bloggang.com mainmenu search
ภาวะโรคอ้วนเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมเมือง หลายฝ่ายรณรงค์ให้คนไทยหันมาลดพุง แต่ด้วยความเร่งรีบในการใช้ชีวิตทำให้ต้องพบกับปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ที่มีอยู่รายล้อมทั้งเช้า-เย็น จนยากจะหนีให้หลุดพ้นจากภาวะโรคอ้วน สัญญาณหนึ่งที่บอกว่าความอ้วนเริ่มก่อให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา ได้แก่ “ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม” ซึ่งบ่งชี้ถึงความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ หลอดเลือดสมองตีบหรือแตก โรคเบาหวานในอนาคต ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตคนไทยไปจำนวนมากในแต่ละปี

     ผู้ที่มี “ภาวะเมตาบอลิก ซินโดรม” ควรปรับการใช้ชีวิตเพื่อให้ห่างจากโรค สืบเนื่องที่จะติดตามมา โดย นพ.สมคนึง ตัณฑ์วรกุล อายุรแพทย์ โรคหัวใจและเวชศาสตร์ครอบครัว รพ. นครธน กล่าวว่า ภาวะนี้เกิดจากความผิดปกติในร่างกาย หลายประการที่เชื่อมโยงกัน ได้แก่ ความอ้วน ภาวะการย่อยน้ำตาลบกพร่อง การมีความดันโลหิตสูงแฝงเร้น และภาวะทางพันธุกรรมอื่น ๆ ซึ่งจะนำไปสู่โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก และโรคเบาหวาน โดยช่วงแรกจะไม่มีอาการแต่จะเป็นการสะสมความเสี่ยงไปเรื่อย ๆ จนนำไปสู่โรคสืบเนื่องดังกล่าวในที่สุด แต่หากคนไข้รู้ตัวในขณะเริ่มเกิด “ภาวะเมตาบอลิก ซินโดรม” แล้วดูแลตัวเอง อย่างถูกวิธีย่อมยับยั้งไม่ให้เกิดโรคสืบเนื่องแก่ตัวเองได้ เราจึงอาจมองว่าผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิกซินโดรมเป็นผู้เตรียมป่วยนั่นเอง

แต่เดิมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญแต่ละสาขามองเมตาบอลิกซินโดรมกันคนละแบบเหมือนมอง ลูกเต๋ากันคนละมุมและอธิบายไปตามความ เชี่ยวชาญของตน จนเมื่อประมาณสิบปีก่อนจึงมีข้อตกลงที่ชัดเจนและเกิดแนวทางปฏิบัติที่ตรงกัน ทุกสาขา มีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันไม่ให้ภาวะดังกล่าวลุกลาม หากภาวะเมตาบอลิกซินโดรม เกิดขึ้นต่อเนื่องยาวนานก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายแรงตามมา มักแสดงผลให้เห็นเป็นโรคหัวใจ อัมพาต อัมพฤกษ์ โรคไต เบาหวาน เป็นต้น

     กลุ่มเสี่ยงของการเกิดภาวะเมตาบอลิกซินโดรม ส่วนใหญ่เกิดในคนอ้วนลงพุง ซึ่งชายไม่ควรมีรอบเอวเกิน 90 ซม. ผู้หญิงไม่ควรเกิน 85 ซม. นอกจากนี้พันธุกรรมเมตาบอลิกซินโดรมสามารถส่งผลให้คนในสายสกุลมีความเสี่ยง ต่อภาวะนี้ตามไปด้วย แม้บางครั้งอาจไม่แสดงออกชัดเจนเพราะยีนที่ก่อโรคอาจไม่รุนแรงพอ บุคคลที่ได้รับถ่ายทอดพันธุกรรมภาวะ เมตาบอลิกซินโดรมควรมีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเป็นการป้องกันน้ำหนัก เกินและกินอาหารที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการ จะช่วยยับยั้งการแสดงออกของพันธุกรรมเมตาบอลิกซินโดรมได้ นอกจากนี้สภาพแวดล้อมยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ภาวะเมตาบอลิกซินโดรมมี ความรุนแรงขึ้น เช่น คนที่กินอาหารฟาสต์ฟู้ด น้ำอัดลม น้ำหวานเป็นประจำ เป็นต้น

ผู้ที่มีภาวะเมตาบอลิก ซินโดรม ควรควบคุมน้ำหนัก, ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ควรเกิน 110 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร, ระดับไขมันคอเลสเตอรอล LDL ในเลือดไม่ควรเกิน 130 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร, ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือดไม่ควรเกิน 150 มิลลิ กรัมต่อเดซิลิตร, ความดันโลหิต ไม่ควรมากกว่า 140/90 มม. ปรอท หรือถ้ามีความดันโลหิตสูงต้องรับประทานยา ลดความดันอย่างสม่ำเสมอ พนักงานออฟฟิศเป็นอีกกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อภาวะเมตาบอลิกซินโดรม เนื่องจากต้องนั่งทำงานเป็นเวลานานทำให้ขาดการออกกำลังกาย นอกจากนี้ความเครียดและความชราภาพยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ควบคุมภาวะเมตาบอลิก ซินโดรมได้ยากอีกด้วย ผู้ที่มีความเสี่ยงภาวะเมตาบอลิกซิน โดรมควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเหล้า ซึ่งจะเป็นปัจจัยเสริมทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาเร็วขึ้น

     สำหรับการตรวจวัดว่าเป็น “ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม” หรือไม่...? ต้องมีการเจาะเลือดและมีการคำนวณ จึงควรพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียด รวมทั้งเพื่อหาความเสี่ยงของโรคร่วมอื่นด้วย เพราะโรคร่วมอื่น ๆ หลายโรคในระยะแรกจะไม่แสดงอาการอย่างชัดเจน แต่จะค่อย ๆ ทำให้การทำงานของร่างกายผิดปกติและส่งผลต่อผู้ป่วยในระยะยาว

แนวทางแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิด “ภาวะเมตาบอลิกซินโดรม” ต้องลดการบริโภคแป้งและน้ำตาลซึ่งเป็นตัวการสำคัญของการมีน้ำหนักเกิน ควรหลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เช่น เส้นก๋วยเตี๋ยวซึ่งทำจากแป้งจะดูดซึมเข้าร่างกายง่ายกว่าวัตถุดิบเดิมที่ เป็นข้าว หรือการรับประทานข้าวขัดขาว ซึ่งจะทำให้เกิดการดูดซึมเข้าสู่ร่างกายง่ายกว่าข้าวที่ยังไม่ได้ขัด เป็นต้น

ขณะเดียวกันผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรหลีกเลี่ยงผลไม้ที่มีแป้งและน้ำตาล เช่น มะม่วง กล้วย ข้าวโพด มันเทศ เผือก และถั่วทุกชนิด การออกกำลังกายเคลื่อนไหวทุกส่วนของร่างกายเช่น วิ่ง ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน ก็จะทำให้ร่างกายมีความสมบูรณ์ห่างจากโรค

“เมตาบอลิกซินโดรมเป็นโรคของคนอ้วนที่จะนำสู่โรคภัยต่าง ๆ ที่เป็นอันตรายมากขึ้นในอนาคต ซึ่งในสภาวะปัจจุบันเยาวชนรุ่นใหม่มีความเสี่ยงต่อภาวะนี้อย่างมากเนื่องจาก ทานอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ ผู้ปกครองจึงต้องมีส่วนอย่างยิ่งในการฝึกให้ เด็กรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมเพื่อเมื่อเด็กโตไปจะได้ไม่เป็นโรคร้ายแรงต่าง ๆ”

     แม้ภาวะเมตาบอลิก ซินโดรม จะเป็นจุดเริ่มต้นของโรคร้ายแรงในอนาคต แต่เมื่อรู้ก่อนย่อมเป็นเรื่องดีต่อสุขภาพของทุกคน.


ขอขอบคุณ
ที่มา :
เดลินิวส์ออนไลน์ วันอาทิตย์ ที่ 27 ธันวาคม 2552


สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E
Create Date :07 มกราคม 2553 Last Update :7 มกราคม 2553 21:21:22 น. Counter : Pageviews. Comments :1