วนถำ

อิหลำ แม่ทัพของเมืองตันเอี๋ยงและ ไต้อ้วน ผู้ช่วยได้ฆ่าซุนเซียงเจ้าเมืองตันเอี๋ยงตาย แม่ทัพซุนโห ตั้งค่ายอยู่ที่เมือง Jing จึงรีบเร่งมาที่ Wanling แต่ อิหลำ และ ไต้อ้วน ได้ฆ่าเขาเช่นกัน พวกเขาส่งพลนำสารไปหา เล่าฮก ผู้ตรวจการมณฑลยังจิ๋ว ที่แต่งตั้งโดยโจโฉ ว่าเขาควรจะมาที่ ลิหยง เพื่อที่เมืองตันเอี๋ยงจะได้เข้าร่วมกับเขา

อิหลำ มายึดที่ทำว่าการของเมือง แล้วก็บีบบังคับภรรยาม่ายของซุนเซียง เคาฮูหยินให้แต่งงานกับเขา เคาฮูหยินทัดทานเขาบอกว่า ข้าขอร้องให้ท่านรอจนถึงสิ้นเดือน เมื่อข้าได้ทำพิธีกราบไหว้เสร็จและเลิกใส่ชุดไว้ทุกข์แล้ว แล้วข้าจะเชื่อฟังคำสั่งท่าน อิหลำ จึงยอมตกลง

เคาฮูหยินได้ลอบส่งคนไปหา ซุนโก๋ เปาเอ๋ง และคนอื่น ๆ ซึ่งเป็นขุนนางเก่าที่ซื่อสัตย์ของซุนเซียงว่าพวกเขาควรจะร่วมมือกันกำจัด อิหลำ ซุนโก๋ และ เปาเอ๋ง ร่ำไห้และให้คำมั่นสัญญา พวกเขาเรียกตัวคนยี่สิบคนที่เคยรับใช้ซุนเซียงและได้รับความกรุณาจากซุนเซียงมาก่อน พวกเขาทำสัตย์สาบานและวางแผนเตรียมลงมือ

เมื่อวันสิ้นเดือนมาถึง พิธีกราบไหว้ถูกจัดขึ้น เคาฮูหยินได้ร้องไห้คร่ำครวญ แต่นางก็หยุดร้องไห้แล้วก็ถอดชุดไว้ทุกข์ออกอาบน้ำชำระร่างกายด้วยเครื่องหอม นางพูดคุยและหัวเราะทำทีว่ามีความสุข ขุนนางน้อยใหญ่ของเมืองต่างเศร้าโศกเสียใจ จึงประหลาดใจที่นางทำตัวเช่นนั้น อิหลำ ได้ลอบสอดแนมนางจึงเชื่อว่านางไว้ใจได้

เคาฮูหยินได้เรียก ซุนโก๋ และ เปาเอ๋ง มารอในห้องของนางทันทีที่นางส่งคนไปเชิญ อิหลำ นางเดินไปต้อนรับเขา โค้งคำนับ แล้วเรียกด้วยเสียงอันดังว่า ท่านทั้งหลาย ปรากฏกายได้ ซุนโก๋ และ เปาเอ๋ง ออกมาด้วยกันและฆ่า อิหลำ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ไปฆ่า ไต้อ้วน

เคาฮูหยินเปลี่ยนเครื่องแต่งกายนางกลับเป็นชุดไว้ทุกข์เหมือนเดิมและนำหัว อิหลำ และ ไต้อ้วน มาเซ่นไหว้หน้าหลุมศพของซุนเซียง ทั้งกองทัพต่างตัวสั่นและหวาดกลัว

เมื่อซุนกวนรู้ว่ามีปัญหาเกิดขึ้น เขาจึงมุ่งหน้ากลับมาจาก Jiaoqiu ซุนกวนมาถึงตันเอี๋ยงและจัดการกับพรรคพวกของ อิหลำ และ ไต้อ้วน ซุนโก๋ และ เปาเอ๋ง ได้รับแต่งตั้งเป็นนายทหาร และผู้ติดตามของพวกเขาต่างได้รับรางวัลด้วย

ซุนเสียว บุตรของซุนโห อายุสิบเจ็ดปี เขารวบรวมกำลังของซุนโหมาตั้งค่ายที่เมือง Jing ทันทีที่ซุนกวนนำทัพมาที่ง่อ เขามาที่ค่ายในตอนค่ำและแกล้งทำท่ายกพลโจมตี ทหารทั้งหมดของซุนกวนต่างมาป้องกันกำแพงเมือง พวกเขาเรียกกำลังหนุน เตรียมพร้อมและเฝ้าระวัง พวกเขาตะโกนเรียกพวกตัวเองและยิงธนูหลายนัดใส่คนที่อยู่นอกเมือง มีคนอธิบายให้ซุนกวนฟังว่าซุนเสียวเป็นใคร พวกเขาจึงหยุดการสู้รบ วันต่อมา ซุนกวนได้พบซุนเสียวและได้แต่งตั้งเขาเป็นขุนพลผู้ดำรงความกล้าหาญพร้อมด้วยอำนาจสั่งการกองทัพของบิดาเขา




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 2 มีนาคม 2549 16:43:42 น.
Counter : 549 Pageviews.  

ปี 203 AD

ปี Jian’an ที่ 8 203 AD
(31 มกราคม 203 – 17 กุมภาพันธ์ 204)

ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนที่สอง โจโฉโจมตีลิหยง โจโฉต่อสู้กับอ้วนถำและอ้วนชง อ้วนถำและอ้วนชงพ่ายแพ้และต้องหนีไป พวกเขากลับไปที่ Ye

ในฤดูร้อนเดือนที่สี่ โจโฉไล่ตามไปโจมตีพวกเขาที่ Ye แล้วโจโฉก็เก็บเกี่ยวข้าวสาลีของพวกเขา

เหล่าขุนนางของโจโฉทั้งหมดต้องการที่จะใช้ประโยชน์จากชัยชนะพวกเขาเข้าโจมตีพี่น้องตระกูลอ้วนตรง ๆ แต่กุยแกแย้งว่า อ้วนเสี้ยวรักบุตรชายทั้งสองมาก แต่ไม่เคยประกาศว่าใครจะได้เป็นทายาทของเขา เวลานี้พวกเขาเลยเป็นคู่แข่งชิงอำนาจกัน ต่างฝ่ายต่างก็มีอำนาจในมือ ถ้าเรารุกพวกเขาหนักเกินไป พวกเขาจะป้องกันซึ่งกันและกัน แต่ถ้าเราปล่อยพวกเขาไป ทั้งสองก็จะทะเลาะกัน แผนที่ดีคือการลงใต้โจมตีเกงจิ๋วและรอให้มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น เมื่อเหตุการณ์เปลี่ยนไป เราสามารถโจมตีพวกเขาและจัดการพวกเขาได้ในการศึกครั้งเดียว

ยอดเยี่ยมมาก โจโฉกล่าวชม ในเดือนที่ห้า โจโฉทิ้ง Jia Xin ให้ตั้งค่ายที่ลิหยง ส่วนตัวเขากลับมาที่เมืองฮูโต๋

อ้วนถำพูดกับอ้วนชงว่าอาวุธของกองทัพข้าไม่ดีเลย มันเป็นสาเหตุให้โจโฉเอาชนะข้าได้ เวลานี้กองทัพโจโฉกำลังถอยทัพ ทหารเขากำลังคิดถึงการกลับไปบ้าน ถ้าเขาโจมตีกระทันหันก่อนที่เขาจะข่ามแม่น้ำเหลือง เราจะจัดการเขาได้ เราต้องไม่พลาดโอกาสนี้

อ้วนซงสงสัยในตัวอ้วนถำ เขาจึงไม่ให้ทหารอ้วนถำเพิ่ม แล้วก็ไม่เปลี่ยนอาวุธให้กับกองทัพของเขา ทำให้อ้วนถำโกรธมาก

กัวเต๋าและซินเป๋งพูดกับอ้วนถำว่า เป็นเพราะคำแนะนำของสิมโพยทำให้พ่อของท่านส่งท่านไปจากเมืองเกิดไปเป็นทายาทของลุงท่าน ดังนั้นอ้วนถำจึงนำทัพโจมตีอ้วนซง พวกเขาสู้กันนอกเมือง Ye อ้วนถำพ่ายแพ้ เขาถอยทัพกลับไปเมืองลำพี

อองสิ้วแห่ง ปักไฮ นำขุนนางและชาวเมืองจากเฉงจิ๋วมาช่วยอ้วนถำ อ้วนถำวางแผนที่จะโจมตีอ้วนซงอีกครั้ง

พี่ชายน้องชายเปรียบเสมือนแขนขวาและแขนซ้าย อองสิ้วแย้ง ถ้าคนที่จะต่อสู้กับคนอื่น มาตัดแขนขวาตัวเองออกแล้วจะพูดว่าจะชนะแน่ ๆ ได้อย่างไร ถ้าท่านไม่มีความรักต่อน้องชายของท่าน แล้วราชสำนักจะมองว่าท่านเป็นคนดีได้อย่างไร

มีขุนนางบางคนของพวกท่านที่พูดจาใส่ร้ายอีกฝั่งเพื่อจะหาประโยชน์เล็ก ๆ น้อย ๆ พวกเขาทำให้พวกท่านพี่น้องต้องทะเลาะกัน แต่ข้าขอร้องให้ท่านอย่าได้รับฟังและอย่าสนใจ ถ้าพวกท่านทั้งสองตัดหัวขุนนางเลว ๆ ของท่านแล้วคืนดีกันอีกครั้ง พวกท่านจะสามารถครอบครองทั้งแผ่นดิน ถึงตอนนั้นพวกท่านอยากได้สิ่งใดก็ต้องได้ อ้วนถำไม่เชื่อคำแนะนำของเขา

เล่าต๋ง ขุนนางของอ้วนถำ รวบรวมผู้คนที่ Tayin ต่อต้านอ้วนถำ หัวเมืองทั้งหมดก็สนับสนุนเขา อ้วนถำถอนใจพูดว่า เวลานี้ทั้งมณฑลก็ก่อกบฏต่อข้า นี่ข้าทำผิดอะไร

อองสิ้วพูดว่า Guan Tong เจ้าเมือง Donglai นั้นแม้ว่าเมืองเขาจะติดทะเล แต่เขากลับไม่ได้ทรยศเรา เขาต้องมาช่วยเหลือเราแน่ สิบวันต่อมา Guan Tong มาช่วยอ้วนถำ ภรรยาและบุตรของเขาที่เขาทิ้งไว้ที่เมืองถูกโจรฆ่าตาย

อ้วนถำแต่งตั้ง Guan Tong เป็นเจ้าเมือง Le’an

ในฤดูใบไม้ร่วง เดือนที่แปด โจโฉโจมตีเล่าเปียว เขายกทัพมาที่ เซเปงก๋วน

อ้วนซงนำทัพโจมตีอ้วนถำและได้ชัยชนะเด็ดขาด อ้วนถำหนีไปเพงหงวนก้วนแล้วปิดประตูเมืองป้องกันอย่างแน่นหนา อ้วนซงล้อมเมืองอย่างหนาแน่น อ้วนถำส่ง ซินผี น้องชายซินเป๋งไปขอความช่วยเหลือจากโจโฉ

เล่าเปียวเขียนจดหมายคัดค้านไปหาอ้วนถำว่า คนที่เป็นวีรชน ถึงจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบากแค่ไหน เขาย่อมไม่เป็นพันธมิตรกับศัตรูแผ่นดินแน่ เมื่อมิตรภาพสิ้นสุดลง เขาก็ไม่สามารถทำร้ายคนที่เป็นมิตรกับเขามาก่อน ข้าไม่รู้ว่าเหตุการณ์ของท่านร้ายแรงแค่ไหน แต่การเป็นศัตรูกับญาติตัวเองแล้วไปร่วมกับศัตรูของบิดาท่าน ท่านประพฤติตัวผิดกับหลักคุณธรรมทั้งหลายที่เคยมีมา ท่านทำให้ข้าอับอายในฐานะที่ข้าเป็นพันธมิตรกับท่าน

แม้ว่าอ้วนซงจะทำตัวอวดดีและประพฤติตัวไม่เกรงใจผู้เป็นพี่ชายอย่างท่าน แต่ผู้นำที่ดีนั้นไม่ควรนำสิ่งนั้นมาขัดขวางความตั้งใจของตัวเอง ท่านควรจะอ่อนน้อมต่อเขาและสนใจแต่สิ่งที่จะทำให้ท่านประสบความสำเร็จ เมื่อทุกอย่างสำเร็จตามสิ่งที่ท่านหวัง ให้ทั้งแผ่นดินตัดสินว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด แน่นอนว่านี่คือแนวทางของคนที่มีคุณธรรม

เล่าเปียวเขียนหาอ้วนซงว่า เหล็กและไม้ น้ำและไฟ ธาตุแต่ละอย่างเสริมส่งซึ่งกันและกันโดยการเป็นธาตุที่ขัดแย้งกัน และธาตุเหล่านั้นก็ถูกใช้โดยมนุษย์โดยการประสานรวมกัน (ขวานสามารถตัดไม้ได้ แต่ขวานก็ต้องอาศัยด้ามที่เป็นไม้ น้ำสามารถดับไฟได้ แต่ไฟก็ถูกใช้เพื่อต้มน้ำหุงหาอาหาร)

อ้วนถำนั้นใจร้อนและหุนหันพลันแล่น เขามักจะสับสนว่าอะไรถูกอะไรผิด ผู้นำที่ดีนั้นควรจะใจกว้างและเปิดใจรับผู้อื่น และยอมอ่อนข้อให้กับคนที่อ่อนแอกว่า และให้อภัยคนที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม สิ่งที่สำคัญอันดับแรกคือการกำจัดโจโฉ ผู้เป็นศัตรูของบิดาพวกท่าน เมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้น ท่านจึงค่อยมาพิจารณาว่าสิ่งใดถูกสิ่งใดผิด นี่ถือเป็นแผนการอันดี

แต่ถ้าท่านไม่เปลี่ยนใจ ในที่สุดแม้แต่พวกคนเถื่อนก็จะดูหมิ่นเหยียดหยามท่าน และตัวข้าเองจะรักษาคำสัตย์สาบานเป็นพันธมิตรกับท่าน และให้ความช่วยเหลือท่านได้อย่างไร สิ่งที่พวกท่านกำลังกระทำนั้นคล้ายกับสิ่งที่ Han Lu และ Dongguo (Suan) ได้เคยทำในอดีต ผลท้ายพวกเขาก็กลายเป็นเหยื่อชาวนา (Han Lu เป็นสุนัขล่าเนื้อที่เยี่ยมที่สุด ในขณะที่ Dongguo Suan เป็นกระต่ายป่าที่ปราดเปรียวที่สุด Han Lu วิ่งไล่ Dongguo ผ่านภูเขาลูกแล้วลูกเล่า ทั้งวันทั้งคืน จนทั้งสองหมดแรงล้มลง มีชาวนาเห็นเข้า จึงเดินไปจับพวกเขาทั้งสอง)

แต่พี่น้องแซ่อ้วนทั้งสองไม่มีใครทำตามคำแนะนำของเล่าเปียว

ซินผี มาถึง เซเปงก๋วน เข้าพบโจโฉและมอบสารจากอ้วนถำให้แก่เขา เหล่าขุนนางของโจโฉพากันพูดว่า เล่าเปียวนั้นเข้มแข็ง เราควรที่จะจัดการเขาก่อน ส่วนอ้วนถำและอ้วนซงนั้นไม่มีความสำคัญอันใด

ซุนฮิวพูดว่า เมื่อเทียบกับเจ้าเมืองคนอื่น ๆ ทั่วแผ่นดินแล้ว เล่าเปียวนั้นไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากรักษาเขตแดนของเขาระหว่างแม่น้ำแยงซีและHan ท่านจะเห็นได้ว่าเขาไม่มีความทะเยอทะยานอันใดเลย ตระกูลอ้วนนั้นครองมณฑลถึงสี่มณฑล มีกำลังทหารเกือบครึ่งล้าน อ้วนเสี้ยวเอาชนะใจผู้คนด้วยความใจบุญสุนทานของเขา และถ้าลูกชายทั้งสองของเขาปรองดองสามัคคีกัน พวกเขาจะต้องรวบรวมแผ่นดินได้แน่นอน

แต่เวลานี้ทั้งสองกลับทะเลาะไม่ยอมร่วมมือกัน ถ้าพวกเขาอยู่ด้วยกัน พวกเราย่อมจัดการได้ยาก แต่ถ้าท่านจัดการพวกเขาในขณะที่พวกเขากำลังทะเลาะกัน โอกาสรวบรวมแผ่นดินย่อมไม่เป็นการยาก เราต้องไม่พลาดโอกาสนี้ โจโฉเห็นด้วยกับเขา

สองสามวันต่อมา โจโฉเปลี่ยนใจ เขาคิดว่าควรจะโจมตียึดมณฑลเกงจิ๋วก่อน ปล่อยให้อ้วนถำและอ้วนซงสู้รบกัน ซินผี ซึ่งเฝ้าดูการท่าทีของโจโฉ ได้พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเขากับกุยแก แล้วกุยแกก็นำคำพูดของเขาไปบอกกับโจโฉ โจโฉจึงพูดกับ ซินผี ว่า ข้าสามารถวางใจในตัวอ้วนถำได้หรือไม่ และข้าสามารถเอาชนะอ้วนซงได้หรือ

นายท่าน ซินผี ตอบ ไม่ต้องสงสัยในความภักดีของอ้วนถำ ท่านพิจารณาเพียงแค่ความแข็งแกร่งด้านการสงครามของเขา เมื่อพี่น้องต่อสู้กันและกัน พวกเขาย่อมไม่มีความคิดว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้กับคนอื่น ๆ พวกเขาคิดแต่เพียงว่า เมื่อพวกเขาเอาชนะอีกฝ่ายได้ ก็จะได้ครองแผ่นดิน

เวลานี้ หนึ่งในพวกเขาได้ขอความช่วยเหลือจากท่าน ท่านสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาอ่อนแอเพียงไร อ้วนซงสร้างความยากลำบากให้กับอ้วนถำ แต่เขาไม่สามารถจัดการอ้วนถำได้ นี่ก็แสดงว่าเขาเสียความเข้มแข็งของกองทัพไปแล้ว

เหล่าทหารของพวกเขาต่างบอบช้ำจากการพ่ายแพ้ศึกภายนอก เหล่าขุนนางที่คอยให้คำแนะนำของพวกเขาก็ถูกฆ่า (หมายถึงฮองกี๋) พี่น้องทั้งสองใส่ร้ายป้ายสีและทะเลาะกัน ดินแดนพวกเขาแบ่งออกเป็นสองส่วน พวกเขาได้ทำการรบกันมากว่าปี ทหารพวกเขาใส่เสื้อผ้าสกปรกมอซอ เกิดภัยแร้ง เกิดตั๊กแตนระบาด มีภัยพิบัติเกิดไปทั่วทุกหนแห่งในดินแดนพวกเขา หายนะเหล่านี้ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าสวรรค์ได้ทอดทิ้งพวกเขา เพราะการกระทำของพวกเขา ทุกคนสามารถรู้ได้ว่าพวกเขาสู้กันเพื่ออะไร นี่คือเวลาที่สวรรค์ได้ทอดทิ้งอ้วนซงแล้ว

ถ้าท่านเคลื่อนทัพไป Ye อ้วนซงย่อมต้องกลับไปป้องกันเมืองของเขา ทันทีที่เขาเคลื่อนทัพไป อ้วนถำจะตามไปโจมตีทัพอ้วนซงที่กำลังเคลื่อนทัพ กองทัพของทั้งสองย่อมบอบช้ำจากการนี้ ด้วยอำนาจของท่าน มันเหมือนกันลมพายุรุนแรงที่จะพัดใบไม้ในฤดูใบไม้ร่วงให้หายไป สวรรค์ได้มอบชีวิตอ้วนซงในกำมือของท่านแล้ว

สมมุติว่าท่านละเลยโอกาสนี้แล้วโจมตีมณฑลเกงจิ๋ว ดินแดนแห่งนี้ก็จะคืนสภาพอุดมสมบูรณ์และรวมการปกครองได้อีกครั้ง Zhonghui พูดไว้ว่า ยึดดินแดนพวกเขาจากคนที่กำลังสับสน และจัดการคนที่กำลังพินาศอย่างเด็ดขาด พี่น้องแซ่อ้วนทั้งสองไม่ได้วางแผนรับมือศึกจากภายนอก มุ่งแต่วางแผนโจมตีกันและกัน พวกเขาถือได้ว่ากำลังสับสน เหล่าผู้ติดตามพวกเขาต่างไร้เสบียงอาหาร คนอพยพไร้อาหารจะกิน พวกเขาถือได้ว่ากำลังพินาศ ในทุก ๆ เช้า พวกเขาต่างไม่แน่ใจอนาคตของตัวเองในค่ำวันนั้น ชาวบ้านต่างไร้หนทางที่จะรักษาชีวิตพวกเขาไว้ได้

ถ้าท่านละทิ้งโอกาสที่จะจัดการพวกเขาและตัดสินใจรอไปอีกหนึ่งปี การเก็บเกี่ยวครั้งหน้าจะมาถึง ศัตรูของท่านจะได้โอกาสแก้ไขสิ่งที่ผิด พวกเขาจะร่วมมือกันและฟื้นฟูอำนาจของพวกเขา ท่านก็จะสูญเสียโอกาสที่จะใช้กองทัพของท่าน

แผนที่ดีที่สุดคือการทำตามคำขอร้องของอ้วนถำและนำทัพไปช่วยเหลือ ในบรรดาศัตรูของท่านทั้งหมด ไม่มีใครน่าเกรงขามเท่าดินแดนทางเหนือของแม่น้ำเหลือง ถ้าท่านสามารถยึดครองดินแดนนี้ได้ กองทัพของท่านก็จะแข็งแกร่ง แล้วทั่วทั้งแผ่นดินก็จะหวาดกลัวต่ออำนาจของท่าน

ยอดมาก โจโฉพูดแล้วเขาก็สัญญาเป็นพันธมิตรกับอ้วนถำ

ในฤดูหนาว เดือนที่สิบ โจโฉมาถึง ลิหยง

เมื่ออ้วนซงรู้ว่าโจโฉข้ามแม่น้ำเหลืองมา เขาจึงถอนกำลังที่ล้อมเมืองเพงหงวนก้วนถอยทัพกลับไปที่เมือง Ye

ลิกอง และ Gao Xing ลูกน้องของอ้วนซง ก่อกบฏและไปรับใช้โจโฉ แต่ภายหลังอ้วนถำได้ส่งตราแม่ทัพผนึกซ่อนไว้ส่งให้กับ ลิกอง และ Gao Xing โจโฉเชื่อว่าอ้วนถำมีแผนเล่นไม่ซื่อกับเขา แต่เพื่อให้อ้วนถำตายใจ เขาจึงให้ Cao Zheng ลูกชายของเขาแต่งงานกับลูกสาวอ้วนถำ แล้วก็นำกองทัพกลับ

ซุนกวนนำทัพไปตะวันตกโจมตีหองจอ ซุนกวนทำลายทัพหองจอได้ เหลือเพียงป้อมปราการของหองจอเท่านั้น แต่มีโจรผู้เขาก่อกบฏในดินแดนง่อ ทำให้ซุนกวนต้องยกทัพกลับ

เมื่อเขาผ่านมาถึงอิเจี๋ยง ซุึนกวนส่ง ลิห้อม แม่ทัพสุภาพชนแห่งราชสำนักผู้ปราบปรามคนชั่วไปยึด กวนหยง และเทียเภา แม่ทัพสุภาพชนแห่งราชสำนักผู้ที่อาชญากรหวาดกลัว ไปโจมตี Le’an

ซุนกวนยังสั่งให้ไทสูจู้ แม่ทัพใหญ่ของ Jianchang ไปยึดครอง Haihun และนายพันทหารอีกหลายคนเช่น อุยกาย ฮันต๋ง จิวท่ายและลิบอง ถูกส่งไปยึดเมืองสำคัญต่างในฐานะนายอำเภอและเจ้าเมืองแล้วให้โจมตีเผ่า Shanyue กบฏทั้งหมดจึงถูกจัดการ

ชาวเมือง Jian’an Hanxing และNanping ก่อกบฏ หัวเมืองต่าง ๆ มีทหารมากกว่าหมื่นคน ซุนกวนส่ง He Qi แม่ทัพใหญ่ของดินแดนห้อยแขทางใต้โจมตีพวกเขา He Qi นำความสงบมาสู่ดินแดนเหล่านั้นและเกณฑ์ทหารหลายพันนาย เขาจึงได้รับแต่งตั้งเป็นขุนพลผู้ปราบปรามภาคตะวันออก




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 2 มีนาคม 2549 16:31:45 น.
Counter : 508 Pageviews.  

ปี 202 AD

ปี Jian’an ที่ 7 202 AD
(10 กุมภาพันธ์ 202 – 30 มกราคม 203)

ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนแรก โจโฉนำกองทัพไปยัง Qiao แล้วก็ Junyi โจโฉขุดคลองซุยหยาง เขาส่งคนนำสารไปทำพิธีกราบไหว้บูชา Qiao Xuan คนที่เมตตาเขาเมื่อโจโฉรับราชการใหม่ ๆ แล้วเขาก็นำทัพไปกัวต๋อ

หลังจากที่ทัพของเขาพ่ายแพ้ อ้วนเสี้ยวก็อับอายและโกรธแค้น เขาล้มป่วยและอาเจียนเป็นเลือด ในหน้าร้อนเดือนที่ห้า อ้วนเสี้ยวก็เสียชีวิต

อ้วนเสี้ยวมีบุตรสามคนคือ อ้วนถำ อ้วนฮีและอ้วนชง อ้วนชงนั้นเป็นบุตรคนโปรดของอ้วนเสี้ยวจากเล่าฮูหยินภรรยาคนสุดท้ายของเขา ซึ่งมักจะคอยชมเชยลูกของนางให้อ้วนเสี้ยวฟัง อ้วนเสี้ยววางแผนที่จะให้อ้วนชงเป็นทายาทเขา แต่ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ

อ้วนเสี้ยวให้อ้วนถำรับช่วงอำนาจต่อจากลุงของเขา (พี่ชายอ้วนเสี้ยว) และส่งเขาไปเป็นผู้ตรวจการเฉงจิ๋ว ชีสิวคัดค้านว่า "มีธรรมเนียมว่าไว้ ถ้าคนหมื่นคนแข่งกันไล่ตามจับกระต่ายป่า ถ้ามีใครซักคนจับกระต่ายนั้นได้ คนที่เหลือก็จะล้มเลิกไปเอง เพราะว่าทุกสิ่งได้ถูกกำหนดไว้ อ้วนถำเป็นบุตรคนโตสมควรที่จะเป็นทายาทของท่าน แต่ท่านกลับส่งเขาไปอยู่ที่ห่างไกล ปัญหาย่อมจะเกิดตามมา"

"ข้าต้องการให้ลูกชายข้าได้ปกครองมณฑล" อ้วนเสี้ยวตอบ "แล้วข้าจะตัดสินว่าใครดีที่สุด" เขาตั้งอ้วนฮีลูกคนกลางเป็นผู้ตรวจการมณฑลอิวจิ๋ว และโกกันหลานของเขาเป็นผู้ตรวจการมณฑลเป๊งจิ๋ว

ฮองกี๋และสิมโพยมีความขัดแย้งกับอ้วนถำ แต่ซินเป๋งและกัวเต๋าสนับสนุนอ้วนถำ ดังนั้นพวกเขามักจะทะเลาะกับสิมโพยและฮองกี๋เสมอ

เมื่ออ้วนเสี้ยวตาย เหล่าลูกน้องของอ้วนเสี้ยวต่างต้องการให้อ้วนถำเป็นผู้สืบทอดเพราะว่าเขาเป็นลูกคนโต สิมโพยและพวกต่างกลัวว่าอ้วนถำจะได้ครองอำนาจต่อแล้วซินเป๋งและพวกจะมาทำร้ายพวกเขา พวกเขาจึงปลอมลายมืออ้วนเสี้ยวแต่งตั้งให้อ้วนชงเป็นทายาท และเมื่ออ้วนถำมาถึง เขาก็ไม่สามารถได้อำนาจของอ้วนเสี้ยว

อ้วนถำไปตั้งค่ายที่ลิหยงและตั้งตัวเองเป็นแม่ทัพราชรถและทหารม้า อ้วนชงมอบทหารไม่กี่คนให้แก่เขา และส่งฮองกี๋ไปอยู่กับเขา อ้วนถำขอกองทัพเพิ่มแต่สิมโพยและคนอื่น ๆ แนะนำอ้วนชงอย่ามอบทหารแก่เขา อ้วนถำโกรธมากแล้วเขาก็ฆ่าฮองกี๋

ในฤดูใบไม้ร่วง เดือนที่เก้าโจโฉข้ามแม่น้ำเหลืองมาโจมตีอ้วนถำ อ้วนถำรายงานต่ออ้วนชงว่าเขากำลังลำบาก อ้วนชงทิ้งสิมโพยให้ดูแลเมืองเงียบกุ๋น แล้วยกทัพด้วยตัวเองไปช่วยอ้วนถำต่อสู้โจโฉ ทั้งคู่พ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาจึงถอยทัพเข้าที่มั่นเพื่อป้องกัน

อ้วนชงส่งกุยอ้วน เจ้าเมืองโฮต๋องไปช่วยโกกัน และเผ่าShanyuใต้ของซงหนู ในการโจมตีเมือง เขาส่งฑูตไปเป็นพันธมิตรกับม้าเท้งและผู้นำในด่านคนอื่น ๆ ม้าเท้งและเจ้าเมืองคนอื่นต่างก็ได้รับสารลับ

ทุกเมืองที่กุยอ้วนผ่านไปล้วนยอมสวามิภักดิ์กับเขา มีเพียงกากุ๋ยขุนนางแห่งเมืองโฮต๋อง ที่ยังต่อสู้ในเจียง กุยอ้วนโจมตีอย่างหนัก จนทหารในเมืองใกล้จะพ่ายแพ้ ผู้เฒ่าของเมืองจึงได้ตกลงกับเขาว่าพวกเขาจะยอมแพ้ ขอให้เขาสัญญาว่าจะไม่ทำอันตรายกากุ๋ย กุยอ้วนยอมรับข้อตกลง

เขาต้องการให้กากุ๋ยมารับใช้เขา จึงใช้ดาบมาขู่เขา แต่กากุ๋ยไม่เคลื่อนไหว เหล่าขุนนางในที่นั้นบังคับให้เขาคำนับ แต่กากุ๋ยสบถใส่พวกเขาพูดว่า ขุนนางราชสำนักจะคำนับคนถ่อยได้อย่างไร กุยอ้วนโกรธมากและต้องการจะฆ่าเขา

มีคนหนึ่งนอนขวางกากุ๋ยไว้ ขอร้องให้กุยอ้วนให้อภัยเขา ในขณะที่ขุนนางและชาวเมืองเจียง ได้ยินว่ากากุ๋ยจะถูกฆ่า พวกเขาไต่กำแพงเมืองตะโกนว่าถ้ากุยอ้วนกลับคำสัญญาแล้วฆ่าผู้นำของเขา ก็ฆ่าพวกเราให้ตายตามกันไปด้วย

กุยอ้วนจึงขังกากุ๋ยในคุกที่ฮูก๋วน โดยขังเขาในคุกใต้ดินและนำเกวียนมาทับประตูคุกไว้ กากุ๋ยพูดกับยามที่ดูแลเขาว่า ไม่มีผู้กล้าอยู่ที่นี่แล้วหรือ ใยพวกท่านจึงปล่อยให้คนดีมาตายเช่นนี้ ฉู่กงเต๋าผ่านมาได้ยินที่เขาพูด เขาจึงลอบมาช่วยในตอนกลางคืน นำกากุ๋ยออกจากคุก ปลดโซ่ตรวนและพาเขาหนีโดยที่ไม่ยอมบอกชื่อของเขาให้กากุ๋ยได้รู้

โจโฉส่งจงฮิว ขุนพลรักษาเมืองหลวงไปล้อมเผ่า Shanyu ใต้ที่ซินเสีย แต่กุยอ้วนมาช่วยเหลือก่อนที่จงฮิวจะยึดเมืองได้

จงฮิวส่ง เตียวเจนายอำเภอซินฮองไปชักชวนม้าเท้งมาเป็นพวก ม้าเท้งยังลังเลและตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเข้ากับฝ่ายไหน โปหั้นพูดกับเขาว่า คนในอดีตเคยพูดว่า คนที่ประพฤติตัวด้วยความดีงามย่อมจะเจริญรุ่งเรือง คนที่ขัดขวางความดีต่าง ๆ ย่อมจะพินาศ ท่านโจโฉนั้นสนับสนุนฮ่องเต้และลงโทษคนหยาบช้าและพวกกบฏ กฏของเขานั้นชัดเจนและบริหารบ้านเมืองอย่างดี ขุนนางน้อยใหญ่ตามเชื่อฟังคำสั่งเขา ท่านควรควรถือว่าเขาทำตามวิธีที่ถูกต้อง

ตระกูลอ้วนนั้นพึ่งพาความแข็งแกร่งของตัวเอง ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งทางการ พวกเขายังยุให้คนเถื่อนต่าง ๆ มาโจมตีแผ่นดินฮั่น ท่านควรถือว่าพวกเขาต่อต้านคุณงามความดี

ท่านนั้นรับใช้ราชสำนักอย่างภักดีเสมอ แต่ท่านไม่เคยใช้ความสามารถของท่านอย่างเต็มที่ ท่านมีการติดต่อกับทั้งสองฝ่าย และหวังว่าจะนั่งดูผลการรบระหว่างทั้งสอง ข้ากลัวว่าเมื่อการรบรู้ผล จะมีการใส่ร้ายและลงโทษตามมา และท่านก็จะเป็นคนแรก ๆ ที่จะถูกสังหาร ม้าเท้งหวาดกลัวจากคำพูดของเขา

"คนที่ฉลาดนั้น" โปหั้นพูดต่อ "สามารถเปลี่ยนโชคร้ายให้กลายเป็นดีได้ ทันทีที่โจโฉโจมตีตระกูลอ้วน โกกันและกุยอ้วนก็โจมตีโฮต๋องด้วยกัน ท่านโจโฉคาดการณ์สิ่งที่เป็นไปได้ทุกอย่าง แต่ก็ไม่สามารถทำให้โฮต๋องปลอดภัยได้ ถ้าท่านส่งทหารไปโจมตีกุยอ้วน เขาจะถูกโจมตีจากสองด้าน (จากในเมืองโฮต๋องและทหารม้าเท้ง) กองทัพเขาของต้องพ่ายแพ้แน่ ท่านลงมือครั้งเดียวก็ตัดแขนตระกูลอ้วนและทำให้ทั้งอำเภอพ้นจากอันตราย ท่านโจโฉย่อมรู้สึกขอบคุณท่าน และชื่อเสียงก็ท่านจะเป็นที่รู้จัก ดังนั้นม้าเท้งจึงส่งม้าเฉียว บุตรของเขานำทหารกว่าหมื่นนายเข้าช่วยเหลือจงฮิว

ก่อนหน้านั้น เพราะว่ากองทัพกุยอ้วนใหญ่มาก บรรดาขุนนางจึงต้องการที่จะทิ้งเมืองเพงง้วนก้วน แต่จงฮิวสังเกตว่า ตระกูลอ้วนนั้นเข้มแข็งและกุยอ้วนก็กำลังจะโจมตีเรา ผู้นำภายในด่านก็ลอบติดต่อกับเขา มีเพียงเหตุผลเดียวที่พวกเขาไม่ทรยศต่อเราคือ พวกเขาเคารพในอำนาจของเรา ถ้าเรายอมแพ้และหนีไปจะเป็นการแสดงว่าเราอ่อนแอเพียงไร และพวกเขาก็จะหันมาเป็นศัตรูกับเรา แล้วถึงแม้ว่าเราต้องการจะถอยทัพ เราจะจัดการถอยทัพอย่างไหร่ เราจะทำให้ตัวเองพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่สู้รบ

กุยอ้วนเป็นคนมุทะลุ และเคยชินกับการได้ชัยชนะ เขาย่อมจัดการกับกองทัพเล็ก ๆ ของเราได้แน่ ถ้าเขาข้ามแม่น้ำ Fen มาตั้งค่าย และเราโจมตีเขาตอนที่ทัพเขากำลังจะข้ามแม่น้ำ เราต้องจัดการเขาได้แน่

เมื่อกุยอ้วนมาถึง เขานำทัพมุ่งหน้าตรงไปเพื่อจะข้ามแม่น้ำ Fen ทุกคนพยายามห้ามปราม แต่เขาไม่ฟัง เมื่อทัพครึ่งหนึ่งของเขากำลังข้ามแม่น้ำ จงฮิวโจมตีและได้ชัยชนะเด็ดขาด

เมื่อการต่อสู้จบลง ทหารทั้งกองทัพบอกว่ากุยอ้วนตายแล้ว แต่ไม่มีใครหาศีรษะเขาได้กุยอ้วน เป็นหลานของจงฮิว ถึงตอนกลางคืนบังเต็กขุนพลในสังกัดของม้าเฉียว นำศีรษะกุยอ้วน จากกระบอกลูกธนูของเขา จงฮิวเห็นและร้องไห้ บังเต็กขอโทษต่อจงฮิว แต่จงฮิวตอบว่า "กุยอ้วนเป็นหลานของข้า แต่เขาก็เป็นศัตรูของแผ่นดินเจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษ"

หลังจากนั้น เผ่า Shanyu ใต้ก็ยอมแพ้

เล่าเปียวส่งเล่าปี่ไปก่อกวนทางเหนือ เล่าปี่มาที่ She โจโฉส่งแฮหัวตุ้น อิกิ๋ม และแม่ทัพคนอื่นมาต่อสู้กับเล่าปี่

เล่าปี่วางเพลิงเผาค่ายเขาและพยายามหนี แฮหัวตุ้นและแม่ทัพคนอื่นเตรียมการที่จะไล่โจมตี แต่แม่ทัพลิเตียนกล่าวว่า ศัตรูไม่มีเหตุผลที่จะหนี ข้ามั่นใจว่าพวกมันต้องวางกำลังเพื่อที่จะซุ่มโจมตี ถนนสู่แดนใต้นั้นแคบเต็มไปด้วยต้นไม้และพุ่มไม้หนาทึบ ท่านไม่ควรตามเขาไป

แฮหัวตุ้นและคนอื่น ๆ ไม่ฟังคำเตือนเขา แต่ทิ้งลิเตียนไว้เฝ้าค่ายในขณะที่พวกเขาไล่โจมตี พวกเขาตกหลุมพรางเล่าปี่ โดนซุ่มโจมตี กองทัพของพวกเขาพ่ายแพ้ ลิเตียนนำทัพมาช่วยพวกเขา และเล่าปี่ก็ยกทัพกลับ

โจโฉส่งจดหมายให้ซุนกวน ขอให้เขาส่งบุตรมาเป็นตัวประกันที่เมืองหลวง ซุนกวนเรียกเหล่าขุนนางเข้าหารือ

เตียวเจียว Qin Song และคนอื่น ๆ ลังเลใจและตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไร ซุนกวนจึงนำจิวยี่มาหารือเรื่องนี้กับนางง่อก๊กไถ้แม่ของเขา จิวยี่ว่า ในอดีต เมื่อ Chu เป็นคนแรกที่ก่อตั้งแผ่นดิน (ราชวงศ์ Zhou) มีเขตแดนเพียงไม่กี่ร้อยลี้ แต่ฮ่องเต้รุ่นต่อ ๆ มาล้วนแต่ปรีชาสามารถ พวกเขาขยายดินแดนและพรมแดนออกไป พวกเขาครอบครอง เกงจิ๋ว และ ยังจิ๋ว ไปจนถึงทะเลทางใต้ การขยายอาณาเขตนี้ใช้เวลากว่าเก้าร้อยปี

เวลานี้ท่านได้สืบทอดอำนาจจากพ่อและพี่ชายของท่าน มีหัวเมืองใหญ่หกหัวเมือง กองทัพก็เก่งกล้า เสบียงอาหารพร้อมพรัก ชาวบ้านต่างก็เชื่อฟังคำสั่งของท่าน ท่านสามารถหาทองแดงได้จากขุนเขาและเกลือจากทะเล ดินแดนของท่านมั่งคั่งและอุดมสมบูรณ์ ท่านเองก็ไม่มีความคิดเป็นกบฏ แล้วอะไรจะสามารถคุกคามท่านได้ ทำไมถึงต้องส่งลูกหลานท่านไปเป็นตัวประกัน

ทันทีที่ท่านส่งตัวประกันไป ท่านจะถูกบังกับให้เป็นพันธมิตรกับโจโฉอย่างใกล้ชิด และเมื่อท่านเป็นพันธมิตรครั้งหนึ่งแล้ว ท่านก็ตกเป็นเบี้ยงล่างของเขา ต้องทำตามคำสั่งของเขา ในที่สุดท่านก็จะไม่เหลืออะไรนอกจากตราตำแหน่งและคนใช้สิบสองคน รถม้าสองสามคันและม้าไม่กี่ตัว มีตำแหน่งแต่ไม่มีอำนาจ

ทางดีที่สุดคือปฏิเสธความต้องการของเขาและเฝ้าดูเหตุการณ์อย่างเงียบ ๆ ถ้าโจโฉกลายเป็นผู้นำของเหล่าผู้ภักดี และจัดการทุกสิ่งให้ถูกต้อง ก็มีเวลาเหลือเฝือที่จะเข้าร่วมกับเขา ถ้าเขาวางแผนที่จะเป็นกบฏและไม่เชื่อฟังทางการ เขาจะทำลายตัวเองในไม่ช้า แล้วเขาจะทำร้ายเราได้อย่างไร

กงจิ้น (จิวยี่)พูดได้ถูกต้องแล้ว นางง่อก๊กไถ้เสริมขึ้น จิวยี่นั้นมีอายุเท่ากับ โปวฟู (ซุนเซ็ก) อ่อนเดือนกว่าเดือนเดียว ข้าคิดกับเขาเสมือนลูกมาตลอด เจ้าควรจะเคารพเชื่อฟังเขาเหมือนพี่ชายของเจ้า

แล้วซุนกวนก็ไม่ส่งตัวประกันไปเมืองหลวง




 

Create Date : 17 มกราคม 2549    
Last Update : 10 กรกฎาคม 2549 11:07:24 น.
Counter : 623 Pageviews.  

ปี 201 AD

ปี Jian’an ที่ 6 201 AD
(21 มกราคม 201 – 11 กุมภาพันธ์ 202)

ในฤดูใบไม้ผลิ เดือนที่สาม วันที่ 22 มีนาคม วันแรกของเดือน เกิดปรากฏการณ์สุริยะปราคา

โจโฉไปรวบรวมเสบียงอาหารที่ Anmin เขาตั้งใจจะใช้ชัยชนะที่มีต่ออ้วนเสี้ยวบุกโจมตีเล่าเปียวต่อ แต่ซุนฮกบอกว่า อ้วนเสี้ยวเพิ่งจะพ่ายแพ้ไป และลูกน้องของเขาต่างก็ได้รับความลำบาก ท่านควรที่จะใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้ของอ้วนเสี้ยว

นอกจากนี้ ท่านวางแผนที่จะนำทัพไปยังแยงซีและ han ถ้าอ้วนเสี้ยวรวบรวมพลที่กระจัดกระจายและโจมตีทางด้านหลังของท่าน ท่านต้องถูกจัดการแน่นอน โจโฉจึงยอมล้มเลิกความคิดนี้

ในฤดูร้อน เดือนที่สี่ โจโฉวางกำลังของเขาตามแม่น้ำเหลือง เขาโจมตีทัพอ้วนเสี้ยวที่ Cangting พ่ายแพ้ไป

ในฤดูใบไม้ร่วงเดือนที่เก้า โจโฉกลับคืนสู่เมืองฮูโต๋

โจโฉนำทัพของเขาโจมตีเล่าปี่ที่ ยีหลำ เล่าปี่หนีไปหาเล่าเปียว ก๋งเต๋า และคนอื่น ๆ ต่างกระจัดกระจายกันไป

เมื่อเล่าเปียวรู้ว่าเล่าปี่มาถึง เขาออกจากเมืองมาต้อนรับด้วยตัวเอง ปฏิบัติราวกับเล่าปี่เป็นแขกผู้มีเกียรติ เล่าเปียวเพิ่มกำลังทหารให้เล่าปี่และส่งเขาไปตั้งค่ายที่ ซินเอี๋ย

เล่าปี่อยู่ที่เกงจิ๋วหลายปี ครั้งหนึ่งเขาร่วมประชุมกับเล่าเปียวแล้วก็ลุกไปห้องน้ำ เมื่อเขากลับมาก็ร้องไห้ เล่าเปียวตกใจและถามว่าเกิดอะไรขึ้น เล่าปี่ตอบว่า ในอดีต ข้าไม่เคยห่างจากศึกสงคราม โคนขาข้าเรียวบาง จากการนั่งบนอานม้าอยู่ตลอด เวลานี้ข้าไม่ขี่ม้าอีกแล้ว ขาของข้าจึงอ้วนและหย่อนยาน วันและปีผ่านเหมือนดั่งสายน้ำ วัยชราก็ย่างเข้ามา แต่ข้ายังไม่สำเร็จสิ่งใดเลย นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงเสียใจ

โจโฉส่งแฮหัวเอี๋ยนและเตียวเลี้ยวไปล้อม เซียงหู ที่เมือง Tan ใน Donghai หลายเดือนผ่านไป เสบียงอาหารพวกเขาก็หมดลง พวกเขาคิดถึงการถอยทัพ
เตียวเลี้ยวพูดกับแฮหัวเอี๋ยนว่า สองสามวันที่ผ่านมา เมื่อข้าสำรวจค่าย เซียงหู เฝ้ามองข้าอย่างระแวง และไม่มีลูกธนูยิงมามากนัก นี่ก็หมายความว่าเขากำลังลังเลใจ และไม่มีจิตใจที่จะต่อสู้ต่อไป ข้าจะพยายามหาทางพูดคุยกับเขา ข้าอาจจะพูดให้เขายอมแพ้ได้

เตียวเลี้ยวส่งสารไปหา เซียงหู ว่า ท่านโจโฉส่งจดหมายมาให้ข้ามอบให้ท่านกับมือ

หลังจากนั้น เซียงหู ออกจากเมืองมาคุยกับเตียวเลี้ยว เตียวเลี้ยวได้พูดถึงความอัจฉริยะด้านสงครามของโจโฉ และคุณงามความดีของโจโฉที่ประทับใจคนทั้งแผ่นดิน และคนที่เข้าร่วมกับเขาตั้งแต่แรก ๆ ย่อมได้รับรางวัลที่ยิ่งใหญ่ เซียงหู จึงสัญญาจะยอมแพ้

แล้วเตียวเลี้ยวก็เดินทางไปยังเนินเขา Sangong โดยไม่มีองครักษ์ ไปยังบ้าน เซียงหู เพื่อแสดงความเคารพ ภรรยาและลูกของ เซียงหู เซียงหู ยินดีมาก เขาไปหาโจโฉพร้อมกับเตียวเลี้ยว โจโฉส่งเขากลับมาประจำที่ Donghai

Zhao Wei ล้อมเล่าเจี้ยงที่ เฉิงตู ทัพ Dongzhou ต่างกลัวว่าพวกเขาจะถูกลงโทษและโดนสังหาร พวกเขาจึงเข้าร่วมกับเล่าเจี้ยงขับไล่ Zhao Wei พวกเขาตามโจมตีไปจนถึง มณฑลเกงจิ๋ว และสังหาร Zhao Wei ที่นั่น

บังยี่ หวาดกลัว เขาส่ง Cheng Qi ลูกน้องของเขาไปหา Cheng Ji พ่อของเขา นายอำเภอ Hanchang พร้อมคำสั่งให้เกณฑ์ทหารจากชาว Zong Cheng Ji พูดกับลูกเขาว่า ไม่มีชาวบ้านคนไหนต้องการสร้างปัญหา ไม่ว่าสิ่งใดที่เป็นความผิดล้วนต้องรายงานเล่าเจี้ยง เราต้องรักษาความภักดีนี้ไว้ บังยี่ ต้องการที่จะก่อกบฏหรือ ข้าย่อมไม่ประสงค์จะทำตามคำสั่งเขา

บังยี่ ส่ง Cheng Qi ไปอีกครั้งเพื่อโต้แย้งกับบิดาเขา แต่ Cheng Ji พูดว่า ข้าได้รับความกรุณาใหญ่หลวงจากท่านเล่าเจี้ยง และข้าก็ภักดีต่อเขาเสมอ เจ้าเองก็เป็นขุนนางในหัวเมืองนี้ เจ้าต้องทำทุกสิ่งเพื่อท่านเจ้าเมือง เจ้าควรที่จะยอมตายดีกว่าทำสิ่งที่ไร้เกียรติ

บังยี่ โกรธมาก เขาส่งคนนำสารไปหา Cheng Ji บอกว่า ถ้าท่านไม่เชื่อฟังคำสั่งเจ้าเมือง หายนะจะมาสู่ครอบครัวของท่าน Cheng Ji ตอบว่า เมื่อ Yue Yang กินบุตรตัวเอง ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีจิตสำนึกของบิดา แต่เพราะว่าธรรมเนียมปฏิบัติบังคับให้เขาทำเช่นนั้น ถ้าท่านจับ Cheng Qi ลูกชายข้าทำน้ำแกง ข้าก็ยังจะดื่มมัน

แล้ว บังยี่ ก็ได้เสนอการขอโทษแก่เล่าเจี้ยงและทำสัญญาสงบศึกกับเขา เล่าเจี้ยงเลื่อนยศ Cheng Ji เป็นเจ้าเมือง Jiangyang

ทางการได้ข่าวความวุ่นวายในมณฑล เอ๊กจิ๋ว แม่ทัพแห่งสุภาพชนราชสำนักในทุกกรณี Niu Dan ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจการมณฑล เอ๊กจิ๋ว และมีการเรียกตัวเล่าเจี้ยงไปเป็นเสนาบดี แต่เล่าเจี้ยงปฏิเสธการแต่งตั้งนี้

เตียวฬ่อสอนความเชื่อเกี่ยวกับความชั่วร้ายและจิตวิญญาณให้แก่ชาวบ้าน ใครที่ล้มป่วยต้องสารภาพความผิดของเขา แล้วเขาจะสวดมนต์ให้ ไม่มีการปฏิบัติที่เป็นการรักษา แต่ผู้คนที่งมงาม สับสน โง่เขลาจำนวนมากต่างแข่งขันที่จะรับใช้เขา คนที่ทำผิดกฏหมายจะได้รับการอภัยโทษสามครั้งก่อนจะถูกลงโทษ เขาไม่แต่งตั้งขุนนางฝ่ายบุ๋น การบริหารบ้านเมืองทำโดยคนที่มีหน้าที่ช่วยพิธีกรรม ชาวจีนและคนเชื้อชาติอื่นต่างยินดีกับเรื่องนี้ และคนอพยพจากที่อื่นที่ร่อนเร่มาที่นี่ก็ไม่กล้าที่จะขัดขืนคำสอนของเขา

ไม่นานเตียวฬ่อก็โจมตีและยึดเมือง Ba ทางการไม่มีกำลังพอที่จะต่อสู้ทัพของเขา เขาจึงได้รับตำแหน่งแม่ทัพสุภาพชนแห่งราชสำนักผู้รักษาประชาชนให้อยู่ในความสงบ และได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมือง Hanning หรือฮันต๋ง เขาส่งบรรณาการให้เมืองหลวงเป็นการตอบแทนตำแหน่งที่เขาได้

ชาวบ้านบางคนพบตราหยกในพื้นดิน ลูกน้องของเตียวฬ่อต้องการยกเขาให้เป็นอ๋องแห่ง Hanning แต่ เงียมเภา ขุนนางคนหนึ่งของเตียวฬ่อคัดค้านว่า ราชสำนักฮั่นประกอบไปด้วยชาวบ้านมากกว่าแสนครัวเรือน ชาวบ้านต่างมั่งคั่ง ดินก็อุดมสมบูรณ์ และยังมีปราการที่แข็งแรงป้องกันการโจมตีจากภายนอก ถ้าท่านให้ความช่วยเหลือฮ่องเต้ ท่านก็จะเป็นเหมือน Duke Huan และ Duke Wen สิ่งที่ท่านควรทำคือ เลียนแบบ Dou Rong แล้วชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญตลอดไป ในเวลานี้ ด้วยอำนาจที่จะแต่งตั้งขุนนางของตัวเอง และกองทัพที่เข้มแข็งที่จะทำให้ท่านไม่ต้องขึ้นกับใคร ตำแหน่งท่านอ๋องเป็นเพียงแค่ชื่อเท่านั้น ท่านจะมีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน ข้าขอร้องให้ท่านอย่าใช้ตำแหน่งอ๋องในตอนนี้ เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงหายนะ เตียวฬ่อยอมรับคำแนะนำของเขา




 

Create Date : 16 มกราคม 2549    
Last Update : 2 มีนาคม 2549 14:41:29 น.
Counter : 498 Pageviews.  


kazama
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add kazama's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.