space
space
space
<<
พฤษภาคม 2563
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
space
space
30 พฤษภาคม 2563
space
space
space

บ ว ช ตอน วัดเขาตะเงาะอุดมพร
      อาจจะเรียกว่าเป็นการตามไปกราบอาจารย์ของอาจารย์ก็ว่าได้ เพราะว่าพระอาจารย์ของผมนั้นไปฝึกภาวนาที่ "วัดเขาตะเงาะอุดมพร" อำเภอหนองบัวระเหว จังหวัดชัยภูมิมาก่อน ผมในฐานเณรศิษย์ก็ต้องตามรอยของพระอาจารย์ไป เพราะท่านจะเล่าให้ฟังเป็นระยะว่าการไปฝึกที่วัดเขาตะเงาะนั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทำอะไร และเจออะไรทำให้ผมก็เกิดความอยากที่จะไปเช่นกัน
      ตอนนั้นโยมพ่อและโยมแม่ได้ขับรถกะบะไปส่งจากบ้านศาลาหนองขอน (บ้านโยมแม่เลี้ยง) กิ่งอำเภอแก้งสนามนาง (ตอนนั้น) จังหวัดนครราชสีมา เพราะบอกว่าอยากไปภาวนาที่วัดเขาตะเงาะ โยมพ่อเลยเป็นธุระค้นหาให้ว่าวัดนี้อยู่ที่ไหน ไปอย่างไร เมื่อได้พิกัดมาก็ออกเดินทางกันไป โชคดีที่วัดตะเงาะอยู่ริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 225 ซึ่งก็คือทางเชื่อมระหว่างจังหวัดชัยภูมิไปจังหวัดเพชรบูรณ์ จังหวัดนครสวรรค์ ซึ่งเคยนั่งรถทัวร์ผ่านไปครั้งหนึ่งตอนไปจังหวัดเชียงใหม่ครั้งแรกนั้นเอง
     พอไปถึงก็เข้าไปกราบพระอาจารย์เจ้าอาวาสซึ่งก็คือพระอาจารย์ของพระอาจารย์ของผม หากกล่าวแบบนิยายจีนเรียกว่า อาจารย์ปู่ นั้นเอง คือ "พระอาจารย์จื่อ" หรือหลวงปู่จื่อ พันธมุตโต ในปัจจุบัน (อายุ น่าจะ 77 ปีแล้ว) ท่านเป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่ผาง จิตคตุตโต แห่งวัดอุดมคงคาคีรีเขต อำเภอมัญจาคีรี จังหวัดขอนแก่น ผู้เป็นศิษญ์หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต   ท่านพระอาจารย์จื่อถามว่ามาจากไหนมายังไง เลยกราบเรียนท่านมามาจากอุบลราชธานีครับ พระอาจารย์โสผู้เป็นอาจารย์แนะนำให้มาฝึกภาวนาที่วัดเขาตะเงาะครับ เพราะท่านเคยมาฝึกที่นี้ในกุฎิถ้ำไห พร้อมกับกราบเรียนว่าตอนนี้ท่านได้ไปสร้างสำนักสงฆ์ที่บ้านเกิดชื่อวัดป่าโพธาราม ผมก็บวชที่วัดป่านี้และเป็นคนบ้านนี้ด้วยครับ พอกราบเรียนท่านก็ระลึกได้สมัยที่พระอาจารย์มาฝึกภาวนา และจัดหาที่กุฎิให้อยู่พร้อมกับแจ้งวัตรปฏิบัติของวัดเขาตะเงาะให้ทราบเบื้องต้น
       ที่วัดเขาตะเงาะนี้มีกุฎิที่พระอาจารย์เคยอยู่หลังหนึ่งที่พิเศษมากกว่าหลังอื่นๆ คือ "ถ้ำไห" เป็นการเอาไหมาต่อๆเรียงๆกันเป็นกุฎิให้พระเณรได้จำวัตร น่าจะทำให้อากาศเย็นและเงียบสงบนั้นเอง เพราะแถบนี้อากาศร้อนในหน้าร้อนหรือป่าไม้ไม่ค่อยสูงใหญ่เลยไม่ค่อยเงียบ น่าจะเป็นอุบายอย่างหนึ่งให้พระเณรได้ภาวนากันด้วยภูมิประเทศที่ดียิ่งขึ้น สมัยนั้นมีคำล่ำลือต่อกันมาว่าพระอาจารย์ของผมเดินจงกลมจนทางจงกลมพังหรือเป็นหลุมเป็นบ่อตามรอยเท้าที่เดิน น่าจะเป็นช่วงที่ท่านเร่งความเพียรอย่างเต็มที่นั้นเอง
        เมื่อได้กุฎิพักแล้วก็เดินสำรวจรอบๆวัดซึ่งเป็นเนินใหญ่ๆแต่ไม่สูง ทั้งสองฝากถนน เป็นที่สังเกตว่าวัดนี้มีเครื่องจักรเครื่องยนต์เป็นหลายเครื่องไม่รู้มีใครมาถวายเอาไว้บ้างสำหรับการก่อสร้างวัด ด้านข้างของวัดมีเขื่อนดินท่านเป็นผู้นำในการก่อสร้างเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำของสามอำเภอรอบๆนี้ 
          วัดเขาตะเงาะเป็นวัดที่ไม่ใส่รองเท้า คือ พระเณรจะไม่ใช้รองเท้ากัน ทำให้พอเข้าวัดนี้ก็ต้องทิ้งรองเท้าเอาไว้เดินท้าวเปล่ากันหมด นับว่าเป็นครั้งแรกที่เดินท้าวเปล่านอกจากการบิณฑบาตก็คราวนี้เอง ความรู้สึกก็ไม่ได้เจ็บเท้านะ เพราะเท้าน่าจะหนาอยู่ในแล้ว ตอนนั้นก็ลืมถามเหตุผลว่าเพราะอะไร หากให้เดาก็อาจจะเป็นการฝึกความอดทนในความเจ็บ  ฝึกสติให้ระวังในการก้าว หรือเมื่อเหยียบก็ให้มีสติตลอดเวลาก็เป็นได้
         อีกเรื่องวัดเขาตะเงาะคือ มีแม่ชีอยู่เป็นวัดที่มีแม่ชี ซึ่งภาวนากันเก่งๆ เพราะเป็นนักปฏิบัติเหมือนกัน ทำให้มีโยมผู้หญิงมาบวชชีหรือปฏิบัติธรรมที่วัดนี้มากเช่นกัน  รวมทั้งแม่ชีก็ยังมีหน้าที่ทำภัตตาหารถวายพระเณรด้วยอีกหน้าที่หนึ่ง ทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ เช่นเคย
          มีอยู่คืนหนึ่งที่ตื่นเช้ามารอบิณฑบาตได้มานั่งในศาลา ลมพัดเย็นและหนาวมาก นั่งสมาธิไป หนาวไป ฟุ้งซานได้ นั่งไปนั่งมาพระอาจารย์จื่อ เดินมาเห็นเลยบอกว่า "เณรมานั่งหนาวทำอะไร ไปเดินไป" เลยต้องลุกไปเดินจงกลมแถวๆนั่น  
         อยู่ในวัดเขาตะเงาะไม่นานวันก็มีคิวต้องไปที่วัดถ้ำผาปล่อง อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ของท่านหลวงปู่สิม พุทธาจาโร จำไม่ได้แล้วว่าพระอาจารย์จื่อเหตุใดจึงต้องไป วัดถ้ำผาปล่อง แต่ใจจริงเราอยากกลับไปที่ถ้ำเมืองนะ ชายแดนพม่า สงสัยเท่านอยากให้ไปอยู่กับครูบาอาจารย์ที่เคร่งครัดมากนั้นเอง ท่านเมตตาพาไปส่งถึงวัดถ้ำผาปล่องเลยทีเดียว ก่อนไปท่านยังบอกอีกว่า "เณร เห็นหมาขี้เรื้อนมัย ไปอยู่ไหนมีก็คัน ต้องเกา เพราะมันเป็นขี้เรื้อน หากอยากให้หายต้องรักษาขี้เรื้อนก่อน แล้วครานี้ไปอยู่ไหนก็สบาย"..นี่ท่านเมตตาบอกสอนเอาไว้ตอนที่ไปกราบท่านบอกว่าจะไปถ้ำเมืองนะที่เชียงใหม่ ว่ามันภาวนาดี มันสงบดี อยากกลับไปอีก
         นับเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ได้พบกับพระอาจารย์จื่อ แต่ด็ได้ไปแวะไปที่วัดเขาตะเงาะนี้หลายครั้ง ทุกครั้งที่ไปทั้งจากภาคเหนือมาหรือจากอิสานไปทั้งขึ้นทั้งล่องต้องมีของหรือซื้อของไปถวายเอาไว้ที่โรงครัว เช่น ขนุน มะพร้าว ผัก หอมแดง กระเทียม ฯลฯ ที่จำเป็นในการทำภัตตาหาร ก็จะแวะเอาไว้ไว้ที่โรงครัวทุกครั้งไป ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องทำไม่ได้ขาด หากไม่ได้เตรียมไปจากต้นทางก็แวะซื้อเอาระหว่างทางนั้นละ     

https://www.google.com/maps/place/%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3/@15.75655,101.7921333,17z/data=!3m1!4b1!4m5!3m4!1s0x311f3eb261b3f693:0x692a6455c1d842c3!8m2!3d15.75655!4d101.794322


Create Date : 30 พฤษภาคม 2563
Last Update : 8 กรกฎาคม 2563 21:17:21 น. 0 comments
Counter : 530 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
space

Dr Chang
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




- เป็น เป็นวิทยากร เป็นคนบรรยาย เป็นผู้บริหาร หน่วยงานของรัฐ
- ชอบ ชอบอ่านนวนิยายจีนกำลังภายใน ชอบป่า ชอบน้ำ
- ทำ ทำงานพัฒนา ทำงานท่องเที่ยว ทำสวนเกษตร
- ขาย ขายประกัน ขายของทะเลแห้ง ขายเกลือ ขายคอนโด
- เรียน จบ ป.เอก ม.โพธิศาสตร์ ป.โท นิด้า ป.ตรี ม.ราม

space
space
space
space
[Add Dr Chang's blog to your web]
space
space
space
space
space