bloggang.com mainmenu search

คอลัมน์ เล่าเรื่องหนัง

โดย ติสตู

หลังเรียลิตี้ซีรีส์ชุด American Votes 2008 ที่ดำเนินมาหลายเดือนจบตอนสุดท้ายด้วยกระแส Obamania ทั่วโลก สหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีคนที่ 44 ที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้มาเปลี่ยน

โดยเฉพาะเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์อเมริกัน นับตั้งแต่คนผิวสีตกเป็นทาส อับราฮัม ลินคอน ยกเลิกทาส มาร์ติน ลูเธอร์ คิง กับการต่อสู้ในประเด็นความเท่าเทียมกันของมนุษย์ และกระบวนการเรียกร้องสิทธิของคนผิวสีเป็นต้นมาในอีกหลายปี

วันนี้ อเมริกาเปลี่ยนโฉมหน้าหลังจากบารัค โอบามา ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ (บทบาทของคนผิวสีในทางการเมืองก็มีความโดดเด่นนับตั้งแต่ ดร.คอนโดลีซซา ไรซ์ ในตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ)

กล่าวสำหรับคนผิวสีในโลกฮอลลีวู้ด ทั้งนักแสดง-ผู้กำกับฯผิวสีต่างก็ได้รับการยอมรับ และมีบทบาทในฮอลลีวู้ดมาตั้งแต่ต้นทศวรรษ 60 แล้ว และแต่ละยุคก็ยิ่งได้การยอมรับมากขึ้น โดยนัยนี้สะท้อนผ่านเวทีประกวดรางวัลทางภาพยนตร์ต่างๆ

ประวัติศาสตร์ของคนผิวสีในโลกภาพยนตร์โดยสังเขปที่นำมาเล่านี้ เรียบเรียงข้อมูลบางส่วนจาก 100 Years Of Cinema (หนังอเมริกัน ประวัติศาสตร์และงานคลาสสิค) โอกาสของดาราผิวสีเปิดกว้างขึ้นในยุค 60 แม้ว่าขณะนั้นการแบ่งแยกสีผิวยังคงมีอยู่ "ซิดนีย์ ปอยเตียร์" เป็นดาราผิวสีคนแรกที่ก้าวขึ้นสู่ความนิยมในระดับสูง หนังที่เขาแสดงส่วนใหญ่มีความขัดแย้งเรื่องสีผิวเป็นส่วนประกอบ เรื่องสำคัญคือ Guess Who"s Coming in Deinnrt, To Sir With Love, In The Heat Of The Night ทั้งหมดออกฉายในปี 1967

มาในยุค 80 คนดูคุ้นเคยกับหนังบัดดี้คู่หูคนขาว-คนผิวสี อาทิในปี 1982 หนังแอ๊คชั่น 48 Hrs. "นิค โนลเต้" ตำรวจซานฟรานซิสโกที่ต้องขอตัวนักโทษผิวสีจอมกะล่อนมาช่วยจับผู้ร้าย ซึ่งนั่นเป็นหนังฮิตเรื่องแรกของ "เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่" นักแสดงผิวสีที่ขึ้นชื่อในบทตลกและโด่งดังมาจาก Saturday Night Live

และ ในปีถัดมา 1983 เอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ แสดงพลังดารากับผลงาน Trading Places หนังตลกที่ว่าด้วยยาจกกับนักธุรกิจที่มีเหตุทำให้ต้องสับตำแหน่งกันอย่าง วุ่นวายสนุกสนาน และดังสุดสุดในปี 1984 กับหนัง Bevery Hills Cop หนังตลกปนแอ๊คชั่นในปี 1987 หนังฮิตอย่าง Lethal Weapon เมล กิ๊บสัน เป็นทหารผ่านศึกเวียดนามที่กลายเป็นตำรวจบ้าบิ่น ขณะที่เขามีตำรวจคู่หูผิวสีรับบทโดย "แดนนี่ โกลเวอร์"

นับตั้งแต่ยุค 80 ดาราผิวสีมีบทบาทกันมากขึ้น ทั้งที่เป็นดารานำเต็มตัวอย่างเอ็ดดี้ เมอร์ฟี่ ตามมาด้วย เดนเซล วอชิงตัน และเวสลี่ย์ สไนป์ เป็นต้น และที่เป็นนักแสดงชั้นดีอย่าง แอนนี่ โกลเวอร์ มอร์แกน ฟรีแมน ฯลฯ

ขณะที่ในปลายยุค 80 หนังเกี่ยวกับคนผิวสี โดยผู้กำกับฯผิวสีก็เริ่มได้รับการแพร่หลายในวงกว้าง และไปสู่แนวทางอื่นๆ นอกเหนือจากการสะท้อนชีวิตที่เต็มไปด้วยปัญหา

งานของผู้กำกับฯ ผิวสีที่โดดเด่นในยุคนี้ได้แก่ Do The Right Thing (1989) หนังเกี่ยวกับชีวิตคนผิวสีในเมืองใหญ่ ของสไปค์ ลี และ Boyz The Hood (1991) หนังสำแดงพลังของจอห์น ซิงเกิลตัน นอกจากนี้ ยังมีภาพยนตร์ที่นำเสนอความเจ็บช้ำที่คนผิวสีได้รับนับตั้งแต่ในยุคทาส มาจนถึงยุคกีดกันออกกฎหมายจำกัดสิทธิ

อาทิ A time to kill หรือเรื่องราวของนักต่อสู้สิทธิสตรีผิวสีใน Color purple หรือกรณี Deep Impact (1998) หนังมหันตภัยสภาพอากาศวิกฤตแปรปรวนทำลายล้างโลกจงใจให้บทบาทประธานาธิบดีสหรัฐเป็นคนผิวสี (รับบทโดย มอร์แกน ฟรีแมน)

ขณะที่พัฒนาการในด้านรางวัลทางการแสดง "แฮตตี้ แมคดาเนียล" เป็นนักแสดงผิวสีคนแรกที่ได้รับรางวัลออสการ์ในบท "แมมมี่" พี่เลี้ยงของสการ์เล็ตต์ โอ ฮารา ใน Gone With The Wind หนังปี 1939 หรือในยุค 90 "คิวบา กู๊ดดิ้ง จูเนียร์" ชนะออสการ์นักแสดงสมทบจากบทนักกีฬาอเมริกันฟุตบอลจอมโวยวายจาก Jerry Maguire (1996)

ขณะที่ออสการ์ปี 2006 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่นักแสดงผิวสีได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงมากที่สุด นับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมาที่ "ฮัลลี แบร์รี" และ "เดนเซล วอชิงตัน" ได้ออสการ์ในสาขานักแสดงนำ จากนั้นก็มีนักแสดงผิวสีเข้าชิงออสการ์เพิ่มขึ้น และไม่นานนี้กับ "เจนนิเฟอร์ ฮัดสัน" จาก Dreams Girl- -เหล่านี้คือเรื่องราวโดยสังเขปของประวัติศาสตร์คนผิวสีในโลกฮอลลีวู้ดที่ ไม่มีเส้นแบ่งระหว่างสีอีกต่อไป

Credit : มติชนรายวัน วันที่ 09 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E
Create Date :23 เมษายน 2553 Last Update :23 เมษายน 2553 10:43:14 น. Counter : Pageviews. Comments :0