ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง
เสรีภาพที่จะไม่รักในระบบศีลธรรมแบบทาส

สุรพศ ทวีศักดิ์

กว่าทศวรรษมานี้เรามักได้ยินราษฎรอาวุโสอย่าง ศ.นพ.ประเวศ วะสี ซึ่งได้รับยกย่องว่าเป็นปัญญาชนแถวหน้าของชาติ พูดซ้ำๆ ในสองประเด็นสำคัญ คือ

1. ลำพังการใช้เหตุผลจะแก้ปัญหาความขัดแย้งไม่ได้ เพราะเวลาเกิดความขัดแย้งต่างฝ่ายต่างก็อ้างว่าตนเองมีเหตุผล ฉะนั้น เมื่อสุดทางของเหตุผลจะต้องเดินต่อด้วยเมตตา ความรักความเมตตาที่คนเรามีต่อกันจะช่วยแก้ปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ได้

2. เราต้องมองปัญหาแบบ “องค์รวม” ไม่แยกส่วน การมองแยกส่วนทำให้เห็นความจริงไม่ครบถ้วน เกิดความเห็นแก่ตัว แบ่งเป็นเขาเป็นเรา จึงต้องแก้ด้วยการมองให้เห็นความจริงองค์รวมว่า “หนึ่งเดียวคือทั้งหมด ทั้งหมดคือหนึ่งเดียว” การมองเห็นเช่นนี้จะทำให้เกิดจิตใหญ่ หรือการปฏิวัติจิตสำนึกใหม่ที่ทำให้คนอยู่ร่วมกันด้วยความรัก ทั้งรักมนุษย์ด้วยกันเองและสรรพสิ่งในธรรมชาติ

ผมคิดว่า คำเทศนาของหมอประเวศแม้จะดูสวยงามชวนเคลิ้มฝัน แต่มันมีปัญหาระดับรากฐานสำคัญอยู่สองประการที่ควรตั้งคำถาม คือ

1. สังคมนี้เป็นสังคมที่มีวัฒนธรรมการใช้เหตุผลแล้วจริงๆ หรือ และโดยโครงสร้างของสังคมที่เป็นอยู่นี้ เราสามารถใช้เหตุผลอย่างถึงที่สุดในการถกเถียงประเด็นปัญหาพื้นฐานของระบบสังคมการเมือง เช่น อย่างที่อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เสนอว่าจะจัดวางตำแห่งแห่งที่ สถานะ อำนาจ บทบาทของสถาบันกษัตริย์ในระบบสังคมการเมืองแบบประชาธิปไตยไทยอย่างไร จะแก้ไขปรับปรุงกฎหมายหมิ่น ม.112 รัฐธรรมนูญมาตรา 8 เป็นต้นอย่างไร

เราสามารถใช้เหตุผลถกเถียงปัญหาพื้นฐานเหล่านี้ในสภา บนเวทีสาธารณะต่างๆ โดยไม่ถูกคุกคามจากอำนาจรัฐ อำนาจนอกระบบได้หรือไม่?

ผมเข้าใจว่าหมอประเวศรู้ดีว่าไม่ได้ ฉะนั้น ทั้งที่รู้ว่าทำไม่ได้ แล้วยังเสนอว่า “เมื่อสุดทางของเหตุผลจะต้องเดินต่อด้วยเมตตา” คำถามคือ สุดทางของเหตุผลหมายความว่าอะไร? หมายความว่าเราใช้เหตุผลกันอย่างเต็มที่ อย่างถึงที่สุดแล้วในบรรยากาศของเสรีภาพทางความคิด หรือหมายความแค่ว่า เมื่อถึงเรื่องของสถาบันกษัตริย์ที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบ ห้ามพูดถึงข้อเท็จจริงด้านลบ แม้จะมีเหตุผลก็ตาม เราก็ต้องหยุดใช้เหตุผล แล้วเดินต่อด้วยความรักความเมตตาต่อกันเช่นนั้นหรือ

หากเป็นความหมายอย่างหลัง ข้อเสนอของหมอประเวศก็เป็นเรื่องตลกร้ายแล้ว เพราะเท่ากับเขากำลังเสนอว่า “สุดทางของเหตุผลหมายถึงให้หยุดใช้เหตุผลในบางเรื่อง (เช่น เรื่องตรวจสอบสถาบันกษัตริย์) แล้วในเรื่องเช่นนี้ให้เราเดินต่อ หรืออยู่กันด้วยความรักความเมตตา”

2. ถ้าเช่นนั้น ความรักความเมตตาที่เกิดจากการมองเห็น “ความจริงองค์รวม” คืออะไร ในเมื่อสังคมนี้เป็นสังคมที่ถูกทำให้จำเป็นต้องแยกส่วน คือส่วนข้างล่างสถาบันกษัตริย์ลงมาให้ตรวจสอบด้วยเหตุผลได้เต็มที่ แต่ส่วนสถาบันกษัตริย์จะทำแบบเดียวกันไม่ได้ ฉะนั้น ข้อเสนอที่ไม่ให้มองแบบแยกส่วนก็เป็นข้อเสนอแบบ “นิยาย” และความรักมนุษยชาติและสรรพสิ่งอย่างเท่าเทียม หรือความรักยิ่งใหญ่จากจิตใหญ่ จิตสำนึกใหม่ก็เป็นแค่ “นิยายต่อเนื่อง” จากข้อเสนอที่เป็นนิยายตอนแรกนั้นเท่านั้นเอง

จริงอยู่ หมอประเวศอ้างอิงความรักตาม concept “เมตตาอัปปมัญญา” ตามหลักคำสอนทางพุทธศาสนา คือความรักต่อสรรพสัตว์อย่างไม่จำกัดประมาณ เนื่องจากเป็นความรักที่เกิดจากการมองเห็นตามเป็นจริงว่า “สรรพสัตว์ต่างเป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย” แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่า ด้วยความเมตตาที่ไม่มีประมาณนั้นพุทธศาสนาสนับสนุนให้จำกัดการใช้ปัญญาหรือเหตุผล ทว่าโครงสร้างทางสังคมการเมืองบ้านเราที่เป็นอยู่คือโครงสร้างที่อ้างอิงความรักเพื่อ “จำกัด” (กระทั่ง “กำจัด”) การใช้เหตุผลตรวจสอบสถาบันกษัตริย์ ภายใต้โครงสร้างเช่นนี้ ความรักที่ยิ่งใหญ่ จิตใหญ่ การปฏิวัติจิตสำนึกใหม่ที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้อย่างไร

สมมติว่า ต่อให้ทุกคนในประเทศมีจิตใหญ่ มีความรักล้นเหลือในมนุษยชาติและสรรพสิ่งจริง แต่จะทำให้สังคมนี้ยุติธรรมขึ้นอย่างไร เราก็เป็นได้เพียงมนุษย์จิตใหญ่ที่มีความรักยิ่งใหญ่แต่น่าสมเพช เพราะเรายังเป็นสัตว์สังคมที่อยู่ภายใต้โครงสร้างอำนาจที่ไม่ให้เรามีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก และ/หรือเสรีภาพที่จะประกาศเหตุผลของความไม่รักนั้นแก่สาธารณะได้

เป็นไปได้อย่างไรครับ สังคมที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มีจิตใหญ่แต่ไม่มีเสรีภาพที่จะไม่รัก คนที่มีจิตใหญ่คือคนที่สามารถยอมรับการไม่มีเสรีภาพที่จะไม่รักได้อย่างนั้นหรือ ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้ ฉะนั้น ข้อเสนอเรื่องมองให้เห็นองค์รวม จิตใหญ่ ความรักความเมตตาต่อมนุษยชาติและสรรพสิ่งภายใต้โครงสร้างสังคมที่ไม่มีเสรีภาพที่จะไม่รักเช่นนี้ เป็นข้อเสนอที่ถ้าผู้เสนอไม่ได้กำลังหลอกตัวเอง เขาก็กำลังหลอกคนทั้งสังคมอยู่อย่างน่าตระหนก

เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว สังคมเราถูกจำกัดด้วยสถานะ อำนาจ และบทบาทของสถาบันกษัตริย์ที่เป็นอยู่ไม่ให้เราสามารถเดินไปได้สุดทางของการใช้เหตุผลในเรื่องความเป็น-ไม่เป็นประชาธิปไตย ความเสมอภาคในความเป็นคน ความมีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบสถาบันกษัตริย์ที่ดำรงอยู่ด้วยเงินภาษีมหาศาลของประชาชน และภายใต้การถูกจำกัดดังกล่าวประชาชนในประเทศนี้ไม่มีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก และเสรีภาพที่จะแสดงเหตุผลของความไม่รักนั้นๆ อย่างเป็นสาธารณะได้

ฉะนั้น การไม่มีเสรีภาพที่จะไม่รักคือปัญหารากฐานที่สุดที่ทำให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมา เช่น เสรีภาพในการพูดความจริงด้านลบ การวิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบสถาบันกษัตริย์ การต่อสู้เพื่อให้สังคมบรรลุเป้าหมายที่ดีกว่า คือความเป็นประชาธิปไตยที่อำนาจปกครองตนเองเป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เป็นต้น

หากมองในแง่ของ “ความเป็นมนุษย์” ระบบสังคมการเมืองที่กำหนดให้ประชาชนไม่สามารถจะมีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก ย่อมเป็นระบบที่ทำลายความเป็นมนุษย์อย่างถึงราก เพราะเมื่อคุณไม่มีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก คุณก็ไม่ใช่คนแล้ว

จริงอยู่ คุณอาจจะมีความเป็นคนในความหมายหรือในแง่อื่นๆ แต่ในความหมายหรือในแง่ที่คุณต้องมีความสัมพันธ์ต่ออำนาจบางอย่างที่คุณไม่สามารถที่จะมีเสรีภาพที่จะไม่รักนั้น เท่ากับคุณกำลังถูกความสัมพันธ์เช่นนั้นทำลายความเป็นคนในตัวคุณ

ที่จริงแล้ว มันก็มีแต่ความสัมพันธ์แบบนายกับทาสเท่านั้นที่กำหนดให้ต้องยกย่องสรรเสริญความรักของนายที่มีต่อทาสว่าเป็นสิ่งดีงามสูงส่งไร้ที่ติ ขณะที่ทาสต้องซาบซึ้งสยบต่อความรักนั้นด้วยความจงรักภักดีชนิดที่ต้องยอมตายถวายชีวิต ไม่มีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก
สังคมที่สอนให้พึ่งพาความรักความเมตตาจากผู้มีบุญบารมี โดยประชาชนไม่มีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก คือสังคมที่กำลังปลูกฝังศีลธรรมแบบที่นิทเช่เรียกว่า “ศีลธรรมแบบทาส” เพราะเป็นการปลูกฝังให้ประชาชนสยบยอมต่ออำนาจศักดิ์สิทธิ์เหนืออำนาจในการปกครองตนเองของประชาชน ซึ่งในการปกครองตนเองภายใต้ระบอบประชาธิปไตยประชาชนต้องมีเสรีภาพอย่างเต็มที่ในการตัดสินใจเลือกว่าตนเองต้องการระบบสังคมการเมืองเช่นใดจึงจะดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่สังคมสังคมที่ปลูกฝังศีลธรรมแบบทาสเช่นนี้เป็นสังคมที่จำกัดการใช้เหตุผลเพื่อแสวงหาเป้าหมายทางสังคมการเมืองที่ดีกว่า ยุติธรรมกว่า มีเสรีภาพ และความเสมอภาคมากกว่า
เช่น การใช้เหตุผลของ “กลุ่มนิติราษฎร์” ในเรื่องการลบล้างผลพวงของรัฐประหาร การแก้ ม.112 เป็นต้น ที่ในที่สุดแล้วจะเป็นการป้องกันรัฐประหารอย่างถาวร หรือทำให้สังคมมีความเป็นประชาธิปไตยที่ก้าวหน้ามากกว่า แต่ภายใต้ระบบศีลธรรมแบบทาส เหตุผลเชิงก้าวหน้าดังกล่าวก็ทำงานไม่ได้ผลมากนัก บางทีเราก็ไม่ชัดเจนว่าทำไมการดำเนินการใดๆ ในทางกฎหมายและทางการเมืองที่ทำให้ทักษิณได้ประโยชน์ทั้งโดยตรงและโดยอ้อมจึงต้องถูกคัดค้านอย่างเข้นมข้น

การคัดค้านอย่างเข้มข้นที่กลัวว่าจะนำสังคมไปสู่ความขัดแย้งรุนแรงนั้น เกิดจากเหตุผลอะไรกันแน่ เพราะรังเกียจ “การทุจริต” ที่พิสูจน์แล้วว่าเป็นจริงของทักษิณ และต้องการปกป้องหลักนิติรัฐ นิติธรรม หรือค้านเพียงเพราะกลัวทักษิณจะกลับมามีอำนาจาทางการเมืองอีกกันแน่

หากเป็นสองอย่างแรก การนิรโทษกรรมหรือการดำเนินการอย่างอื่นในทางกฎหมายให้ทักษิณได้กลับมาต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรมปกติ (เมื่อมีการฟ้องร้องใหม่) น่าจะเป็นการแก้ปัญหาทุจริตได้ถูกต้องกว่า เป็นการปกป้องนิติรัฐนิติธรรมมากกว่า แต่ถ้าเป็นอย่างหลังสุดก็เป็นการค้านที่ไร้เหตุผลรองรับ มันเป็นแค่เกมการเมืองของพวกบ้าอำนาจที่ได้ประโยชน์บนโครงสร้างของระบบศีลธรรมแบบทาส หรือพวกที่ถูกกล่อมประสาทให้เคลิบเคลิ้มด้วย “อุดมการณ์โรแมนติก” ภายใต้ระบบศีลธรรมแบบทาส

ฉะนั้น ในสังคมที่ปลูกฝังศีลธรรมแบบทาสเช่นนี้ แม้ประชาชนทุกคนจะมองเห็นความจริงองค์รวม มีจิตใหญ่ มีจิตสำนึกใหม่ มีความรักยิ่งใหญ่ อย่างที่หมอประเวศเสนอ แต่เขาก็ยังอยู่ภายใต้ศีลธรรมแบบทาส ยังคงเป็นคนที่น่าสมเพช เพราะไม่สามารถจะมีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก ทำให้ไม่สามารถจะใช้เหตุผลอย่างอิสระเต็มที่เพื่อบรรลุเป้าหมายคือการสร้างระบบสังคมการเมืองที่ดีกว่า

แต่ทว่าเป็นไปไม่ได้หรอกครับที่ภายใต้ “ระบบศีลธรรมแบบทาส” เช่นที่เป็นอยู่นี้ ผู้คนส่วนใหญ่จะสามารถมีคุณสมบัติที่ดีเลิศอย่างที่หมอประเวศเสนอจริงๆ ต่อให้ใครเก่งกาจปราดเปรื่องเพียงใด มันก็เป็นมนุษย์ที่น่าสมเพชทั้งนั้นแหละครับ เมื่อคุณไม่มีแม้แต่เสรีภาพที่จะไม่รัก!

ที่มา : ประชาไท


Create Date : 27 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 27 พฤศจิกายน 2554 11:41:48 น. 1 comments
Counter : 502 Pageviews.

 


โดย: คนชอบเที่ยว (todsvuth1 ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:12:00:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.