ข้อมูลเก่าแก่ว่าด้วยเรื่องการปราบยาบ้ากับสัมพันธ์ไทย-พม่า-สิงคโปร
เขียนจากการที่ผมมีเพื่อนเป็นชาวไทยใหญ่ ที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะนี้
กรณีปราบยาบ้า
ข้อเท็จจริง 1. รัฐบาลทักษิณปราบยาบ้า ชนิดล้างโคตร แถมยึดทรัพย์ด้วย ใครเสียผลประโยชน์ ความจริง 2. กลุ่มว้าแดง ได้รับผลประโยชน์จากรัฐบาลทหารพม่า โดยการยืมมือว้าแดงปราบปรามชนกลุ่มน้อย นั่นก็คือ ไทยใหญ่ และกะเหรี่ยง ความจริง 3. ว้าแดง เป็นแหล่งผลิตยาบ้ารายใหญ่ ความจริง 4. เครือข่ายยาบ้า มีคนไทยหลายคน เป็น พ่อค้ายาบ้า ซื้อยาบ้าจากผู้ผลิต (ว้าแดง) มาขายทำกำไรในไทย ความจริง 5. ยุคบูมของยาบ้า เริ่มมาตั้งแต่ 2539-43
ธุรกิจค้าอาวุธและไม้เถื่อน ให้กับชนกลุ่มน้อยตามแนวตะเข็บชายแดน
ความจริง 1. กะเหรี่ยงก็อดอาร์มี่ ยกพวกมายึดโรงพยาบาลราชบุรี กลางเมือง กลางวันแสก ในยุครัฐบาลชวน โดยที่ไม่มีหน่วยงานใดตรวจสอบได้เลยว่ามาได้อย่างไร ซึ่งยุคนั้น รมต. มหาดไทยชื่อ พล.ต. สนั่น ขจรประสาท ความจริง 2. พล.ต.สนั่น ถูกศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้เว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี กรณี ไม่สามารถชี้แจงเงินจำนวน 45 ล้านบาทได้ว่ามาจากไหน ความจริง 3.
ผมไปเจอบทความนี้เข้าครับ ลองอ่านดู จาก นสพ.โลกวันนี้ พุธ 11 - ศุกร์ 13 พฤษภาคม 2548 ซึ่งถูกเขียนหลังจากเกิดเหตุการณ์ระเบิดในงานแสดงสินค้าไทยที่กรุงย่างกุ้ง ผมขอตัดมาบางส่วนเพราะยาวเกินไป
ไทย-สิงคโปร์ ต้องหยิบประเด็นเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจที่มีไทยกับสิงคโปร์มากล่าวก่อน เพื่อชี้ให้เห็นว่ากลุ่มอำนาจในพม่านั้นต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างทำ และประเด็นความขัดแย้งธุรกิจข้ามชาตินั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการแตกหักแย่งชิงผลประโยชน์และนำไปสู่การแย่งชิงอำนาจกันในที่สุด ไทยและนักธุรกิจไทยในพม่าเข้าจับแกนอำนาจใหญ่ ซึ่งนักธุรกิจไทยตามประกบ พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ ผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองและเลขาธิการคนที่ 1 ของสภาสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ (เอสพีดีซี) เป็นที่พึ่งพาพักพิงตั้งแต่ยังไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยซ้ำ ส่วนสิงคโปร์ที่เข้าไปทำธุรกิจและลงทุนในพม่ามีมูลค่าไม่น้อยไปกว่าไทย ถือเป็นคู่แข่งทางธุรกิจในพม่าได้เข้าสู่ชายคาของ พล.อ.หม่อง เอ ผู้บัญชาการทหารบกมานานแล้วเช่นกัน เพราะถือว่าผู้บัญชาการทหารบกเป็นผู้คุมอำนาจทางทหารที่น่าจะมีความแข็งแกร่งยาวนานกว่า พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ ที่คุมงานข่าวกรองซึ่งมีอำนาจในทางลับอย่างมหาศาลก็จริง แต่เป็นอำนาจที่ปราศจากอาวุธ ความสัมพันธ์ของ 2 สาย คือ ไทย-ขิ่น ยุ้นต์ และ สิงคโปร์-หม่องเอ ได้ดำเนินไปอย่างคู่ขนาน และมีการรักษาระดับความสัมพันธ์นี้มาเป็นเวลายาวนานมาก จนกระทั่งเมื่อเกิดจุดแตกหักทางอำนาจ ซึ่งไทยและสิงคโปร์ก็คงไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยกับการหักโค่นอำนาจหรือรัฐประหารเงียบ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้ทางไทยต้องสะดุ้งตกใจ ในขณะที่สิงคโปร์น่าจะร่าเริงและเบิกบาน ไทยหกคะเมน การที่ พล.อ.หม่อง เอ เข้ามาเป็นผู้กุมอำนาจ โดยให้ พล.ท.โซ วิน ที่เป็นมือรองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี และ พล.ท.เต็ง เส็ง เป็นเลขาธิการ คนที่ 1 ของเอสพีดีซี นับเป็นการพลิกอำนาจพลิกแผ่นดินครั้งใหญ่โดยไม่ต้องมีการประกาศคณะปฏิวัติ เพราะถือว่าไม่ใช่การปฏิวัติหรือโค่นล้ม แต่เป็นการจัดตำแหน่งหน้าที่ใหม่เป็นการภายในเพื่อความเหมาะสมของสถานการณ์ ที่สำคัญแผนการอนุมัติการลงทุนของสิงคโปร์ที่ค้างอยู่สมัย พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ ได้รับการหยิบยกขึ้นมาพิจารณาก่อนและลงท้ายด้วยการอนุมัติ ในขณะที่ของไทยอยู่ในสภาพตรงกันข้าม อีกทั้งธุรกิจบางอย่างที่มีการลงทุนร่วมกับกลุ่มของ พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ ก็ถูกยึดไปด้วย จากคำสั่งยึดทรัพย์และกิจการของ พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ กับครอบครัวผู้ใกล้ชิด จนเป็นที่รู้กันว่าธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคมของผู้ลงทุนรายใหญ่จากไทยรายหนึ่งที่มีการลงทุนร่วมกับบุตรชายของ พล.อ.ขิ่น ยุ้นต์ ที่ลงทุน ไปแล้วประมาณ 4,000 ล้านบาท ก็ถูกกวาดรวบไปด้วย และธุรกิจการสื่อสารโทรคมนาคมรายนี้ก็ชะงักอยู่แค่นั้น พร้อมกับการสูญเสียเงินไปก้อนใหญ่ แต่ธุรกิจประเภทเดียวกันที่ลงทุนโดยนักธุรกิจสิงคโปร์ที่เป็นคู่แข่งสำคัญกลับก้าวหน้าไปอย่างก้าวกระโดด เรียกว่าจะเป็นผู้เข้าคุมกิจการสื่อสารโทรคมนาคมในพม่าแต่เพียงผู้เดียวหากบรรลุไปถึงระดับการ ยิงดาวเทียม เพื่อการสื่อสารโทรคมนาคมให้กับพม่าได้"
ผมสนใจตรงที่มีข่าวว่า คุณชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกทางการพม่าปฏิเสธไม่ให้วีซ่าเข้าประเทศครับ ทำไม?
น่าสนใจอีกประการหนึ่งก็คือ ผู้ที่ตามไล่ล่าพ่อค้ายาเสพติดชนิดกัดไม่ปล่อย มีชื่อว่า
พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงษ์ พี่ชายคุณหญิงพจมาน ภริยานายก ฯ ทักษิณนั่นเอง
ช่วงนั้น โหดแค่ไหน...ผมตอบได้เลยว่า ขนาด ท่านเพรียวพันธ์ต้องเปลี่ยนป้ายชื่อหน้าบ้านพักเลยทีเดียวครับ
โดยคุณขนมต้มแห่งโต๊ะราชดำเนิน
Create Date : 28 สิงหาคม 2550 | | |
Last Update : 28 สิงหาคม 2550 16:41:25 น. |
Counter : 451 Pageviews. |
| |
|
|
|