|
|
11 พฤษภาคม 2563 ขอเริ่มซี่รีย์ใหม่ก็แล้วกัน เพราะเมื่อคืนเป็นตอนสุดท้ายของซี่รีย์เรื่องป่าช้าไปด้วย "โนนเอียด" ซึ่งเป็นป่าช้าที่ใหญ่ที่สุดในเขตบ้านเรา ในสองสามตอนที่ผ่านมาก็แอบกล่าวถึงไปบ้างแล้วละนั้นคือ " บ ว ช" นั้นเอง ซี่รีย์นี้จะเป็นการเล่าเรื่องราวของชีวิตที่เข้าสู่ศาสนาในสายวัดป่าเมื่อปี 2533-3535 หรือ 30 ปีที่แล้ว หวังว่าคนอ่านจะได้เห็นสภาพของวัดป่า การปฏิบัติธรรม สภาพเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม ของช่วง 30 ปี ที่แล้วว่าเป็นอย่างไรบ้าง เพราะสิ่งเหล่านั้นคงไม่มีในปัจจุบันหรือเห็นได้ในขณะนี้แล้วละ ตามตำราทางศาสนาของเราบอกเอาไว้ว่า ยากนักที่เราจะได้เกิดมาเป็นคน เมื่อมาเป็นคนแล้วยากนักที่จะได้พบพุทธศาสนา เมื่อพบพุทธศาสนาแล่วยากนักที่จะศรัทธาในพุทธศาสนา เมื่อศรัทธาในพุทธศาสนาแล้วยากนักที่จะได้บวช เมื่อบวชแล้วยากนักที่จะได้ปฏิบัติ เมื่อปฏิบัตแล้วก็ยากนักจะได้รับผลอย่างที่อยากได้ ท่านสรุปเอาไว้ง่ายๆว่า ทุกอย่างทุกสิ่งต้องมีเหตุ ต้องทำเหตุเอาไว้ ชาตินี้เป็นผลของชาติที่แล้ว คนที่ได้บวชได้ปฏิบัติย่อมมีการบวชหรือปฏิบัติมาก่อนแล้วในชาติภพที่ผ่านมา นี่ละคือความเชื่อที่ฝังอยู่ที่เชื่ออยู่ตั้งแต่สมัยเด็กๆก่อนที่จะศึกษาอย่างจริงจังในช่วยโตขึ้นมา สมัยเด็กๆใช้ชีวิตแบบเด็กบ้านนอกทั่วไป วิ่งเล่น หาปูหาปลาหากบหาเขียดหากิ้งก่าหาหนูหานกและหาอื่นๆมากๆ ทำบุญตามคนใหญ่พาทำ ไปวัดไปจังหัน ทำบาปทำบุญครบทุกอย่างใช้ชีวิตแบบนั้นมาจนกระทั่งวัยรุ่นเลยละแต่อย่างน้อยก็ยังได้ไปวัดเพราะมีพี่บวชเป็นพระตอนอายุ 20 ปี เราต้องไปส่งจังหันทุกเช้าไปเป็นเด็กวัดคอยรับชายพระพี่ชายจนสึกออกมา และได้ไปสร้างวัดป่าที่ป่าช้าบ้านเรา 2 อย่างนี้ทำให้ "ชิน" หรือ "คุ้นเคย" กับวัดวัด กับพระทั้งวัดป่าและวัดบ้าน แต่สิ่งที่ทำให้ "ลึก" และ "ประหลาด" กับศาสนาจนเกิดความ "เชื่อ" และฝังลึกในใจ ซึ่งเกิดก่อนการไปวัดไปสร้างวัดเสียอีก เพราะเหตุการณ์สมัยเรียนประถมศึกษาที่โรงเรียนวัดบ้านค้อหวางนั้นเอง ที่ทำให้ "เปลี่ยน" อะไรหลายอย่างในชีวิต น่าจะอยู่ชั้น ป 4 หรือ 5 นี่ละ เพราะเป็นคนรู้เรื่องละไม่ใช่เด็ก คือ จำได้แล้วว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง น่าจะปี 2526 โน้นละ ได้มีพระมาบรรยายธรรมที่โรงเรียน ไม่รู้ว่าท่านมาเองหรือโรงเรียนนิมนต์มา ชื่อว่าอะไรก็ไม่รู้เหมือนกัน ธรรมะสอนอะไรบ้างก็จำไม่ได้แล้ว ท่านได้สอนให้นั่งสมาธิ นั่งขาขวาทับขาซ้าย มือขวาทับมือซ้าย วางบนตัก ตั้งหลังตรง หน้าตรงหายใจเข้าออกแบบสบายๆ เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องเกร็ง ไม่ต้องรีบ ไม่ต้องหวัง ไม่ต้องคิด ภาวนา "พุท โธ" หายใจเข้าว่า "พุท" หายใจออกว่า "โธ" ทำไปเรื่อยๆ นั้นเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักกับการทำ "สมาธิ" เจริญภาวนา ตอนนั้นก็ทำตามพระว่าไปอย่างนั้นละไม่ได้คิดอะไรมาก ตั้งแต่นั้นมาก่อนนอนจะต้องนั่งสมาธิแบบนี้ทุกวันทำแบบนั้นอยู่ประมาร1เดือนก้เห็นผลสำเร็จ ในคืนวันหนึ่งขณะที่นั่งสมาธิอยู่นั้นก็เกิด "จิต" รวมสงบลงไป นับเป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสความสงบจากการทำสมาธิ มารู้ตอนหลังว่า "สุขอื่นยิ่งกว่าคามสงบไม่มี" ..เป็นจริงดังที่ว่าไว้ อย่างไรก็ตามการทำสมาธิก็ขาดหายไปไม่ได้ทำต่อเนื่องจากเหตุใดไม่สามารถบอกได้ สงสัยว่ายังไม่ได้คิดจริงจังเกี่ยวกับสิ่งนี้ ก็ได้อาจจะยังเล็กเกินไปที่จะเข้าใจ หรือ อาจจะยังไม่มีคนมาสอนสั่งต่อยอดไป นับว่าน่าเสียดายก็ว่าได้ อย่างน้อยสิ่งนี้ก็เป็นหลักฐานพิสูจน์ธรรมะเอาไว้ว่า "จิตสงบ" มีจริง และ ทำอย่างไร นั้นละเป็นจุดตั้งแต่ของเส้นทางสายนี้ สายปัจจุบันและอนาคต...แม้ว่าจะยังไม่มีความรู้เรื่องการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนาแบบลึกๆ ก็ตามที่ นี่จึงเป็นอีกหนึ่ง "จุดเปลี่ยน" สำคัญในชีวิตของคนเราก็ว่าได้ ว่าจะไปในทิศทางไหน อย่างไรนะ
Create Date : 23 เมษายน 2563 |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2563 10:21:06 น. |
|
1 comments
|
Counter : 318 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Prissana.kai IP: 27.145.86.149 วันที่: 12 พฤษภาคม 2563 เวลา:19:51:11 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| |
|
ฝากข้อความหลังไมค์ |
|
Rss Feed |
| ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
- เป็น เป็นวิทยากร เป็นคนบรรยาย เป็นผู้บริหาร หน่วยงานของรัฐ - ชอบ ชอบอ่านนวนิยายจีนกำลังภายใน ชอบป่า ชอบน้ำ - ทำ ทำงานพัฒนา ทำงานท่องเที่ยว ทำสวนเกษตร - ขาย ขายประกัน ขายของทะเลแห้ง ขายเกลือ ขายคอนโด - เรียน จบ ป.เอก ม.โพธิศาสตร์ ป.โท นิด้า ป.ตรี ม.ราม
|
|
|
|