Bloggang.com : Rain_sk : อะไรบอกได้ว่า คุณมีค่าสำหรับเขา

อะไรบอกได้ว่า คุณมีค่าสำหรับเขา

เคยมีคนเล่าเรื่องไม่น่าเชื่อให้ฟังแล้วย้ำว่า ขอให้เชื่อเถอะ ทำไมน่ะเหรอ? เพราะผู้ที่เล่าเรื่อง “รักของเค้า” ให้เราฟังนั้น แสนจะเป็นคนเก่งกาจในหลายๆ ด้าน ทำงานก็เก่ง, พูดก็เก่ง, มีมนุษยสัมพันธ์ดี ใครอยู่ใกล้ก็ชอบ, เป็นที่รักของเพื่อนฝูง, มีสติปัญญาแบบผู้ใหญ่ที่รู้จริง รู้แจ้ง รู้รอบในทุกๆด้าน แต่ขอโทษ....หล่อนกลับสารภาพว่า ถ้าเป็นเรื่องความรักแล้วไซร้ เธอกลับมีความรู้ไม่ต่างจากเด็กอนุบาล (แต่ไม่ถึงกับเอ๋อเหรอไปเลยซะทีเดียว) ทว่ากลายเป็นคนรู้อะไรเพียงผิวเผินไปซะนี่ เรียกว่า เก่งทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องหน้าที่การงานและความรู้รอบตัว เสียอย่างเดียวไม่ถนัดเรื่องความรัก จึงทำให้ไม่มีแฟนจนกระทั่งบัดเดี๋ยวนี้

ถามว่า ถือเป็นความผิดพลาดอะไรไหม ถ้าหล่อนหน่อมแน้มกับเรื่องความรัก?...ไม่ผิดหรอก ปัดโธ่...ใครขืนเกลียดตัวเองเพราะไม่สันทัดกรณีเรื่องเลิฟๆ แบบ ไม่รู้ว่า คนที่เข้ามาหานั้นมีเจตนาจีบเราหรือว่าอยากเป็นเพียงเพื่อนเท่านั้นละก็ บอกได้เลยว่า ไม่ควรเก็บมาคิดให้เปลืองสมอง เพราะใครก็พลาดในเรื่องนี้กันได้!

ก็เหมือนกับหนังเรื่องเพื่อนสนิทนั่นแหละ หนุ่มสาวสองคนเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกัน มีโอกาสได้ใกล้ชิดสนิทสนมกันบ่อยๆ จนวันหนึ่งฝ่ายชายเกิดปิ๊งปั๊งชอบฝ่ายหญิงขึ้นมาแบบรักใคร่เหมือนแฟนไม่ได้ชอบแค่เป็นเพื่อนอีกแล้ว แต่แทนที่ผู้ชายจะเป็นฝ่ายบอกผู้หญิงไปตรงๆว่า ผมชอบ (หรือรักคุณ) นะ แล้วชวนมาเป็นแฟน กัน...แต่ไม่หรอก เขากลับพยายามทำบางอย่างเพื่อให้ฝ่ายหญิงรู้เองว่า เขารักนะ อุ๊ยตาย...แล้วหล่อนจะไปรู้ได้ไงยะ ไม่ได้มีญาณวิเศษที่แค่มองตาก็เข้าใจนี่หว่า กรณีตัวอย่างของผู้ชายที่ชอบคิดไปเองว่า ผู้หญิงมีกระแสจิตพิเศษที่สามารถเดาใจคนใกล้ชิดได้ กลับทำให้ฝ่ายหญิงงงในพฤติกรรมของเขามากกว่า ว่าเป็นอะไรของเขาไปซะแล้ว ซึ่งในชีวิตจริงก็มีผู้หญิงหลายคนทีเดียวที่ “จะไปรู้ได้อย่างไรว่าเขาชอบหรือรักเรา” เข้าแล้ว เชื่อว่า สาวๆทั้งหลายคงไม่อยากตกอยู่ในสภาพ “ถูกเขารัก แต่ฉันไม่รู้ ” หรอกจริงมะ

งั้นมามะ มาดูกันว่า ถ้าผู้ชายเริ่มคิดจริงจังกับสาวที่เขาชอบขึ้นมาเมื่อไหร่ หนุ่มๆจะมีพฤติกรรมหรือการกระทำอะไรบ้าง ที่ส่อแสดงว่า เขาชอบหล่อนแล้วนะ ซึ่งถ้าหากผู้หญิงคนไหนไหวตัวทันจะได้ มีโอกาสศึกษาใจหนุ่มคนนั้น เผื่อจะมีแฟน และมีแววว่าจะได้ออกจากหมู่บ้านคานทองนิเวศสักทีไง...อุ๊บส์

เริ่มกันเลยที่ 1. เขาชอบมองมาที่คุณ แต่ถ้าให้เผชิญหน้ากันจังๆ หรือนัดกันไปออกเดทแรกเมื่อไหร่ เขาจะไม่ค่อยกล้าสบตาคนที่เขาชอบสักเท่าไหร่นะ

ต่อให้รู้จักกันแล้ว และไม่จำเป็นต้องส่งสายตามาเว้าวอนขอเป็น “คนพิเศษ” แต่โดยธรรมชาติบุรุษจะชอบมองคนที่เขาชอบบ่อยๆอยู่แล้ว ที่มองก็เพราะชื่นชมในความน่ารัก, น่าเข้าใกล้ และน่าถวิลหา ไม่ใช่มองเพราะอยากจับผิดว่า หล่อนมีอะไรไม่ดีที่เขายังไม่รู้อยู่หรือเปล่า? หรือมองแบบอยากจะสกรีนว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นคนอย่างไรกันแน่...ก็หาไม่ ส่วนมากเวลาหนุ่มๆตกหลุมรักใครแล้ว เขาจะอินเร็วและอินจัดซะด้วยนะ

แต่ถ้าตกลงชวนกันไปออกเดทละก็ สังเกตดิเวลาอยู่กันตามลำพัง เขาจะไม่กล้าสบตากับคนพิเศษของเขาหรอก ที่ไม่กล้ามองตรงๆ มองจะจะ มองนานๆ เพราะเขาเป็น สุภาพบุรุษมากพอจนไม่อยากทำให้ผู้หญิงเกิดความอึดอัด และไม่สบายใจ ที่ถูกผู้ชายมองมากๆนั่นเอง อย่างไรก็ตาม มีอีกทฤษฎีนึงดันพูดขัดแย้งในเรื่องของผู้ชายไม่กล้าสบตา เพราะอยากมองไปที่นมของผู้หญิงแทน...เออเนอะ เป็นไปได้ เพราะพวกชีกอมีเยอะ ฮึ่ม!

2.เขาชอบคุยถึง “คนพิเศษ” กับเพื่อนฝูง โดยไม่ต้องรอให้ใครถาม แต่อยากจะเล่ามีไรปะ

เอาเป็นว่า ถ้าเขาชอบใครแล้วละก็ จะสามารถนำอะไรก็ตามที่เกี่ยวกับคนพิเศษของเขามาพูดคุยกับเพื่อนฝูงได้อย่างเหลือเชื่อ เช่น ถ้าคนพิเศษของเขาชอบกินส้มตำ แล้วเพื่อนๆของเขาก็ชอบนัดกันไปกินส้มตำบ่อยๆ เขาก็จะเอ่ยขึ้นมาเลยว่า เมื่อไหร่ที่พวกเราไปกินส้มตำกันอีก ผมจะชวน “น้ำ” (หวานใจของเขา) ไปด้วยนะ เพราะเธอก็ชอบเหมือนกัน หรือถ้าเดินผ่านร้านดอกไม้ เขาก็จะพูดลอยๆ ขึ้นมาให้เพื่อนๆฟัง ประมาณ เอ็งรู้มะว่า น้ำ เค้าชอบดอกบัว เพราะเธอชอบนำดอกบัวมาไหว้พระเป็นประจำ...สงสัยไหมว่า ทำไมถึงเห็นอะไรก็เอาไปเกี่ยวกับ “คนพิเศษ” ของตัวเองได้? โถ เพราะเขาคิดถึงสุดสวาททุกลมหายใจจนหุบปากอดพูดถึงเธอไม่ได้ ไงล้า

3.พยายามทำให้ตัวเองดูดีเข้าไว้ จากไม่เคยคิดจะเก๊กหล่อก็ทำไปเองโดยอัตโนมัติ

เมินซะเถอะ ที่จะเห็นเขาใส่รองเท้าแตะ หรือสวมเสื้อตัว กางเกงตัวแบบมีอะไรก็ใส่ไปงั้นเอง เพราะตั้งแต่มีคนพิเศษขึ้นมา เขาจะพิถีพิถันกับตัวเองมากขึ้น สมมติจากที่เคยปล่อยผมยาวพะรุงพะรังไม่ค่อยสระผมเท่าไหร่ แต่เดี๋ยวนี้นะเหรอ พี่แกกลับรู้จักเดินเข้าร้านตัดผม ทำผมทำเผ้าให้ดูดีมีระเบียบกว่าแต่ก่อน ส่วนเสื้อผ้าก็รู้จักรีดให้เรียบ ไม่ยับยู่ยี่ แต่สะอาดสะอ้านมากขึ้น อ่ะเขาต้องดูแลตัวเองให้ดูดีตั้งแต่หัวจดเท้าสิยะ เพราะเขาอยากเข้าใกล้ “คนพิเศษ” แล้ว ไม่ถูกเธอโห่ หรือเบือนหน้าหนี ถ้าขืนซกมกน่ะซี

การทำตัวเองให้ดูดี ยังหมายรวมไปถึงการกระทำด้วย ไม่ใช่แค่เสื้อผ้าหน้าผมเท่านั้น เช่น จากไม่เคยพูดจาเรียบร้อย ก็หันมาเพิ่มคำว่า ครับผม ลงท้ายประโยคบ่อยครั้ง หรือกลายสภาพไปเป็นคนธรรมะธัมโม ทั้งๆที่ตัวเองไม่ค่อยเข้าวัด ใส่บาตร หรือทำบุญ แต่บังเอิญ “คนพิเศษ” ชอบนี่หว่า เขาจึงต้องชอบไปด้วย ก็ขอให้อย่าเป็นการฝืนใจแล้วกัน เพราะไม่งั้น เดี๋ยวถ้าฝืนแล้วเก็บไว้ ระวังมันจะระเบิดออกมานะ

พูดถึงการทำให้ตัวเองดูดีนี่ บางคนยังถึงกับเปลี่ยนนิสัยของตัวเองเพื่อคนพิเศษด้วยซ้ำ จากที่ไม่เคยเอาใจใส่ช่วยเหลือคนอื่นเลย ก็หันมามีน้ำใจกับคนอื่นมากขึ้น เพราะขืนเห็นแก่ตัว แล้วใครจะไปรักลงล่ะ

4.ชักตรงต่อเวลาขึ้นมาเชียว

กลายเป็นว่า พอมี “คนพิเศษ” ปุ๊บ จะคว้านาฬิกามาผูกข้อมือ และเหลือบมองดูเวลาบ่อยๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ เคยให้ความสำคัญกับเวลาซะที่ไหนล่ะ เนื่องจากชอบทำตัวตามสบาย และปล่อยตัวไปวันๆ โดยไม่มีเป้าหมายชัดเจน แต่พอมีหวานใจขึ้นมา จะให้กลับไปทำตัวเรื่อยๆ มาเรียงๆ เหมือนแต่ก่อนได้ไง เดี๋ยวก็ไม่ประทับใจหญิงหรอก จึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่เขานัดเธอแล้ว จะไปไม่ตรงเวลา ในทางกลับกัน เขาอาจไปถึงที่นัดหมายเร็วกว่าเวลาซะด้วยซ้ำ แถมยังให้ความสำคัญกับคนพิเศษมากที่สุดด้วย นี่ละหนา...ความรัก.

@@@

เมอร์ลิน
credit : thairath

Create Date : 15 มกราคม 2555

Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2555 0:57:00 น. 0 comments

Counter : 977 Pageviews.

Share
Tweet