space
space
space
<<
เมษายน 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
space
space
4 เมษายน 2563
space
space
space

ดอนปู่ตา ๒๕๒๘ ตอน ป่าศักดิ์สิทธิของหมู่บ้าน
      ...จำได้ว่าบ้านเราน่าจะได้รับการจัดตั้งมา 100 กว่าปีแล้ว เป็นช่วงที่ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ได้มาตรวจราชการแถวนี้เห็นว่ามีความอุดมสมบูรณ์ดี น้ำท่าดี ป่าไม้ดี ดินดี จึงอยากให้โยมแม่ได้มาอยู่ที่นี่ พอชวนโยมแม่ๆก็บอกว่า ไม่มาเพราะตรงนั้นไม่มีวัด ท่านเจ้าคุณเลยพาคณะศรัทธาญาติโยมสร้างวัดศุภรัตนาราม หรือวัดบ้านค้อหวาง ตั้งแต่นั้นมาก็เกิดเป็นหมู่บ้านต่างๆ เริ่มจาก บ้านหวาง ม. 2 และบ้านค้อกระบือ ม. 3 และแตกออกเป็นอีก หลายหมู่บ้านรอบๆกัน .. ส่วนบ้านกับวัดอะไรจะเกิดก่อนกันหรือลังกัน อันนี้ไม่ทราบได้ อาจจะเป็นมีชาวบ้านอยู่แล้วบางส่วน มีชุมชนแล้วบางส่วน แล้วท่านเจ้าคุณมาเจอ แบบนี้คือ บ้านเกิดก่อน หรือ ท่านเจ้าคุณมาเจอแต่ป่า เลยมาสร้างวัดแล้วมีคนมาอยู่กัน แบบนี้วัดเกิดก่อน อันนี้จะถามใครคงไม่ทันแล้วละ เสียไปหมดละ 
         อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่าแถวๆนั้นมีแต่ป่าไม้แน่นอน ทุกคนเลยต้องมาบุกป่าถางพงกันทำมาหากิน ทำเป็ฯหมู่บ้าน เป็นสวน เป็นนา  ตอนที่สร้างหมู่บ้านของเราจะมีส่วนที่แบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ โซนที่อยู่อาศัย โซนทำนา โซนทำสวน โซนป่าช้า โซนดอนปู่ตา ซึ่งเอาการใช้ประโยชน์เป็นตัวว่าก็แล้วกัน 
           วันนี้เลยมาเล่าเรื่องราวของ "โซนดอนปู่ตา" หรือ "โซนศักดิ์สิทธิ์" ประจำหมู่บ้าน หรือ "ป่าศักดิ์สิทธิ์" ประจำหมู่บ้าน เป็นป่าไม้ที่พวกคนเริ่มแรกตั้งหมู่บ้านได้เหลือเอาไว้ด้านที่เหนือของหมู่บ้านเรา เป็นพวกไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ เช่น ต้นยาง ต้นประดู่ ฯลฯ เป็นป่าที่รกทึบ น่ากลัว เปลี่ยว ทางเดินเป็นทางดินทรายเล็กๆพอรถจักรยาน มอเตอไซค์ หรือรถเข็นผ่านได้ พวกเรามีความเชื่อว่า ป่านี้เอาไว้ให้เทวาอารักษ์ ปู่ย่าตายา บรรพบุรุษ ได้อยู่อาศัย คอยเฝ้าดูแลหมู่บ้าน ลูกหลาน หรือ ภูติผีจากที่อื่นๆไม่ให้มาทำร้ายหรือรบกวนคนบ้านเรา
        พวกเราจะสร้างศาลาเล็กหลังหนึ่งเอาไว้ใต้ต้นยางใหญ่ ที่เราเชื่อว่าใหญ่ที่สุด ขลังที่สุด น่าจะใครอาศัยอยู่ เพื่อให้เป็นที่อยู่ของปู่ของย่าเรา แน่นอนว่าเป็นศาลาเล้กขนาดครึ่งเมตรหรือเกินไม่เท่าไหร่ ยกพื้นสูง มีสังกะสีมุง ภายในใส่ตุ้กตาที่เราสมมุติว่าน่าจะเป็นปู่กับย่าเอาไว้ มีพวงมาลัย มีแจกกันดอกไม้ มีที่จุดธูปเทียน และจะมีคนมาคอยทำความสะอาดเป็นประจำ พร้อมกับมีคนมาไหว้ ขอพร บนบานศาลกล่าว แก้บน เป็นระยะ  เวลาที่เราเดินผ่านไปแถวๆศาลานี้ พวกเราก็จะยกมือไหว้กันทุกคน   คนในหมู่บ้านจะมอบหมายให้คนเฒ่าคนแก่คนหนึ่งเป็นเจ้าพิธีหรือคนติดต่อกับพ่อปู่แม่ย่า อคยทำพิธีการต่างๆ หรือคอยดูแลเป็นระยะ อาจจะเรียกว่า พ่อจ้ำ ก็ได้คอยทำหน้าที่ที่ศักดิ์สิทธิ์นี้
         จำได้ว่าเวลาเราจะออกจากหมู่บ้านไปอยู่ที่อื่น ไปเรียน ไปทำงาน เราจะยกมือหว้แล้วหันหว้าไปทางดอนปู่ตาแล้วบอกว่า พ่อปุ่แม่ย่าลูกจะไป...แล้วนะ ปกปักรักษาดูแลด้วย ให้เดินทางปลอดภัย หากินหาอยู่หากินได้มากมาย...ประมาณนี้ เป็นการทำที่ปกติของพวกเรา เวลากลับมาแล้วก็ยกมือบอกว่ามาถึงแล้วนะ ขอขอบคุณที่ปกป้องรักษาหลบุกๆหลานๆ เอาไว้ให้อยู่รอดปลอดภัย 
          ดอนปู่ตาของเรามีขนาด 10 กว่าไร่ มีต้นไม้ใหญ่มากมาย ต้นไม้ขนาดเล็กและเครือเถาอีกทำให้มองไม่ทะลุหรือรกทึบ คล้ายๆกับป่าดงดิบเลยละ เป็นกลุ่มต้นไม้ที่สูงที่สุดและใหญ่ที่สุดของหมู่บ้าน แต่ไม่ได้ใหญ่ที่สุด และใหญ่ที่สุดของหมู่บ้าน  หากมองมาจากถนนหลวงหรือหมู่บ้านอื่นๆ จะรู้เลยว่านี่ละบ้านค้อหวาง หรือบ้านค้อกระบือ มองมามีรูปทรงคล้ายๆกับดอกเห็ดยักษ์นั้นเอง ซึ่งในละแวกเดียวกันจะมีป่าแบบนี้ของ บ้านศรีษะกระบือ บ้านก่อ บ้านโนนโหน บ้านหวาง ที่มีกลุ่มป่าแบบนี้ แต่บ้านเราโดเด่นที่สุด และอยู่ใจกลางหมู่บ้านหรือติดกับหมู่บ้านเลยทีเดียว แต่ของคนอื่นๆจะออกไปนอกหมู่บ้าน
        สมัยนั้นดอนปู่ตาเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก ไม่ค่อยมีคนกล้าผ่าน ยิ่งตอนกลางค่ำ กลางคืน ไม่ต้องพูดถึงเด็กๆอย่างเรา วิ่งอย่างเดี่ยวหรือเลี่ยงไปทางรอบๆ แทน อย่าว่ากลางคนเลยแม้แต่กลางวัน พอเข้าไปแค่นั้นละ มันทั้งทึบ ทั้งคลึ้ม วังเวง เสียงสัตว์ป่าตัวเล็กตัวน้อยร้องระงมกันไปหมด แค่นี้ก็วิ่งกันแทบตาย หัวใจจะวายละ ด้วยความที่มันต้นไม้ใหญ่ มันรกนี่ละ เขาว่าผีดุจริงๆ เจอกันหลายคนแล้ว เขาเล่าๆกันมานะ แต่เรานี้ไม่ได้เจอกับตนเอง เพราะเป็นคนที่กลัวมัง แต่ไม่เจอดีกว่านะ 
          เมื่อโตขึ้นมีโอกาสได้ไปทุกจังหวัดของภาคอิสานและจังหวัดอืนๆที่มีเชื้อสายลาวเหมือนกัน ก็ได้รับคำตอบคล้ายๆ กันว่า แต่ละหมู่บ้านก็มีเหมือนกัน เพียงแต่เรียกชื่อที่ต่างกันไปแต่หลักการคล้ายๆกันนี่ละ  ในแง่มุมของความเชื่อน่าจะเป็นความเชื่อที่มายาวนานก่อนที่จะมีศาสนา คือการนับถือ ธรรมชาติ นับถือสิ่งศักดิ์สิทธิ นับถือบรรพบุรุษ หรือ อีกมุมหนึ่งเป็นมาตรการทางสังคม ที่ทำให้คนมีความสามัคคี รวมใจรวมกายกันของแต่ละหมู่บ้าน เพราะถือว่ามีสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวกันทำให้รู้สึกเป็นพวกเดียวกันมีปู่มีย่าคนเดียวกัน หรือ ในแง่มุมของสิ่งแวดล้อม เป็นการรักษาและคงไว้ซึ่งป่าไม้ และการปลูกฝังจิตใจให้คนรักษ์หวงแหน เรียนรู้จากป่าไม้ หรืออาจจะเป็นการรักษาแหล่งอาหารการกินของชุมชน ให้มีแหล่งพืช แหล่งสัตว์ หรือเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุสัตว์และพืชต่างๆ   สมัยที่เรียนสิ่งแวดล้อมที่ NIDAได้ค้นคว้างานวิจัย ก็มีนักวิจัย นักศึกษาทุกระดับ ได้ค้นคว้าเรื่อง ดอนปู่ตาเอาไว้มากมาย หลากหลาย สามารถหาติดตามอ่านได้ในเนตทั่วไป ได้เลย 
         ดอนปู่ตาของเราได้ผ่านการพัฒนามาเรื่อยๆ จากถนนดิทรายเล็ก ก็มีการเอารถไถไปเกรด ไปชน จนถนนใหญ่ขึ้น แล้วต่อมาก็ทำเป็นถนนคอนกรีต จากเดิมเป็นป่ารกทึบการแผ่นถางซางออกให้สะอาดมองทะลุ สร้างสนามกีฬาเอาไว้ให้มาออกกำลังกาย จนความน่ากลัวได้ลดน้อยถอยลงไปมากมาย แต่พวกเราก็ยังเรียนที่นั้นว่า "ดอนปู่ตา" เสมอมาจนทุกวันนี้
          ตอนต่อๆไปจะมาเล่าสู่กันฝังถึงเรื่องราวการทำหากิน การเลี้ยงปู่ตา และความศักดิ์ให้อ่านกันต่อไป



Create Date : 04 เมษายน 2563
Last Update : 5 เมษายน 2563 20:22:11 น. 0 comments
Counter : 437 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

Dr Chang
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




- เป็น เป็นวิทยากร เป็นคนบรรยาย เป็นผู้บริหาร หน่วยงานของรัฐ
- ชอบ ชอบอ่านนวนิยายจีนกำลังภายใน ชอบป่า ชอบน้ำ
- ทำ ทำงานพัฒนา ทำงานท่องเที่ยว ทำสวนเกษตร
- ขาย ขายประกัน ขายของทะเลแห้ง ขายเกลือ ขายคอนโด
- เรียน จบ ป.เอก ม.โพธิศาสตร์ ป.โท นิด้า ป.ตรี ม.ราม

space
space
space
space
[Add Dr Chang's blog to your web]
space
space
space
space
space