ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 2
ลับเฉพาะคนรู้ทันสนธิ บทที่ 2
"หลังจากพังพาบไปกับพิษไข้ต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 สนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเคยประกาศความยิ่งใหญ่ของชนชาติผิวเหลือง ให้นักธุรกิจสื่อในซีกโลกตะวันตกได้ประจักษ์ในความสามารถเหมือนกับครั้งหนึ่งในอดีตกาลที่ เจงกีสข่าน ได้ยกพลบุกตะลุยไปจนถึงยุโรป ก่อนจะสิ้นชีพ เพราะความทะเยอทะยานที่เกินกำลังของตัวเอง"
โมกุลแห่งสื่อของเอชีย อย่างสนธิ ลิ้มทองกุล ก็มีสภาพไม่แตกต่างจากจักรพรรดิเจงกีส ข่าน คือต้องถึงกาลดับชีพในโลกธุรกิจ ด้วยสภาพหนี้สินล้นพ้นตัวหลายหมื่นล้านบาท อาณาจักร เดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ที่เสกเป่าขึ้นมาด้วยลมปากและปลายลิ้น ก็ล่มสลายพังครืนลงมาจนยากจะรับมือไหว
เมื่อหมดสิ้นหนทางที่จะต้านพิษไข้ต้มยำกุ้งได้ และไม่อายทานพายุเศรษฐกิจที่พัดผ่านประเทศไทยไปได้ สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ประกาศทฤษฎี ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย พร้อมกับประกาศตนเป็นลูกหลาน (นอกรีต) พระเจ้าตาก ด้วยการ ชักดาบ เจ้าหนี้ทุกรายประดามี
กระบวนท่าของสนธิ บังเกิดผลสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วทุกระดับ ทั้งในประเทศแลต่างประเทศ เนื่องจากมีนักธุรกิจจำนวนมาก ยึดสนธิเป็นแบบอย่างในการต่อสู้กับเจ้าหนี้ด้วยทฤษฎี 3 ไม่ ส่งผลให้ประเทศไทย กลายเป็นลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ต่างชาติเข็ดขยาดไปตามๆ กัน
กล่าวกันว่าเฉพาะบริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีหนี้สินมากกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาระที่มากเกินกว่าสนธิจะเยียวยาได้ จึงต้องปล่อยให้เจ้าหนี้เข้ามาจัดการแบ่งสันปันส่วนหนี้ที่สนธิ สร้างเอาไว้ ในขณะที่สนธิก็หมดสภาพที่จะยื้อยุดฉุดกระชากหนี้กับเจ้าหนี้ทั้งหลายจนต้องยอมรับสภาพบุคคลล้มละลายในวันหนึ่ง
เมื่อธนาคารนครหลวงไทย ฟ้องให้ชำระหนี้จำนวน 151 ล้านบาท สนธิไม่สามารถชำระหนี้ได้ ธนาคารนครหลวงไทย ก็ดำเนินการในชั้นศาลให้ศาลสั่งสนธิเป็นบุคคลล้มละลาย
ถึงแม้จะตกอยู่ในสภาพบุคคลล้มละลาย แต่สนธิก็คงมีบทบาทในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ในฐานะที่ปรึกษาบริษัทแมเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) และการดำเนินชีวิตของสนธิ ก็ยังคงเป็นไปอย่างมีสีสัน ไม่แตกต่างจากก่อนจะเป็นบุคคลล้มละลายมากนัก นักการเมือง นักวิชาการจำนวนมากยังคงแวะเวียนไปหา ไปขอความเห็นต่างๆ อยู่เป็นประจำ
ไม่เพียงเท่านั้น สนธิยังอยู่เบื้องหลังการขยายกิจการของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นใหม่ เพื่อทำธุรกิจสื่อเว็บไซต์และสื่อโทรทัศน์ ในนามผู้จัดการด้วยเงินทุนหลายร้อยล้านบาท ถึงแม้จะอยู่เบื้องหลังและรั้งตำแหน่งเพียงที่ปรึกษาบริษัท แต่ก็ไม่อาจจะปกปิดสถานภาพที่แท้จริงของตัวเองต่อสายตาของนักลงทุน
และเพื่อนพ้องน้องพี่ในวงการสื่อมวลชนได้ เนื่องจากการเดินหมากทางธุรกิจของสนธิ เป็นหมากที่ดุดัน กว้านซื้อตัวบุคลากรมือดีจากค่ายต่างๆ เข้ามาอยู่ในคอกของตัวเอง อย่างไม่พรั่นพรึงต่อราคาที่มีการเสนอเข้ามา ขุนพลข่าวมือดีจากโทรทัศน์ทั้ง 6 ช่อง
ถูกอำนาจเงินดูดเข้าไปอยู่ใต้ชายคาบ้านเจ้าพระยา และบ้านพระอาทิตย์ ซึ่งเป็นป้อมค่ายหลักของสนธิในการหวนคืนกลับมาสู่สังเวียนธุรกิจสื่อสารมวลชนอีกครั้งหนึ่ง ด้วยการลงทุนหลายร้อยล้านบาท เพื่อสร้างอาณาจักรใหม่ ที่มีเว็บไซต์ manager.co.th และโทรทัศน์ 11 news 1 เป็นหัวหอกหลักนี้เอง
จึงทำให้เกิดข้อสงสัยขึ้นในวงการธุรกิจ และวงการสื่อมวลชนในประเทศว่าแท้จริงแล้วสนธิ ไม่ได้บาดเจ็บจากพิษไข้ต้มยำกุ้งจริง ไม่ได้ล้มจริงตามที่เป็นข่าวจริงอยู่บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ล้มไปแล้ว แต่สนธิยังคงยืนได้อย่างผ่าเผย ซึ่งพฤติกรรมดั่งนี้ไม่อาจเรียกเป็นอื่นได้ นอกจากการล้มบนฟูก กล่าวคือ บริษัทเจ๊ง แต่สนธิไม่ได้เจ๊งตามไปด้วย เพราะความชาญฉลาดในการทำธุรกิจ และความเจนจัดในการใช้บริษัท และตลาดหลักทรัพย์ให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อตนเอง
เชื่อกันว่าสนธิได้ใช้กระบวนท่าดูดเงินบริษัทมหาชนเข้าไปอยู่ในเซฟของตัวเองจำนวนมหาศาล หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ 2540 สนธิได้หลบลี้หนีหน้าออกจากวงการธุรกิจนานพอสมควร ก่อนจะกลับมาปรากฎในวงการหนังสือพิมพ์อีกครั้ง ในนามของพายัพ วนาสุวรรณ ที่ทำให้มิตรรักอย่างธารินทร์ นินมานเหมินทร์ ต้องจดจำไปอีกนาน
ด้วยลีลาการเปลือยธารินทร์อย่างเจ็บแสบ เพียงเพราะนายธารินทร์ ซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในขณะนั้น มีท่าทีเมินเฉยต่อความเดือดร้อนของสนธิที่กำลังซมพิษไข้ต้มยำกุ้ง ชนิดที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอด สนธิใช้ข้อมูลวงในที่เคยคลุกคลีตีโมงอยู่กับสองพี่น้อง นิมมานเหมินทร์ คือธารินทร์และศิรินทร์ มาย้อนถล่มธารินทร์อย่างรุนแรงหนักหน่วง
กระทั่งภาพลักษณ์ขุนคลังไร้เทียมทานของธารินทร์ที่ประชาชนฝากความหวัง ต้องเปรอะเปื้อนไปทั้งตัว และกลายเป็นขุนคลังไร้ราคา โดยเฉพาะเรื่องการขายทรัพย์สินของปรส. ให้แก่บรรษัทข้ามชาติ ในราคาถูกๆ แบบเลหลัง ซึ่งเกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลประชาธิปัตย์ที่มีนายธารินทร์ เป็นผู้รับผิดชอบงานด้านเศรษฐกิจ และเป็นปัญหาหนึ่งที่ทำให้รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้รับความเชื่อถือจากประชาชน
กระทั่งเป็นอุปสรรคต่อการทำงานของรัฐบาล และทำให้เกิดวิกฤติศรัทธาในที่สุด
ต้องยอมรับว่าสนธิเป็นนักหนังสือพิมพ์ที่มีวิธีการนำเสนอข้อมูลที่ยากให้เข้าใจง่ายได้เก่งที่สุดคนหนึ่ง ซึ่งนับเป็นเสน่ห์ที่ทำให้ผู้คนติดตามงานของเขาเป็นจำนวนมากหลายคนตกอยู่ใต้มนต์ของตัวหนังสือที่สนธิ ร่ายให้ฟังชนติที่ไม่อยากคิดอะไรเองอีกแล้ว
พากันหลงเชื่อคล้ายตามตรรกะแบบสนธิไปได้ง่ายๆ มีการสืบสาวราวเรื่องกันในเวลาต่อมาว่า เหตุที่สนธิในนามของพายัพ วนาสุวรรณ ตั้งหน้าตั้งตาไล่ถล่มธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ และรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ชนิดที่ไม่เห็นแก่คุณธรรมน้ำมิตรแต่เก่าก่อนซึ่งเคยกินอยู่หลับนอนมาด้วยกัน ก็คือกรณีที่เมื่อเดือนพฤษภาคม 2542 มีผู้ร้องเรียนต่อ ก.ล.ต. หรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ว่าบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนลเอนจิเนียริ่ง จำดัด (มหาชน) หรือ IEC ปกปิดข้อมูลการค้ำประกันเงินกู้ให้แก่บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) จำนวน 1,078 ล้านบาท
และจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่าการกู้เงินรายนี้ของเดอะเอ็มกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มีบริษัทเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) หรือ MGR ร่วมเป็นผู้ค้ำประกันด้วย
ทั้งนี้จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. พบว่าสัญญกู้ยืมเงินที่เดอะเอ็มกรุ๊ป กู้จากธนาคารกรุงไทย และสัญญาค้ำประกันเงินกู้ของ MGR นั้น ลงนามโดยคน 4 คนได้แก่ สนธิ ลิ้มทองกุล สุรเดช มุขยางกูร เสาวลักษณ์ ธีรานุจรรยงค์ และยุพิน จันทนา ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม แต่เรื่องนี้กรรมการของ MGR ไม่ได้รับทราบ
และไม่ได้มีการเปิดเผยในงบการเงินของ MGR ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประมวลกฎหมายอาญา เนื่องจากคนทั้ง 4 ได้กระทำทุจริตโดยใช้อำนาจที่ตนได้รับมอบหมายแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้เพื่อผู้อื่น อันก่อให้เกิดความเสียหายแก่
ทรัพย์สินและผลประโยชน์ของ MGR โดยตรง รวมทั้งในการทำสัญญาประกันดังกล่าว บุคคลทั้ง 4 ได้ร่วมกันปลอมสำเนารายงานการประชุมคณะกรรมการ MGR เพื่อลวงให้ธนาคารกรุงไทยหลงเชื่อว่าคณะกรรมการ MGR ได้มีมติให้ทำสัญญาค้ำประกันดังกล่าวในนาม MGR การกระทำดังกล่าวเป็นการลวงให้ผู้อื่นหลงผิดจนก่อให้เกิดภาระและความเสียหายแก่ผู้ถือหุ้นของ MGR และ MGR ด้วย
นอกจากนี้บุคคลทั้ง 4 รายได้ร่วมกระทำผิดจนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ MGR โดยตรงแล้ว บุคคลดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการให้ MGR เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับภาระค้ำประกันเงินกู้ยืมให้แก่ เดอะเอ็มกรุ๊ปในงบการเงินของ MGR ที่ต้องส่งให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ การกระทำดังกล่าวทำให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลไม่ครบถ้วน ไม่ตรงกับความเป็นจริง และไม่เป็นปัจจุบัน ส่งผลให้ผู้ลง ทุนขาดข้อมูลสำคัญที่เป็นประโยชน์ต่อการตัดสินใจลงทุน
จากการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ดังกล่าว จึงนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดีกับสนธิ และพวกรวม 4 คน ต่อกองบังคับการตำรวจคดีเศรษฐกิจ กรณีรว่มกันปลอมเอกสารประกอบการทำสัญญาในนามของ MGR เพื่อค้ำประกันเงินกู้ 1,078 ล้านบาทให้กับเดอะเอ็มกรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ MGR โดยคณะกรรมการ MGR ไม่ได้ทราบ
จนทำให้ MGR เสียหายอย่างมากในเวลาต่อมา ข้อกล่าวหาของ ก.ล.ต. ที่มีต่อสนธิกับพวก หากพูดกันภาษาชาวบ้าน หรือภาษาข่าวก็คือ อาชญกรเศรษฐกิจ หรือ โจรเสื้อนอก นั่นเอง
ซึ่งข้อกล่าวหานี้ ได้ รับการยืนยันว่าเป็นความจริงจากนายพีรศักดิ์ วรสุนโอสถ กรรมการอิสระ บริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล เอนจิเนียริ่ง จำกัด (ไออีซี) ในฐานะประธานคณะทำงาน ตรวจสอบข้อเท็จจริง กรณีบริษัทไออีซี ค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ปจำกัด ที่เปิดเผยว่า
ผลการตรวจสอบของคณะกรรมการตามคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสรุปว่า การค้ำประกันเงินกู้ให้บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป กับธนาคารกรุงไทยจำกัดระหว่างวันที่ 30 เมษายน 2539 ถึงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2540 มูลค่า 1,198 ล้านบาท เป็นการดำเนินงานโดยการรู้เห้ฯของนายสุรเดช มุขยางกูร กรรมการผู้อำนายการบริษัท ไออีซี เพียงผู้เดียว
คณะกรรมการมีการสอบถามนายสุรเดช ได้รับชี้แจงว่า บริษัทไออีซีค้ำประกันเงินกู้ของบริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป ติดต่อกันหลายครั้งตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2539 ทั้งที่การยืมของเดอะเอ็มกรุ๊ป มูลค่า 1,198 ล้านบาท มีการวางหลักประกันเป็นที่ดินและใบหุ้นมูลค่ารวมประมาณ 1,632 ล้านบาท แต่ธนาคารกรุงไทยต้องการให้มีการค้ำประกันเพื่อความมั่นในในเงินกู้ บริษัทจึงเข้าค้ำประกันร่วมกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล และบริษัทแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปจำกัด นายพีรศักดิ์กล่าว
สำหรับสาเหตุของการเข้าค้ำประกันเงินกู้ ได้รับการชี้แจงจากนายสุรเดชว่า บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ป ติดต่อขอความช่วยเหลือผ่านทางนายสุรเดช และตัดสินใจเข้าค้ำประกัน เนื่องจากเห็นว่าไม่น่าจะมีผลกระทบต่อฐานะการเงินและผลการดำเนินงานของไออีซี เพราะมูลค่าหลักประกันที่เดอะเอ็มกรุ๊ป มีฐานะเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในไออีซี ซึ่งเคยให้ความช่วยเหลือด้านธุรกิจมาตลอดตามธรรมเนียมปฏิบัติของบริษัทในเครือเดียวกัน
โดยในช่วงที่ไออีซีจำเป็นต้องหาเงินทุนก็จะได้รับความช่วยเหลือจากเดอะเอ็มกรุ๊ปจึงตัดสินใจด้วยความสุจริตลงนามเข้าค้ำประกันเงินกู้
กล่าวกันว่ากรณีของไออีซีนี้ ทำให้สนธิ ลิ้มทองกุล เสียหายอย่างหนัก ทั้งทางเครดิต และหาแหล่งเงิน ที่จะเข้ามากอบกู้อาณาจักรเดอะเอ็มกรุ๊ป
จึงเป็นเหตุให้เกิดรายการ แค้นสั่งฟ้า ขึ้น บนหน้าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการรายวัน
แล้วในที่สุดก็ฟาดไปที่ก้านคอ ธารินทร์ นิมมานเหมินทร์ จนแทบสลบ หลังจากรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์สูญสิ้นอำนาจ เนื่องจากพ่ายแพ้การเลือกตั้งตั้งแต่ต้นปี 2544 ให้กับพรรคไทยรักไทย ของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อย่างชนิดหมดรูปมวย
สนธิในฐานะนักหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง ซึ่งไม่น่าจะได้รับผลบวกหรือผลลบอะไรมากนักกับการเลือกตั้งที่เพิ่งจบลงไป กลับออกอาการดีอกดีใจอย่างเห็นได้ชัด อาการดีอกดีใจกับชัยชนะของพรรคไทยรักไทย และพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้รับการอธิบายในเวลาต่อมาไม่นานนัก เมื่อบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งเข้าดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในรัฐบาลล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลที่คุ้นเคยใกล้ชิด และเคยอยู่ใต้ร่มเงาของสนธิ ในอาณาจักรเดอะเอ็มกรุ๊ปจำกัด (มหาชน) มาแล้ว อาทิ
ิสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตกรรมการบริษัทเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปจำกัด (มหาชน)
ทะนง พิทยะ เพื่อนรักผู้ทราบซึ้งบุญคุณสนธิ ไม่เสื่อมคลาย
พันธ์ศักดิ์ วิญญรัตน์ อดีตบรรณาธิการหนังสือพิมพ์เอเชียไทม์
กนก อภิรดี อดีตกรรมการผู้จัดการบริษัทเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ปจำกัด (มหาชน)
ไม่เว้นแม้แต่ ชัยอนันต์ สมุทวณิช ประธานมูลนิธิไชย้ง ลิ้มทองกุล (มารดาสนธิ) ซึ่งเข้ามา เป็นมือไม้ให้กับ พ.ต.ท. ทักษิณ ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและนโยบายประชานิยม ให้กับรัฐบาลไทยรักไทยการดำรงตำแหน่งสำคัญในรัฐบาล ของบุคคลที่เคยทำงานให้กับสนธิ
ทำให้เกิดภาพซ้อนขึ้นมาทันทีว่า ระหว่าง พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร กับ สนธิ ลิ้มทองกุล ต้องมีความสัมพันธ์พิเศษระดับสูงสุด และมาตอกย้ำให้เห็นว่าภาพซ้อนที่เห็นกันนั้น เป็นภาพที่ถูกต้อง ก็คือการเดินทางไปร่วมงานวันเกิดของสนธิ ถึงสำนักงานหนังสือพิมพ์ผู้จัดการของ พ.ต.ท. ซึ่งสร้างความฮือฮาให้แก่วงการสื่อสารมวลชนเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อมองไปถึงการหวนกลับคืนสู่ธุรกิจสื่อสารมวลชนอย่างคึกคักของสนธิ และสื่อในเครือผู้จัดการก็ยิ่งมั่นใจได้ว่า รัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐได้ทุ่มงบโฆษณาเข้าไปในสื่อเครือผู้จัดการของสนธิ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน อาทิ ธนาคารกรุงไทย การบินไทย การสื่อสารแห่งประเทศไทย ปตท. ฯลฯ
โดยเฉพาะรายธนาคารกรุงไทย เจ้าหนี้รายใหญ่ของเดอะเอ็มกรุ๊ปและเดอะแมนเนเจอร์มีเดียกรุ๊ป ถึงกับทำแผนลดหนี้ และปรับปรุงโครงสร้างหนี้ให้กับ ลูกหนี้รายนี้ด้วยการรับชำระหนี้ เป็นสื่อโฆษณาในสื่อเครือผู้จัดการทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ นิตยสาร รายการวิทยุ รายการโทรทัศน์ และ เว็บไซต์ซึ่งนับว่าเป็นลูกหนี้ที่ได้รับการปฎิบัติเป็นกรณีพิเศษ
เนื่องจากวิโรจน์ นวลแข กรรมการผู้จัดการใหญ่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในขณะนั้น ก็คือ เพื่อนรักและผู้มีอุปการคุณรายใหญ่ของสนธิมาโดยตลอด การหวนกลับคืนสู่วงการธุรกิจสื่อของสนธิ ลิ้มทองกุล ซึ่งเปรียบเสมือนการกลับคืนสู่รากเหง้าของตัวเอง ของนักธุรกิจสื่อข้ามชาติ ที่พ่ายแพ้ย่อยยับกลับมา จึงต้องหลบเลียแผลในบ้านตัวเอง
ถูกโจมตีอย่างหนักจากเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง สมาชิกในช่อง 9 อ.ส.ม.ท. และช่อง 11 อยู่หลายรายการ แต่ต้องถูกเตะออกมา เพื่อเอาเวลาไปให้แก่สนธิเป็นผู้ดำเนินรายการแทน นอกเหนือจากการได้รับการสนับสนุนด้วยดีจากรัฐวิสาหกิจและหน่วยงานของรัฐในทุกสื่อของเครือผู้จัดการ จนแทบเก็บเงินเก็บทองกันไม่ทัน บริษัทเดอะเอ็มกรุ๊ปก็ยังได้รับการพิจารณาปรับโครงสร้างหนี้ จากเจ้าหนี้ให้เป็นกรณีพิเศษอีกด้วย
ตัวเลขการปรับลดหนี้ให้กับเดอะเอ็มกรุ๊ป ถึง 6 พันล้านบาท เรียกได้ว่าในช่วงต้นของรัฐบาลไทยรักไทย สนธิในฐานะบุคคลล้มละลายและผู้ต้องหาของ ก.ล.ต. ได้รับการปฏิบัติจากกลไกของรัฐ ในฐานะ คนพิเศษ จนเป็นที่ครหานินทาไปทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็ไม่อาจสะท้านความรู้สึกของสนธิ และอดีตผู้ร่วมงาน ที่ได้ดิบได้ดีมีอำนาจวาสนาในรัฐบาลอย่างเนืองแน่น
พร้อมๆ กับความยิ่งใหญ่ของพรรคไทยรักไทย ก็คือการตื่นจากหลับของเครือผู้จัดการและสนธิ และออกก้าวเดินอย่างไม่สนใจคำทักท้วงของใครหน้าไหน ทั้งสิ้น
รายการวิทยุ 97.5 MHz ของ อ.ส.ม.ท. รายการโทรทัศน์ก่อนจะถึงจันทร์ เมืองไทยรายวัน ทางช่อง 9 อ.ส.ม.ท. คือการเปิดเกมอุ่นเครื่องบนธุรกิจสื่ออีก ครั้งของสนธิ ก่อนจะเปิดเกมรุกอย่างจริงจังกับสถานีข่าว 11 News1 หรือ 11/1 ที่สนธิมีความหวังอย่างมากว่า เขาจะมาแทนที่สุทธิชัย หยุ่น และเครือผู้จัดการ จะมาทดแทนเนชั่นแชนเนล ที่ถูกรุกไล่จนตกจากจอโทรทัศน์ ทั้งแบบฟรีทีวี และเคเบิลทีวี
ด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่ สนธิจึงเดินหน้าทำธุรกิจสื่ออีกครั้ง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะกล้บมาเป็นเบอร์หนึ่งของวงการอีกครั้งให้ได้
พร้อมๆ กับการเดินหน้าปก ป้องเป็นอาสาเป็นกองเชียร์ให้กับรัฐบาล และนายกฯทักษิณทุกเวที ทุกสถานที่ และทุกสื่อในเครือผู้จัดการ ในรูปแบบที่เรียกว่า
นายกฯข้า ใครอย่าแตะ
ใครจะมาแตะต้องนายกฯทักษิณไม่ได้ สนธิจะใช้หน้าหนังสือพิมพ์ที่เขามี รายการโทรทัศน์ที่เขาจัด และรายการวิทยุที่เขาพูด ตอบโต้แก้ต่างให้กับนายกฯทักษิณ โดยไม่สนใจว่าใครจะครหานินทาว่ากล่าวเขาถูกซื้อตัวแต่อย่างใด
เนื่องเพราะการเกิดของ รัฐบาลไทยรักไทย และนายกฯทักษิณ ก็คืออนาคตที่สดใสของผู้จัดการ และสนธิในวันนั้นเช่นเดียวกัน
Create Date : 16 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 16 มิถุนายน 2551 15:11:35 น. |
|
9 comments
|
Counter : 579 Pageviews. |
|
|
|
โดย: 373 IP: 222.123.248.251 วันที่: 16 มิถุนายน 2551 เวลา:21:50:39 น. |
|
|
|
โดย: max999 IP: 202.149.24.129 วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:1:47:41 น. |
|
|
|
โดย: max999 IP: 202.149.25.233 วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:22:29:23 น. |
|
|
|
โดย: max999 IP: 202.149.24.129 วันที่: 16 ตุลาคม 2551 เวลา:22:29:13 น. |
|
|
|
โดย: มีนา IP: 125.24.206.247 วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:17:16:42 น. |
|
|
|
โดย: hnongdum1967 IP: 124.157.144.2 วันที่: 17 ตุลาคม 2551 เวลา:20:36:22 น. |
|
|
|
โดย: เธเนเธฒเธเธกเธฒ IP: 118.174.6.183 วันที่: 5 ธันวาคม 2551 เวลา:10:51:48 น. |
|
|
|
โดย: นักรัฐฯ IP: 202.57.146.188 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:22:45:05 น. |
|
|
|
โดย: นักรัฐฯ IP: 202.57.146.188 วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:22:48:41 น. |
|
|
|
| |