มาร์คจ้างเนชั่นเชียร์คุ้มทุ่มซื้อโฆษณาทีวีพุ่งแต่เจอเสื้อแดงบอยคอตหนักขาดทุนบักโกรก
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์ 23 สิงหาคม 2552
มาร์คกับหยุ่นเหมือนผีเน่ากับโลงผุ ต่างฝ่ายต่างตอบแทนกันสาใจ ใช้เงินภาษีของหลวงทุ่มซื้อโฆษณาทีวี-วิทยุ-อีเว้นต์เครือเนชั่นยอดโตพรวด16% สวนทางกับค่ายอื่นๆที่ยอดโฆษณาทีวีติดลบส่วนวิทยุทรุดฮวบ13% คู่หูนรก กนก-ธีระตอบแทนแสนคุ้มอุ้มรัฐบาลสุดลิ่มกระทืบทักษิณ-เสื้อแดงมิดดิน ขนาดพระยังไม่เว้นถลกจีวรด่าหากขวางทางสื่ออัปยศกับรัฐบาลอัปลักษณ์ แต่ยอดขายหนังสือพิมพ์หล่นเหวเจอเสื้อแดงบอยคอต ยอดขายสายเหนืออีสานร่วงต้องขนกลับกองพะเนิน พลิกสถานการณ์จากเคยกำไรมาขาดทุนบักโกรก110ล้าน ขณะที่เปลวไทยโพสต์ได้อานิสงส์แห่งแรงเชียร์โฆษณาสำนักนายกฯหราหน้า1
มาร์คตอบแทนเนชั่นสาใจ ทุ่มซื้อโฆษณาทีวี-วิทยุโตพรวดสวนกระแสภาพรวมที่ทรุดฮวบ
เครือเนชั่นของสุทธิชัย หยุ่น ซึ่งมีนักเล่าข่าวผ่านโทรทัศน์อย่างกนก-ธีระ ซึ่งตั้งหน้าตั้งตาเชียร์รัฐบาล และถล่มฝ่ายทักษิณและเสื้อแดงอย่างออกหน้าออกตา ได้สร้างความประหลาดใจอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการ เมื่อแจ้งว่าผลดำเนินงานครึ่งปีแรกนั้น มีรายได้จากการโฆษณาทางทีวีและวิทยุพุ่งพรวดพราดขึ้นถึง 16 % ในขณะที่ภาพรวมของการซื้อโฆษณาผ่านทางทีวีของเจ้าอื่นๆลดลง 0.95%ขณะที่ยอดซื้อโฆษณาผ่านสื่อวิทยุลดลง 13.34% ในงวด 7 เดือนแรกของปีนี้
แต่ยอดงบรวมพลิกมาขาดทุนบักโกรก เหตุเสื้อแดงบอยคอตยอดขายนสพ.ทรุดฮวบ
อย่างไรก็ตามแม้จะได้สปอนเซอร์รายใหญ่จากรัฐบาลที่เกื้อหนุนกันแบบต่างตอบแทน แต่ในงวด6เดือนปีนี้เนชั่นก็ยังขาดทุน เพราะยอดโฆษณาทางสื่อสิ่งพิมพ์ทรุดหนัก เพราะยอดขายตกฮวบฮาบ โดยมีรายงานว่ายอดขายสายเหนือสายอีสานที่ต่อต้านรัฐบาลและสื่อไร้จรรยาบรรณอย่างเนชั่นเป็นไปอย่างเข้มข้น ทำให้มีหนังสือพิมพ์กลับมากองพะเนิน ส่งผลให้เอเยนซี่ถอนโฆษณา ทำให้ภาพรวมของงบงวดครึ่งปียังคงขาดทุนต่อเนื่อง ดีว่าได้รัฐบาลอุ้มช่วยซื้อโฆษณาทางทีวี-วิทยุให้
ทั้งนี้เนชั่นแจ้งสรุปฐานะการเงินรวมของบริษัทต่อตลาดหลักทรัพย์งวดครึ่งปีนี้ว่า งบการเงินรวมของบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อยสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุด วันที่ 30 มิถุนายน 2552 ขาดทุน 110.93 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลกำไร 1.11 ล้านบาท
ทั้งนี้เพราะรายได้จากการขายและบริการลดลงร้อยละ 21 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2551 เนื่องจาก รายได้จากการขายโฆษณาลดลงร้อยละ 27 โดยมาจากรายได้โฆษณาจากสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงร้อยละ 36 เพราะมีการชะลอตัวทางเศรษฐกิจและความไม่แน่นอนทางการเมือง ในขณะที่รายได้โฆษณาจากสื่อทีวีและวิทยุเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 และรายได้จากการให้บริการข่าวสารและโฆษณาผ่านสื่อระบบอิเลคทรอนิคส์ลดลงร้อยละ 8 นอกจากนี้ รายได้จากการจำหน่ายสิ่งพิมพ์ลดลงร้อยละ 19 โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือพิมพ์ลดลงร้อยละ 8 และรายได้จากการจำหน่ายหนังสือพ๊อคเก็ตบุ๊คส์และการ์ตูนลดลงร้อยละ 33นอกจากนี้รายได้จากบริการด้านการพิมพ์ การเป็นตัวแทนจำหน่ายหนังสือต่างประเทศ และบริการรับขนส่ง เพิ่มขึ้นร้อยละ 35
ยอดซื้อโฆษณาตีปี๊บผลงานรัฐบาลแซงโค้ก-โตโยต้า-มือถือสวนทางภาพรวมทรุด
ตอนที่รัฐบาลแถลงผลงาน6เดือนนั้น ผลสำรวจของโพลล์ออกมาว่าได้แค่คาบเส้น ทำให้นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผลงานรัฐบาลมีมากแต่คนไม่ค่อยรู้เพราะอ่อนประชาสัมพันธ์
อย่างไรก็ดีมีรายงานว่ารัฐบาลไม่ได้อ่อนประชาสัมพันธ์เลย กลับใช้เงินโฆษณาสูงติดอันดับ2เหนือกว่าโค้ก และโตโยต้า หรือบริษัทขายโทรมือถือยัษ์ใหญ่เสียอีก ไทยโพสต์รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ส.ค.ที่ผ่านมา บริษัท เดอะ นีลเส็น คอมปะนี เปิดเผยว่า 7 เดือนแรกปีนี้ รวมตัวเลขเดือน ม.ค.-ก.ค.มีการซื้อสื่อโฆษณารวม 49,472 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนลดลง 4.3%
แบ่งเป็นสื่อทีวี 29,302 ล้านบาท ลดลง 0.95% สื่อวิทยุ 3,378 ล้านบาท ลดลง 13.34% สื่อหนังสือพิมพ์ 7,510 ล้านบาท ลดลง 13.82% สื่อนิตยสาร 2,895 ล้านบาท ลดลง 12.75% สื่อโรงภาพยนตร์ 2,428 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.66% สื่อกลางแจ้ง 2,351 ล้านบาท ลดลง 5.58% สื่อระบบขนส่ง 1,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.14% สื่ออินสโตร์ 471 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.51% และสื่ออินเทอร์เน็ต 116 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.85%
นีลเส็นยังได้รายงานตัวเลขการซื้อสื่อโฆษณาในเดือน ก.ค.2552 ก็พบว่า บริษัทธุรกิจและองค์กรที่ซื้อสื่อโฆษณาสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยูนิลีเวอร์ 507.12 ล้านบาท พีแอนด์จี 211.54 ล้านบาท สำนักนายกรัฐมนตรี 160.04 ล้านบาท ไบเออร์สดร๊อฟ 113.84 ล้านบาท และโตโยต้ามอเตอร์ 105 ล้านบาท ส่วนโค้ก,เป๊บซี่,บริษัทมือถือไม่ติด5อันดับแรกแต่อย่างใด
การที่สำนักนายกรัฐมนตรี มีการใช้เงินโฆษณาผ่านสื่อต่างๆ สูงสุดเป็นอันดับ 3 ของยอดโฆษณาทั้งหมดเป็นเงินกว่า 160 ล้านบาท ถือว่า เพิ่มขึ้นสองเท่าจากเดือนมิถุนายนที่ใช้เงินโฆษณาไป 76 ล้านบาท
แค่สองเดือน สำนักนายกรัฐมนตรี ใช้เงินโฆษณาไปแล้วกว่า 236 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ใช้ไปเท่าไรแล้ว ใครอยากรู้คงต้องไปขอข้อมูลจาก เอซี นีลสัน
ยอดการใช้เงินโฆษณาของ สำนักนายกรัฐมนตรี อยู่ใน อันดับ 3 รองจาก ยูนิลิเวอร์ และ พีแอนด์จี มากกว่า ไบเออร์ รถยนต์โตโยต้า โคคาโคลา และมากกว่า เอไอเอส ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่เกือบเท่าตัว เห็นไหมว่าสำนักนายกฯใช้เงินโฆษณามากมายขนาดไหนแม้แต่บริษัทยักษ์ใหญ่เอกชนยังสู้ไม่ได้ แล้วจะมาบอกว่า รัฐบาลอ่อนประชาสัมพันธ์ ได้อย่างไร
นี่แค่งบโฆษณาของหน่วยงานเดียวเท่านั้น ยังไม่นับเงินโฆษณาของกระทรวงต่างๆ ที่ทุ่มงบโฆษณากันอีกมากมาย รวมทั้ง กรุงเทพมหานคร มีการโฆษณาตามสื่อทุกวัน โดยมี รัฐมนตรี และผู้ว่าฯ กทม. เป็นพรีเซ็นเตอร์โฆษณากันตรงๆ เลย
นอกจากนี้ รัฐมนตรีแต่ละคน ยังมีการใช้งบ จ้างเอเยนซีโฆษณา และจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์ แยกเป็นส่วนตัวอีกต่างหาก ขนาด รัฐมนตรีว่าการ กับ รัฐมนตรีช่วย ก็ยังจ้างบริษัทประชาสัมพันธ์แยกกันเลย ของใครของมันเพื่อใช้เผยแพร่งานของตัวเอง เพื่อให้เข้าถึงสื่อและมวลชนให้มากที่สุด ตรงนี้ไม่รู้ใช้งบประมาณไปอีกกี่ร้อยล้านบาท
จ้างประชาสัมพันธ์มืออาชีพมาทำงานกันมากมายขนาดนี้ แล้วยังจะมาบอกว่ารัฐบาลอ่อนเรื่องการประชาสัมพันธ์ คงฟังไม่ขึ้น
เมื่อนับรวมเม็ดเงินทั้งหมด ที่รัฐบาลใช้ไปในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ผลงานของรัฐบาลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาแล้ว ประเมินคร่าวๆ ว่า น่าจะไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท เฉลี่ยเดือนละ 160 กว่าล้านบาท
ด้วยเม็ดเงินโฆษณาประชาสัมพันธ์ขนาดนี้ คะแนนนิยมของรัฐบาลน่าจะพุ่งขึ้นไปสูงลิ่ว แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ประชาชนรับรู้ผลงานของรัฐบาลแค่ไม่กี่เรื่อง นักธุรกิจและนักวิชาการให้คะแนนรัฐบาลแค่สอบผ่านด้วยความเกรงใจ
รัฐบาลประเคนเงินโฆษณาให้สื่อกระแสหลักช่วยเชียร์ตอบแทนเนชั่น-ไทยโพสต์สาสม
เงินงบโฆษณาพวกนี้ก็ไปเข้าทางพวกสื่อกระแสหลักที่เป็นพรรคพวกรัฐบาลที่คอยเชียร์รัฐบาล และกระทืบฝั่งทักษิณนั่นแหละครับ หลักๆก็เครือเนชั่นที่รายงานมายังตลาดหลักทรัพย์ว่า ครึ่งแรกปีนี้ยอดขายสิ่งพิมพ์ตก เพราะพวกเสื้อแดงเลิกอ่านแอนตี้ แต่กำไรมาโป่งตรงโทรทัศน์ทั้งช่องเนชั่น และช่องอื่นๆที่เนชั่นไปทำรายการ
โฆษณาจากรัฐบาลมาทั้งทางตรงคือการโฆษณาประชาสัมพันธ์ มาทั้งรูปแบบอีเว้นต์ที่เนชั่นเข้าไปเหมาหมด ตั้งแต่เป็นพิธีกรเวทีงานเล็กงานใหญ่ ถ่ายทอดสดออกเนชั่น ได้กันเป็นกอบเป็นกำ
จึงไม่แปลกที่คนเนชั่นที่ส่งไปจัดรายการตามฟรีทีวีทุกช่อง จะเก็บอาการไม่ค่อยได้ในการเชียร์รัฐบาลโจ่งแจ้ง และกระทืบเสื้อแดง กระทืบทักษิณจมธรณี
อย่างวันที่17สิงหาคมที่เสื้อแดงถวายฎีกา สื่อที่เต็มไปด้วยอคติอย่างนักเล่าข่าวเครือเนชั่นก็ออกมาสับแหลกผู้ยื่นฎีกาตามเคย โดยคู่หูนรกเนชั่น กนก รัตน์วงศ์สกุล กับธีระ ธัญไพบูลย์ ใส่อารมณ์อย่างดุเดือดถึงกลุ่มพระสงฆ์ที่ร่วมลงชื่อในการถวายฎีกาจำนวน 3,429 รูป โดยมุ่งเป้าไปที่พระมหาโชว์
นายธีระกล่าวว่า พระส่วนใหญ่ที่เข้าร่วมถวายฎีกาเดินทางมาจากนครราชสีมา เข้าพักที่วัดสวนแก้วของพระพยอม กัลยาโณ ที่สนับสนุนทักษิณและพวกเสื้อแดง จากนั้นมีพระดร.มหาโชว์ ทัสนีโย ผู้อำนวยการส่วนธรรมนิเทศ มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ชั้นนำของประเทศ นำหน้าขบวนฎีกา ซึ่งนายกนกเสียดสีว่า"ไม่ค่อยดีน๊า มีพระนำนี่ เหมือนงานศพยังไงก็ไม่รู้" จากนั้นก็สับแหลกว่ามหาเถรสมาคมก็ทำอะไรไม่ได้ บอกว่าไม่ได้ผิดวินัย แต่ตนเห็นว่าไม่สมควร เพราะจะเกิดการต่อต้านพระดร.มหาโชว์ แล้วจะพลอยต่อต้านมหาจุฬาฯไปด้วย เดี๋ยวจะเดือดร้อนแบบเดียวกับพระพยอมที่คนไปทำบุญลดลง
เปลว สีเงิน ไทยโพสต์ได้ยาดีด่าพระยับ
ขณะที่ไทยโพสต์ สื่อที่เต็มไปด้วยอคติ และช่วงนี้มีโฆษณาจาก"สำนักนายกรัฐมนตรี"ขึ้นปกหน้า1ตรงติดกับหัวหนังสือพิมพ์ และมีโฆษณาจากกระทรวงพาณิชย์ลงประจำ หลังป๋าเปลวไปเขียนเชียร์รัฐมนตรีเจ้าของอ่างโพไซดอนอย่างออกนอกหน้า ก็ได้ตีพิมพ์บทความของเปลว สีเงิน บริภาษพระสงฆ์ยับเยินดังต่อไปนี้
จะมีที่ขัดหู-ขัดตาอยู่บ้างก็ตรง "หัวโล้น-ห่มเหลือง" ในคราบสงฆ์ กลุ่มหนึ่ง นอกรีต-นอกรอย ร่อนจีวรมาเอากะเขาด้วย หวังช่วยโจรทักษิณ!
เช้าออกบิณฑบาต เที่ยงมาชุมนุม บ่ายเดินขบวนยื่นฎีกา เย็นค่ำจัดวิทยุด่ารัฐบาล งานจ็อบ-รับจัดพิธีเดรัจฉานวิชา ต่อชะตา ตัดกรรมไปตามเรื่องตามราว พระคุณเจ้ายุคนี้ ดำเนินวิถีเป็นอย่างนี้ไปแล้วหรือ?
ความเป็นสงฆ์สาวก สุปฏิปันโน พระผู้ปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ หายไปทางไหนหมด จะเหลือให้เห็นก็เป็นดั่งสมณสารูปเยี่ยงนี้หรือ?
ถ้าฝ่ายฆราวาสก็ถือว่า "ธุระไม่ใช่" ฝ่ายสงฆ์ก็อุเบกขาเฉโก "ทำเป็นไม่สนใจ" ก็จงระวังเถอะครับ พุทธศาสนาที่มีประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง จะเดินสู่เส้นทางเดียวกับพุทธศาสนาในอินเดีย เมื่อปี พ.ศ.๑๗๐๐
ถูกเผาเรียบทั้งวัด ทั้งพระสงฆ์ ทั้งพระธรรมคัมภีร์ และทั้งพุทธศาสนา "สูญพันธุ์" ไปจากอินเดียนับจากวันนั้น จนถึงทุกวันนี้!
ถ้าใครบอกว่า ตำหนิพวกหัวโล้น-ห่มเหลือง ระวัง...จะตกนรก ผมก็อยากจะบอกว่า ถ้าต้องตกนรกจริงๆ จากการท้วงติงพวกจกเปรต ผมยินดีตก ดีกว่าจะปล่อยให้บ้านเมือง-พระพุทธศาสนา "รก-ไปด้วยกาฝากเหลือง"
ก็นี่แหละครับผลงาน(หว่านเงินซื้อ)ประชาสัมพันธ์ของรัฐบาล ขนาดนรกจะกินกบาลก็ไม่เกรงกันเลยทีเดียว
พี่น้องประชาชนคนเสพสื่อก็คงได้แต่เจ็บกระดองใจกันไปตามระเบียบ ทนไม่ไหวก็อย่าดูอย่าอ่านเลยครับสื่อพรรค์นี้ ปากบอกมีอุดมการณ์ แต่มูมมามยัดห่ากันตาเหลือก แต่ดันไปชี้หน้าว่าคนนั้นคนนี้เลว
พระเจ้ายังไม่รู้จักเว้น เวรกรรมคงมาถึงไม่ช้า ทั้งคนซื้อและคนขายโฆษณา เอางบปวงประชาไปถลุงกัน ที่สำคัญยังปากคาบคัมภีร์เที่ยวสั่งสอนใครต่อใคร ประทานโทษ ขอถุยซักที คงจะไม่ว่ากัน
การนินทา การแดกดัน และการสมคบคิด (กับ สื่อ อย่างเดอะเนชั่น)
Gossip, innuendo and conspiracy (or journalism at The Nation) August 20, 2009 ที่มา Political Prisoners in Thailand แปลและเรียบเรียง chapter 11
เมื่อประมาณ ๑๐ วันที่ผ่านมา โพลิติคอลพรีซันเนอร์อินไทยแลนด์ (พีพีที) ได้ลงบทความการวางแผนอย่างน่าทึ่งจากหนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น เรากล่าวไว้ว่า สื่อไม่สมควรลงข่าวบางข่าวและบางคอลัมน์ เราได้ชี้ว่า การโจมตีตัวบุคคล และการกล่าวหาอย่างลอยๆ กลายเป็นเรื่องปกติของเดอะเนชั่น
บทบรรณาธิการของเดอะเนชั่นที่เราได้แสดงความเห็นนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับการวางแผนการสมคบคิดเพ้อเจ้อกันครั้งใหญ่ หรือจะพูดสั้นๆว่า เดอะเนชั่นได้อ้างในเวลานั้นว่า ทั้งทักษิณ ชินวัตร เสื้อแดง เสื้อน้ำเงินของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ได้ร่วมกันกับองคมนตรี ที่น่าสงสัย จำนวนหนึ่ง และผู้ทรยศบางคนในพรรคประชาธิปัตย์ (โดยเฉพาะคนพิเศษอย่างรองนายกรัฐมนตรีสุเทพ เทือกสุบรรณ) ร่วมกันวางแผนอยู่เบื้องหลังเพื่อทำลายนายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ซึ่งเข้าข้างทางฝ่ายสนธิ ลิ้มทองกุล และพันธมิตร) โดยอาจใช้การลงชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษ ให้กับทักษิณ และทำนายว่าจะเกิดความรุนแรงขี้น เพื่อให้เกิดปฏิกิริยาบางอย่าง..อาจจะเป็น การปฏิวัติประชาชน หรือการทำรัฐประหาร
พีพีทีไม่พบหลักฐานใดๆที่เดอะเนชั่นอ้าง เราคิดว่าการลงข่าวลือและการวางแผนอย่างลับๆในเรื่องนี้ ในฐานะของ สื่อ สิ่งพิมพ์ ควรถูกตั้งคำถามอย่างจริงๆจังๆหรือไม่ว่าทำไปได้อย่างไร พีพีทีได้แต่เฝ้าสงสัยว่า ทำไมเดอะเนชั่นถึงได้แสดงเจตนาว่าอยากเป็นสื่ออย่างพวกแท็บลอยด์ (สื่อที่ใส่สีตีไข่ เต้าข่าว โดยใช้แต่เรื่องซุบซิบ ข่าวลือที่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเอาแต่การเสียดสี)
ขณะนี้ นายธนง ก้านทอง ตัวการวางแผนของเดอะเนชั่น ทำตัวเยี่ยง สื่อ อย่างแท็บลอยด์ โดยลงบทความใหม่ที่สร้างความตื่นเต้นให้กับคนอ่าน (วันที่ ๒๑ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๒): สะกัดกั้นเหตุการณ์ไม่ให้เกิดวิกฤติไปได้ครั้งหนึ่งแล้ว แต่ยังคงมีตามมา) ทำเอาคนอ่านแทบจะหยุดหายใจกับทฤษฎีสมคบคิดที่ตัวเองตั้งขี้นมา นายธนงอ้างว่า รัฐบาลของอภิสิทธิ์เกือบเอาตัวไม่รอดจากวิกฤติของการยื่นถวายฎีกา กองทัพได้มีการเตรียมพร้อม สิ่งเดียวที่ทำให้รัฐบาลอยู่รอดก็คือ การที่พวกเวรเสื้อแดงไม่ได้สร้างความรุนแรง
เกิดอะไรขี้นล่ะ เสื้อแดง ได้พยายามข่มขู่ราชวงศ์อีกครั้ง แท้จริงแล้ว เบื้องหลังการลงชื่อถวายฎีกาจะหมายความเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ นอกเสียจากว่า จะเป็นการกระทำเพื่อปลุกปั่นด้วยความไม่ยี่ระ เพื่อผลทางการเมืองที่แอบแฝงอยู่ แอบแฝงหรือ แน่ล่ะ เพราะนายธนงเดาว่า การยื่นถวายฎีกาถูกคิดขี้นมาเพื่อใช้ข่มขู่ราชวงศ์ กองทัพจะได้ใช้อ้างเป็นเหตุผลที่จะออกมาปฎิบัติการ โดยข้ออ้างง่ายๆเพียงยกความผิดให้เสื้อแดงที่บังอาจหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ แผนการนี้คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ที่มีการประทะกันนองเลือดในวันที่ ๖ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๙ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ้าระดับแกนนำเสื้อแดงผู้วางกลยุทธบางคนส่งสัญญาณ และมีทหารออกมา นั่นแหละ เสื้อแดงจะตกเป็นเหยื่อของการปราบปรามจากทหาร
สำหรับนายธนงแล้ว เสื้อแเดงเป็นแค่เบี้ยที่แกนนำจะนำมาใช้เป็นเครื่องมือได้ทุกเมื่อ แกนนำซึ่งเห็นแก่ได้และต้องการที่จะให้กองทัพออกมาปราบ เพื่อให้ตัวเองได้กลับเข้าไปมีอำนาจอีก นายธนงได้อธิบายเพิ่มเติมว่า แกนนำเสื้อแดงได้รับรางวัลเนื่องจากพวกเขา ได้ค่าแรงในความเหนื่อยยากด้วยเงินมากกว่า ๑,๐๐๐ ล้านบาท ในการระดมรวบรวมรายชื่อเพื่อยื่นถวายฎีกา
นายธนงไม่มีหลักฐานใดๆ ผู้อ่านที่มีเหตุมีผลจึงเชื่อแน่ว่านายธนงได้แต่งเรื่องขี้นมาเอง นายธนงไม่เคยพยายามที่จะบอกให้ผู้อ่านทราบว่าทำไมการปฎิบัติการถึงล้มเหลว ทำไมไม่เกิดความรุนแรง แต่ก็ช่างเถอะ เพราะนายธนงจะพยายามแต่งเรื่องขึ้นมาใหม่อีก เพื่อให้ได้ผลอย่างเดิม
ด้วยความที่กลัวว่าหัวหน้าพรรค คือนายเนวิน ชิดชอบ จะถูกตัดสินว่ากระทำความผิดในคดีกล้ายาง ทางพรรคภูมิใจไทยจึงได้ยื่นเสนอการขอนิรโทษกรรมให้กับ นักการเมืองทั้งหมดที่ได้รับผลกระทบจากการทำรัฐประหารของกองทัพในปี พ.ศ.๒๕๕๐ พีพีทีคงตกข่าวเรื่องการทำรัฐประหารในปีนั้นแน่เลย หรือนายธนงอาจหมายถึงการทำรัฐประหารในปี พ.ศ.๒๕๔๙ ที่นายธนงอ้างว่า เป็นสาเหตุให้เกิดความแตกแยกมากขี้น และเป็นเรื่องที่เขาอ้างว่า กลุ่มที่ร่วมสมคบคิดกันต้องการให้เกิดการทำรัฐประหารในตอนนี้ และฝ่ายเสื้อเหลืองจะกลายเป็นเบี้ย เพราะพวกเขาจะออกมาประท้วงการนิรโทษกรรม นายธนงไม่ได้อธิบายว่า ถ้าเสื้อเหลืองเป็นเบี้ยแล้ว แกนนำเสื้อเหลืองจะได้รับเงินตอบแทนมากขนาดไหน
นายธนงบอกอภิสิทธิ์ว่า อภิสิทธิ์ ไม่ควรอยู่นิ่งเฉย นายธนงยอมรับว่าเขาไม่ได้เป็นหมอดูที่ทำนายได้แม่น: ผมทายว่ารัฐบาลชุดนี้อาจอยู่ได้ไม่ถึงเดือนสิงหาคม แต่ดูเหมือนว่าเดือนสิงหาคมนี้ไม่มีเหตุการณ์วิกฤติเกิดขี้น แต่ให้ระวังเอาไว้ก็แล้วกัน นายกรัฐมนตรีให้ระวังอันตรายในเดือนตุลาคม ซึ่งรัฐบาลอาจจะอยู่หรือไปในเดือนนั้น ไม่แน่นะ การทำนายของนายธนงในครั้งนี้อาจไม่ผิดพลาดก็ได้ ทำไมต้องเป็นเดือนตุลาคมล่ะ ใครจะไปรู้ แต่นายธนงบอกกับผู้อ่านว่า รัฐบาลถังแตก ด้วยสาเหตุนี้ (และการสมคบคิด) นายกอันเป็นที่รักของเราจะยิ่งถูกกดดันหนักยิ่งขี้น
ทำไมพีพีทีจึงได้เสียเวลามาเสนอเกี่ยวกับสื่อต่ำๆพรรค์นี้ เป็นคำถามที่ดี ตามที่เราได้เคยกล่าวไว้แล้วว่า ครั้งหนึ่งเดอะเนชั่นเคยเป็นหนังสือพิมพ์ที่คนอ่านเชื่อถือได้ แล้วเป็นไปได้หรือในตอนนี้ คงไม่ได้หรอก ถึงแม้ว่ามาตราฐานของหนังสือพิมพ์นี้ตกต่ำลง และฐานะทางการเงินที่กำลังสั่นคลอน แต่ยังคงมีแสงสว่างโผล่ให้ได้เห็นบ้าง (เช่น ช้างน้อย นักข่าวที่น่าคิดถึงอย่างที่สุดนายประวิตร โรจนพฤกษ์ และผู้สื่อข่าวทั่วๆไปบางคน) แต่สำหรับนายธนงคนเดียวเท่านั้นที่ควรถูกประณาม ที่ลดตัวเข้าไปเกลือกกลั้วกับข่าวที่เสนอจากความรู้สึก จากการเต้าข่าว จากการนินทา จากข่าวลือที่ลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเอาแต่เรื่องเสียดสีและเหน็บแนม การเดาสุ่ม การคาดเดา การเพ้อฝัน
การเขียนข่าวจากความรู้สึกและการแสดงความเห็นแบบมั่วๆนี้ ไม่ใช่วิสัยของความเป็นสื่อ ซึ่งผู้อ่านควรจะได้รับความเคารพมากกว่านี้
ที่มาภาษาไทย liberalthai.wordpress.com
Create Date : 23 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 23 สิงหาคม 2552 18:56:39 น. |
|
2 comments
|
Counter : 602 Pageviews. |
|
|
|