|
ความฝัน..
พักนี้ เหมือนชีวิตเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติสุขของร่างกาย วันหยุดที่ไร เราสามารถนอนได้เป็นวันๆ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นอนไม่ค่อยหลับ... การเสพติดการนอนเป็นเรื่องหนึ่งที่เค้ามักจะแซวบ่อยๆว่า " นอนอยู่เหรอ ไอ้อ้วน วันๆ ทำอะไรบ้างหรือเปล่าเนี่ยย "
เมื่อวานก็เป็นอีกวัน ที่นอนได้นานมาก นอนตั้งแต่ บ่ายโมงครึ่ง ตื่นมาอีกที สี่โมงครึ่ง อืมมม ฉันทำไปได้เนอะ...
หลังจากที่ตื่นขึ้นมาแล้ว คิดว่าจะนอนไม่หลับซะแล้ว แต่พอหยิบหนังสือมาอ่าน สักห้าทุ่มก็ง่วงได้โดยง่าย ฉันนอนเป็นวัน หรืออาจเพราะนอนมากก็ได้เนอะ ถึงได้ฝัน....ในฝันก็ไม่ใช่ใคร ฝันถึงเค้า ถึงคนของเค้า และมีใครมาร่วมในฝันอีกมากมาย เอ๊ะ !!! ไม่ได้คิดถึง แค่นึกถึง ทำไมต้องฝันด้วยนะ เพราะนอนมาก แน่ๆ เลยถึงได้ฝัน
ตื่นมาเลยมาหาข้อมูลของการฝัน ซึ่งก็หาได้จากใน Google ซึ่งให้นิยามความฝันไว้ว่า
" ความฝัน คือประสบการณ์ของภาพ เสียง ข้อความ ความคิด หรือความรู้สึกในขณะที่กำลังนอนหลับ โดยผู้ที่ฝันส่วนใหญ่ไม่สามารถควบคุมได้
ความฝันมักจะเต็มไปด้วยความคิดในด้านต่างๆ ซึ่งความฝันสามารถเกิดได้ตั้งแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในสังคมจนถึงเรื่องเหลือเชื่อ รวมไปถึงเรื่องสนุกสนาน เรื่องตื่นเต้น เรื่องน่ากลัว เรื่องเศร้า ที่เรียกว่าฝันร้าย นักวิทยาศาสตร์ได้มีการศึกษาความฝันโดยอ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดวงตาขณะนอนหลับ (rapid eye movement, REM) การกระตุ้นของต่อมponsส่วนประกอบส่วนหนึ่งของก้านสมอง หรือการเปลี่ยนแปลงของการเต้นของหัวใจ
นักวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่า คนทุกคนเฉลี่ยแล้วจะมีความฝันในปริมาณที่เท่าเทียมกัน ถึงแม้ว่าบางคนจะรู้สึกว่าไม่ได้ฝันหรือนานๆทีจะได้มีความฝัน นั่นเพราะสาเหตุที่ว่าความฝันของบุคคลนั้นจางหายไปเมื่อตื่นนอน ความฝันมักจะเลือนหายถ้าสถานะของการฝันของบุคคลนั้นค่อยๆเปลี่ยนจาก สถานะอาร์อีเอม เป็นสถานะเดลต้า และตื่นนอน ในทางกลับกันถ้าบุคคลนั้นตื่นขึ้นขณะที่อยู่สถานะอาร์อีเอม (เช่นตื่นโดยนาฬิกาปลุก) บุคคลนั้นมักจะจำเรื่องที่ฝันได้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกความฝันที่จะถูกจำได้ "
วันหยุดทีไร ดีเจ มักเปิดเพลงได้เศร้าสร้อย เข้ากับบรรยากาศวันหยุด เสียนี่กระไร...
2 คืนมาแล้วเนอะ ที่พระจันทร์สวยดี เพราะเป็นวันพระ พระจันทร์เต็มดวง สวยดี แต่อาจมองไม่เห็นบ้าง เพราะอากาศเหมือนฝนจะตกตลอดเวลา
โทรหาแม่ แม่ถามว่า " ไม่กลับบ้านหรอ? วันหยุด " ฉันตอบไปแค่ว่า " ไม่กลับ ขี้เกียจ " แม่เงียบไปแล้วบอกว่า " แล้วแต่ "
แม่..ขี้เกียจจริงๆ นะ ไม่อยากกระดุกกระดิก แม้แต่จะหาไร กินยังขี้เกียจ ต้องหิวจริงๆ ถึงจะกระวนกระวาย หาอะไรในตู้เย็น ที่พอจะประทังชีวิตไปได้แค่นั้นเอง...
ฉันว่าฉันเริ่มเข้าสู่อาการป่วยทางจิตไปแล้ว ซะมั้ง เมื่อคืนก่อนนอนอ่านบทความ บทหนึ่ง ที่เกี่ยวกับการป่วยทางจิต ผู้หญิงคนหนึ่ง เล่าประสบการณ์ของการที่ต้องไปรักษาตัว ในแผนกจิตเวช ของโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เธอเล่าให้ฟังว่า เธอรักผู้ชายคนหนึ่ง จนคิดว่า จะไม่มีชีวิตอยู่ได้ถ้าไม่มีเค้า เธอสามารถร้องไห้ได้ตลอดเวลาที่คิดถึงและนึกถึง จนทำให้เธอ..เลือกทำร้ายตัวเอง จนต้องมารับการรักษา ไม่สามารถทำงานได้ สมาธิ ไม่มี ทำงานไม่ได้... กินข้าวปลา ไม่ลง นึกถึงแต่คนที่ทิ้งเธอไป
อืมม ฉันก็เป็นคนหนึ่งนะ แต่ฉันไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเลยนะ ข้าวปลา อาจกินไม่ได้ในช่วงแรก แต่ไม่ได้ร้องไห้พร่ำเผื่อ อาจมีร้องบ้าง เวลาเหงาๆ อินๆ กับหนัง ละคร ที่ดูอยู่ เรื่องสมาธิ การทำงาน บางทีอาจแบ่งไม่ถูก แต่งาน ก็คือ งาน ต้องทำ เพราะนั่นคือหน้าที่ และอีกอย่างที่มีส่วนช่วย ให้เราเป็นคนอยู่ได้ก็คือ " ธรรมะ "
มีเพื่อนหลายคนโทรมาปรึกษาเรื่อง ของความรัก ความผิดหวัง ฉันมักจะแนะนำไปเสมอว่า " สวดมนต์ แผ่เมตตา ให้อภัย อย่าถือโทษ โกรธเคือง เพราะไม่มีประโยชน์ เพราะคนทุกข์คือเรา เค้าไม่ได้ทุกข์ด้วย " เพราะฉะนั้น อย่าทำให้ตนเองเป็นทุกข์ "
เพื่อนบางคนอาจทำได้และอาจมีบางคนที่ทำไม่ได้ บางคนโทรกลับมาหาฉันว่า " เออ ขอบใจว่ะ ถ้าไม่ได้ธรรมะ ไม่ได้ สวดมนต์ คงฟุ้งซ่านมากไปกว่านี้ "
ฉันเข้าใจ ความรู้สึกของ เมจิเลย นะ ตอนเลิกกับ แมน เมจิ ใช้สติ ใช้ธรรมะ ในการทำใจและมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่โกรธ ไม่แค้น เรายังเป็นเพื่อนกันได้ ฉันเห็น เมจิ แล้วยังคิดเลยว่า เมจิ เก่ง ทำใจ ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะอะไรก็คือสิ่งที่ไม่แน่นอน เป็นเพื่อนกันมา คบกันมา มาใช้ชีวิตด้วยกัน พอถึงวันหนึ่ง..เราก็เป็นได้แค่คนเคยรักกัน
ฉันอยากจะบอกเลยว่า ช่วงเวลาที่เลวร้ายนั้น ฉันแทบจะนอนกอดหนังสือสวดมนต์เลยก็ว่าได้..
พอนึกถึงหรือคิดถึงเค้าขึ้นมา ฉันจะหยิบหนังสือสวดมนต์ มาสวดเรียกสติกลับมา อย่านึกถึง...
ฉันไม่เคยนึกโกรธใครเลย ที่ทำร้ายจิตใจฉัน ฉันให้อภัย..เพราะคิดว่า เราคงไปทำเค้ามา เราถึงได้รับสิ่งนี้ตอบ...
เพื่อนบางคนโทรมาเล่าว่า " กรูจะแก้แค้นคืน มันทำอะไรไว้กับกรู มันต้องโดนบ้าง ไม่มากก็น้อย " ฉันถามต่อไปว่า " ทำไปแล้วได้อะไร ได้ความสะใจหรอ? ได้ความสะใจแต่ไม่ได้เค้าคืนมา ก็เท่านั้น อยู่นิ่งๆ ทำใจให้ได้ ดีที่สุด "
ฉันไม่ได้ถึงปลงกับชีวิต หรือไม่อยากได้อะไรอีกแล้วนะ แต่แค่รู้สึกว่า ทุกสิ่ง ที่สัมผัส ที่วนเวียนอยู่ มันเหมือนกรรม ที่ไม่รู้ว่า เมื่อไรเราจะหลุดพ้นมากกว่า..
ในเมื่อมียัง มี กิเลส ตัณหา ความรู้สึกพวกนี้ ไม่มีทางหลุดพ้น แน่นอน ยังต้องวนเวียนกันอยู่แบบนี้ไม่จบสิ้น..
ฉันว่า ฉันมีส่วนสะท้อนมุมมองของชีวิตให้มองเยอะ การมีเพื่อนเยอะ คนรู้จักเยอะ ทำให้เห็นมุมมองของคน เหล่านั้น ว่าตอนจบของชีวิตจะเป็นยังไง..
ฉันควรปฎิบัติและเลียนแบบส่วนไหนของชีวิต คน คนนั้น แบบไหนที่ทำแล้วเป็นทุกข์ ก็อย่าได้เลือกทำ ทำตามคนเหล่านั้น...
อย่างน้อย ก็ยังดีที่ฉัน ยังสวดมนต์ได้ ไปวัดได้ แผ่เมตตาได้ เพราะคนบางคน แค่เห็นหนังสือ สวดมนต์วางอยู่ข้างเตียง ถึงกับถามฉันว่า อ่านหนังสือสวดมนต์ด้วยหรอ...
ฉันได้แต่บอกว่า " ถ้าทำได้ ก็ดี " เพราะคนบางคนไม่ได้ใส่ใจ หรือสนใจสิ่งนี้เลย ชีวิต ถึงได้ยุ่งเหยิงกันไปหมด...
Create Date : 29 พฤษภาคม 2553 |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 9:46:27 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1919 Pageviews. |
|
|
|
โดย: kwan_3023 วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:12:08:58 น. |
|
|
|
โดย: blog pu วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:51:58 น. |
|
|
|
โดย: nangkarang วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:21:57:06 น. |
|
|
|
โดย: นายแมมมอส วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:03:53 น. |
|
|
|
โดย: Bluejade วันที่: 29 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:21:11 น. |
|
|
|
โดย: blog pu วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:10:44:00 น. |
|
|
|
โดย: blog pu วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:03:23 น. |
|
|
|
โดย: Bluejade วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:22:01 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 30 พฤษภาคม 2553 เวลา:23:43:13 น. |
|
|
|
โดย: blog pu วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:7:57:43 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 31 พฤษภาคม 2553 เวลา:9:24:34 น. |
|
|
|
โดย: LoveTurJang วันที่: 7 มิถุนายน 2553 เวลา:12:42:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ไม่มีใคร..ทำให้เรามีความสุขได้ นอกจากตัวเราเอง... ..♥
Blog ของกู พื้นที่ส่วนตัวของกู เข้ามาด่ากูไม่ต้องเข้ามา ไม่ต้องจำใจที่จะต้องอ่าน Blog กู เพราะกูมีสิทธิ์ลบ.. คอมเม้นของมึง..
|
|
|
|
|
|
|