|
|
เถียง 2528 ตอน เฮ็ดไร่ข้าวโพดกัน บ่ |
|
ข้าวโพด พืชไร่ที่นิยมปลูกกันมากที่สุดของชาวไร่แถบเรา ฝักสีเหลืองๆใหญ่ๆ แข็งๆ ไม่หอม ไม่กินดิบ หรือมาต้มกิน ยกเว้นกรณีพิเศษเท่านั้น เดี๋ยวท้ายๆจะเล่าให้ฟังว่าพิเศษอย่างไร ไร่ของพวกเราก็เหมือนคนอื่นๆที่ปลูกแต่ข้าวโพดแบบนี้ ส่วนข้าวโพดฝักอ่อน หรือข้าวโพดหวาน หรือข้าวโพดข้าวเหนียว หรือข้าวโพดกินดิบ นั้น สมัยนั้นพวกเราไม่รู้จักเลยก็ว่าได้ ก็แปลกดีน่ะ หรืออาจจะแบบมันมีอยู่แต่เราแยกไม่ออกระหว่างข้าวโพดต่างๆก็ไม่รู้ จำได้ว่าตอนอยู่ที่บ้านก็กินข้าวโพดต้มที่เขามัดขายกันมันก็อร่อยดี เราเอาข้าวโพดที่ไร่ต้มมันก็หวานมันเหมือน เลยไม่รู้ว่ามันอันเดียวกันมัย เราอาจจเด็กเกิดจนแยกไม่ออกก็ได้นะ
ไร่ข้าวโพดที่ไร่เราจะทำข้าวโพดได้ปีละ 1 ครั้งคือช่วงหน้าฝน ปลูกเมือ่ฝนกำลังมาหรือปลายร้อนต้นหนาว แต่ไม่ร้อนมากนะ เพราะจำได้ว่า ตอนที่ปลุกข้าวโพดนั้นฝนตกบ้าง หนักบ้าง เบาบ้าง หรือมีเมฆมาบังแดดไม่ให้ร้อนบ้าง บางครั้งฝนตกมากจนดินชื้น ชุ่ม ขุดหรือสับลำบากติดจอบหมดเลยต้องคอนยแกะออก รวมทั้งดินติดรองเท้า ติดเท้าเต็มไปหมด จนหลังๆมันขี้เกียจแกะดินเหนียวออกก็ท้าวเปล่าวนี่ละเดินปลุกข้าวโพดเลย วันนี้เลยจะชวนทุกคนไปเป็นชาวไร่ข้าวโพดกัน ไปปลูกข้าวโพดด้วยกันนะ
เริ่มจากการไถไร่ทิ้งเอาไว้ เป็นฝานสี่ ฝานเจ็ด เป็นการพรวนดิน กำหนดวัชพืชต่างๆ เป็นรถไถใหญ่นะ ไม่ใช้คูโบต้าเดินตาม เพราะพื้นที่มันกว้างใหญ่ รถเล็กไม่ทันกินหรือเปลืองกว่ารถไถใหญ่ ช่วงที่รอให้ฟนตก ก็จะเตรียมเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดกัน ไปซื้อเป็นกระสอบปุ๋ยตามร้านขายทั่วๆ พันธุ์อะไรนั้นน่าจะศรีสุวรรณอะไรสักอย่างนะ เพราะตอนนั้นก็ไม่ได้สนใจว่าข้าวโพดมันมีหลายพันธุ์ด้วยหรือ พันธุ์ข้าวโพดเราไม่เก็บเอาไว้จากปีที่แล้วหรือเอาฝักข้าวโพดเก็บไว้ เหมือนกับทำนาข้าว หรือข้าวโพดพันธ์ุอื่นๆ เพราะซื้อเอาดีกว่า
พอฝนตกดินชุ่มพอให้ข้าวโพดโตก็เป็นการปลุกกันละ บางคนก็ทำในครอบครัว บางคนก็จ้างคนอื่นๆมาช่วย แล้วแต่ความมีเงินหรือต้องการเวลาเร็วๆ ข้าวโพดเราจะปลุกแบบเข้าแถวนะ คืออะไร ก็คือ มีการวางแนวหรือขึงเชือก ในระหว่างแถว ห่างเท่ากัน ส่วนระยะกอหรือระยะต้น เราก็เอาฝางมัดเป็นจุดบนเชือกที่ขึงทำแนวนั้นละ ที่ปลายก็มีหลักไม้เรียวๆเอาไว้เสียบดินไม่ให้แนวเคลื่อนหรือเบี้ยว
เชือกแนวเป็นเชือกในไล่อนที่เราชอบเอามาวิ่งว่าวนะ ไม่เล็กนะสีดำๆเทาๆเข้มๆ สัก 20 เมตรกำลังพอดี มัดหัวมัดหางกับหลักไม้ ส่วนระหว่างกลางก็เอาฝางมัดเป็นระยะเท่าๆกัน เพื่อเวลาขุดหลุมปลุูกข้าวโพดจะได้ระยะเท่าๆกันตลอดไร่
เมล็ดข้าวโพดที่เราจะปลุกจะคลุกด้วยยากันแมลงเราเรียกว่าโพลิดาน ประมาณนี้นะ มันจะออกม่วงๆหน่อยๆ เวลาจับก็เอาถุงพลาสติกหรือถุงก้อบแก้บนี่ละกำเอาหรือจับเอามาปลูก ใช้ขันหรือแกลลอนพังๆผ่าครึ่งมาใส่ถือไป
อุปกรณ์อื่นๆก็มี ไม้วัดแนวเพื่อวัดความกว้างของแถวซึ่งส่วนมากก็เอาหลักปักแนวนั้นละจะได้ไม่ต้องถือให้วุ่นวาย จอบสำหรับขุดหลุมตื้นๆ พร้อมชุดเสื้อแขนยาว หมวกกันแดด รองเท้าบูตยาวๆครึ่งแข้ง เวลาเยียบก้อนดินก้อนหินจะได้ไม่เจ็บเท้า หรือเวลากวาดหรือเตะดินปิดกรบหลุมปลูกจะได้ไม่เจ็บ แต่หากมันฝนตกมากๆ ก็ท้าวเปล่านี่ละเหมาะที่สุดเบากว่าใส่รองเท้า ยิ่งใส่มันจะยิ่งใหญ่ขึ้นเพราะดินเกาะเต็มไปหมด
เมื่อกินข้าวเช้าเสร็จก็ถืออุปกรณ์ต่างๆลงไปปลูกข้าวโพดอย่างน้อยต้องมี 2 คน เพราะจะได้ย้ายหลักแนวเชือกได้ ไม่งั่นลำบากแย่และช้ามากกว่าจะเดินไปย้ายหัวย้ายท้าย เมื่อวางแนวระหว่างแถวแล้วก็จับเป็นคู่ๆคนหนึ่งขุดหลุมคนหนึ่งหยอดเมล็ดและกลบดิน หลุมที่ขุดก็ครึ่งจอบก็พอไม่ลึกมาก หนักลึกไปก็เกิดยาก หากตื่นไปก็ลอยหรือตายหรือหนูกิน มดกิน การหยอดก็สัก 3-4พอ หากน้อยไปก็ได้ต้นน้อย หากมากไปก็เบียดกันฝักออกน้อยไม่สมบูรณ์ เมื่อหยอดเสร็จก็ทำการกลบทันที ก็เตะเอาดินที่ขุดขึ้นมานั้นละเพระามันมีความชื่นและร่วนดีแล้วจากการขุดขึ้นมา หากไม่พอหรือไปไกลก็ต้องขยี้ๆเขี่ยๆเอาแถวๆนั้น ตอนที่ขุดนี้หากเจอดินดานก็จะเว้นไปหรือเจาะเอาแบบจริงจัง แต่ข้าวโพดก้ไม่งามร้อกต้นเล็กๆ ฝักน้อยๆหรือตายไปก็มี มันไม่สมบูรณ์ และขึ้นยู่กับฝีมือในการไถด้วยหากแถวดีๆไร่ก็เสมอๆ สามารถปลุกได้มาก แต่หากเป็นร่องๆ จะเสียพื้นที่ไปเพราะตรงร่องๆพวกนั้น น้ำจะขัง ต้นข้าวโพดตาย หรือน้ำเซาะออกไปหมดก็ตายไป รวมทั้งจุดที่อยู่ริมถนนหรือริมทางที่น้ำจะไหลแรง เซาะจนไร่เป็นทาง เป็นร่อง เสียต้นข้าวโพดไปมากที่ดียวในแต่ละปี
เมื่อปลูกเสร็จแต่ละแถวก็จะย้ายแถวด้วยการใช้หลักปลายแถวที่มัดเชือกแนวนั้นละวางทาบบนดินให้ได้ระยะและปักหลักอีกครั้ง ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สลับๆกันไปจนเสร็จการปลุกข้าวโพดทั้งไร่ โดยปกติดมี 3-4 คนกำลังดีเพราะจะได้ช่วยกันขุด หยอด กลบ ย้ายหลัก รวมทั้งขนเมล็ดหรืออุปกรณ์อื่นๆไปด้วย กว่าจะปลุกทั้งไร่ก็ใช้เวลาหลายสับปดาห์ทีเดียว แล้วแต่แรงงานที่มีมา บางคนก็เอาแรงกัน ลงแขกกัน บางคนก็จ้างคนอื่นๆมาช่วยปลุก จนแล้วเสร็จ
การปลูกข้าวโพดจะไม่ค่อยร้อนมากมายนักเพราะมันจะปลุกช่วงฝนตก เย็นสบาย ทำงานได้มากไม่ร้อน หรือร้อนนาน ร้อนมาก เป็นสิ่งที่เราชอบมากที่สุดถือว่าเป็นช่วงที่สบายๆที่สุดของการทำงานไร่ เพียงแต่หากแดดออกมาหรือฝนทิ้งช่วงไป นั้นละ ร้อนเหมือน แม้จะร้อนก็มีลมมาหรือ หลบแดดได้ใต้เถียง ใต้ต้นไม้ ข้างกองหิน ก็เย็นสยายแล้ว อากาศมันดีกว่าทุกวันนี้นะ
เมื่อปลูกข้าวโพดเสร็จแล้วก็คอยดูว่ามันเกิดหมดมัย เกิดดีมัย หรือหนูกิน นกกิน หรือน้ำเซาะไปมัยแล้วทำการซ่อมหรือเสริมในตอนที่มันเล็กๆจะได้โตเท่าๆเพื่อน เดี๋ยวจะไม่ออกหรือไม่มีฝักเหมือนเพื่อนๆ เพราะเพื่อนมาบดบังแดด
พอต้นข้าวโพดเกิดและมันโตประมาณหัวเข่า ก็ได้เวลาเาหุ่น หรือกำจัดวัชพืชต่างๆ เช่น หย็าคา หย็าคอมมูนิสต์ พวกนี้ต้องเวษะต้องถอนต้องขุดออกให้มากที่สุด และระวังไม่ให้โดนหรือเหยียบต้นข้าวโพดของเราด้วย เดี๋ยวมันตายเอาอดได้ฝัก แถมในช่วงเดียวกันก็ใส่ปุ๋ยเคมีพวกยูเรียน่ะให้มันเติมเร็วโตไว โรยๆตามโคนตามกอข้าวโพดนั้นละ เดี๋ยวฝนตกมามันก็ได้กิน สมัยนั้นการสอนวิธีการใช้ปุ๋ยเคมี การใส่ปุ๋ย คงไม่เห็นคนมาสอนนะ หรือมาแล้วไม่ได้เข้าร่วมก็ไม่รู้เหมือนกัน เลยใส่แบบที่บอกเมื่อกี้
ช่วงนี้จะเริ่มมีตั้กแตนปาทังก้ามากัดกินใบข้าวโพดแล้วก็เลยเป็นโอกาสในการจับเสียเลย จับได้มากๆก็เอาไปขายหรือเก็บไว้กินกัน บางคนทำเป็นอาชีพเลยละ ประเภทต้องเก็บให้หมด อ้อลืมบอกการหาตั้กแตนก็ต้องหาตอนกลางคนนะ มันกำลังนอนหรือมองไม่เห็นเพราะมันหากินกลางวัน ดังนั้นกลางคืนเราก็จัดการได้สบายๆ เอาหม้อแบตหรือตะเกียงแก้สหรือกะบองไปส่องเอา เก็บเอาตามไร่
เมื่อข้าวโพดโตออกดอก ออกขน ออกฟัก ช่วงนี้ตั้กแตนก็ตัวใหญ่นะเต็มปากเต็มคำดีเหมือนกัน พวกเราก็จะเดินส่องกัน แต่จะลำบากเพราะต้นข้าวโพดมันกูงหรือโตเต็มที่แล้ว หาไม่ค่อยเจอตั้กแตนเท่าไหร่ ช่วงนี้หากอยากกินข้าวโพดต้มก็หักเอาไปต้มที่เถียงได้เลย อร่อยและสดใหม่เลยที่เดียว ต้มเสร็จจะกินเลย หรือจะเอามาทำเป็นของหวาน ใส่น้ำกะทิและแตงไทย คล้ายลอดช่องเลยละ อร่อยดีจริงๆ นานาจะได้กินหรือได้ทำกัน
พอมันโตจนจะแก่หรือแก่แต่ไม่แห้ง ยังเอามาทำขนมหวานช่อว่า ข้าวปาด ทำโดยเอาข้าวโพดดิบมาตำหรือบดให้ละเอียดแล้วค้นเอากากออกเอาน้ำมาผสมน้ำตาล กะทิ ต้มรวมกันแล้วเทใส่ถาดข้าวหรือพาข้าวเอาไว้ จนมันเย็นจะแข็งตัว ตัดออกกินเหมือนขนมหม้อแกงหรือขนมชั้น เอามาแบ่งกันกิน อร่อยดีนักเหมือนกัน นานๆก็ได้กินที ข้าวปาด ชื่อคงมาจากเวลามันอยู่ในถาดพอเทร้อนๆลงไปแล้วต้องเอาไม้หรือช้อนหรือทัพพีปาดหน้าให้มันเรียบๆ สวยๆ นั้นมั้ง
พอต้นข้าวโพดแห้งตาย ฝักข้าวโพดแห้งดีแล้ว เราจะจะทำการเก็บหรือหักข้าวโพดกันละ ตอนนี้ละเป็นช่วงที่ยากที่สุดของการทำไร่ข้าวโพด เพราะต้นมันสูง มันแน่น เต็มพรืด ต้องบุกข้าวไป ต้องปลอกเปลือกออก เอาแต่ฝักที่มีเมล็ด แล้วหักเอาฝักนั้น ใส่ตระกร้า ใส่กระสอบปุ๋ยหรือกองเอาไว้เป็นจุดๆ แล้วต้องเหยียบต้นมันลง หากมันขวางการเก็บต้นหรือกออื่นๆ บางครั้งต้นมันบาดเท้า หรือมือ บางครั้งใบบาดมือ บาดนิ้ว หรือคายมันเข้าเสื้อ ทั้งคัน ทั้งคาย ตุ่มเต็มไปหมด ยังไม่พอ แตนและมิ้ม ชอบแอบสร้างรังในป่าข้าวโพดหรือตามต้นไม้ กิ่งไม้ในดงข้าวโพด โดนมันต่อยเป็นประจำ
พอเก็บเสร็จแต่ละวันก็ทำการเก็บฝักมากองเป็นกองใหญ่ หิ้วมา แบกมา ขนมากองรวมกันใหญ่ๆ เอาไว้ตากแดดหลายๆแดดก่อน มอดมันจะได้ไม่กิน หรือไม่มีเชื้อรา ทำให้ขายไม่ได้ หรือน่้ำหนักลดลงไป เสียดายมาก
เมื่อวันแห้งสนิทดีแล้ว ก็ขนเข้าไปเก็บเอาไว้ในยุ้งข้าวโพดที่สร้างเอาไว้ใกล้เถียงนั้นล่ะ สร้างมากเป้เสาไม้ ยกพื้นด้วยกอ้อนหินหรือไม้ท่อน ไม่ให้ถึงดิน กลัวหนูหรือปลวกจะขึ้นกินข้าวโพดของเรา ผนังหนังยุ้งก็เป็นลำข้าวโพดขัดเอาหรือตีไม้เป็นชิ้นๆไม่ได้ต่อเนื่องกันแล้วขัดกับลำข้าวโพด ทำเป็นประตูใหญ่ และมีหน้าต่างด้วย มีชั้นๆไล่ตามความสูงของข้าวโพด ปิดขึ้นไปเรื่อยจนสุดหรือหมดข้าวโพด นั้นละ เป็นอันเสร็จการทำข้าวโพดก็เหลือแต่การรอขายอย่างเดียว ครั้งแต่ไปจะเล่าให้ฟังถึงการ สี และ การขายข้าวโพดนะ....
นี่ละชีวิตของชาวไร่ข้าวโพดสมัยเมื่อ 30 ปีที่แล้ว ทำแบบนรี้ซ้ำวนไปทุกๆปี ไร่เราก็ได้ข้าวโพดเท่าๆเดิม ไม่เคยเห็นต้องสร้างยุ้งที่สองมาใส่น่ะ ยุ้งเดียวก็พอ ...บางไร่ มี 2 หรือ 3 ยุ้งเลยนะ แสดงว่าทำไร่เยอะหลายสิบไร่เลยละ อีกมุมหนึ่งที่สวยงามของการทำไร่ข้าวโพดคือ วิวที่จะมองออกไปจนสุดลูกหูลูกตา หรือเวลาผ่านตามถนนไปสองข้างทางเป็นทิวแถวข้าวโพดเต็มไปหมดนะ สวยงามทีเดียว...ปล. ภาพจากช่างวัช สุโขทัย ขายมาล่าด้วย
| Create Date : 26 มีนาคม 2563 |
| Last Update : 31 มีนาคม 2563 14:35:14 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 2015 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
 |
|
|
|
|
 |
ฝากข้อความหลังไมค์ |
 |
Rss Feed |
 | ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
- เป็น เป็นวิทยากร เป็นคนบรรยาย เป็นผู้บริหาร หน่วยงานของรัฐ
- ชอบ ชอบอ่านนวนิยายจีนกำลังภายใน ชอบป่า ชอบน้ำ
- ทำ ทำงานพัฒนา ทำงานท่องเที่ยว ทำสวนเกษตร
- ขาย ขายประกัน ขายของทะเลแห้ง ขายเกลือ ขายคอนโด
- เรียน จบ ป.เอก ม.โพธิศาสตร์ ป.โท นิด้า ป.ตรี ม.ราม
|
|
|
|
