จากแม่อาย...ถึงอันดามันตอน ถึงเวลาเริ่มนับหนึ่ง กับ กฎหมายว่าด้วยการคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น
โดย :
ปิ่นแก้ว อุ่นแก้วจากแม่อาย.... เกือบ7 ปี ที่แล้ว ชาวแม่อาย 1,243 คน ต้องเผชิญกับ
"โศกนาฏกรรม" ครั้งยิ่งใหญ่ เมื่อถูกอำเภอแม่อายถอนชื่อออกจากทะเบียนราษฎร (ท.ร.14) ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2545 โดยให้เหตุผลว่า คนเหล่านี้เป็นคนต่างด้าว และมีการ
"คนสัญชาติไทย" สู่
"คนต่างด้าว" และสิ่งที่ตามมาจากนั้นคือความยากลำบากต่างๆที่ประเดประดังเข้ามาสู่เงื่อนไขของแต่ละชีวิต
8 กันยายน พ.ศ.2548 เสียงเพลงชาติไทยและเพลงสรรเสริญพระบารมี ดังกระหึ่มก้อง เมื่อศาลปกครองสุงสุดได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนประกาศอำเภอแม่อาย นั่นคือให้เพิ่มชื่อของทั้งหมดกลับเข้าสู่ ท.ร.14 คือเป็นผู้มีสัญชาติไทยจนกว่าอำเภอแม่อายจะสามารถพิสูจน์ได้เป็นอย่างอื่น แต่หนทางกลับคืนสู่ความเป็นไทยนั้นก็ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่คิดและควรจะเป็น เพราะทางอำเภอได้ผลักภาระการพิสูจน์สัญชาติไปให้ชาวบ้านที่ต้องทุกข์จากการเสียสิทธิในสัญชาติไทยไปแล้วกว่า 3 ปี ต้องทุกข์เพิ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง รวมถึงปัญหาอื่นๆ โดยเฉพาะการทวงถามถึงสิทธิที่หล่นหายไป ที่ยังต้องใช้ระยะเวลาและต้องออกแรงกันอีกครั้ง ไปจนถึงกระบวนการเยียวยาต่างๆที่เป็นสิ่งสำคัญไม่น้อยกว่ากัน
ปี 2551การต่อสู้ครั้งใหม่ของชาวบ้านแม่อายจึงได้เกิดขึ้นอีกครั้ง ในรูปแบบ
"ห้องเรียนการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติในประเทศไทย" เพื่อหว่านกล้าเมล็ดพันธุ์แห่งความเข้มแข็งให้กับเยาวชนที่เป็นผู้มีปัญหา ไปสู่ผู้รู้ปัญหา และใช้สองมือน้อยๆนั้นพยุงตนเองและคนรอบข้างสู่ทางออก
และเพื่อสร้างต้นแบบในการแก้ไขปัญหาที่ใช้ชุมชนแม่อายเป็นต้นแบบ เรียกสั้นๆ ว่า
"ห้าคูณหก" (5 x 6) โดย ห้า นั้นหมายถึง การจำแนกประชากรที่มีปัญหาสถานะบุคคลในประเทศไทยออกเป็น 5 กลุ่ม โดยใช้กฎหมายการทะเบียนราษฎร ทั้งนี้เพื่อที่จะคูณ หก อันหมายถึง 6 แนวคิดในการจัดการปัญหาให้คลี่คลาย กล่าวคือ คิดวิธีการที่จะทำให้
"คนที่มีปัญหาสถานะบุคคล" เป็น
"คนไม่มีปัญหาสถานะบุคคล" หรือ วิธีการที่ทำให้
"คนไร้รัฐ" เป็น
"คนมีรัฐ" หรือวิธีการที่ทำให้
"คนไร้สัญชาติ" เป็น
"คนมีสัญชาติ" หรือวิธีการที่ทำให้
"คนที่ผิดกฎหมายคนเข้าเมือง" เป็น
"คนที่ถูกกฎหมายคนเข้าเมือง"...ถึงอันดามัน ห่างลงไปร่วม 1,500 กิโลเมตร การพลิกฟื้นชุมชน และจิตใจของผู้คนในแถบอันดามัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากพิบัติภัยครั้งยิ่งใหญ่ในนาม
"สึนามิ" เดินหน้ามาอย่างต่อเนื่องนั้น ร่อยรอยหนึ่งที่ปรากฎขึ้นและยังรอการเยียวยาแก้ไขคือ การปรากฏตัวขึ้นของ
"คนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติ" ซึ่งพบว่ามีทั้ง คนสัญชาติไทยที่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร คนเชื้อสายไทยจากประเทศพม่าคนเล
(มอแกน มอเกล็น อุลักลาโว้ย) คนกะเหรี่ยง คนต่างด้าว
(พม่า ลาว มอญ) ไปจนถึงคนที่สืบค้นรากเหง้าตัวเองไม่ได้ ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้มีมาก่อนเหตุการณ์คลื่นสึนามิ เพียงแต่เหตุการณ์นี้ได้ทำให้พวกเขาถูกมองเห็น
อย่างไรก็ตามความพยายามในการแก้ไขปัญหา คนไร้รัฐ/ไร้สัญชาติในพื้นที่อันดามันนั้น ก็มีมาโดยตลอด ทั้งจากนักวิชาการ องค์กรพัฒนาเอกชนซึ่งมีเพิ่มมากขึ้นหลังเหตุการณ์สึนามิ ไปจนถึงเจ้าของปัญหาเอง และเครือข่ายของผู้ประสบปัญหาเอง แต่ปัญหาก็ยังไม่คลี่คลายไปเท่าที่ควร
ในขณะเดียวกันคณะทำงาน ซึ่งได้รับรู้สภาพปัญหาพื้นที่อันดามันจากการลงพื้นที่และการทำงานร่วมกับเครือข่ายในพื้นที่ จึงเห็นว่า
"ต้นแบบ" ที่ถักทอขึ้นที่แม่อายนั้น ควรเดินทางมา สู่อันดามัน เพื่อเป็นบททดสอบของต้นแบบและพัฒนาแนวทางแก้ไขปัญหาในพื้นที่ต่อไป ก่อเกิด "โครงการขยายองค์ความรู้แม่อายสู่อันดามันเพื่อการจัดการปัญหาสิทธิในสถานะบุคคลของคนไร้รัฐไร้สัญชาติในพื้นที่อันดามัน"
อันประกอบไปด้วยกิจกรรม หนึ่ง -
"การจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ : การจำแนกบุคคลที่มีปัญหาสิทธิในสถานะบุคคล" สอง-
"การติดตามความคืบหน้ากรณีศึกษาตัวอย่างจากโครงการวิจัยเพื่อสำรวจสถานการณ์และศึกษาความเป็นไปได้ในการขจัดปัญหาการจดทะเบียนการเกิดและปัญหาสถานะบุคคลตามกฎหมายของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ" สาม-
"การเยี่ยมเชิงกัลยาณมิตรกับเครือข่ายการทำงานในพื้นที่ภาคใต้ (อันดามัน)" สี่-
"เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจัดการปัญหา (Forum for Cases Solution)" และสุดท้าย-
"การจัดทำหนังสือ (Pocket Book)" และ "การจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน (Manual)""ถึงเวลาเริ่มนับหนึ่ง กับ กฎหมายว่าด้วยการคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น"
"คนที่มีความสำนึกว่าตนเองเป็นคนไทย เช่น คนไทยพลัดถิ่น จะมีความรู้สึกเจ็บปวดใจมาก เมื่อถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์และสิทธิมนุษยชนจากการไม่มีสถานะบุคคลในประเทศไทย เพราะรู้สึกเหมือนลูกที่พ่อแม่ไม่ยอมรับ และต้องตกระกำลำบากไร้ที่พึ่ง" สถานการณ์ด้านข้อเท็จจริง ข้อ 5 เกี่ยวกับสถานะและสิทธิของประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ ที่สังคมควรรับรู้
"คนไทยพลัดถิ่น" หรือ
"คนไทยถิ่นพลัด" หรือที่ทางราชการเรียกว่า
"ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย" คือกลุ่มคนเชื้อสายไทยที่ติดไปกับดินแดนที่เสียให้กับอังกฤษ ได้แก่ พื้นที่เมืองทวาย มะริด และตะนาวศรี หรือกลุ่มคนไทยที่เข้าไปทำมาหากินในพม่าและได้หลบหนีกลับเข้ามาในประเทศไทยในช่วงเวลาต่างๆ นับตั้งแต่ยุคการปราบปรามชนกลุ่มน้อยของรัฐบาลพม่า เรื่อยมาจนปัจจุบัน ซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และพังงา ในปัจจุบัน
การแก้ไขปัญหาสถานะบุคคลของคนไทยพลัดถิ่นที่ผ่านมา คือให้แปลงสัญชาติไทยแก่ผู้พลัดถิ่นสัญชาติพม่าเชื้อสายไทย ที่ได้รับการสำรวจและจัดทำทะเบียนประวัติไว้แล้ว จำนวน 7,849 คน ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดตาก ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง เป็นกรณีพิเศษ ตามมติครม. 27 พฤษภาคม 2540 แม้ว่าจะมีคนไทยพลัดถิ่นในหลายพื้นที่ยินยอมในแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างแข็งขันจาก "โครงการการแก้ปัญหาคืนสัญชาติคนไทย จ.ระนอง ชุมพร ประจวบคีรีขันธ์" เนื่องจาก การแปลงสัญชาตินั้นเท่ากับเป็นการยอมรับว่าตนมีสัญชาติพม่าหรือไม่มีสัญชาติไทยมาก่อน และยังถูกจำกัดสิทธิหลายประการ นอกจากนี้ยังมีคนไทยพลัดถิ่นจำนวนมากที่เดินทางเข้ามาอาศัยและได้สร้างครอบครัวมีลูกหลานมากมายในประเทศไทยภายหลังจากการสำรวจจัดทำทะเบียนประวัติ จนมีการรวมตัวกันเพื่อเรียกร้องความมีสัญชาติไทยแต่บรรพบุรุษ โดยการขอ
"คืนสัญชาติไทย" ดังนั้นจึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ในการจัดการปัญหาสถานะบุคคลสำหรับคนไทยพลัดถิ่นโดยพัฒนาจากองค์ความรู้เก่าที่หลายๆ ฝ่ายได้ทำการศึกษาวิจัยมาตลอด ประกอบกับยุทธศาสตร์จัดการปัญหาสถานะและสิทธิของบุคคลตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ.2548 เองก็ให้ความสำคัญกับคนเชื้อสายไทยกลุ่มนี้ รวมทั้งความเห็นของคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาและแนวทางแก้ไขการไร้สถานะทางกฎหมายและสิทธิของบุคคลในประเทศไทย สภานิติบัญญัติแห่งชาติ ที่เห็นควรมีการยกร่างพระราชบัญญัติเพื่อคืนสัญชาติให้แก่คนไทยพลัดถิ่น
โครงการขยายองค์ความรู้แม่อายสู่อันดามันฯ ภายใต้กิจกรรม
"เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในการจัดการปัญหา (Forum for Cases Solution)" จึงกำหนดจัดเวทีสัมมนาทางวิชาการเพื่อการสร้างและพัฒนาองค์ความรู้ร่วมกันจากหลายๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น ภาควิชาการ ภาคการเมือง ภาคราชการ ภาคประชาชน ภาคเอกชน และภาคสื่อมวลชน เป็นต้น เพื่อเป็นจุดเริ่มอันจะนำไปสู่แนวทางในการแก้ไขปัญหาของ
"คนไทยถิ่นพลัด" ต่อไป
ในหัวข้อ
"ถึงเวลาเริ่มนับหนึ่ง กับ กฎหมายว่าด้วยการคืนสัญชาติไทยให้คนไทยพลัดถิ่น"ในวันศุกร์ที่ 30 มกราคม 2552 ณ ห้องประชุมศาสตราจารย์จิตติ ติงศภัทิย์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
สุวิมล เชื้อชาญวงศ์: รายงาน
ขอขอบคุณ
ที่มา : ThaiNGO.org 26 มกราคม 2552H O M E