Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
20 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 

นิทานรายสะดวก - พลเมืองพอเพียง





พลเมืองพอเพียง


กาลครั้งหนึ่ง ยังมีสองพี่น้องสกุลชิมาสิทำไร่เลี้ยงชีพอยู่ติดๆ กัน ริมถนนสายเดียวกัน รูชัว ชิมาสิ ผู้พี่นั้นมีภรรยาสวยและลูกชายแข็งแรงน่ารักน่าชังสองคน ส่วนน็อนธีล ชิมาสิ ผู้น้องอยู่บ้านของตนตามลำพัง มีความสุขพอๆ กัน เพียงแต่ยังไม่มีครอบครัว

พี่น้องทั้งสองทำไร่ได้ผลดี เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวก็ผลัดกันช่วยอีกฝ่ายหนึ่งเก็บพืชผลเช่น เก็บฟาง เก็บข้าวโพดใส่เข่งใหญ่ๆ ไว้ในโรงนา ปีนี้เก็บเกี่ยวได้ผลดีที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาในรอบหลายๆ ปี

ถึงกระนั้น รูชัวก็ยังไม่อิ่มอกอิ่มใจนัก ค่ำวันหนึ่งเมื่อการเก็บเกี่ยวเสร็จสิ้นไปหลายอาทิตย์แล้ว เขาจ้องฝ่าความมืดไปที่บ้านน็อนธีล

“พี่กลุ้มใจเรื่องอะไรหรือจ๊ะ” ภรรยาซึ่งนั่งซ่อมรองเท้าให้ลูกชายคนโตอยู่ข้างๆ เตาผิงถาม

“ก็เรื่องน้องชายของพี่น่ะสิ น้อง” เขาตอบ “พี่อยู่ที่นี่มีบ้านสวยและเมียงาม แต่ที่โน่น น้องชายของพี่นั่งอยู่ในบ้านก่อด้วยหินหลังเล็กๆ ตามลำพัง ทำไมพี่ถึงมีโชคลาภมากมายอยู่คนเดียว ทั้งๆ ที่น้องชายของพี่ก็เป็นคนดีเหมือนๆ พี่นี่แหละ”

“คงเป็นพรหมลิขิตน่ะ พี่รูชัว” ภรรยาของเขาออกความเห็น “พี่หาภรรยาและลูกให้เขาไม่ได้หรอกจ้ะ”

“ใช่ ไม่ได้แน่” รูชัวเห็นด้วย เขาลูบคาง “แต่ที่พี่ทำได้ก็คือ เอาข้าวโพดไปให้สักหนึ่งเข่ง เรามีมากพอตลอดฤดูหนาว และเผื่อว่าตอนกลางคืนที่เขาไม่มีอะไรทำและครอบครัวก็ไม่มีอยู่เป็นเพื่อน เขาจะได้กินแก้เหงา”

“ก็ดีจ้ะ” ภรรยาวางรองเท้าที่กำลังซ่อมลง “แต่เขาจะรับข้าวโพดจากพี่หรือจ๊ะ”

รูชัวหันไปหลิ่วตาให้ภรรยา “เขาไม่ทางรู้หรอกน้องเอ๋ย พี่จะขนไปทิ้งไว้ในโรงนาของเขาตอนดึกๆที่มืดสนิท”

“คงเป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วละจ้ะ” ภรรยาพยักหน้าเห็นด้วย ผู้ชายตระกูลนี้เป็นคนดื้อรั้น ไม่ยอมรับของที่ใครให้ง่ายๆ ถ้าไม่ได้ทำงานให้จนคุ้มหรือไม่ได้จ่ายเงินซื้อ

แต่จะว่าไปก็แปลก ตอนนี้น็อนธีลเองก็ไม่เป็นสุขเหมือนกัน เขาจึงออกไปยืนแก้รำคาญที่ประตูบ้าน จ้องดูหน้าต่างสว่างไสวที่บ้านพี่ชาย

“คราวนี้เก็บเกี่ยวได้ผลดีนะ” เขาบอกตัวเองเพราะไม่มีใครจะพูดด้วย “เก็บเกี่ยวได้ผลดีจริง ๆ แต่พี่ชายของข้าอยู่บ้านโน้นกับเมียสวยและลูกชายแข็งแรงน่ารักอีกตั้งสองคนดันมีข้าวโพดมากเท่ากับข้า ทำไมถึงเป็นหยั่งงี้ เขาต้องเลี้ยงตั้งสี่ปากสี่ท้อง แต่ข้ามีแค่ปากเดียวเอง”

ยิ่งคิดน็อนธีลก็ยิ่งไม่สบอารมณ์ ในที่สุดจึงลุกขึ้นหยิบเสื้อคลุม “คืนนี้พอมืดสนิท ข้าจะเอาข้าวโพดหนึ่งเข่งไปทิ้งไว้ในโรงนาของเขา ระหว่างฤดูหนาวอันยาวนาน เขาอาจขาดแคลนและหยิ่งเกินกว่าจะขอข้า เขาก็หัวดื้อพอๆ กะพ่อน่ะแหละ”

คืนนั้นมืดสนิทจริง ๆ ไม่มีแสงจันทร์ส่องทาง ชายทั้งสองค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปในความมืดช้า ๆ แต่ละคนลากเข่งใส่ข้าวโพดหนักอึ้งไปด้วย ทั้งพี่และน้องต่างรู้ลู่ทางในไร่ของอีกฝ่ายหนึ่งเหมือนที่รู้จักไร่ของตน จึงไม่มีฝ่ายใดลำบากที่จะเล็ดลอดเข้าไปในโรงเก็บข้าวโพด สุนัขเฝ้าลานบ้านก็ไม่เห่าเพราะคุ้นกลิ่นของพี่น้องแต่ละคน

รุ่งเช้า ชายทั้งสองต่างเดินไปที่โรงนาของตน ทั้งคู่ยิ้มกริ่มเพราะรู้ว่าได้แอบทำความดี แล้วแต่ละคนก็ต้องขยี้ตาเมื่อเห็นข้าวโพดของตนและร้องว่า “นี่ข้าฝันไปแล้วรึ ข้ายังฝันอยู่รึนี่” รูชัวนับเข่งข้าวโพดหกครั้ง น็อนธีลนับเจ็ดครั้ง

“เห็นทีจะมีนางฟ้าข้าวโพดซะแล้ว” น็อนธีลพึมพำอุบอิบ เขาเดินกลับไปในบ้าน “ต้องทำงานวันนี้ให้เสร็จซะก่อนเป็นดีที่สุด แล้วค่อยกังวัลเรื่องนี้ทีหลัง”

แต่รูชัวกังวลทันทีเลย เขากลับเข้าไปในบ้าน ถามภรรยาว่า “เมื่อคืนนี้พี่ไม่ได้บอกน้องหรือว่าจะเอาข้าวโพดไปให้น้องชายสักหนึ่งเข่ง”

“จ้ะ พี่บอก” ภรรยาตอบพลางตักเนยใส่ลงในข้าวโอ๊ตต้มสำหรับเป็นอาหารเช้า “แล้วพี่ก็ออกไปข้างนอก ไปซะนานเชียว น้องยังคิดเลยว่าพี่เอาไปให้เขาตอนนั้นแหละ”

“พี่ก็ทำยังงั้นแหละ พี่ทำแล้ว” รูชัวย้ำ “แต่ข้าวโพดยังอยู่ในโรงนาครบทุกฝักเลย”

“พี่ก็น่าจะรู้นี่จ๊ะ” ภรรยาตอบพลางหยิบชามอาหารเช้า “เวลาที่พี่ออกไปในลานบ้านน่ะ มีงานตั้งหกอย่างรอให้พี่ทำ พี่คงไปทำอย่างอื่นก่อนแล้วเลยลืมเรื่องข้างโพด” รูชัวลูบคาง “นั่นก็เป็นไปได้จริง ๆ ซะด้วย ถ้างั้น พี่จะจัดการคืนนี้ น้องคอยดูพี่ทางประตูนะ แล้วเตือนด้วยล่ะถ้าพี่ไม่ไป”

พอตกค่ำคืนนั้น รูชัวก็ออกไปที่โรงนา ยกข้าวโพดออกมาหนึ่งเข่งแล้วออกเดินมุ่งทางฝั่งใต้ไปยังไร่ของน็อนธีล ภรรยาของเขาเฝ้าดูจนลับตาจึงกลับเข้าบ้านไปดูว่าลูกชายคนเล็กร้องไห้ทำไม นางจึงไม่ทันได้เห็นเห็นน็อนธีลเดินขึ้นมาทางฝั่งเหนือลากข้าวโพดมาด้วยหนึ่งเข่ง

ครั้นรุ่งเช้า ทั้งสองพี่น้องรีบไปที่โรงเก็บข้าวโพด แต่ละคนนับสองครั้ง

“ข้าวโพดในไร่ของข้าน่าจะออกฝักเร็วเท่ากับที่อยู่ในโรงนานี่” น็อนธีลร้อง เหวี่ยงมือไม้อย่างฮึดฮัดขัดใจ เขาย่ำไปรอบๆ โรงนา หยิบเข่งเปล่าๆ ขึ้นมา เขาเก็บเข่งเหล่านี้ไว้และแน่ใจว่าได้นำเข่งเต็มๆ ไปที่ไร่ของพี่ชาย แต่คราวนี้ต้องให้แน่ใจเป็นสองเท่าเลย

รูชัวยืนเคาะเท้าจ้องดูข้าวโพดแล้วก้าวยาวๆ กลับเข้าไปในบ้าน

“ลมพัดสิ่งแปลกๆ มานะน้อง” เขาปรารภ “คืนนี้พี่จะต้องเอาค้อนกับตะปูไปด้วย จะได้ตอกไอ้เข่งนี่ติดไว้ ไม่ให้มันตามพี่กลับบ้าน”

“หมู่นี้พี่งานยุ่งมากทุกคืนเลยนะ พี่รูชัว” ภรรยาของเขาบ่น โคลงศีรษะไปมา “น้องคิดว่า พี่คงขนข้าวโพดไปให้น้องชายจนเต็มไม้เต็มมือเลยใช่มั้ยจ๊ะ”

“พี่ก็คิดว่างั้น” รูชัวตอบ “แล้วถ้าเป็นงั้น น้องจะทำไมล่ะ”

“น้องคิดว่า พี่น่าจะเอาแยมและเจลลีสักสองสามขวดไปให้น็อนธีล เพราะเขาไม่มีภรรยาทำให้” นางแนะ “แต่ถ้าพี่เต็มไม้เต็มมือไปหมดแล้วยังต้องถือค้อนไปด้วย พี่จะเอาไปได้ยังไงล่ะจ๊ะ”

“อืม” รูชัวเกาคาง “พี่เอาซุกไปในเข่งก็ได้ แล้วเอาข้าวโพดโปะไว้ข้างบน กว่าน็อนธีลจะเห็นก็ปลายฤดูหนาวโน่นแน่ะ เขาจะไม่รู้หรอกว่ามาจากไหน อาจคิดว่านางฟ้าแยมเอามาให้ก็ได้”

ตกลงกันแล้ว คืนนั้นรูชัวก็แบกเข่งที่ไม่ได้มีแต่ข้าวโพด หากยังมีมะเขือเทศกวนสองขวดและแยมรูเบรีหนึ่งขวดด้วย ค้อนก็เอาไป เขาตอกตะปูตรึงเข่งไว้บนชั้นวางของอย่างเงียบเท่าที่จะทำได้ ไม่รู้หรอกว่าน้องชายไม่ได้ยินเพราะตอนนี้น็อนธีลก็แอบเอาเข่งข้าวโพดของตนไปไว้ที่โรงนาของรูชัวอีกครั้งหนึ่งเหมือนกัน

และอีกครั้งหนึ่งรุ่งเช้าก็มาถึง แต่ละคนประหลาดใจเมื่อพบว่า มีจำนวนเข่งเท่าเดิม “เฮ้ย... นี่มันโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่วะ” รูชัวคำรามเพราะอยากรู้และหัวเสีย เขาเอามือควานลงไปในข้าวโพด

น็อนธีลเดือดดาล กระชากเข่งที่เห็น เหวี่ยงลงไปบนพื้น แต่เข่งถูกตอกติดกับชั้นวางของ ก้นเข่งจึงติดอยู่กับที่ขณะที่ส่วนบนหลุดตามมือเขามา ข้าวโพดหล่นกระจายลงบนเท้าพร้อมกับสิ่งที่มีประกายอีกสามอย่างที่ไม่ใช่ข้าวโพด

“นี่อะไรวะ” เขากระชากเสียง หยิบขวดเล็กๆ นั้นขึ้นมา “มะเขือเทศ รูเบรี มะเขือเทศ หรือว่านางฟ้าแยมมา….”

แล้วเขาก็จำฉลากเล็กๆ นั้นได้ “นั่นไง ใช่แล้วมั้ยล่ะ ทำไมวะ ไอ้เฉิ่มเบ๊อะ ไอ้หัวผักกาดหน้ามันฝรั่งนั่นเอง”

เขาวิ่งจากโรงงานไปที่ไร่ของรูชัว พอเจอพี่ชายที่ลานบ้านก็ยื่นเงินเหรียญกำมือหนึ่งออกไป “ถึงวันเกิดของข้าแล้วรึ” เขาถามอย่างเอาเรื่อง “พี่ถึงได้คิดว่าจะต้องให้ของขวัญแก่ข้า พี่หมายความว่าไงที่เอาข้าวโพดและของอื่นๆ ไปให้ข้าทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้ทำอะไรให้คุ้มกัน”

รูชัวยกมือขึ้นกันและถอยไปก้าวหนึ่งเพื่อไม่แตะต้องเงินนั้น “พี่ไม่ได้เอาแยมนั่นไปให้แก” เขาปฏิเสธ “พี่ทำงานในโรงนาตลอดคืนวาน”

“นั่นไง” น็อนธีลเอานิ้วจิ้มหน้าอกพี่ชาย “พี่รู้ว่าเรื่องเกิดขึ้นตอนกลางคืน รู้ด้วยว่าเป็นแยม ไอ้โกหก! ถ้าพี่ทำงานอยู่ในโรงนาจริงข้าก็ต้องเห็นพี่ตอนที่ข้า….” เขาตะปบมือปิดปากตัวเอง

“โอ้โห” รูชัวปราดเข้ากระชากคอเสื้อน้องชาย “ยังงี้นี่เอง ใช่แล้ว แกคงคิดละซิว่า ข้าวโพดของพี่ละลายไปกับความร้อนกลางเดือนพฤศจิกายนหมด”

น็อนธีลทิ้งเหรียญแล้วผลักพี่ชาย รูชัวผลักกลับ ภรรยาของรูชัวรีบรุดออกมาจากบ้านเพราะได้ยินเสียงฝีเท้าชุลมุน “อะไรกันนี่ หยุดนะ หยุดเดี๋ยวนี้นะ” นางถลันเข้าไปยืนระหว่างคนทั้งสอง ยกมือขึ้นแยกพี่น้องออกจากกัน

“ข้าจะไปฟ้องศาล” น็อนธีลพ่นวาจาด้วยความโกรธ “พี่จะมาดูถูกข้าด้วยการให้ของขวัญไม่ได้”
รูชัวชูกำปั้นเร่าๆ “แกซี่ดูถูกเราสี่คนพร้อมกันเลย พี่จะไปฟ้องผู้พิพากษาให้ลากคอแกไปเข้าคุก”

“เออ! ข้าจะทำยังงั้นเดี๋ยวนี้เลย” น็อนธีลตะโกนใส่แล้วออกวิ่งไปตามถนน รูชัวตามไปติด ๆ พี่น้องทั้งสองวิ่งแข่งกันไปตลอดทางจนถึงเมืองและกระทั่งถึงประตูบ้านผู้พิพากษา ทุบประตูปังๆ พร้อมๆ กัน ต่างคนต่างอยากจะเป็นโจทก์

ผู้พิพากษาเป็นชายสูงวัยกว่าพี่น้องชิมาสิและไม่คุ้นกับการตื่นแต่เช้าเหมือนชาวไร่ที่เขาพิจารณาความให้ พอเลขานุการเข้าไปแจ้งว่า ชายสองคนซึ่งมีเหตุวิวาทกันมาขอพบและแจ้งชื่อสกุลว่า ชิมาสิ เขาก็บ่นด้วยความรำคาญ แล้วเอื้อมไปหยิบเสื้อครุยของตน

“ออกไปฟังเสียเลยดีกว่าวะ” เขาบ่นอุบอิบพร้อมกับมองหารองเท้า “พวกชิมาสิ! ข้าฟังคดีของพวกนี้มาเสียเยอะ ตั้งแต่พ่อขึ้นไปถึงปู่ ล้วนแต่หัวแข็งเหมือนหลักกิโลข้างถนนไปสู่คุก ไม่เคยลดราวาศอกให้กันเลย ไม่เคยเล้ยจริงๆ ดื้อด้านเหมือนตอไม้”

พอแต่งตัวเสร็จ ผู้พิพากษาก็ลงไปที่ห้องพิจารณาคดี “เอาละ เอาละ พ่อหนุ่ม” เขาโอภาปราศรัยแล้วนั่งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน “เรื่องอะไรล่ะคราวนี้ วัวของนายบัลซีลหลงเข้าไปในไร่ของเจ้าอีกเรอะ”

พี่น้องทั้งสองชิงกันเล่าทีละคนแต่ส่วนมากแข่งกันกล่าวโทษว่าอีกฝ่ายหนึ่งดูถูกตนด้วยเข่งข้าวโพด เขาพูดถึง “โจรยามวิกาล” และ “พ่อต้องร้องไห้อยู่ในหลุมฝังศพ” มากกว่าสองครั้ง ยิ่งพูดไปก็ยิ่งคิดว่าตนถูกดูหมิ่นอย่าง
ร้ายแรง ขอบตาของพี่น้องทั้งสองจึงแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ

ผู้พิพากษานั่งฟังเงียบๆ จนจบ พอทั้งพี่และน้องหยุดหายใจ เขาก็ลุกจากเก้าอี้ “ข้าขอปฏิเสธที่จะตัดสินคดีนี้” เขาพูด “คดีชิมาสิทะเลาะกับคนอื่นก็แย่มากพอแล้ว แต่ชิมาสิวิวาทกันเองนี่ ผู้พิพากษาธรรมดาอย่างข้าตัดสินไม่ไหวแล้ว เจ้าคงต้องไปที่พระราชวังเพื่อการนี้เสียแล้วละ พ่อหนุ่มเอ๊ย”

พี่น้องชิมาสิวิ่งออกมาจากบ้านผู้พิพากษาทันที แข่งกันไปที่พระราชวังของพระราชินี แต่หนนี้วิ่งช้าลงกว่าหนแรก เหตุหนึ่งก็คือ ถนนไต่ขึ้นเขาไปตลอด อีกอย่างหนึ่งคือ เขาวิ่งกันมามากแล้ว แต่ที่สำคัญเพราะเขารู้ว่าพระราชวังเป็นที่ซึ่งมีแต่คนบุญหนักศักดิ์ใหญ่และต้องมีพิธีรีตอง ใช่ว่าใคร ๆ ก็เข้าไปได้ ผู้ที่มีธุระสำคัญเท่านั้นจึงจะมีโอกาสได้เข้าเฝ้าพระราชินี พี่น้องทั้งสองเริ่มวิตกว่า ถึงแม้ธุระที่มีนั้นตนคิดว่าสำคัญจริง ๆ แต่ผู้คนภูมิฐานใหญ่โตที่นั่งอาจไม่คิดเช่นนั้นก็ได้

บุคคลแรกที่พบก็ภูมิฐานมากจริง ๆ เสียด้วย (ทหารยามในพระราชวังใส่เสื้อปักดิ้นทองที่ไหล่ มูลค่าเท่ากับข้าวโพดแปดเข่ง และปั้นหน้าบึ้งตึงตลอดเวลาเพื่อสำแดงว่า หน้าที่ของตนนั้นสำคัญมาก) พี่น้องชิมาสิร้องทุกข์เรื่องของตนแก่ทหารยามผู้นั้น แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเข้าใจแม้ว่าทั้งสองจะไม่พูดพร้อมๆ กันก็ตาม

“อืม” ทหารยามทำเสียง ตอนนี้นิ่วหน้าแสดงว่าสับสน “ข้าจะ… เอ้อ… ต้องรายงานหัวหน้าก่อน”

พี่น้องชิมาสิเบื่อไอ้เจ้านี่เสียจริง ทั้งบึ้งตึงและโง่ จึงกันไปไว้เสียด้านหนึ่ง “ให้เราเข้าไปก่อนแล้วเราจะเรียกให้” รูชัวบอก “หัวหน้าคร้าบ!” น็อนธีลร้องเรียก ก้าวยาวๆ ผ่านประตูหน้าวังเข้าไป “สวัสดีคร้าบ หัวหน้าคร้าบ มีหัวหน้าวิ่งเล่นอยู่แถวๆ นี้บ้างมั้ยคร้าบ”

“เจ้าเป็นใคร มีธุระอะไร”

ชายผู้นี้สวมสร้อยทองคำเส้นใหญ่ หมวกทรงสูงฝังดุมทองหลายเม็ด ดาบห้อยอยู่ข้างกาย ฝักดาบฝังผีเสื้อมรกต “ทั้งหมดนั่นราคาเท่ากับที่ดินทำเลดีเป็นสิบไร่เชียวนะ” น็อนธีลกระซิบบอกรูชัว

“ท่านเป็นหัวหน้ายามหรือครับ” รูชัวถาม “คนที่ประตูเขาอยากจะพูดกับท่านแน่ะ”

“ยังงั้นเรอะ” นายทหารหรูเลิศถาม “ทำไมล่ะ”

“เขาอยากจะรู้ว่าจะให้เราเข้ามาได้ไหม”

หัวหน้ายามขมวดคิ้ว “ดูเหมือนว่าพวกเจ้าตัดสินใจให้เขาแล้วนี่ มีธุระอะไรเรอะ”

น็อนธีลรีบอธิบายก่อนที่รูชัวจะทันแย่ง ใบหน้าด้านหนึ่งของหัวหน้ายามกระตุกและเมื่อฟังคำอธิบายมากขึ้นก็ยิ่งกระตุกหนักขึ้น “เรื่องนี้สำมะคันแฮะ” นายทหารกล่าวเมื่อน็อนธีลเล่าจบ “ต้อง… อะแฮ้ม…นำไปแจ้งต่อเสมียนศาล”

“ขอบคุณครับท่าน” รูชัวกล่าว จ้องหน้าน้องชาย “แล้วเราจะพบเขาได้ที่ไหนล่ะครับ”

หัวหน้ายามชี้ ดูเหมือนว่ามือจะสั่น “เพียง… เพียงแต่เข้าประตูนั้นไปแล้วเดินไปตามห้องโถงทางด้านซ้าย บอกยามที่ประตูที่สามว่าเจ้ามีธุระสำคัญมาก.ก.ก”

ทั้งสองขอบคุณอีกครั้งแล้วรีบไป รูชัวเหลียวไปมองข้างหลัง “พวกหัวหน้ายามก็หัวเราะคิกคักได้ด้วยเหรอ” เขาถาม สับสนนิดหน่อย

“อาจจะจามก็ได้” น้องชายบอก “ข้าสังเกตตั้งแต่ตอนที่คุยกันแล้วว่าท่าทางเขาจะไม่สบาย”
เมื่อทั้งสองเข้าไปทางประตูที่สามทางด้านซ้ายของห้องโถงก็พบเสมียนศาล คนนี้เป็นชายชราสวมหมวกทรงสูง ยอดประดับหอยทองคำและเสื้อผ้าเป็นประกายวูบวาบเวลาที่ขยับตัว

“เสื้อตัวนั้นแพงกว่าไร่ของพี่อีก” รูชัวพึมพำกับน็อนธีล

“สุภาพบุรุษทั้งสองมีอะไรรึ” เสมียนศาลทักเมื่อพี่น้องชิมาสิก้าวขึ้นไปยืนหน้าโต๊ะทำงาน “ข้าจะช่วยอะไรได้บ้าง เรื่องเขตแดนระหว่างไร่เรอะ หรือว่าใครเปิดประตูคอกทิ้งไว้จนฝูงสัตว์หนีไปหมด”

“ผู้พิพากษาของเราจัดการเรื่องจิ๊บจ๊อยพรรค์นั้นได้อยู่แล้ว” รูชัวบอก พอเห็นน็อนธีลอ้าปาก เขาก็หันมาดุเอาว่า “เงียบนะ ตอนนี้เป็นตาของพี่”

เสมียนศาลพยายามทำเป็นเคร่งขรึมอย่างสุดความสามารถตลอดเวลาที่รูชัวอธิบาย แต่พอถึงตอนที่พี่น้องจับกันได้เองว่าต่างคนต่างทำอะไรแก่กัน เขาก็ปล่อยเสียงหัวเราะหึหึออกมา

ทันใดนั้น รูชัวและน็อนธีลเข้าใจว่าตนถูกสบประมาทอย่างแน่นอน “ห้ามหัวเราะเยาะข้าวโพดในประเทศนี้” น็อนธีลประกาศ

“เราจะต้องได้รับการตัดสินคดีนี้ แม้จะต้องไปจนถึงองค์พระราชินีก็ตาม” รูชัวเห็นพ้อง

“ดีละ ทีนี้” เสมียนศาลพูด พยายามกลั้นหัวเราะอย่างหนัก “นายกรัฐมนตรีจะต้องตัดสินให้ ตามข้ามา”

เขาพาทั้งสองเดินผ่านพระราชวังไปถึงห้องหรูหราแห่งหนึ่งซึ่งชายร่างสูงเคร่งขรึมคอยอยู่ หมวกของท่านนายกฯปักขนนกยาวสีม่วงและมีระฆังเงินหลายใบแฝงอยู่ในเครา เสื้อคลุมเป็นผ้าสีเขียวประดับพลอยสีเขียวเป็นแผง

“พระราชินีต้องรวยกว่าที่ข้าคิดซะอีก” น้อนธีลกระซิบ ตอนนี้ลืมสนิทไปเลยว่าโกรธกันอยู่

“อา…” นายกรัฐมนตรีชื่นชมเมื่อเห็นเสมียนศาลเดินตามพี่น้องทั้งสองมา “ข้าราชบริพารของพระราชินีต้องแต่งตัวดี เพื่อแสดงว่าสมควรเป็นข้าฯในพระองค์ บางคนใช้เวลานานกว่าคนอื่นกว่าจะเข้าใจ แต่ส่วนมากเข้าใจได้ในที่สุด ข้าจะทำอะไรให้พลเมืองดีๆ สองคนของพระราชินีได้บ้างล่ะ”

สองพี่น้องมองเสมียนแต่เขาสั่นศีรษะ “ข้าเล่าไม่ได้เหมือนพวกเจ้าหรอก” เขาออกตัว

หนนี้น็อนธีลเป็นคนเล่า นายกรัฐมนตรีเป็นคนสำคัญเกินกว่าจะหัวเราะหึหึ เขาพยักหน้ากับเสมียน “จริงของท่าน” เขาพูด ลูบเคราจนระฆังเงินกระทบกันกรุ๊งกริ๊ง “เราจะต้องนำเรื่องนี้ไปสู่พระเนตรพระกรรณของพระราชินีแล้วละ มาไปด้วยกัน ทางนี้ไปพระราชสำนักของพระองค์”

สองพี่น้องพากันเดินตามไป ผ่านห้องใหญ่โตมากมายล้วนประดับประดาด้วยผ้าปักแขวนผนังสวยงามน่าชมจำนวนมาก ทุกคนไม่รู้เลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติ เพราะปกตินั้น พระราชินีไม่ใคร่จะทรงฟังคดีต่าง ๆ ส่วนมากไม่เกินปีละหนึ่งคดี แต่นายกรัฐมนตรีคิดว่าพระนางจะต้องทรงฟังเรื่องนี้เพราะเขาเป็นคนหนึ่งในไม่กี่คนที่รู้ว่า เนื่องจากต้องคำสาป เมืองนี้จะเจริญรุ่งเรืองและท้องพระคลังจะเต็มได้ก็ต่อเมื่อพระราชินีทรงพระสรวล แต่พระนางจะทรงเห็นอะไรน่าขันในเมื่อท้องพระคลังแทบจะไม่เหลืออะไรแล้ว
พอก้าวขึ้นบันไดเป็นมันปลาบไปสู่พระราชสำนักของพระราชินี เขาทั้งสองก็เห็นได้ชัดว่า ทีนี่ไม่ใช่ที่ทางสำหรับชาวไร่พื้นๆ เครื่องประดับผนังแต่ละชิ้นมีราคาอย่างน้อยเท่ากับไร่แห่งหนึ่ง ผู้คนสวยงามที่ยืนเรียงรายอยู่เบื้องหน้าของมีค่าเหล่านี้ ล้วนแต่งกายด้วยเครื่องนุ่งห่มซึ่งแน่ใจได้ว่า ไม่เคยเฉียดกรายไปใกล้ท้องไร่ท้องนาที่เพิ่งไถคราดไปหยกๆ เลย

แต่ก่อนที่สองคนจะทันคิดหาหนทางหลบออกไป เสียงแตรก็ดังขึ้นเป็นสัญญาณว่าจะมีบางอย่างสำคัญเกิดขึ้น ทหารที่ถือแตรเอาแตรออกจากริมฝีปากและประกาศว่า “พระราชินีเสด็จแล้ว”

รูชัวทำท่าจะคุกเข่าเมื่อหญิงนางแรกผ่านประตูใหญ่สองบานออกมา แต่น็อนธีลฉุดไว้ พวกนี้เป็นเพียงนางพระกำนัลของพระราชินี เป็นผู้ที่เฝ้าแหนอยู่รอบๆ พระองค์เพื่อถวายอยู่งานเล็กๆ น้อยๆ แต่ละนางล้วนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าเครื่องประดับวิจิตรตระการตา ผู้ที่เดินมาคนหลังๆ ก็ยิ่งแต่งกายหรูหรากว่าคนแรกๆ กระบังหน้าบนผมทรงสูงก็ยิ่งสูงกว่าด้วย ทั้งยังเลือกฝังเพชรพลอยที่มีสีขับสีผมของผู้สวมอย่างที่สุด ชุดยาวระพื้นปักแต่งประณีตงดงามระยิบระยับ ปลายรองเท้าที่โผล่พ้นชายกระโปรงเพียงเล็กน้อยนั้นเป็นมัน ใหม่ และแพง

ชาวไร่ทั้งสองใส่ชุดทำงานเก่าๆ รองเท้าปุปะเพราะเริ่มจะแบะออกจากกัน สภาพของเขาผิดที่ผิดทางอย่างที่สุด แต่ข้าวโพดก็สำคัญและความยุติธรรมก็สำคัญด้วย น็อนธีลและรูชัวปักหลักอยู่ตรงนั้น “เราต้องพบพระราชินีให้ได้” รูชัวพึมพำ

สตรีคนสุดท้ายที่เข้ามาแต่งกายหรูกว่าใครเพื่อน ชุดยาวสีฟ้าและแดงก่ำนั้นมีโซ่ทองคำเล็กๆ ประดับมากมาย ผมสีเพลิงเกล้าสูงเป็นลอนตั้งหลายโหลนั้นเป็นมันวับด้วยต้องแสงสะท้อนจากเพชรประดับมงกุฎ ลอนผมแน่นตึง ริมฝีปากหุบสนิท นางเดินเนิบๆ ด้วยอิริยาบทของผู้มีอำนาจราชศักดิ์ ไม่มีใครเดาอายุได้เพราะใบหน้าของนางไร้ริ้วรอยใด ๆ

พอทรงก้าวขึ้นไปบนบัลลังก์ทององค์ใหญ่ พระนางก็ทรงกวาดสายพระเนตรไปรอบๆ ห้องพิจารณาคดี “มีเรื่องอะไรมาฟ้องศาลทรงเกียรติของข้าล่ะ” พระนางรับสั่งถาม ทรงจ้องเขม็งไปที่ชาวไร่ทั้งคู่
น็อนธีลและรูชัวคล้ายๆ จะถอยไปนิดหนึ่ง แต่นายกรัฐมนตรีโบกมือไปทางเขาจนแหวนเพชรตั้งหลายวงเปล่งประกายล้อแสงไฟ “ชายสองคนนี้มีเรื่องสำคัญมากซึ่งจะต้องได้รับพระราชทานพระวินิจฉัยจากใต้ฝ่าพระบาท ผู้ที่มีบารมีน้อยกว่าจะตัดสินเรื่องราวยุ่งยากซับซ้อนเช่นนี้ไม่ได้เลยพระเจ้าค่ะ”

พระขนงของใต้ฝ่าพระบาทเลิกขึ้น “ยังงั้นเรอะ” ทรงถาม ทอดพระเนตรพี่น้องทั้งสองทีละคน

น็อนธีลมองดูรูชัวแล้วก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว “คือยังงี้ขอรับ พระราชินี พี่ชายของกระผมเนี่ยแอบไปที่เข่งข้าวโพดของกระผมขอรับ”

พระราชินีทรงพยักพระพักตร์ “ขโมยละซี่”

“ไม่ใช่ขอรับ” น็อนธีลกราบทูล “แอบเอาข้าวโพดของตัวเองไปรวมไว้กับของกระผมขอรับ”

“อ้อ” ใต้ฝ่าพระบาททรงกระพริบพระเนตร “ตอนที่เจ้าหลับอยู่ละซี่ท่า”

รูชัวขยับเข้ามาชิดน้องชาย “อย่าไปฟังเขานะขอรับ พระราชินี คืนเดียวกันนั้นเขาก็ไม่อยู่บ้าน เขาแอบเอาข้าวโพดของเขาไปไว้ในโรงนาของกระผมขอรับ”

น็อนธีลชี้นิ้วสั่นเทาไปที่พี่ชาย “แต่เขาเริ่มก่อนนะขอรับ เขาแอบเข้าไปในโรงนาของกระผมมากกว่าหนึ่งครั้ง เพื่อเอาอะไรๆ ที่ไม่ใช่ของกระผมไปให้กระผม!”

“แล้วเขาก็ทำอย่างเดียวกันน่ะแหละ” รูชัวกราบทูล ก้าวเข้าไปใกล้พระราชินียิ่งขึ้น และเกือบจะตะโกนใส่พระองค์ “เขาไม่ควรจะ…”

“เอ้อ… เขา… “น็อนธีลเริ่ม พยายามยืนให้ล้ำหน้าพี่ชายเข้าไปอีก
พระราชินีทรงยกพระหัตถ์ห้าม “เจ้า…” พระนางทรงโน้มพระองค์ไปข้างหน้าเล็กน้อย “เจ้ามาหาข้าเพื่อจะฟ้องว่าน้องชายของเจ้าให้ของขวัญแก่เจ้ายังงั้นรึ”

“ขอรับ” รูชัวตะโกน “โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกระผมด้วย”

พระราชินีทรงอ้าพระโอษฐ์หวอแล้วทรงรีบหุบ มุมพระโอษฐ์ค่อยๆ ม้วนขึ้น พอพระองค์ทรงพระสรวลเป็นครั้งแรกในพระชนม์ชีพ ระฆังหลายใบในหอก็กังวาลขึ้นโดยไม่มีมือใดๆ ดึงเชือกระฆัง ห้องนั้นยิ่งสว่างไสว เสียงหัวเราะก้องไปทั่วห้องอันเจิดจ้า แม้แต่ผู้ที่ไม่รู้เรื่องคำสาปก็เข้าใจได้ว่ามีสิ่งดีวิเศษเกิดขึ้นแล้ว

แต่คนที่ไม่สนุกด้วยก็คือชายทั้งสองที่ยืนประสานมือคอยอยู่ สักพักหนึ่ง พอเสียงอึกทึกค่อยเบาลง น็อนธีลจึงทูลถามขึ้น “แล้วคำตัดสินของท่านล่ะขอรับ พระราชินี”

ใบหน้าเคร่งขรึมของทั้งสองเกือบจะทำให้พระราชินีทรงพระสรวลอีก ถึงกระนั้นก็ยังทรงยิ้มเมื่อยกพระหัตถ์โบกให้ศาลเงียบ “แน่นอน เจ้าต้องได้รับคำตัดสิน” พระนางทรงประกาศ “ข้าให้ข้าวโพดทั้งหมดของพี่ชายเจ้าแก่เจ้า” แล้วทรงหันไปที่รูชัว “และข้าให้ข้าวโพดทั้งหมดของน้องเจ้าแก่เจ้า แล้วทีนี้ถ้าเจ้าคนใดคนหนึ่งคิดจะให้สิ่งใดแก่พี่น้องของเจ้าก็จะได้ให้แต่สิ่งที่เคยของเขามาแต่แรก”

รูชัวมองน็อนธีลแล้วยิ้ม น็อนธีลมองรูชัวแล้วเริ่มหัวเราะ พระราชินีก็ทรงพระสรวลด้วย คำสาปที่ต้องพระนางจึงหมดไปโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ สักเก๊เดียว

อย่างไรก็ดี นายกรัฐมนตรีก้าวเข้ามากราบบังคมทูลว่า “เมืองนี้จะรุ่งเรืองสืบไป ขอขอบคุณสุภาพบุรุษทั้งสองนี้ แต่ใต้ฝ่าพระบาทจะไม่ทรงพระราชทานรางวัลแก่พวกเขาบ้างหรือพระเจ้าค่ะ”

รูชัวและน็อนธีลหยุดหัวเราะทันที “พระราชินีตัดสินให้เราแล้วไงล่ะขอรับ” รูชัวบอก “เราได้สิ่งที่เราต้องการแล้วขอรับ” น็อนธีลเห็นด้วย

พระราชินีทรงเชิดพระหนุ ตอนนี้ชาวไร่เหลือกำลังจริงๆ ทั้งสองชักจะทำให้ทรงขุ่นเคืองมากกว่าทรงพระสำราญเสียแล้ว การไม่รับของขวัญจากกันและกันนั้นก็แย่อยู่ แต่การบอกปัดของพระราชทานนี่ทรงนึกไม่ถึงจริงๆ

“ข้าจะให้สิ่งที่เจ้าไม่ต้องการก็แล้วกัน” พระนางทรงบอก “อาจจะมีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ที่เจ้าจะได้นำกลับบ้านไปให้เมียของเจ้า ข้ามีตุ้มหูที่เหลือข้างเดียวอยู่หลายข้าง”

“แต่น้องชายกระผมยังไม่ได้แต่งงาน” รูชัวแย้ง “เขาไม่มีภรรยาจะใส่ตุ้มหูของท่านหรอกขอรับ”

“นั่นก็ง่ายมาก” พระนางทรงปรบพระหัตถ์ “เอานางพระกำนัลของข้าไปคนหนึ่ง แล้วเจ้าก็จะมีเมีย เอ้า! หล่อนทั้งหลายที่ยังไม่ได้แต่งงานน่ะ ก้าวออกมาข้างหน้า เจ้าหนุ่มคนนี้จะได้เลือก”

น็อนธีลถอยไปก้าวหนึ่ง เขารู้ว่าการปฏิเสธข้อเสนอของพระราชินีเป็นเรื่องหยาบคาย แต่การเลือกผู้หญิงที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน แถมยังเป็นผู้หญิงที่คุ้นเคยแต่กับเสื้อผ้าปักเพชรพลอยอย่างนี้น่ะ น่าจะเป็นคำสาปมากกว่าของขวัญ

นางพระกำนัลพากันจ้องมองน็อนธีลและคิดไปต่างๆ กัน บ้างเป็นลมด้วยความกลัวว่าจะต้องแต่งงานกับชาวไร่ที่ใส่รองเท้าปุปะสกปรก บ้างก็รีบก้าวออกไปข้างหน้า ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะต้องคอยอยู่งานถวายพระราชินีที่ไม่เคยทรงยิ้ม แม้ว่าจะเพิ่งทรงยิ้มไปหยกๆ ก็ไม่มีอะไรประกันว่าจะทรงยิ้มอีก

รูชัวพิจารณานางพระกำนัลอย่างถี่ถ้วนและคิดอย่างเดียวกับน้องชาย การพาสุภาพสตรีเหล่านี้คนใดคนหนึ่งไปไว้ที่ไร่นั้น สุภาพสตรีก็จะแย่ และไร่ก็จะแย่ด้วย ถ้าน็อนธีลจะต้องจ่ายเงินทั้งหมดที่ได้จากการขายข้าวโพดเพื่อซื้อเพชรนิลจินดาให้สาวชาววังก็จะน่าเสียดายมาก

“น็อน” เขากระซิบ พยักเพยิดไปที่ปลายแถว “ดูเธอคนนั้นซี่”

น็อนธีลมองตาม หญิงที่ยืนอยู่ปลายแถวทางด้านขวาของห้องนั้นเป็นสุภาพสตรีคนเดียวที่ค่อยดูเหมือนภรรยาชาวไร่หน่อย เสื้อผ้าของนางไม่พอดีเหมือนของคนอื่น แขนเสื้อมีรอยปะชุน เพชรที่กระบังหน้าไม่เข้าชุด ถุงมือก็ผิดคู่ด้วย

“แม่คนนั้นน่ะเรอะ” พระราชินีทรงถามเมื่อทรงได้ยินพี่น้องซุบซิบกัน “หล่อนเป็นเด็กโง่ แทนที่จะซื้อเสื้อใหม่ๆ อย่างที่นางพระกำนัลควรจะทำ กลับเก็บของเก่าๆ ที่คนอื่นทิ้งแล้วมาใส่ อย่าเอาหล่อนเลย ข้ายังชักจะเบื่อบ่นว่าหล่อนแล้ว หล่อนไปอยู่กับเจ้าก็โง่อย่างนี้แหละ”

“ในเมื่อพระราชินีช่วยแก้ปัญหาให้เราแล้ว เราก็น่าจะช่วยท่านได้บ้าง” น็อนธีลทูล “ถ้านางไปกับเราเสีย ท่านจะได้หายเบื่อไงล่ะขอรับ”

พระราชินีทรงยักพระอังสา นางพระกำนัลคนนั้นซึ่งก้าวออกมาด้วยความหวังว่าจะได้ออกไปจากวังเสียทีรีบวิ่งมายืนข้างน็อนธีล พระราชินีทรงแนะให้เสมียนศาลจัดการแต่งงานให้เสียเลย แต่พี่น้องชิมาสิทูลขอไปจัดงานที่หมู่บ้านของตนโดยขอให้ผู้พิพากษาเป็นเจ้าภาพ

นิทานเรื่องนี้ก็จบลงด้วยประการฉะนี้ น็อนธีลได้ภรรยาซึ่งประหยัดและฉลาด นางได้สามีที่มีนิสัยเหมือนกัน นอกจากนี้ยังได้เพื่อนบ้านที่ดีกว่าที่เคยมีเมื่ออยู่ในวัง เพราะรูชัวและภรรยาเป็นแขกมาเยี่ยมเสมอๆ และมักนำข้าวโพดมากำนัลเนื่องจากเป็นข้าวโพดของน็อนธีลตามพระวินิจฉัยของพระราชินี

และเมืองนี้ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นจริงๆ บ้านเมืองใดที่มีพลเมืองเช่นนี้แล้ว เศรษฐกิจจะไม่พอเพียงเสียได้อย่างไร



จาก : The Brothers Shimazi ของ Dan Crawford
หนูหล่อ: แปลเก็บความ

ขอบคุณสำหรับของแต่งบล็อกสวยๆ
จาก
คุณยายชมพร
คุณป้ามด
คุณ Paradijs
และ
คุณ Lozocat


นิทานอาจสรุปง่ายไป
แค่พลเมืองสองครอบครัวไม่ทำให้เศรษฐกิจ
ของประเทศพอเพียงได้หรอก แถมเมืองนี้
ยังเต็มไปด้วยขุนน้ำขุนนางอวดมั่งอวดมี
ซึ่งก็น่าจะได้มาจากการโกงกินจนทรัพย์สิน
ของประเทศล่มจม
(แหม เหมือนประเทศไหนนะ
คุ้นๆ มั้ยครับเนี่ย)

แต่นิทานเรื่องนี้ก็พอแนะให้คิดว่า
บ้านเมืองจำเป็นต้องมีผู้บริหารประเทศ
ที่รู้จักคำว่า “พอ” ไม่แข่งกันกินบ้านกินเมือง
ให้ร่ำรวยเกินหน้ากันเอง เพราะในที่สุดแล้ว
คนเราตายแล้วก็ไปแต่ตัว บางที ยังไม่ตาย
ก็ไปแต่ตัวแล้ว หาความสงบใจให้ตัวเองไม่ได้

อีกประการที่สอนชัดก็คือ พี่น้องกันนั้น
แม้จะกัดกันทุกวัน แต่ยามยากต้อง
ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้



















 

Create Date : 20 ตุลาคม 2551
62 comments
Last Update : 27 พฤษภาคม 2552 23:42:10 น.
Counter : 4046 Pageviews.

 

แปะไว้ก่อนค่ะยังอ่านไม่จบ อิอิ
มัวแต่ไปวิ่งเล่นที่ห้องแมวมา...

 

โดย: Fullgold 21 ตุลาคม 2551 0:58:40 น.  

 

ฝากไว้ก่อนแล้วจะค่อยๆกลับมาอ่านครับ
เรื่องยาวจริงๆ

 

โดย: ลุงแอ๊ด 21 ตุลาคม 2551 8:19:17 น.  

 

หวัดดีค่ะ คุณหนูหล่อ

มาบล็อคนี้ ใช้สายตา อย่างสูง ทู๊กทีเลย
แต่ยินดียิ่งเลยค่ะ อ่านสนุก ถูกใจ และน่าติดตาม

เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งเลยว่า พี่น้องกัน ให้กัดกันขนาดไหน
มานก็น้องเราอยู่ดี ยามทุกข์ ยามสู้อะไร ก็ต้องช่วยๆ กัน
บ้านเมืองของเรา มันเข้าข่าย รวยกระจุก จน กระ จายยย

คุณหนูหล่อสบายดีนะคะ
วันนี้บ้านเมืองจดจ่ออยู่ที่ศาลตอนบ่าย 2 ค่ะ

แต่ถ้าเป็นอย่าง 2 พี่น้องชิมาสิ แล้วดีไม่น้อยเลย
อิจฉาพี่น้อง 2 คนนี้จังเลยค่ะ

 

โดย: Jiji&Kaka 21 ตุลาคม 2551 9:14:19 น.  

 

อ่านจบแล้วผมนึกถึงประเทศตัวเองครับพี่หนูหล่อ
คิดถึงด้วยความเศร้าครับ




 

โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) 21 ตุลาคม 2551 13:30:02 น.  

 

มาต่อคุณก๋า
จิ๊กสองหมิงดีฝ่า
ไปฝากรักไว้ที่บล็อกคุณก๋านะคะ

 

โดย: Guga 21 ตุลาคม 2551 16:27:17 น.  

 


วันนี้ทำไมบ้านนี้เงียบๆ นะ
ไม่มีสาวๆ มาวิ่งไล่วิ่งเล่นส่งเสียงกันเลย

 

โดย: Jiji&Kaka 21 ตุลาคม 2551 19:04:19 น.  

 

ตอนนี้บางสาวมดแดงกำลังมาแฝงครับ
บางคนยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะปรึกษา
คุณแม่ดีหรือหอบผ้าตามหนุ่มไปเลยดี
อีกสาวนึงกลุ้มเรื่องทำมาหากิน
ส่วนอีกสาวนึงยังนึกไม่ออกว่าใครว้า
ดันชื่อ หนูหล่อ เชยซะไม่มี ไม่งั้นจะลอง
จีบดู

ก็พูดบ้าไปอ่ะครับ คุณวัน บ้านมันเงียบจริงๆ

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 21 ตุลาคม 2551 20:09:01 น.  

 

โห ใครว้าคิดปรึกษาพี่หนูหล่อ
คิดผิดคิดใหม่ได้เน้อ
ดูแต่ทำบล็อกจิ ยังต้องล็อกอินเข้ามาตอบทู้กที

 

โดย: Guga 21 ตุลาคม 2551 20:29:55 น.  

 

เอ๊าพี่นู๋หล่อล็อคบ้านอีกแล้ว
ต้องล็อคอินเข้าบ้านนี้อีกแล้วเหรอคุณกูก้า พี่เค้า
ชอบขี้ลืมเน่อะ...
จะเหมือน เรื่องของอาคุงกล่องหรือเปล่าเนี่ย
ที่บอกว่าเชอล็อคโฮม เพี้ยนมาจากภาษาไทยว่าเธอล็อคบ้าน....อิอิ

อ่านเรื่องนี้อ่านไปขำไปตลกดี
ตระกูลดังน่ะเนี่ย เทมาเสะ เอ๊ยไม่ใช่ตระกูล ชิมาสิ ต่างหาก

เป็นคู่พี่น้องที่น่ารักดีจังเลยค่ะ
รู้จักความพอเพียงด้วย....

 

โดย: Fullgold 21 ตุลาคม 2551 21:04:10 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่หนูหล่อ
ทักทายก่อนแล้วกัน เดียวค่อยอ่านนะค่ะ

พี่หนูหล่อสบายดีไหมค่ะ
วันนั้นนี้อยู่ทีไหนค่ะเนี้ย

 

โดย: paerid 21 ตุลาคม 2551 21:17:35 น.  

 

เหอ เหอ น้องกูก้า... มาบ้านพี่บ้านเชื้อ
ก็แต่งตัวมาดีๆก็ดีแล้ว บ่นทำไมว้า
คนยิ่งเซรงๆอยู่

จะแผลงเป็น เทมาเสะ เหมือนกันแหละครับ
คุณปู แต่กลัวเค้าแบนบล็อก

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 21 ตุลาคม 2551 21:37:28 น.  

 

โอ๋ๆๆๆ
เซ็งอะไรกันคะคุณพี่ หรือเซ็งที่พรุ่งนี้อดร่วมวงติ่มซำกะเรา อิ๊อิ๊

น่านะ อย่าเซ็งไปเลย (ไม่ว่าจะเรื่องอะไรแหละ)
เดี๋ยวไม่หล่อ

 

โดย: Guga 21 ตุลาคม 2551 21:43:22 น.  

 

พี่หนูหล่อคะ.....ตอนนี้กำลังมึนๆมากเลยค่ะ ขอนุยาดติดไว้ก่อนนะคะ แล้วจะมาอ่านอีกที

......................

ขอบคุณคุณปูมากเลยนะคะที่จะรับเราเป็นลูกศิษย์.......ว่างเมื่อไหร่ รบกวนคุณปูแน่ค่ะ จะเป็นลูกศิศย์ที่น่ารัก เชื่อฟังคุงคูค่ะ

สรุปแล้วบ้านเราเชยจัง......ไม่สวยเหมือนบ้านพี่หนูหล่อเลย

......................

นอนกันหมดหรือยังคะเนี่ยะ...................

 

โดย: Suessapple 21 ตุลาคม 2551 22:08:08 น.  

 

อ่านจบแล้วครับ แต่ข้ามๆไปบ้างแบบดูหนังสือสอบ
เดี๋ยวต้องทวนอีกสองสามรอบ

ที่ประทับใจที่สุดคือตรงนี้

"นิทานอาจสรุปง่ายไป
แค่พลเมืองสองครอบครัวไม่ทำให้เศรษฐกิจ
ของประเทศพอเพียงได้หรอก แถมเมืองนี้
ยังเต็มไปด้วยขุนน้ำขุนนางอวดมั่งอวดมี
ซึ่งก็น่าจะได้มาจากการโกงกินจนทรัพย์สิน
ของประเทศล่มจม
(แหม เหมือนประเทศไหนนะ
คุ้นๆ มั้ยครับเนี่ย)"

คุ้นมากๆเลย

 

โดย: ลุงแอ๊ด 21 ตุลาคม 2551 22:51:09 น.  

 

ยังอยู่ครับ แต่ก็จวนเค้เก้แล้ว... พักนี้
ลูกศิษย์คุงคูเค้าเยอะน้าคุณเปิ้ล จะเรียนก็รีบๆ
มาเรียนซ้า...

บ้านคุณเป๊ะเปิ้มไม่ต้องแต่งมากหรอกครับ
แค่เนื้อหาในบล็อกก็สวยแจ๋วแล้ว

เป็นอะไรถึงมึนมากครับ ไม่สบายหรือเปล่า
เนี่ย อากาศกำลังเปลี่ยนด้วยนะครับ ต้อง
กินแกงส้มดอกแค เอิ๊กๆๆๆ

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 21 ตุลาคม 2551 23:01:56 น.  

 

Photobucket

มาอ่านจบแล้วค่ะพี่หนูหล่อ เลยเอารูปปลากรอบมาฝากด้วยค่ะ.....

มึน มึน เพราะออกไปข้างนอกเพิ่งกลับมา แล้วปวดหัวน่ะค่ะ เพราะอากาศเดี๋ยวร้อน เดี๋ยวหนาว......แล้วพอเราแต่งอุ่นหน่อยก็เหงื่อออก พอถอดแจ๊คเก็ตออกก็หนาว เฮ้ออออออ

อ่านเรื่องนี้แล้วสนุกค่ะพี่............

แหมบรรยายได้เห็นความแตกต่างระหว่างคนรวยพร้อม กับคนจนพร้อม เลยนะคะ

คุ้น คุ้น เหมือนเพื่อนๆ คนอื่นๆน่ะแหละค่ะว่า เคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มาก่อน.....ที่ไหนน๊า....ความจำสั้นจังเลยเรา อิ อิ

แต่ก็ดีแล้วค่ะ .....ขืนจำได้ดี....เดี๋ยวเครียดค่ะ

ทำไมต้องกินแกงส้มดอกแคคะ กินแล้วหายปวดหัวเหรอคะ.....?

 

โดย: Suessapple 21 ตุลาคม 2551 23:36:58 น.  

 

เขาเรียกไข้ที่เป็นกันช่วงนี้ว่า ไข้หัวลม ครับ
โบราณเชื่อว่า กินดอกแคแก้ได้

ภาพปลากรอบนั่นลูกอะไรหรือครับ เปลือก
เหมือนข้าวโพด

พักผ่อนมากๆนะครับ

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 21 ตุลาคม 2551 23:59:38 น.  

 

นั่นข้าวโพดค่ะพี่หนูหล่อ

แต่เป็นข้าวโพดที่ใช้ทานไม่ได้ เพราะแข็งมาก....แต่เป็นข้าวโพดที่ใช้ตกแต่งบ้านช่องในฤดูนี้ค่ะ

มีหลายชนิดมากเลยค่ะ....สวยกว่านี่ก็มี เป็นแบบหลายๆสีในฝักเดียวกันค่ะ...แต่เราไม่มีรูป

บางทีเค้าก็เอามาผูกต่อๆกันเป็นพวงเลยค่ะ แล้วห้อยไว้หน้าบ้าน น่ารักดีค่ะ

พี่หนูหล่อก็ดูแลตัวเองด้วยนะคะ...........

 

โดย: Suessapple 22 ตุลาคม 2551 0:48:59 น.  

 

เห็นทีต้องหาแกงส้มดอกแค มาทานบ้างแล้ว
ไข้หัวลม ช่วงอากาศกำลังเปลี่ยนแปลงหรือป่าวคะ
คุณหนูหล่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาที่เดินไปข้างนอก
ก็เกิดอาการปวดหัว มึนหัว มากๆ ลูกๆ บอกแม่แก่แล้ว

เอ่อ..คงจริง กำลังกายก็ไม่ได้ออก ข้างนอกก็ไม่ค่อยได้เยือน
เดินนิดเดินหน่อยทำเป็นเหนื่อย เออ..ลูกๆ อย่าแก่บ้างเน้อ..

คุณหนูหล่อว่ามะ

 

โดย: Jiji&Kaka 22 ตุลาคม 2551 9:07:35 น.  

 

. . . ข อ ข อ บ คุ ณ สำ ห รั บ ค ว า ม ป ร า ร ถ น า ดี ค่ะ . . .^ _ ^



 

โดย: Fullgold 22 ตุลาคม 2551 14:26:56 น.  

 



สวัสดีค่ะพี่หนูหล่อ
เรื่องย๊าว ยาวค่ะ ปอยอมเลย อ่านไม่ไหว
ไว้ทะยอยเข้ามาอ่านตอนเข้ามาเสริฟกาแฟนะคะ งุงิ

วันนี้ปอมีชามะนาวหน้าตาน่าทานมาฝากค่ะ ^ ^

 

โดย: Butterflyblog 22 ตุลาคม 2551 19:07:14 น.  

 

โอ๊ยยยยย อิ่มจังตังค์พร่องไปนิดส์
ทุกคนฝากความคิดถึงมาให้นะคะพี่หนูหล่อ
เจ้า่แอ่มแอ๊มอยากไปเที่ยวเขาใหญ่อีกแระ

 

โดย: Guga IP: 125.24.163.238 22 ตุลาคม 2551 21:03:08 น.  

 

อยากมาคนเดียงก็รับหวาย
ตอนนี้เห็นดอกหญ้าแปลกๆเยอะเลย
ท้าทายกล้องมาเนอะ

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 22 ตุลาคม 2551 22:20:44 น.  

 

กร๊ากๆๆๆขำลิงข้างๆ

. . . ข อ ข อ บ คุ ณ สำ ห รั บ ค ว า ม ป ร า ร ถ น า ดี ค่ะ . . .^ _ ^



 

โดย: Fullgold 22 ตุลาคม 2551 22:44:08 น.  

 

พี่หนูหล่อคะ คุณปูบอกว่าจะแวะรับพี่หนูหล่อไปเที่ยวกับเพื่อนๆคุณปูค่ะ

....................

แต่ว่าให้พี่โหนไปนะคะ.......เพราะที่เต็มแร้ววววว

 

โดย: Suessapple 22 ตุลาคม 2551 23:35:02 น.  

 

โธ่ คุณเป๊ะเปิ้ม จะไปยากอาร้าย...
ใครมารับพี่ไปก็ต้องรับผิดชอบให้พี่
นั่งตัก... ดูจิ๊ จาว่างาย

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 23 ตุลาคม 2551 12:50:35 น.  

 

ได้เลยพี่หนูหล่อ

ตักเรายังว่าง

กล้านั่งเป่า?????

 

โดย: gasalong IP: 58.10.231.48 23 ตุลาคม 2551 18:21:21 น.  

 

อย่าท้าลองใจเลยน้า ทำให้ใจ
หนูหล่อวับๆหวำๆ ซะเปล่าๆ
บาปกรรมนะ คุณพี่

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 23 ตุลาคม 2551 19:29:56 น.  

 

โห พี่หนูหล่อ แสดงว่าน้องไม่ได้เข้ามานานเลยนะเนี่ย
แหะๆ คิดถึงกันเปล่า
ตอนนี้กะลังจะหัวฟู ขอแปะๆไว้ก่อน
ตอนเย็นมาอ่านนะคะ

 

โดย: BeCoffee 24 ตุลาคม 2551 8:13:07 น.  

 

มาทักทายยามดึก เอาดวงจันทร์มาฝาก

ใครนั่งตักใครบ้างเนี่ย....

พี่หนูหล่อนั่งตักพี่กาสะลอง

แล้วเรานั่งตักพี่หนูหล่ออีกที ซ้อนสอง
ตำรวจจะจับไหมเนี่ย เอิ๊กๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: Fullgold 24 ตุลาคม 2551 20:49:32 น.  

 

อ้อ...แล้วคุณเปิ้ลนั่งตักอีกข้างของพี่หนูหล่อ

 

โดย: Fullgold 24 ตุลาคม 2551 20:51:53 น.  

 

เป็นพี่น้องที่น่ารักดีค่ะพี่หนูหล่อ
อ่านแล้วคิดถึงน้องสาวนะคะ ถึงกว่าว่าจะไม่เคยชิงไหวชิงพริบกันขนาดนี้ก็เถอะ

ขอบคุณที่แปลเรื่องดีๆ มาให้อ่านนะคะ

ปล.ชอบพระราชินีด้วยล่ะ

 

โดย: BeCoffee 24 ตุลาคม 2551 23:40:08 น.  

 

หนูหล่อขอลาไปทัวร์โรงพยาบาลสัก 2 วัน
นะครับ

ฝากบ้านกับเพื่อนๆ ด้วย

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 25 ตุลาคม 2551 10:48:30 น.  

 

อ่านตอนแรก..นึกว่ามันจะหักมุมแบบว่า
ต่างคนก็ต่างคิดว่าอีกคนไม่ต้องการของที่ให้ไป
แล้วนำเอามาคืน..และผิดใจกัน..อิอิ..น่าจะรู้
ว่าเรื่องของพี่หนูหล่อ..มันไม่ง่ายอย่างนั้น
และตอนจบ..มันต้องมีข้อคิดเสมอ

 

โดย: nikanda 25 ตุลาคม 2551 16:04:43 น.  

 

อ้าว คุณหนูหล่อไปโรง'บาลอีกแล้ว
ผมก็จะไปรามาวันอังคารนี้อะครับ
ไปเช้ากลับเย็นตามเคย เฮ่อ..เหนื่อย

 

โดย: Dearance IP: 119.42.84.160 25 ตุลาคม 2551 18:14:54 น.  

 



สวัสดีครับ ขอบคุณที่แวะเข้านะครับ ผมสบายดี คุณสบายดีไหมครับ

 

โดย: veerar 25 ตุลาคม 2551 22:43:07 น.  

 




ฝันดีค่ะพี่

 

โดย: d__d♥ (มัชชาร ) 25 ตุลาคม 2551 22:55:45 น.  

 

วาวววววววว

ว้าววววววววววววววววว

วาววววววววววววววววววววววววว

คิดดดดดดดดด ถุงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง

พรี่ ก้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

มี้ ชอบ เรื่อง พรี่ มั่ก ก้าบ

ขอ อา นุ ยาด

ลง word

มี้ จา เอา หั้ย นัก เรียน อ่าน ก้าบบบบบบบบบบ

น้อง เด้น

ทาม มี้ ขำ ก้าบบบบบบบบบ

เด้น คิด ว่า เอม เปน พ่อ

เพาะ เด้น มา ตอน 1 เดือน

เอม ก้อ คิด ว่า เด้น เปน ลูก

เลิก ป้ำ ตุ้กตามู๋ เยย ก้าบบบบบบบบ

ป้ำ แย้ว มี ลูก แบบ นี้

เอม กัว

เอม กัว ก้าบบบบบบบบบบบบ

เดก เด้น มานนนนนนนน

กิน เก่ง ก้าบ

วัน แรก มา 4 ขีด

ตอน นี้ จา 5 โล แว้ว ก้าบบบบบบบ

 

โดย: dogamania 26 ตุลาคม 2551 1:18:08 น.  

 

โอวววววววววววว

มือ ซน

กด ผิด ก้าบบบบบบบ

เด้น กิน โหด มั่ก ก้าบ

ชอบ โดด กัด หู เอม ก้าบ

ชอบ จูป มี้ มากกกกกกกกกกก

จน มี้ หลอน เยย ก้าบบบบบบบบ

เด้น จูป จน มี้ ปาก ชา เยย ก้าบบบบบบบบ

อืมมมมมมมมมมม

เดก เดก ที่ บ้าน

พรี่ หนูหล่อ เปน งาย บ้าง ก้าบ

แว้ว Master Brat บาย ดี มั้ย ก้าบ

แก หาย ปัย เยยยยยยยยยย

ลง กา สัย

จัย แตก ตอน แก่

555555555555555555555555555555

พรี่ นู๋ หล่อ มากกกกกกกกก

ก้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ

มี้ เคย ปาย เขา หย่ายยยยย ตอน เดก เดก

พอ แก่ แว้ว ม่าย ด้าย ปาย ก้าบบบบบบบบบ

อืมมมมมมมมมมม

มด แดง เยอะ มั้ย ก้าบ

มี้ อยาก พา เอม เด้น ปาย

แต่ เวลา เที่ยว ตจว

เอม เด้น จา โดน มด กัด เยอะ ก้าบบบบบบบบบบบ

คุน มี้ พรี่ นู๋ หล่อ ที่ เปน ลม เพาะ น้าม ท่วม

ทั่น ซา บาย ดี มั้ย ก้าบบบบบบบบบบบบบบบบบ

ซา พาน ปา มา เยือน ก้าบบบบบบบบบบ

 

โดย: dogamania 26 ตุลาคม 2551 1:23:33 น.  

 

สวัสดีค่าพี่หนูหล่อ



ชอบมากมายค่ะ อ่านจบด้วยความรวดเร็วภายในรวดเดียว
เนื้อหาของเขาดีจริง ๆ แต่เหนืออื่นใด ก็ต้องยกความดี
ให้กับผู้ถอดความและเรียบเรียงด้วยนะคะ ชอบมาก ๆ
มาเล็งเห็นความสำคัญของผู้แปลก็อย่างนี้นี่เองนะคะ
เนื้อเรื่องจะยิ่งดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นไปอีกก็เพราะคนแปล
ชอบตอน "ไอ้หัวผักกาดหน้ามันฝรั่งนั่นน่ะเอง" 5555
มันเป็นยังไงหนอ หัวผักกาดหน้ามันฝรั่งนั่นน่ะ คิดแล้วฮา
อยากจะรู้ว่าต้นฉบับเขาเขียนอย่างไร ถึงถอดความอย่างนี้

อย่างที่พี่หนูหล่อว่านะคะ จบห้วน ๆ ไปสักหน่อยนึงน่ะ
ยังแต่ความสุขให้พี่น้องชิมาซิเท่านั้นเอง แต่ว่าบ้านเมืองล่ะ
ฟังแล้วหดหู่ใจไปด้วย อะไรจะประดับประดาเพชรพลอย
ไม่เกรงอกเกรงใจชาวบ้านชาวไร่ตาดำ ๆ กันบ้างเลยนะคะ
ถูกตรงที่ว่า ใส่อาภรณ์เหมือนไม่เคยรู้จักที่ดินที่ไถคราด
แล้วอย่างนี้บ้านเมืองจะไปเจริญได้อย่างไรกันล่ะนะ เฮ้อ
ในเมื่อขุนนางยังเป็นแบบนี้ พระราชินีเองก็ยังคงเป็นแบบนี้

นิทานเรื่องนี้น่าจะมีตอนจบให้บ้านเมืองด้วยเหมือนกันนะ
หรือว่าเราอินมากเกินไปหว่า...ก็บ้านเมืองเรานี่นะ
อยากให้มันมีตอนจบดี ๆ เหมือนกับนิทานจังค่ะ พี่หนูหล่อ

...........

กลับมาจากกรุงเทพฯแล้วค่ะพี่หนูหล่อ
แต่ว่าไม่ได้ไปหาหมอตาหรอกนะคะ แหะ ๆ มาสารภาพ
เอาเวลาไปเดินงานสัปดาห์หนังสือแทน เติมใจให้เต็มสุข
แต่สุขภาพกายก็รักษากันไปตามเรื่องแทน แหะ แหะ แหะ
คิดว่าไม่เป็นอะไรแล้วนะคะ ตอนนี้ไม่มีอาการใด ๆ แล้ว
หรือว่าความสุขทางใจ(จากการได้หนังสือเล่มใหม่ ๆ)
จะทดแทนความสมบูรณ์ทางกายได้จนหายเป็นปลิดทิ้ง
แหะ ๆ แก้ตัวไปน้ำขุ่น ๆ ฟังขึ้นไหมหนอ?

พี่หนูหล่อคะ กลับมาคราวนี้มีของฝากค่ะ 5555
อยากรู้ว่าเป็นอะไร ตามไปรับที่บ้านด้วยนะค๊า...คริคริ

<<< ชอบตัวนี้เสียจริง

 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ 26 ตุลาคม 2551 6:56:31 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่หนูหล่อ

พาสุดหล่อมาเที่ยวหาคุณลุงด้วยครับ





 

โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) 26 ตุลาคม 2551 7:30:18 น.  

 

คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

 

โดย: ดอกฝิ่นในสายลมหนาว 26 ตุลาคม 2551 10:01:26 น.  

 

คิดถึงนะคะ ไม่ได้มาเยี่ยมซะนานเลย....ไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิศเลยไม่ได้เข้าเนท ได้แค่แอบแว๊บๆ อัพบล๊อกแล้วก็เปิดท้ายหนี

อยากอ่านนิทานรายสะดวกของคุณหนูหล่อ แต่ลากลงมาแล้วยาวจัง ขอแปะไว้ก่อนน๊า...เพราะเดี๋ยวต้องออกไปข้างนอกแล้ว

สุขสันต์วันอาทิตย์ค่ะ

 

โดย: narellan IP: 62.150.126.105 26 ตุลาคม 2551 13:18:25 น.  

 

Photobucket

พี่หนูหล่อคะ

ขอให้ผลการตรวจร่างกายออกมาเยี่ยมยอดไปเลยนะคะ

........................

เสร็จแล้วรีบกลับมาบ้านน๊า

อย่ามัวแต่จีบพยาบาลสาวๆอยู่

เป๊ะเปิ้ม เอากุหลาบสวยๆมารอต้อนรับพี่หนูหล่อกลับบ้านค่ะ

 

โดย: Suessapple 26 ตุลาคม 2551 16:17:13 น.  

 

เข้ามากล่าวคำสวัสดียามเช้าครับ
ฝากกาแฟไว้ให้ด้วย

 

โดย: ลุงแอ๊ด 27 ตุลาคม 2551 10:08:58 น.  

 

พี่หนูหล่อครับ

พี่หนูหล่อโอนไปที่บัญชีของมูลนิธิ
ผมแจ้งไปทางเว็บแล้วครับว่าเป็นการบริจาคของพี่หนูหล่อครับ อิอิอิ

ขอบคุณนะครับพี่
ร่วมทำบุญบริจาคที่ไหนก็ไปถึงมือเด็กโรงเรียนบ้านหลักปันเหมือนกันครับ


ขอบคุณครับ







 

โดย: ก๋า เก็กเสียง (กะว่าก๋า ) 28 ตุลาคม 2551 21:19:33 น.  

 

จุ๊บๆ หมิงๆ

 

โดย: Guga IP: 125.24.164.115 28 ตุลาคม 2551 22:06:59 น.  

 

สวัสดีค่าพี่หนูหล่อ ไปกรุงเทพฯมาเหมือนกันนี่เอง
เห็นไม่มารับของฝาก ก็เลยเปลี่ยนหน้าไปแล้วค่ะ แหะ ๆ

แต่ไม่เป็นไร ยังไงก็จะบังคับให้เอาให้ได้ค่ะ 555
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=missdoobdub&month=10-2008&date=20&group=13&gblog=13
โย่ว เอาไปเลยค่ะ แล้วตามกลับไปรับด้วยนะคะ หุหุ

อย่าเอาก้านมะยมมาฝากนะคะ ไม่อยากได้ค่ะ
แต่ถ้าจะเอาก้านแบบมีมะยมติดก็ได้นะคะ เอาค่ะ
จะมาจิ้มกะปิกินซะหน่อย พูดแล้วเปรี้ยวปาก 555
แต่ไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ ค่ะพี่หนูหล่อ ไปงานหนังสือดีกว่า
พี่หนูหล่อได้ไปมาหรือเปล่าคะ ปอยหมดตัวเลยค่ะ เหอะ ๆ

 

โดย: นางสาวดุ่บดั่บ IP: 78.89.44.34 29 ตุลาคม 2551 3:58:52 น.  

 

คิดถึงน่ะ...

คิดถึงคนบ้านนี้ ฮี่ ฮี่

มีภาพมาฝากด้วยค่ะ
สุขภาพแข็งแรงดีใช่ไหมค่ะ

 

โดย: Fullgold 29 ตุลาคม 2551 19:30:25 น.  

 

กูก้าน้องเรา เหตุไฉนมาแอบ
จุ๊บๆ หลานสองหมิงของเราเช่นนี้

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 29 ตุลาคม 2551 20:38:22 น.  

 

ก๊อก..ก๊อก..ก๊อก..เปิดประตู...

จ๊ะเอ๋...



 

โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) 30 ตุลาคม 2551 1:30:44 น.  

 

ทารกน้อยไม่เดียงสาเช่นนี้ น่าเอ็นดูนัก ข้าพเจ้าเห็นแล้วย่อมอดลวนลามมิได้

อภัยให้ข้าด้วยเถิด

 

โดย: Guga IP: 125.24.100.143 30 ตุลาคม 2551 3:58:06 น.  

 

กูก้าน้องเรา... หากท่านจักให้เราอภัย
ให้ท่านแล้วไซร้ จงเอาสองจุ๊บมาคืงเรา
ก่อง... เหอ เหอ หัวจะแบะมั้ยเนี่ย
อั้ยหนูหล่อเอ๋ย... ร้อเร่งน้า...

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 30 ตุลาคม 2551 8:21:25 น.  

 

55+
แต่มองไปมองมา
หลานสองหมิงนี่น่าจุ๊บมากกว่าสองจุ๊บอีกนะคะ

ป.ล.พี่หนูหล่อ เขาใหญ่หนาวหรือยังคะ
^^

 

โดย: am^^ IP: 58.8.128.192 30 ตุลาคม 2551 11:56:46 น.  

 

เอ๋า มาอีกพระน้องนางนึงเหรอก๊าบบ
โอ๋ยย... สงสารหลานสองหมิงจาแก้มช้ำซ้าหมก
เปี่ยงเป็งพรี่หนูหล่อได้ป่ะ... เหอ เหอ วอนจริงๆ
นะอั้ยหนูหล่อ



ยังมะค่อยหนาวหรอกกั๊บ กลางคืนยี่จิบ
ดอกไม้ก็ยังมะจ๋วย

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 30 ตุลาคม 2551 13:00:05 น.  

 

อ่ะ.. จัดให้


 

โดย: Dearance 30 ตุลาคม 2551 13:34:41 น.  

 

ให้ตายจิ มาได้ที่เลยนะครับ
คุณเดียแร้นซ์... ขัดลูกกระเดือก
ตายชัก


คุณหมอตาคนจ๋วยว่างัยบ้างครับ
รายงานตัวด่วน... คนบ้านปราสาท
พนมรุ้งเค้าเป็งห่วง... เอาเข้าไป เป็งอารายว้า
วันนี้เอ็งหาเรื่องเจงๆ อั้ยหนูหล่อ

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 30 ตุลาคม 2551 14:18:29 น.  

 





กลัวปี๋จังเลยพี่นู๋หล่อ บรื๋อ บรื๋ออออ

ฮาลาวีนแล้วนี่นา




 

โดย: Fullgold 30 ตุลาคม 2551 14:39:21 น.  

 

ขัดด้วยบัสโซแบบสมัยเรียน รด. เลยนะครับ คุณหนูหล่อ เอ.. หรือเปลี่ยนเป็นขัดด้วยกีวีดี (อ่ะ ล่อเล่ง ๆ )

คราวนี้ไปขอยาเพิ่มเจ๋ย ๆ ครับ เลยเจอคุณหมอหนุ่มหล่อแทนคุณหมอคนจ๋วย

คุณปู แม่มดอย่างนี้ไม่สู้จะน่ากลัวเท่าไหร่หรอกครับ อิอิ

 

โดย: Dearance IP: 119.42.85.220 30 ตุลาคม 2551 15:40:28 น.  

 

ลป. ลืมไป
คุณหนูหล่อ หลังไมค์หน่อยค้าบ (รับรองไม่ทำอะไรหรอก ฮี่ๆๆๆ)

 

โดย: Dearance IP: 119.42.85.220 30 ตุลาคม 2551 15:51:15 น.  

 

ขออภัยครับ คุณเดียร์ มาช้าไปหน่อย
เจอกันหลังป่าช้า เอ๊ย หลังไมค์ได้แล้วครับ

 

โดย: หนูหล่อ (nulaw.m ) 30 ตุลาคม 2551 21:11:04 น.  

 

แวะมาชวนดูซีรี่ย์ โนดาเมะ ค่ะ ...สนุกจริงๆ นะ


จะกลับมาอ่านนิทานอีกครั้งนะคะ ...

 

โดย: นัทธ์ 30 ตุลาคม 2551 21:19:13 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ภาวิดา คนบ้านป่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 140 คน [?]




BG Pop.Award #17
BG Pop.Award #16
BG Pop.Award #15
BG Pop.Award #14
BG Pop.Award #13
BG Pop.Award #12
BG Pop.Award #11
BG Pop.Award #10
BG Pop.Award #9
BG Pop.Award #8
BG Pop.Award #7
BG Pop.Award #6
*****
*****
Friends' blogs
[Add ภาวิดา คนบ้านป่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.