ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

ซีเอ็ด และข้อกำหนดที่ปิดกั้นเสรีภาพในการเขียน

ฉันทลักษณ์ รักษาอยู่

สะพาน:กลุ่มสร้างสื่อเพื่อสนับสนุนสิทธิหญิงรักหญิงและความหลากหลายทางเพศ

//www.sapaan.org


กลายเป็นประเด็นทางสังคมไปแล้ว เมื่อบริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน)ออกข้อกำหนดแจ้งไปยังสำนักพิมพ์ต่างๆ ห้ามไม่ให้มีเนื้อหาดังต่อไปนี้คือ


1. วรรณกรรมที่มีลักษณะของชายรักชาย หญิงรักหญิง เป็นลักษณะของการรักร่วมเพศ


2. สื่อไปในทางขายบริการทางเพศ เช่น นักเรียน, นักศึกษา, Sideline


3. ภาษาและเนื้อหาที่ใช้ หยาบโลนไม่สุภาพ ลามก, สัปดน, ป่าเถื่อน, วิปริต, ซาดิสต์, หยาบคาย ฯลฯ


4. เนื้อหามีการบรรยายถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างโจ่งแจ้ง และในที่สาธารณะ วิปริต ผิดธรรมชาติที่มนุษย์พึงเป็น เช่น ลิฟต์, น้ำตก, ลานจอดรถ ฯลฯ


5. เนื้อหาที่มีการทารุณกรรมทางเพศทั้งที่เป็น ภรรยาและมิใช่ภรรยา หรือ ทารุณต่อเด็ก, เยาวชน, สตรีและเครือญาติ อันบ่งบอกถึงการขัดต่อกฎหมาย ศีลธรรมอันดี


6. เนื้อหาที่บรรยายขั้นตอนการมีเพศสัมพันธ์ที่เห็นภาพ และบรรยายให้เห็นภาพทางกายภาพของอวัยวะเพศอย่างชัดเจน จนทำให้สามารถเป็นเครื่องมือยั่วยุทางเพศ ทำให้เกิดความต้องการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ถูกคน ไม่ถูกที่ และไม่ถูกเวลา


ซึ่งหากทางซีเอ็ดตรวจพบภายหลังว่าวรรณกรรมที่ส่งมาให้ทางซีเอ็ดดำเนินการกระจายสินค้าให้นั้น ละเมิดข้อกำหนดทั้ง 6 ข้อข้างต้น ไม่ว่าจะมากจะน้อยเพียงใด ทางซีเอ็ดจะไม่ดำเนินการกระจายหนังสือให้ แต่กรณีกระจายไปยังร้านหนังสือแล้ว มีการตรวจพบภายหลัง ทางซีเอ็ดก็จะยกเลิกการจัดจำหน่าย และเรียกเก็บหนังสือคืนไปยังสำนักพิมพ์ที่ฝากจำหน่าย


สรุปง่ายๆ สั้นๆ ก็คือว่าหากนักเขียนคนไหนดื้อดึง ขัดขืนที่จะเขียนหนังสือไม่ว่าจะเป็นบทความนิยายเรื่องสั้น ที่มีเนื้อหาไปขัดกับข้อใดข้อหนึ่งในจำนวน 6 ข้อนั้น ก็จงเขียนเอาไว้อ่านเองคนเดียว หรือเอาไปถ่ายซีร็อกซ์แจกจ่ายให้ญาติมิตรคนรู้จักอ่านก็พอ หรือไม่อีกทีก็ใช้ระบบพิมพ์จำนวนจำกัด ขายเองตามมีตามเกิด


เนื่องจากหากส่งไปให้สำนักพิมพ์พิจารณา ในกรณีที่สำนักพิมพ์นั้นๆ ใช้บริการสายส่งของซีเอ็ด ที่ต้องยอมรับข้อกำหนดทั้ง 6 ของซีเอ็ด เพื่อที่ทางซีเอ็ดจะได้รับหนังสือของสำนักพิมพ์จำหน่ายต่อไป สำนักพิมพ์ดังกล่าวนั้น ก็จะไม่พิจารณาหรือจัดพิมพ์ผลงานเล่มนั้นๆ ออกมาแน่ๆ เพราะไม่รู้จะพิมพ์ออกมาเพื่อการใด ต่อให้จะเป็นงานเขียนที่เลอเลิศ สะท้อนสังคมได้อย่างล้ำลึกสูงส่งสักแค่ไหน ก็เก็บไว้อ่านเองเถอะนะจ๊ะ


แน่นอนว่าหากสำนักพิมพ์ที่ใช้บริการสายส่งซีเอ็ดไม่รับพิมพ์ ก็ไปให้สำนักพิมพ์อื่นที่ ที่เขาใช้สายส่งอื่นพิมพ์สิ


ถูกต้อง นั่นคือสิ่งที่นักเขียนทำได้ จะมาเสียอารมณ์ทำไมกับเรื่องไร้สาระ ศีลธรรมจัด ปากว่าตาขยิบเยี่ยงนี้


แต่ในยุคสมัยที่สายส่งหนังสือเหลืออยู่ไม่กี่เจ้า และยังมีอำนาจที่จะชี้เป็นชี้ตายว่าใครควรทำหนังสือแนวไหน เนื้อหาอย่างไหน หน้าปกควรออกแบบอย่างไร ฯลฯ


สมควรแล้วหรือที่เราจะยอมปล่อยให้มันเป็นไปตามครรลองแบบนั้น???


แล้วหากสายส่งเจ้าอื่นๆ ใช้ข้อกำหนดลักษณะเดียวกันนี้ขึ้นมาบ้างเล่า???


นั่นหมายความว่าเราจะมีงานวรรณกรรมไม่กี่แบบให้อ่าน มีสำนวนภาษาไม่กี่สำนวนให้เสพ เพราะเมื่อสิทธิเสรีภาพในการคิดและเขียนถูกจำกัด  จินตนาการถูกตีกรอบให้ว่านอนสอนง่าย สงบเสงี่ยมเรียบร้อย เป็นเด็กดี อยู่ในข้อกำหนดทั้ง 6 ข้อนั้นเสียแล้ว ความหลากหลายน่าตื่นเต้นตะลึงลานก็คงจะลดลงไปด้วย


ดังนั้นหากนักเขียนคนไหนอยากให้ผลงานการเขียนผ่านการพิจารณากับสำนักพิมพ์ ก็ต้องยอมอยู่ในกรอบกติกา 6 ข้อดังกล่าว


ไม่ใช่เรื่องผิด หรือเสียหายอะไรหากนักเขียนจะยอมรับในข้อกำหนดนั้น เซ็นเซอร์ตัวเองไว้ก่อน เพราะว่าใครๆ ก็อยากให้ผลงานได้รับการตีพิมพ์ อยากให้หนังสือขายได้ มีเงินมาซื้อข้าวกินเหมือนการทำมาหากินในอาชีพอื่นๆ


แต่ผู้ที่ออกข้อกำหนดนี้มานี่สิ...


ที่มา : //www.prachatai.com/journal/2012/12/44129




 

Create Date : 25 ธันวาคม 2555    
Last Update : 25 ธันวาคม 2555 11:09:46 น.
Counter : 1924 Pageviews.  

อำนาจกับความรู้แบบไทยๆ กับฝรั่งๆ

โดย เกษียร เตชะพีระ 

 

 

(ที่มา หนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ฉบับประจำวันที่ 25 พฤศจิกายน 2554)

 

หนีน้ำพลัดบ้านจากกรุงเทพฯมาอยู่ต่างจังหวัดครั้งนี้ ผมได้มีโอกาสอ่านร่างบทความวิชาการน่าสนใจบทหนึ่งของศาสตราจารย์สายชล สัตยานุรักษ์ แห่งภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระหว่างรอน้ำท่วมขังแถวบ้านผมทางฝั่งธนบุรีค่อยๆ ลด แทนที่จะเขียนเรื่องน้ำท่วมเลอะเทอะเฉอะแฉะต่อเป็นตอนที่ 5 ผมขอเปลี่ยนบรรยากาศหันไปเขียนเรื่องอื่นที่แห้งๆ บ้างสลับกันไป

สำหรับท่านที่สนใจประวัติและความคิดความอ่านของปัญญาชนคนสำคัญของไทยย่อมทราบว่าอาจารย์สายชลได้ทำงานวิจัยโดดเด่นชิ้นใหญ่เสร็จไปเมื่อไม่นานมานี้และกำลังจัดพิมพ์อยู่เรื่อง "ประวัติศาสตร์วิธีคิดเกี่ยวกับสังคมและวัฒนธรรมไทยของปัญญาชน พ.ศ.2435-2535" ซึ่งได้รับรางวัล TRF - CHE - Scopus Researcher Award สาขามนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์อันทรงเกียรติจากนายกรัฐมนตรีเมื่อปลายปี พ.ศ.2552 

ผมในฐานะนักรัฐศาสตร์ชอบงานวิจัยชุดนี้เป็นพิเศษ เพราะนอกจากจะค้นคว้าศึกษาประวัติและผลงานของปัญญาชนกระแสหลักของไทยอย่าง สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ, หลวงวิจิตรวาทการ, พระยาอนุมานราชธน, ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช, สุลักษณ์ ศิวรักษ์ ฯลฯ อย่างพิสดารและเจาะลึกถึง 10 คนแล้ว อาจารย์สายชลยังวิเคราะห์วิจารณ์และรวบยอดแก่นความคิด (conceptualize) ของปัญญาชนแต่ละคนรวมทั้งแนวคิด "ความเป็นไทย" อันเป็นผลลัพธ์รวมแห่งงานของคนเหล่านี้ออกมาอย่างแม่นยำ ลึกซึ้ง คมชัดและทรงพลัง ช่วยให้ผมเข้าใจสว่างไสวในเรื่องเหล่านี้แบบทุ่นแรงผ่าน "ครูพักลักจำ" ไม่ต้องไปลำบากลำบนค้นอ่านเอกสารหลักฐานชั้นต้นจำนวนมหาศาลเอง จนผมได้อาศัยอ้างอิงหยิบยืมมาสอนนักศึกษาและเขียนถึงในงานของตัวเองอยู่เนืองๆ

ในบทความชิ้นใหม่นี้ อาจารย์สายชลเขียนพาดพิงถึงหมอประเวศ วะสี ปัญญาชนอาวุโสของขบวนการ NGOs ไทยปัจจุบันไว้ตอนหนึ่ง ซึ่งจุดประกายสะกิดใจให้ผมคิดถึงอะไรต่อมิอะไรเตลิดเปิดเปิงไปไกลเกี่ยวกับอำนาจกับความรู้

อาจารย์สายชลได้สกัดกลั่นและรวบยอดแนวคิดหลักในการวางกรอบ, วินิจฉัยปัญหาและเสนอทางออกแก่สังคมการเมืองไทยของหมอประเวศออกมาอย่างกระชับคมชัดว่า: -

เหตุแห่งปัญหา = ระบอบอำนาจนิยมในสังคมไทย

ทางออกจากปัญหา = ปัญญานิยม

ปัจจัยไปสู่ทางออก = วิถีไทยและวัฒนธรรมบนฐานความรู้

พอจะสรุปเป็นสมการเพื่อง่ายแก่การเข้าใจได้ว่า: -

[อำนาจนิยม -> ปัญญานิยม ด้วยวิถีไทยและวัฒนธรรมบนฐานความรู้] 

ผมสงสัยตงิดๆ มานานแล้วว่าวิธีวิเคราะห์ปัญหาของคุณหมอประเวศออกจะง่ายและเนี้ยบ (neat) เกินไป ในขณะที่โลกความเป็นจริงทั้งยากและยุ่ง จึงอยากถือโอกาสนี้ลองเขย่า เจาะ คว้าน รื้อสร้าง ย่อยสลายแนวคิดของคุณหมอเหล่านี้ให้มันสับสนวุ่นวายซับซ้อนขึ้นบ้าง ไม่ใช่ในเชิงว่ามันถูกหรือผิดนะครับ เพียงแต่อยากเสนอมุมมองทางเลือกที่อาจทำให้เห็นการตั้งปัญหาและคำตอบแบบอื่นต่อโจทย์ทำนองนั้นได้

หมอประเวศนับเป็นนักคิดทางสังคมแบบอิงโมเดลวิทยาศาสตร์ธรรมชาติและการแพทย์ยุคก่อน มิเชล ฟูโกต์ โดยแท้ (pre-Foucauldian, หมายถึง Michel Foucault, ค.ศ.1926-1984 นักปรัชญาและทฤษฎีสังคมชาวฝรั่งเศสผู้ลือชื่อ) กล่าวคือคุณหมอคิดและเขียนเกี่ยวกับสังคมและการเมืองราวกับไม่รู้ไม่เห็น ไม่เคยได้ยินได้ฟัง หรือเดียงสาต่อข้อวิเคราะห์อันทรงอิทธิพลต่อวงวิชาการสังคมศาสตร์ทั่วโลกของฟูโกต์เลย !?!

เห็นได้จากคุณหมอขีดเส้นแบ่งแยกชัดเจนระหว่างอำนาจ (นิยม) กับปัญญา (นิยม) ซึ่งผมคิดว่าเป็น false dichotomy หรือการขีดเส้นแบ่งระหว่างสองสิ่งที่เอาเข้าจริงเกี่ยวข้องกลืนกลายแนบแน่นกันอย่างยิ่ง ดังที่ฟูโกต์เสนอว่าความรู้คืออำนาจ (Le savoir est pouvoir.) ในงานชื่อ Surveiller et punir: Naissance de la prison (การสอดส่องควบคุมและลงทัณฑ์: กำเนิดคุก, ค.ศ.1975) ตอนหนึ่งว่า:

"จำต้องยืนยันว่าอำนาจก่อให้เกิดความรู้, ว่าอำนาจกับความรู้มีนัยเกี่ยวพันสืบเนื่องซึ่งกันและกันโดยตรง, ว่าไม่มีความสัมพันธ์ทางอำนาจใดๆ ที่ไม่ประกอบส่วนสร้างสาขาวิชาความรู้ที่เกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันหนึ่งๆ ขึ้นมา, และในทางกลับกันก็ไม่มีความรู้ใดที่ไม่ตั้งอยู่บนสมมติฐานของหรือประกอบส่วนสร้างขึ้นซึ่งความสัมพันธ์ทางอำนาจด้วยในเวลาเดียวกัน"

(Il faut constater que le pouvoir produit du savoir ; que pouvoir et savoir s′impliquent directement l′un l′autre ; qu′il n′y a pas de relations de pouvoir sans constitution correlative d′un champ de savoir, ni de savoir qui ne suppose et ne constitue en meme temps des relations de pouvoir.)

เขาชี้ว่าระบบระเบียบความรู้ที่สถาปนาขึ้นไว้และดูเหมือนปลอดการเมืองนั้น (เช่น แพทยศาสตร์, จิตเวชศาสตร์, เศรษฐศาสตร์, ศึกษาศาสตร์) เป็นฐานที่มาของสถาบันเชิงอำนาจอย่างหนึ่งในการควบคุมกำกับพฤติกรรมมนุษย์ในสังคม (คลินิก, โรงพยาบาล, สถาบันจิตเวช, สภาพัฒน์, โรงเรียน, มหาวิทยาลัย ฯลฯ) 

หากเริ่มจากฐานคตินี้ คำถามต่อการวินิจฉัยและทางออกของหมอประเวศก็คือ ปัญญาหรือความรู้แบบไหนกันแน่ที่จะทำให้สังคมไทยหลุดพ้นจากอำนาจนิยม? ผมสันนิษฐานว่าคงไม่ใช่ความรู้เชิงเทคนิค (technical knowledge) เพราะเป็นเครื่องมือกลางที่ใครก็หยิบไปใช้ได้และผู้มีอำนาจก็ชอบใช้ด้วย

ในประเด็นใกล้เคียงที่ล้อกัน มีข้อเสนอของ Jurgen Habermas นักปรัชญาและทฤษฎีวิพากษ์ชาวเยอรมัน (ค.ศ.1929-ปัจจุบัน) ที่เคยเสนอว่าในโลกสมัยใหม่ มีวิธีคิดเชิงเหตุผล (reason) ใหญ่ๆ อยู่ 3 แบบ ได้แก่: - 

1.Technical/instrumental reason เหตุผลบนฐานคิดว่าหากสิ่งหนึ่งเป็นเครื่องมือหรือเทคนิคไปบรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มทุนที่สุดก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว ไม่ว่าวัตถุประสงค์นั้นจะมีคุณค่าอย่างไรก็ช่าง สนใจแต่ว่าจะทำมันได้อย่างไร? ไม่ยี่หระว่าจะทำมันไปทำไม? เหตุผลชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบที่เน้นการคาดการณ์และควบคุมเหนือธรรมชาติและสังคม แต่มองข้ามเป้าหมายหรือคุณค่าอย่างอื่นของมนุษย์ไปเสีย

2.Practical/communicative reason เหตุผลบนฐานคิดว่ามีสาส์นที่ต่างฝ่ายต่างต้องการสื่อให้คู่สนทนาเข้าใจ หากสามารถสื่อสารให้คู่สนทนาเข้าใจกันได้ก็ถือว่าสมเหตุสมผลแล้ว ในเหตุผลแบบนี้การสื่อสารและเข้าใจกันของคนเราจึงสำคัญเหนือการคาดการณ์และควบคุม อีกทั้งเป็นพื้นฐานให้ปฏิบัติการทางสังคมร่วมกันต่อไปได้ ในกรอบเหตุผลแบบนี้ วิธีการหรือกระบวนการไปบรรลุการสื่อสารเข้าใจกันจึงสำคัญไม่น้อยไปกว่าเป้าหมาย และเรียกร้องให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา เอื้อเฟื้ออะลุ้มอะล่วยกันระหว่างคู่สื่อสารสนทนาในความสัมพันธ์แบบต่างๆ 

3.Emancipatory reason เมื่อการสื่อสารเป็นไปโดยสองฝ่ายสมัครใจยินยอมอย่างแท้จริงและปลอดการควบคุมครอบงำ มันก็จะเป็นพื้นฐานให้คู่สนทนาเข้าร่วมในการสื่อสารแลกเปลี่ยนนั้นอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน ใช้ความรู้ที่ได้ไปสำรวจตรวจสอบความสัมพันธ์เชิงขึ้นต่อหรือพึ่งพาแบบใดๆ ที่คงมีอยู่ เพื่อเปลี่ยนจิตสำนึกกันและกันให้มีลักษณะไตร่ตรองใคร่ครวญและวิพากษ์วิจารณ์มากขึ้น นำไปสู่เหตุผลที่ปลดปล่อยเป็นอิสระหลุดพ้นจากการครอบงำทางความคิด

ตามนัยข้างต้นนี้ ความรู้แบบที่เหมาะแก่การช่วยเกื้อกูลให้คนไทยหลุดพ้นจากอำนาจนิยม ก็น่าจะเป็นความรู้เพื่อการปลดปล่อยทางความคิดหรือ emancipatory knowledge (โดยอิงข้อคิดเรื่อง emancipatory reason ของ Habermas) ซึ่งปฏิเสธฐานคติเดิมแบบไทยๆ ที่มักแบ่งคนไทยออกเป็นผู้รู้ กับ ผู้ไม่รู้ และฝ่ายแรกมีสิทธิอำนาจที่จะอบรมดัดแปลงฝ่ายหลังเหมือนผู้หลักผู้ใหญ่สั่งสอนผู้น้อยในนามของอุดมคติอันดีงามต่างๆ 

แต่ตั้งต้นใหม่แบบฝรั่งๆ เลยว่าคนไทยเท่ากัน ความรู้เกิดจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนอย่างสมัครใจและไม่ครอบงำ เพื่อให้เกิดการไตร่ตรองวิพากษ์วิจารณ์ท้าทายต่อต้านการกำกับควบคุมของบรรดาสถาบันอำนาจนิยมทั้งหลายในสังคมและการเมือง ซึ่งเท่ากับ [อำนาจนิยม -> เสรีนิยม ด้วยการถกเถียงกันอย่างเสมอภาค]

แบบนี้พอจะไหวไหมครับอาจารย์หมอ?

 

ที่มา : มติชนออนไลน์




 

Create Date : 27 กันยายน 2555    
Last Update : 27 กันยายน 2555 14:46:10 น.
Counter : 1116 Pageviews.  

เมื่อเครือซีเมนต์ไทยผูกขาดธุรกิจกระดาษมากซะจนสร้างความเดือดร้อนต่อธุรกิจสิ่งพิมพ์

คอลัมป์ หมายเหตุประเทศไทย หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ฉบับวันที่ 26 สิงหาคม 2554

คนทำหนังสือลุกขึ้นสู้ปูนใหญ่

ก็เป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่ 12 องค์กรสิ่งพิมพ์ ตั้งแต่ กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมผู้จัดพิมพ์และจำหน่ายหนังสือแห่งประเทศไทย ลงไปจนถึง สมาคมนิตยสาร และ สมาคมค้าวัสดุอุปกรณ์การพิมพ์ไทย รวมพลังลุกขึ้นสู้กับ บริษัทผลิตกระดาษยักษ์ใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ ในเครือ ปูนใหญ่ หรือ เครือซิเมนต์ไทย ที่มีอิทธิพลเหนือวงการตลาดกระดาษในเมืองไทยอย่างไม่กลัวเกรง

ทุกวันนี้ กระดาษพิมพ์เขียน และ ตำราเรียนของเด็กไทย มีราคา แพงเกินไป จนทำให้ เด็กไทยขาดทักษะ ในการ อ่านเขียนหนังสือไทย จนน่าตกใจ

เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อ เอสซีจี เปเปอร์ หรือ บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทยจำกัด ในเครือ ปูนใหญ่ หรือ เครือซิเมนต์ไทย ไปยื่นคำร้องต่อ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ยุค นางพรทิวา นาคาศัย เป็นรัฐมนตรีใน รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ขอให้เก็บภาษี AD กระดาษที่นำเข้าจาก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และ อินโดนีเซีย โดยอ้างกฎหมายการทุ่มตลาด เพราะกระดาษนอกขายถูกกว่ากระดาษปูนใหญ่ที่ผลิตในเมืองไทย

ฟังแล้วผมก็รู้สึกขบขันในข้ออ้างของปูนใหญ่

ประเทศที่มีค่าครองชีพแพงติดอันดับโลก อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และมีค่าแรงแพงกว่าไทยไม่รู้กี่เท่า กลับผลิตกระดาษส่งมาขายเมืองไทย ในราคาที่ถูกกว่ากระดาษปูนใหญ่ที่ผลิตในเมืองไทย

ผมไม่เชื่อว่า 29 โรงงานใน 5 ประเทศนี้จับมือกันทุ่มตลาดกระดาษเมืองไทย

แต่ผมเห็นว่า เครือปูนใหญ่ขายกระดาษแพงเกินไป เพราะมีส่วนแบ่งตลาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทย มีอำนาจเหนือตลาด จนส่งผลกระทบต่อต้นทุน การผลิตหนังสือในเมืองไทย ทำให้คนไทยขาดโอกาสอ่านหนังสือราคาถูก

ท่านกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์ ทราบไหมครับ หนังสือ 1 เล่ม ต้นทุนกระดาษกินไปแล้ว 45–50% เหลือเงินไปไม่ถึง “สมอง” คนทำด้วยซ้ำ ถ้าไม่มีโฆษณาเพียงพอ หรือมีแต่ขาดทุนสถานเดียว

โรงงานกระดาษปูนใหญ่ เอ็นจอยกับการคุ้มครองจากรัฐมาหลายสิบปีแล้ว ตั้งแต่ตั้งโรงงาน ได้บีโอไอไม่ต้องเสียภาษีเงินได้ ได้รับการคุ้มครองจากรัฐ ไม่ให้กระดาษนอกเข้ามาแข่งขัน ตั้งกำแพงภาษีกระดาษนำเข้าสูงถึง 40% เพื่อให้แพงกว่ากระดาษปูนใหญ่ 40% ส่งผลให้ปูนใหญ่กำไรบานเบิกมาตลอด

ทุกวันนี้ โรงงานกระดาษปูนใหญ่ ไปซื้อกิจการ โรงงานกระดาษเล็กใหญ่ ในเมืองไทย จนเหลือคู่แข่งเพียงรายเดียวคือ กระดาษ AA แต่ก็น่าแปลกที่กระดาษเอเอ กลับไม่เดือดร้อนจากกระดาษนอกเหมือนปูนใหญ่ ทั้งที่อยู่ในตลาดเดียวกัน

คุณเกรียงไกร เธียรนุกูล รองเลขาธิการและประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บอกว่า ถ้า กระทรวงพาณิชย์ ขึ้นภาษีกระดาษนอกตามที่ ปูนใหญ่ ต้องการ จะส่งผลให้กระดาษผลิตตำราเรียน แมกกาซีน ฯลฯ จาก 5 ประเทศนี้แพงขึ้นทันทีหลายสิบเปอร์เซ็นต์ กระดาษเกาหลี เพิ่ม 5.85% อินโดนีเซีย เพิ่ม 6.62% จีน เพิ่ม 17.64% ญี่ปุ่น เพิ่ม 43.01% และ ไต้หวัน เพิ่ม 54.58%

โลกวันนี้เป็น โลกการค้าเสรี ผมจึงไม่เห็นด้วยที่ กระทรวงพาณิชย์ จะช่วย ปูนใหญ่ ผูกขาดตลาดกระดาษต่อไปอีก ตรงกันข้าม ปูนใหญ่ควรจะลดราคากระดาษลงมา เสียที ตำราเรียน และ หนังสือความรู้ต่างๆ จะได้มี ราคาถูกลง ไม่ใช่ปล่อยให้ คนไทยโง่ อ่านหนังสือปีละ 8 บรรทัด แต่ เครือปูนใหญ่ รวยเอาๆ

เดือนที่แล้ว ปูนใหญ่ เพิ่งแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 กำไรก่อนหักดอกเบี้ยสูงลิ่ว 14,161 ล้านบาท หักดอกเบี้ยเหลือกำไร 7,496 ล้านบาท ครึ่งปีแรกฟันกำไรสุทธิไป 16,703 ล้านบาท กำไรขนาดนี้ปูนใหญ่ควรจะใจกว้าง คืนกำไรสู่สังคมไทยบ้าง นี่คือ CSR ของจริง ไม่ใช่แค่โฆษณาตามสื่อ.

“ลม เปลี่ยนทิศ”




 

Create Date : 27 สิงหาคม 2554    
Last Update : 27 สิงหาคม 2554 13:58:15 น.
Counter : 498 Pageviews.  

รายชื่อแนะนำหนังสือดี100เล่มที่คนไทยควรอ่าน ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)

ประเภทบันเทิงคดี (FICTION)

ก. กวีนิพนธ์และบทละคร

1. ประชุมโคลงโลกนิติ - สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเดชาดิศร
2. เสภาศรีธนญไชยเชียงเมี่ยง
3. นิราศหนองคาย - หลวงพัฒนพงศ์ภักดี
4. สามัคคีเภทคำฉันท์ - ชิต บุรทัต
5. มัทนะพาธา - พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว
6. โคลงกลอนของครูเทพ - เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี
7. บทละครเรื่องพระลอ - พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์
8. ขอบฟ้าขลิบทอง - อุชเชนี
9. เราชะนะแล้ว, แม่จ๋า. - นายผี
10. บทกวีของเปลื้อง วรรณศรี
11. บทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ - จิตร ภูมิศักดิ์
12. จงเป็นอาทิตย์เมื่ออุทัย - ทวีปวร
13. กวีนิพนธ์ - อังคาร กัลยาณพงศ์
14. ขอบกรุง - ราช รังรอง
15. เพียงความเคลื่อนไหว - เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

ข. นิยาย

16. ละครแห่งชีวิต - ม.จ. อากาศดำเกิง รพีพัฒน์
17. กามนิต - เสฐียรโกเศศ, นาคะประทีป
18. ดำรงประเทศ - เวทางค์
19. ผู้ชนะสิบทิศ - ยาขอบ
20. หนึ่งในร้อย - ดอกไม้สด
21. บางระจัน - ไม้ เมืองเดิม
22. หญิงคนชั่ว - ก. สุรางคนางค์
23. พล นิกร กิมหงวน - ป. อินทรปาลิต
24. ปักกิ่ง-นครแห่งความหลัง - สด กูรมะโรหิต
25. เราลิขิต-บทหลุมศพวาสิฏฐี - ร.จันทพิมพะ
26. เมืองนิมิตร - ม.ร.ว.นิมิตรมงคล นวรัตน์
27. แม่สายสะอื้น - อ. ไชยวรศิลป์
28. พัทยา - ดาวหาง
29. แผ่นดินนี้ของใคร - ศรีรัตน์ สถาปนวัฒน์
30. มหาบัณฑิตแห่งมิถิลานคร - แย้ม ประพัฒน์ทอง
31. ปีศาจ - เสนีย์ เสาวพงศ์
32. สี่แผ่นดิน - ม.ร.ว. คึกฤทธิ์ ปราโมช
33. ทุ่งมหาราช - มาลัย ชูพินิจ
34. แลไปข้างหน้า - ศรีบูรพา
35. เสเพลบอยชาวไร่ - รงค์ วงษ์สวรรค์
36. จดหมายจากเมืองไทย - โบตั๋น
37. เขาชื่อกานต์ - สุวรรณี สุคนธา
38. สร้างชีวิต - หลวงวิจิตรวาทการ
39. ตะวันตกดิน - กฤษณา อโศกสิน
40. สร้อยทอง - นิมิตร ภูมิถาวร
41. พิราบแดง - สุวัฒน์ วรดิลก
42. ลูกอีสาน - คำพูน บุญทวี

ค. เรื่องสั้น

43. นิทานเวตาล - น.ม.ส.
44. จับตาย : รวมเรื่องเอก - มนัส จรรยงค์
45. เรื่องสั้นของป. บูรณปกรณ์ (ชีวิตจากมุมมืด, ดาวเงิน) - ป. บูรณปกรณ์
46. เสาชิงช้า, เอแลนบารอง และเรื่องสั้นอื่นๆ ของ ส. ธรรมยศ
47. พลายมลิวัลลิ์ และเรื่องสั้นบางเรื่อง ของถนอม มหาเปารยะ
48. ผู้ดับดวงอาทิตย์ และเรื่องสั้นอื่นๆ - จันตรี ศิริบุญรอด
49. ยุคทมิฬ และเรื่องสั้นอื่นๆ ของ อิศรา อมันตกุล
50. เรื่องสั้นชุดเหมืองแร่ - อาจินต์ ปัญจพรรค์
51. ฟ้าบ่กั้น - ลาว คำหอม
52. ชุดเพื่อนนักเรียนเก่า "เพื่อนเก่า" - เสนอ อินทรสุขศรี
53. รวมเรื่องสั้นบางเรื่องของฮิวเมอร์ริสต์ - ฮิวเมอร์ริสต์
54. ฉันจึงมาหาความหมาย - วิทยากร เชียงกูล
55. คนบนต้นไม้ - นิคม รายวา

ประเภทสารคดี/บทความ (NON FICTION)

ก. ประวัติศาสตร์

56. ประวัติกฎหมายไทย - ร. แลงกาต์
57. นิทานโบราณคดี - สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ
58. โฉมหน้าศักดินาไทย - จิตร ภูมิศักดิ์
59. กบฏ ร.ศ. 130 - เหรียญ ศรีจันทร์, ร.ต.เนตร พูนวิวัฒน์
60. เจ้าชีวิต - พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์
61. ศาลไทยในอดีต - ประยุทธ สิทธิพันธ์
62. ประวัติศาสตร์ไทยสมัย 2352-2453 ด้านสังคม - ชัย เรืองศิลป์
63. สังคมไทยในสมัยต้นรัตนโกสินทร์ 2325 - 2416 - ม.ร.ว. อคิน รพีพัฒน์

ข. การเมือง,ประวัติศาสตร์ร่วมสมัย, เศรษฐศาสตร์

64. ทรัพยศาสตร์ - พระยาสุริยานุวัตร
65. เบื้องหลังการปฏิวัติ 2475 - กุหลาบ สายประดิษฐ์
66. ความเป็นอนิจจังของสังคม - ปรีดี พนมยงค์
67. ท่านปรีดี รัฐบุรุษอาวุโส ผู้วางแผนเศรษฐกิจไทยคนแรก - เดือน บุนนาค
68. โอ้ว่าอาณาประชาราษฎร - สนิท เจริญรัฐ
69. ไทยกับสงครามโลกครั้งที่สอง - ดิเรก ชัยนาม
70. สันติประชาธรรม - ป๋วย อึ๊งภากรณ์
71. ห้าปีปริทัศน์ - ส. ศิวรักษ์
72. "วันมหาปิติ" วารสาร อมธ.ฉบับพิเศษ 14 ตุลาคม 2516 - องค์การบริหารกิจกรรมนักศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

ค. ศิลปะ ภาษาและวรรณกรรม วรรณกรรมวิจารณ์

73. วรรณคดี และวรรณคดีวิจารณ์ - วิทย์ ศิวะศิริยานนท์
74. ประติมากรรมไทย - ศิลป พีระศรี
75. วรรณสาส์นสำนึก - สุภา ศิริมานนท์
76. วิทยาวรรณกรรม - พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นนราธิปพงศ์ประพันธ์
77. ความงามของศิลปไทย - น. ณ ปากน้ำ
78. ภาษากฎหมายไทย - ธานินทร์ กรัยวิเชียร
79. วรรณไวทยากร ชุมนุมบทความทางวิชาการ ฉบับวรรณคดี - เจตนา นาควัชระ และมล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ
80. แสงอรุณ 2 - แสงอรุณ รัตกสิกร

ง. สังคมวิทยา, มานุษยวิทยา, ประวัติศาสตร์สังคม

81. พระราชพิธีสิบสองเดือน - พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
82. สาส์นสมเด็จ - สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และสมเด็จเจ้าฟ้าฯ กรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
83. 30 ชาติในเชียงราย - บุญช่วย ศรีสวัสดิ์
84. เทียนวรรณ - สงบ สุริยินทร์
85. กาเลหม่านไต - บรรจบ พันธุเมธา
86. นิทานชาวไร่ - น.อ.สวัสดิ์ จันทนี
87. ภารตวิทยา - กรุณา-เรืองอุไร กุศลาสัย
88. ฟื้นความหลัง - พระยาอนุมานราชธน
89. ความเป็นมาของคำสยาม ไทย, ลาว และขอม และลักษณะทางสังคมของชื่อชนชาติ - จิตร ภูมิศักดิ์
90. อัตชีวประวัติ หม่อมศรีพรหมา กฤดากร - หม่อมศรีพรหมา กฤดากร
91. 80 ปีในชีวิตข้าพเจ้า - กาญจนาคพันธ์

จ. ศาสนา, ปรัชญา

92. พระประวัติตรัสเล่า - สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
93. พระไตรปิฎก ฉบับสำหรับประชาชน - สุชีพ ปุญญานุภาพ
94. ปัญญาวิวัฒน์ - สมัคร บุราวาศ
95. พุทธธรรม - พระธรรมปิฎก
96. อิทัปปัจจยตา - พุทธทาสภิกขุ

ฉ. ธรรมชาติ, วิทยาศาสตร์

97. หนังสือแสดงกิจจานุกิจ - เจ้าพระยาทิพากรวงษ์
98. แพทยศาสตร์สงเคราะห์ - คณะกรรมการแพทย์หลวงในรัชกาลที่ 5
99. ธรรมชาตินานาสัตว์ - บุญส่ง เลขะกุล
100. ขบวนการแก้จน - ประยูร จรรยาวงษ์


** แหล่งข้อมูล : วิทยากร เชียงกูล และ คณะ , สารานุกรมแนะนำหนังสือดี 100 เล่มที่คนไทยควรอ่าน -- กรุงเทพฯ : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)

NoteจากBlogger : จริงๆแล้ว บางเล่มนี่ชัดว่าเป็นหนังสือที่น่าจะขโมยเอาโครงเรื่องชาวบ้านเขามาเขียนบ้าง หรือเป็นหนังสือที่จะอ่านเล่มเดียวเลยไม่ได้ต้องอ่านควบกับเล่มอื่นๆประกอบ เนื่องจากเข้าข่ายเป็นหนังสือแนวโฆษณาข้อมูลชวนเชื่อด้านเดียว(Propaganda) นี่ยังดีที่มีหนังสือโฉมหน้าศักดินาไทยอยู่นะนี่ ไม่เห็นครูสอนภาษาไทยมัธยมคนไหนแกจะพูดแนะนำให้ลูกศิษย์อ่านหนังสือเล่มนี้เลย ทั้งๆที่สมควรอย่างมากๆด้วยซ้ำไป




 

Create Date : 01 เมษายน 2554    
Last Update : 1 เมษายน 2554 13:25:11 น.
Counter : 1070 Pageviews.  

50 Books That Changed the World (Download)

Filesonic
//www.filesonic.com/file/112387111/5OBookshatChangedheWorld.part01.rar
//www.filesonic.com/file/112378762/5OBookshatChangedheWorld.part02.rar
//www.filesonic.com/file/112378712/5OBookshatChangedheWorld.part03.rar
//www.filesonic.com/file/112387151/5OBookshatChangedheWorld.part04.rar
//www.filesonic.com/file/112386691/5OBookshatChangedheWorld.part05.rar
//www.filesonic.com/file/112388012/5OBookshatChangedheWorld.part06.rar
//www.filesonic.com/file/112386651/5OBookshatChangedheWorld.part07.rar
//www.filesonic.com/file/112387341/5OBookshatChangedheWorld.part08.rar
//www.filesonic.com/file/112388701/5OBookshatChangedheWorld.part09.rar
//www.filesonic.com/file/112387322/5OBookshatChangedheWorld.part10.rar
//www.filesonic.com/file/112388972/5OBookshatChangedheWorld.part11.rar
//www.filesonic.com/file/112378652/5OBookshatChangedheWorld.part12.rar
//www.filesonic.com/file/112379172/5OBookshatChangedheWorld.part13.rar
//www.filesonic.com/file/112378542/5OBookshatChangedheWorld.part14.rar
//www.filesonic.com/file/112385972/5OBookshatChangedheWorld.part15.rar
//www.filesonic.com/file/112386921/5OBookshatChangedheWorld.part16.rar
//www.filesonic.com/file/112380222/5OBookshatChangedheWorld.part17.rar

Fileserve
//www.fileserve.com/file/4MEDJmM
//www.fileserve.com/file/hyNmUVj
//www.fileserve.com/file/fSb9SgG
//www.fileserve.com/file/XbXz6xQ
//www.fileserve.com/file/Sfkf8QV
//www.fileserve.com/file/qxa8YH2
//www.fileserve.com/file/4tQd4AM
//www.fileserve.com/file/WyMAHxg
//www.fileserve.com/file/Rq7MVcy
//www.fileserve.com/file/bj2ZU8H
//www.fileserve.com/file/rQ6zNUx
//www.fileserve.com/file/3bnky9x
//www.fileserve.com/file/j4snteC
//www.fileserve.com/file/suyU2mc
//www.fileserve.com/file/Xxp4Tn8
//www.fileserve.com/file/XBvBVCt
//www.fileserve.com/file/vTAjHu9


For centuries, books have been written in an attempt to share knowledge, inspiration, and discoveries. Sometimes those books make such an impact that they change the way the world thinks about things. The following books have done just that by providing readers an education in politics and government, literature, society, academic subjects such as science and math, and religion.Politics and Government.
These books represent some of the most important works that examine politics, economics, and philosophy that affect government.

1. The Republic by Plato. Considered to be the most influential text on philosophy and politics, this work delves into what is right and just. Many ideas such as philosopher-kings, Theory of Forms, and thoughts on immortality of the soul were borne of this work and continue to be discussed today.

2. The Communist Manifesto by Karl Marx and Friedrich Engels. One of the most recognized and popular political texts written, this tract was commissioned by the Communist League and detailed a process for the working class to rise up and eliminate class struggles.

3. The Rights of Man by Thomas Paine. Paine's book states that the government's role is to protect the rights of its citizens, and when the government cannot do so, it should be overthrown. This book was written to defend the French Revolution and was an inspiration for democracy around the world.

4. Common Sense by Thomas Paine. Published anonymously in 1776, this tract supported the Americans in their fight for independence form the British during the American Revolution.

5. Democracy in America by Alexis de Tocqueville. On a visit from France, de Tocqueville described what he saw as the reason democracy was succeeding in America, despite its failure in other countries.

6. The Prince by Niccolo Machiavelli.This political treatise from 1513 offers advice on how an aspiring prince can obtain the throne and how an existing prince can avoid overthrow.

7. Uncle Tom's Cabin by Harriett Beecher Stowe. Written by a middle aged, white woman in 1851, Uncle Tom's Cabin has been credited for changing the views of slavery in the north and continues to serve as a reminder of the effects of slavery and other inhumane acts.

8. On Liberty by John Stewart Mill. This philosophical work was considered radical when it was written in the mid-1800s, but it contains the kernel of all modern democracies with a call to moral and economic freedom from the state.

9. Das Kapital by Karl Marx. This critical analysis of capitalism and its exploitation of workers attempts to explain why change is necessary in a nation ruled by capitalism.

10. The Wealth of Nations by Adam Smith. Smith's book, published in 1776, advocates a free-market economy. This book is largely viewed as the beginnings of modern economics.

11. Guerilla Warfare by Che Guevara. A Marxist revolutionary famous for helping the plight of the oppressed, Guevara wrote this book as an instruction manual of revolt for those trapped in a totalitarian regime. It has become a guidebook for thousands around the world, not only those living in an oppressive state.


Literature
From creating characters and stories that have become ingrained in cultures around the world to upsetting censorship to inspiring the imagination of many, these works of literature have all touched the world in significant ways.

12. The Canterbury Tales by Geoffrey Chaucer. Written in the 14th century, this collection of tales brought to life characters and stories that remain popular today. This work is one of the most read and studied in the world.

13. Lady Chatterley's Lover by DH Lawrence. Lawrence's book about an aristocratic woman who commits adultery with a working-class man was banned in the UK due to the sexual details and language used. This book brought the idea of censorship to light and helped overthrow it.

14. Divine Comedy by Dante Alighieri. Considered one of the most important pieces of literature in the world, the Divine Comedy is an epic poem that details a journey through the realms of the dead.

15. The Complete Works of William Shakespeare. Read all the plays and poems written by William Shakespeare to understand why he is known as one of the greatest writers in the world. The characters, stories, and language have taken hold of readers for hundreds of years and continue to play an important part of modern culture.

16. Things Fall Apart by Chinua Achebe. The theme of preserving cultural history in the face of Western domination in this novel gave voice to the oppressed in Africa and caught the attention of the world. This novel, written in 1958, is still widely read and studied as an example of the damage of colonialism.

17. Moby Dick by Herman Melville. This now-famous book about a man's hunt for the great whale is considered one of the greatest novels. The book is heavy on symbolism, but is also famous for the nature writing and detailing of the whaling industry.

18. 1984 by George Orwell. This dystopian novel describes life in a totalitarian regime that has stripped the people of their rights. The themes in this novel have become a major part of modern culture, as have terms such as "big brother" and "doublespeak" (resulting from Orwell's term of "doublethink").

19. Brave New World by Aldous Huxley. Another dystopian novel, this one by Huxley is often considered one of the great novels of the 20th century. Huxley's novel looked unfavorably on the loss of an individual's identity through technological advancements. Some of the developments Huxley wrote about have become startlingly accurate as the future he predicted in 1931 has come closer to reality.

20. Iliad and Odyssey by Homer. These two ancient Greek epic poems were a part of young Greek scholars' education and remain so today for students around the world. The Iliad details a few weeks during the end of the Trojan War and the Odyssey describes Odysseus' ten year journey home from the Trojan War. These two works are important for their detail of Greek history and legend.

21. Don Quixote by Miguel de Cervantes. This novel, originally published as two books, is one of the most influential and popular novels to emerge from Spain. The adventure, symbolism, and characterization contained in this novel has promoted this book to the popularity it still enjoys today, and it continues to inspire others to create movies, stories, and more based on the story of the man of La Mancha.

22. A Christmas Carol by Charles Dickens. From the time this book was first published in December of 1843, it has enjoyed enormous popularity. During the time that Dickens' wrote the story, Christmas traditions were going out of style. He is often credited with saving the old traditions of Christmas.

23. Madame Bovary by Gustave Flaubert. Flaubert's story of a woman who engages in adulterous affairs in an attempt to escape from a loveless marriage was subjected to censorship, and Flaubert was taken to trial over the novel. After his acquittal, Madame Bovary became renowned as a masterpiece of the Realism movement.

24. The Arabian Nights Entertainment by Andrew Lang. This English language version of One Thousand and One Nights retells the ancient stories that have now become popularized around the world, including the plight of Scheherazade, the adventures of Aladdin, and the voyages of Sinbad.

25. Harry Potter and the Philosopher's Stone by JK Rowling. This first book of the wildly popular Harry Potter series has sparked the imagination of an entire generation of young readers and inspired those with a few more years under their belts too. The cultural impact the Harry Potter series has had on the world is unmistakable.

26. War and Peace by Leo Tolstoy. The realistic details of this novel and the depth of psychological exploration have contributed to this book's frequently being included as one of the best novels of all time.

27. The Little Prince by Antoine de Saint-Exupery. One of the best-selling books around the world, this story (which is often debated about whether or not it is a children's book) invites the reader to think about the meaning of life, love, and separation. There have been many adaptations of this book, reflecting the depth of the impact it has made.

28. The Alchemist by Paulo Coelho. This book has the distinction of being the most translated book by a living author. The reason for its popularity resides not only in the inspirational tale that Coelho has told, but also in the fact that Coelho has embraced technology and sharing of this novel at no cost. He credits this action with promoting book sales.

Society
These books have made an impact on society with views on racism, feminism, individualism, and scholarship.

29. Diary of a Young Girl by Anne Frank. This landmark book details the days of a Jewish family in hiding during the Nazi takeover in the Netherlands. The innocence of this young girl so full of hopes and dreams is in sharp contrast to the reality of her ending at the hands of the Nazis. This book has become a symbol and reminder against racial persecution.

30. Survival in Auschwitz by Primo Levi. Written in Italian, then translated into English and German, this story is a personal narrative of Levi, who spent one year in Auschwitz. The story Levi tells does not go for the shock value of the Nazi atrocities, but instead examines how easily humanity can become degraded.

31. The Vindication of the Rights of Women by Mary Wollstonecraft. Considered the first great treatise on feminism, Wollstonecraft wrote in response to those who felt that women should not be educated. She argued that women are human and deserving of the same respect men enjoy.

32. The Second Sex by Simone de Beauvoir. In an attempt to understand herself, de Beauvoir undertook the writing of this book, which details the inequality women have faced throughout the years. The book still stands as an important examination of what it means to be a woman in this world.

33. A Room of One's Own by Virginia Woolf. Woolf discusses the differences between men and women writers and how these differences come down to the availability of freedom and money that men have, in comparison to women. Despite often being overlooked as a proponent of feminism, this work by Woolf displays the depth of her feelings on the topic.

34. Walden by Henry David Thoreau. Thoreau underwent an experiment of living isolated on Walden Pond in order to better understand society. He wrote the results of this experience in Walden, which has subsequently become a source of inspiration for those seeking a simpler, more self-sufficient life.

35. A Dictionary of the English Language by Samuel Johnson. Considered the most influential dictionary of the English language, Johnson compiled this book over nine years. It is thought to be the book that began the scholarship of literary study.


Science, Math, and Geography
These works served as the start of entire movements and schools of thought.

36. Philosophae Naturalis Principia Mathematica by Isaac Newton. Written while Cambridge was closed because of the plague, Newton wrote his thoughts on gravity, mechanics, calculus, and light and color. This book set the stage for modern thinking on math and physics.

37. The Interpretation of Dreams by Sigmund Freud. Freud included the basics of his theories on psychoanalysis in this landmark work that is still read worldwide. While many current scholars disagree with many of Freud's theories, the fact that he brought the science of psychology to the public marks this book as one that changed the world.

38. On the Origin of Species by Charles Darwin. This work by Darwin laid the foundation for the theory of evolution. Recently, the idea of evolution has come under fire by religious organizations, but the thoughts and observations Darwin made in this book were revolutionary in his time and still continue to be studied and debated today.

39. Silent Spring by Rachel Carson. Carson wrote on the topic of environmental justice in a book that inspired readers to think seriously about their relationship to the Earth. This book helped the modern environmental movement get off the ground.

40. Geographia by Ptolemy. Ptolemy wrote and mapped the world according to the knowledge he had in the 2nd century. These works were used for hundreds of years afterward. Today's cartography is directly descended from Ptolemy's work.

41. The Meaning of Relativity by Albert Einstein. Published as one book, this is actually four lectures Einstein gave a Princeton in 1921. This work demonstrates the genius behind the thinking that made Einstein famous.


Religion
These religious texts have served as a guide to many around the world, some for thousands of years.

42. The Bible. This sacred text brought Christianity to the world and has continued to serve as a source of inspiration for millions of people. It is the most translated and the most frequently purchased book in the world.

43. The Qur'an. The sacred text of Islam, the Qur'an is believed to be the last word of God after the Christian Bible. This book is the cornerstone of the Islamic religion.

44. The Torah. The written laws and teachings that are contained in the Tanakh (also known as the Old Testament of the Bible by non-Jews) are known as the Torah. This sacred text guides Jews through their daily living.

45. The Tibetan Book of the Dead. Perhaps the most well-known Tibetan text, this book was written by a Tibetan monk and discusses what happens during death, during the time between death and rebirth, and during rebirth.

46. The Analects.

47. The Summa Theologica of St. Thomas Aquinas. Written in the 13th century, this book is considered to be a leading authority on what it means to follow the Christian religion.

48. The Bhagavad Gita. This sacred Hindu scripture is considered one of the most important philosophical texts. Krishna acts as the teacher in this text, and the words here are thought to be a guide to Hinduism as well as to how one should live life.

49. I Ching. Also known as the Book of Changes, this is the most widely read of the five sacred Chinese texts. The I Ching became popular around the world as a sort of sacred fortune-telling device. The text is more likely intended as a source of guidance to express the themes of balance, evolution of events, and change.


50. Tao Te Ching. Also known as the Tao, this text was written by Lao Tzu, the keeper of the Imperial Library, who was asked to share his wisdom for coming generations. The result is this text, known as a source for many famous Chinese sayings.

จากคุณ : Her Handwriting เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 54 16:24:19

ที่มา : //www.pantip.com/cafe/library/topic/K10289381/K10289381.html




 

Create Date : 03 มีนาคม 2554    
Last Update : 3 มีนาคม 2554 20:31:28 น.
Counter : 729 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.