bloggang.com mainmenu search

     บ้านสไตล์อินดัสเตรียล (Industrial) นั้น นับว่าถูกอกถูกใจใครหลายคนที่หลงรักความดิบ เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์โก้

ซึ่ง กฤษณ์ แสงวิเชียร หนุ่มนักออกแบบสถาปัตยกรรมและหนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท ดีไซน์ ดีพาร์ทเม้นท์ สตูดิโอและบริษัทที่ปรึกษาด้านการออกแบบอย่างครบวงจร ก็เป็นหนึ่งในผู้ที่ชื่นชอบสไตล์อินดัสเตรียลเช่นกัน

หลังจากที่มีโอกาสได้ฝากฝีมือการออกแบบให้กับโปรเจกต์สำคัญๆ อย่าง เอสตาเต้ เขาเขียว รีสอร์ท บูติกรีสอร์ตเก๋แนวโมเดิร์นซาฟารี บุราส่าหรี โรงแรมหรูที่จังซีลอน จ.ภูเก็ต ผับชื่อดังย่านสุขุมวิทอย่าง เอสคูโด้ ร้านอาหารริมน้ำแนวฟิวชันย่านพระราม 3 บุรีธารา บวกกับออกแบบบ้านสวยหลากหลายแนวให้กับลูกค้ามากมาย กฤษณ์ แสงวิเชียร เลือกดีไซน์บ้านของตัวเองในแนวที่เขาโปรดปรานมากที่สุดนั่นคือ Industrial Look

เจ้าตัวบอกว่า เสน่ห์ของ Industrial Look คือ ความดิบที่ไม่ต้องอาศัยการประดิษฐ์หรือเสริมเติมแต่งใดๆ จุดเด่นจะอยู่ที่การโชว์เนื้อผิวธรรมชาติของวัสดุที่ใช้ก่อสร้าง เช่น อิฐ เหล็กไอ-บีม เหล็กเอช-บีม พื้น ค.ส.ร. และปูนเปลือย เป็นต้น

นอกจากนี้ การออกแบบและตกแต่งบ้านแนวอินดัสเตรียล ยังเปิดโอกาสให้ใช้ความคิดสร้างสรรค์ในการผสมผสานวัสดุต่างๆ ได้อย่างเต็มที่

สำหรับใครที่อยากจะมีบ้านดิบๆ ปนกลิ่นอายมินิมัลแบบนี้ เขาแนะนำว่าควรเริ่มจากการเลือกสไตล์บ้านให้เหมาะกับพื้นที่ เช่น การวางผังบ้านควรขึ้นอยู่กับทิศเป็นหลักในการสร้างบ้านทรงตัว L หรือตัว I และควรคำนึงถึงทิศทางพระอาทิตย์ขึ้นและตก เพื่อรับแสงสว่างในบ้าน นอกจากนี้ฟังก์ชันการใช้งานและไลฟ์สไตล์ของสมาชิกในบ้านก็เป็นสิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึง เช่น หากเจ้าของบ้านชอบเปิดบ้านสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ก็อาจเน้นห้องรับแขกให้มีขนาดใหญ่ เป็นต้น

ถัดมาจึงเลือกวัสดุหลักๆ ตามชอบ อย่างเช่น ปูนเปลือยขัดมัน อิฐ หิน หรือกระจก เป็นต้น ภายในบ้านยังควรผสมผสานความดิบที่หลากหลาย เพื่อให้บ้านดูมีลูกเล่นและไม่น่าเบื่อ ซึ่งนับเป็นเรื่องสำคัญในระยะยาว เพราะเทกซ์เจอร์หลายแบบจะช่วยผ่อนคลายสายตา เช่น ผนังด้านหนึ่งอาจเป็นอิฐที่ก่อให้ดูไม่ต้องเรียงเป็นระเบียบเรียบร้อยแบบทั่วๆ ไป ส่วนอีกด้านอาจเป็นผนังปูนเปลือยขัดมัน

     นอกจากนี้ ยังสามารถหาเทคนิคสร้างสรรค์สร้างเทกซ์เจอร์แบบใหม่ๆ เช่น ผนังปูนหล่อไม้แบบ โดยนำแผ่นไม้หลายๆ แผ่นมาวางไว้ในช่องที่ต้องการเทปูน ก่อนปูนแห้งจึงดึงแผ่นไม้ออก ก็จะได้ผนังปูนที่มีผิวสัมผัสลายไม้ ซึ่งกฤษณ์แนะว่าไม้สักจะเหมาะที่สุด เนื่องจากจะช่วยให้เห็นเทกซ์เจอร์ของไม้ได้ชัดเจน หรืออาจใช้เทคนิค Fresco คือใช้แปรงหรือวัสดุอื่นๆ ขีดลงบนผนังปูนที่ยังไม่แห้ง เพื่อสร้างลาย หรืออาจจะใช้วิธีก่ออิฐฉาบปูน แล้วกะเทาะปูนออกบางส่วนเพื่อให้ดูมีลูกเล่น ส่วนพื้นบ้านอาจใช้ปูนเปลือย หรืออาจใช้พื้นหินเทอราซโซ เพื่อเติมอารมณ์โก้ และยังง่ายต่อการทำความสะอาดอีกด้วย

“คนที่ชอบให้บ้านมีแสงสว่าง ก็สามารถเพิ่มกระจกใส ในส่วนต่างๆ ของบ้าน ซึ่งนอกจากจะทำให้บ้านดูโปร่งแล้ว ยังถือเป็นการทำให้บ้านมีแสงสว่างอย่างพอเพียงในเวลากลางวัน โดยไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ ถือเป็นการประหยัดไฟและพลังงานได้อีกด้วย หรือหากใครที่ชอบความเป็นส่วนตัวก็สามารถสร้างผนังปิดทึบในส่วนที่ต้องการความเป็นส่วนตัวอย่างห้องน้ำ หรือห้องนอนได้” เขาว่า

ด้วยโครงสร้างโดยรวมของบ้านที่ให้ความรู้สึกดิบและแข็ง บวกกับโทนสีของวัสดุต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในโทนสีขาว ดำ และเทา จึงควรเพิ่มสีสันให้บ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์สีสดใส อย่างโซฟา ม่าน หรือพรม นอกจากนี้ยังสามารถเติมรายละเอียดด้วยของใช้กระจุกกระจิก อย่างเชิงเทียน โคมไฟ หรือแม้แต่แก้วน้ำสีสดก็ได้ กฤษณ์แนะนำให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ เป็นอีกวิธีหนึ่งจะช่วยเบรกความแข็งของลุคโดยรวม และเพิ่มความเป็นธรรมชาติให้แก่บ้าน ซึ่งไม้รูปทรงธรรมชาติถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะเจาะ โดยเขาเลือกที่จะใช้โต๊ะไม้รูปทรงธรรมชาติ ที่เขาเป็นผู้ออกแบบเองให้กับเฟอร์นิเจอร์ไม้แบรนด์กานล์ (KAANL) นอกจากนี้อาจจะเพิ่มการใช้ไม้ในบางส่วนของบ้าน เช่น บันได หรือเลือกใช้พื้นปาร์เกต์ในบางจุด

     กฤษณ์ยังเสริมอีกว่า ควรนำธรรมชาติมาใส่ไว้ในบ้านบ้าง เช่น เว้นพื้นที่ส่วนหนึ่งไว้ปลูกต้นไม้ หากอยากให้เก๋ก็สามารถเว้นที่ตรงกลางของบ้านเพื่อปลูกต้นไม้ หรือนำต้นไม้กระถางที่มีรูปทรงอ่อนช้อยมาวางไว้ตามจุดต่างๆ หรือหากที่ดินที่ใช้ปลูกบ้านมีต้นไม้ใหญ่อยู่เดิม ก็สามารถออกแบบบ้านให้ครอบต้นไม้นั้น โดยไม่จำเป็นต้องตัดทิ้ง ต้นไม้ที่เลือกนำมาปลูกก็ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัว แต่ควรเป็นต้นไม้ที่มีรูปทรงที่ไปในทางเดียวกัน เช่น ต้นไม้ทรงสูงอย่างปีบ หรือหูกระจง นอกจากนี้อาจเลือกปลูกต้นไม้ที่ให้ความรู้สึกขัดแย้งกันไปเลย อย่างต้นไม้ที่มีโครงสร้างเลื้อยๆ เช่น ลีลาวดี

ดีไซเนอร์หนุ่มยังแนะนำด้วยว่า สามารถเติมกลิ่นอายความเป็นไทยๆ ให้บ้านได้ด้วยการเลือกใช้ของตกแต่งที่ให้อารมณ์ไทยๆ โดยในห้องน้ำกฤษณ์เลือกใช้อ่างล้างหน้าที่ทำจากสำริด ซึ่งเขาดีไซน์ให้กับแบรนด์เฟอร์นิเจอร์สำริดที่เขาเป็นผู้ก่อตั้งขึ้น ในชื่อกฤษณ์ชนะ (Krishna) ซึ่งสีทองของสำริดยังช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับห้องน้ำได้เป็นอย่างดี

บ้านแนวอินดัสเตรียลนี้ถือเป็นบ้านประหยัดงบ เนื่องจากไม่ต้องใช้งบประมาณในการตกแต่งมากนัก สนนราคาตั้งแต่ 2.5 -8 ล้านบาท ขึ้นอยู่กับวัสดุที่เลือกใช้ ซึ่งบ้านสไตล์นี้มักจะเป็นบ้านที่เน้นฟังก์ชันและประโยชน์การใช้สอย มากกว่าการเน้นรายละเอียด

     สำหรับใครที่ใฝ่ฝันอยากจะมีบ้านในแนวอินดัสเตรียล หรือต้องการคำปรึกษาในการออกแบบบ้านสามารถติดต่อ กฤษณ์ แสงวิเชียร ได้ที่บริษัท ดีไซน์ ดีพาร์ทเม้นท์ โทร. 02-585-9034


ขอขอบคุณ
ที่มา :
โพสต์ทูเดย์ วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์


H O M E
Create Date :20 มกราคม 2553 Last Update :20 มกราคม 2553 15:03:48 น. Counter : Pageviews. Comments :2