สวัสดีคร้าบบบบบบ
สำหรับรีวิวท่องเที่ยวต่อไปจะเป็นทริปญี่ปุ่นกันบ้างนะคะ โดยการไปรอบนี้เป็นการพาลูกค้าไปแค่ 5 ท่าน มีไกด์ท้องถิ่นดูแลหนึ่งคนและเราเป็นหัวหน้าทัวร์อีกหนึ่ง (วีไอพีสุดๆ ฮา) เนื่องด้วยลูกค้าต้องการไปแค่นี้ค่ะ และอยากไปกินร้านอาหารเล็กๆ ที่เป็นส่วนตัว แบบที่ทัวร์ปกติไม่กินกัน ก็เลยจัดไป ซึ่งทริปนี้จะเลือกมารีวิวแค่บางส่วนนะคะ รร.นอนที่ Keio Plaza ที่เดียวเลยค่ะ (จะรีวิวในเอนทรี่ต่อไป) โดยขอบอกว่าเป็นทริปที่จะเน้นรีวิวเรื่องกินเป็นหลักนะคะ มีที่เที่ยวไม่กี่ที่ แต่จะขอรีวิวที่นี่ก่อนแล้วกันนุ
นั่นก็คือ ศาลเจ้าเมจิหรือ Meiji Shrine นั่นเองงงงงง
ประวัติรวบรวมมาจาก ลิงก์นี้ ได้ความว่าดังนี้นะคะ ศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu / Meiji Shrine) นั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์อุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิเมจิ (Emperor Meiji) และพระจักรพรรดินีโซเค (Empress Shoken) ภายหลังจากที่ทั้งสองพระองค์นั้นสวรรคต ศาลเจ้าแห่งนี้สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ.1920 โดยการร่วมมือของประชาชนทั่วญี่ปุ่นที่ช่วยกันบริจาคต้นไม้กว่า 100,000 ต้น เพื่อสร้างป่าแห่งนี้ขึ้น ศาลเจ้าเมจินั้นเป็นศาสนสถานในศาสนาชินโตอันเป็นศาสนาเก่าแก่และดั้งเดิมของญี่ปุ่น ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้นศาลเจ้าแห่งนี้ถูกทำลายอย่างหนัก ศาลเจ้าปัจจุบันนั้นได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ราวปี ค.ศ.1958 ด้วยงบประมาณที่เกิดจากการระดมทุนสาธารณะอีกครั้งนั่นเอง
ที่ตั้ง : ย่านฮาราจูกุ, เขตชิบูย่า, โตเกียว
เปิด-ปิด : ทุกวัน 05.00-18.00 น. (เวลาโดยเฉลี่ย / โปรดเช็คเวลาที่แน่นอนของแต่ละเดือนอีกครั้งหนึ่ง) / สำหรับวันที่ 31 ธ.ค. ของทุกปี เปิดตลอด 24 ชม.
ติดต่อ/ข้อมูล : //www.meijijingu.or.jp/english
วิธีเดินทาง :
>วิธีที่ 1 : นั่งรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro สาย C-Chiyoda Line (สีเขียวเข้ม) / สาย F-Fukotoshin Line (สีน้ำตาลทอง) ลงสถานี C03/F15-Meiji-Jingumae ทางออก 2
>วิธีที่ 2 : นั่งรถไฟ JR สาย Yamanote Line (สายวงกลม-สีเขียว) ลงสถานี Harajuku ทางออก Omote-sando Exit
นอกจากนั้นจากลิงก์นี้ ก็มีข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ด้วยค่ะ
แผนที่ภายในอาณาเขตของศาลเจ้า รายล้อมไปด้วยต้นไม้บนพื้นที่กว้างราวกับอยู่ในป่า ทำให้ต้องเดินกันเข้าไปลึกพอสมควร กว่าจะถึงอาคารหลักของศาลเจ้า
ในช่วงปีใหม่ ชาวญี่ปุ่นนิยมเดินทางมาสักการะเพื่อความเป็นสิริมงคลกันที่ศาลเจ้าแห่งนี้ เรียกว่า Hatsumode ซึ่งมีคนมากถึง 3 ล้านคนทีเดียว และ เป็นอีกแห่งที่คู่บ่าวสาวนิยมมาจัดงานแต่งงานแบบชินโตกันที่นี่อีกด้วย
หลังจากรู้ข้อมูลเบื้องต้นกันแล้ว ก็ไปเที่ยวกันดีกว่าค่า เย้ๆๆ
รถจะจอดส่งบริเวณลานจอดรถนะคะ ถ้าจากแผนที่ที่เอามาจากเว็บนี้ ก็จะเป็นตรง P1 น่ะค่ะ (แล้วก็จะไล่ไปตามรูทสีเหลือง จนถึงศาลเจ้าด้านในนะคะ)
จอดรถก็จะเห็นอาคารด้านหน้านี่ก็คือร้านอาหาร และติดกันเป็นร้านขายของที่ระลึกค่ะ ส่วนทางซ้ายมือ (หลังตู้กดทั้งหลาย) เป็นทางเดินลงไปเข้าห้องน้ำนะคะ
หลังจากเดินทะลุร้านค้ามาก็เบี่ยงไปทางซ้ายนิดหนึ่ง เดินตามทางมาเรื่อยๆ ก็จะเจอถังสาเกและถังไวน์แล้วค่ะ
ส่วนข้อมูลจากลิงก์นี้ ก็มีบอกเพิ่มเติมไว้ว่า
Meiji Jingu (明治神宮) ศาลเจ้าเมจิเป็นศาลเจ้าชินโต สร้างขึ้นในปี 1920 เพื่อรำลึกถึงดวงวิญญาณพระจักรพรรดิเมจิที่สวรรคตเมื่อปี 1912 และจักรพรรดินีโชเคนที่สวรรคตเมื่อ 1914 มีพื้นที่ครอบคลุมถึง เจ็ดแสนตารางเมตร พื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าดิบเขามีต้นไม้ที่ต่างสายพันธุ์เป็นร้อยๆ ชนิดและมีมากกว่าแสนต้น ต้นไม้เหล่านี้ถูกบริจาคมาจากทั่วทุกแห่งในประเทศญี่ปุ่นเพราะพระจักรพรรดิเมจิท่านเป็นศูนย์กลางความนับถือของประชาชนอย่างล้นหลามจริงๆ น่าชมเชยความร่วมมือร่วมใจของทุกๆ คนจริงๆ ที่ทำให้มีสถานที่ได้พักผ่อนเย็นสบายแบบนี้
ใกล้ๆ ส่วนหลัก แล้วจะเจอกับถังสาเกวางเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบสีสันสวยงามทีเดียว อีกฝั่งก็จะมีถังไวน์สีน้ำตาลวางเรียงอยู่ด้วยเช่นกัน นักท่องเที่ยวใครไปใครมาก็ต้องไปถ่ายรูปกับเจ้าสิ่งนี้กันเป็นแถว ถังสาเกและถังไวน์ทั้งหมดล้วนถูกบริจาคมาเพื่อนำไปใช้ในวันสำคัญและพิธีสำคัญต่างๆ ของศาลเจ้าเมจิ เช่น วันปีใหม่ พิธีแต่งงาน งานฉลองต่างๆ ก็จะได้ดื่มสาเกหวานเพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิตด้วย
เลยจากตรงนั้นมาก็มีจุดให้เข้าห้องน้ำอีกหนึ่งจุดด้วยนะคะ
เดินต่อไปก็เริ่มเห็นโทริอิอีกต้นแล้วค่ะ (ก่อนหน้านี้ก็มี แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ ขออภัย มัวแต่ถ่ายรูปให้ลูกค้าอยู่ แหะๆ)
ทางซ้ายมือก็จะเป็นที่ทำความสะอาดก่อนเข้าศาลนะคะ
ข้อมูลจากเว็บ marumura เหมือนเดิมค่ะ
ก่อนจะเข้าไปถึงศาลหลักจะต้องเจอกับซุ้ม Temizuya ที่ให้ล้างมือก่อนเข้าศาลเจ้า ก้าวผ่านประตูเข้าไปก็จะเจอกับร้านจำหน่ายเครื่องรางซึ่งขายโดย มิโกะ (สาวบริสุทธิ์นุ่งฮากะมะสีแดงสดผู้ดูแลศาลเจ้าที่ญี่ปุ่นนั่นล่ะ) เจอลานกว้างที่จุคนได้เยอะมาก เดินตรงเข้าไปตรงศาลใหญ่ทำบุญด้วยเหรียญห้าเยนก่อนเลย อิอิ ก็เค้าว่าถ้าใช้เหรียญนี้จะโชคดีมากเลยนี่นา
ที่นี้มาดูวิธีการเข้าศาลเจ้าญี่ปุ่นอย่างถูกวิธีกันดีกว่า
1. เมื่อถึงประตูใหญ่ทั้งตอนขาเข้าและขาออก โค้ง เพื่อแสดงความเคารพพระจักรพรรดิและสถานที่อันศักด์สิทธิ์แห่งนี้ด้วยนะ
2. เมื่อถึง Temizuya ซุ้มชำระล้าง ล้างมือและปากก่อนเข้าศาล มีวิธีดังนี้ ตักกระบวยน้ำให้เต็มด้วยมือขวาและเทรินล้างมือซ้าย และกลับกันจับกระบวยด้วยมือซ้ายล้างมือขวา เบาๆ ก็พอนะ แล้วจับกระบวยด้วยมือขวา เทน้ำลงมือซ้าย นำน้ำมาล้างรอบๆ ปากเบาๆ ก็พอ และล้างมือซ้ายอีกทีเทน้ำให้หมดไปเลย เพื่อชำระล้างสิ่งไม่ดีออกไปให้หมด ^^
3. มาถึงขั้นตอนสำคัญ เมื่อเดินเข้าไปถึงศาลหลักในสุดจะเห็นกล่องไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งมีตะแกรงไม้ขั้นไว้ให้เป็นร่องๆ ใส่เหรียญลงไปในนั้นก่อน ต่อมาโค้งสองครั้ง ปรบมือสองครั้งขอพรได้ตามใจชอบก่อนนะ และโค้งงามๆ อีกครั้ง เสร็จแล้วธรรมเนียมของญี่ปุ่น ง่ายใช่มั้ยล่ะ ^^
นี่ก็คือที่จำหน่ายเครื่องรางที่มีมิโกะคอยดูแลอยู่ค่ะ ไม่อนุญาตให้ถ่ายรูปแบบใกล้ๆ นะคะ แต่ถ้าไม่บูชาตรงนี้ เดี๋ยวจะมีอีกจุดให้บูชาค่ะ
ซึ่งขอบอกว่าเครื่องรางที่นี่สุดยอดมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ที่สุดๆๆๆ เดี๋ยวจะเล่าเคสให้ฟังค่ะ
เดินเข้าไปภายในกันค่ะ เจออาคารหลักของศาลเจ้านี้แล้วนะคะ มีต้นไม้สองต้นใหญ่ขนาบข้างค่ะ
เนื่องด้วยที่อาคารหลักห้ามถ่ายภาพ ขอบรรยายเอาละกันนะคะ พอเดินไปที่ด้านหน้าก็จะมีกล่องขนาดใหญ่ที่เป็นซี่ๆ ให้โยนเหรียญอธิษฐานตามข้อมูลที่ได้บอกไว้ก่อนหน้านี้นะคะ ถ้าเป็นไปได้ก็ใช้เหรียญ 5 เยนค่ะ ซึ่งเป็นเหรียญที่เค้าเชื่อกันว่าเป็นเหรียญโชคดี มักใช้ในการขอพร และเราเคยเจอไกด์เอาเหรียญ 5 เยนผูกเครื่องรางด้วยหละค่ะ ส่วนขั้นตอนอื่นๆ ก็อย่างที่แปะไว้นะคะ
โยนเหรียญลงกล่อง / โค้ง 2 ครั้ง / ปรบมือ 2 ครั้ง / อธิษฐาน / โค้งอีก 1 ครั้ง
หน้าตาของเหรียญห้าเยนนะคะ รูปและข้อมูลเครดิตจากลิงก์นี้ ค่ะ
แรกเริ่มเดิมทีเหรียญ 5 เยนก็เป็นเหรียญไม่มีรูเหมือนกับเหรียญทั่วไป แต่มาเปลี่ยนเป็นเหรียญที่เจาะรูเมื่อปี 1949 เพื่อลดปริมาณทองเหลืองที่ใช้ในการผลิตเหรียญ 5 เยนนั่นเอง เนื่องจากสภาพเศรษฐกิจของญี่ปุ่นในขณะนั้นยังคงบอบช้ำจากการพ่ายแพ้สงคราม (สงครามโลกครั้งที่ 2) ซึ่งก็ทำให้ประหยัดวัตถุดิบในการผลิตเหรียญได้ประมาณ 5% ต่อเหรียญ
ถ้าพูดถึงวัตถุมงคลละก็ เป็นของคู่กายสำหรับคนไทยมาตั้งแต่สมัยโบราณเลยค่ะ เพราะคนไทยเชื่อว่า ถ้ามีวัตถุมงคลพกติดตัวไว้จะสามารถคุ้มครองเรายามมีภัยหรือมีอุบัติเหตุร้ายแรงได้ และอีกอย่างหนึ่ง ที่พกไว้ก็เพราะอยากให้สิ่งดีดี หรือสิ่งที่เราปรารถนานั้นเกิดขึ้นจริง
แต่ใช่ว่าจะมีแต่คนไทยเท่านั้นนะค่ะที่เชื่อเรื่องนี้ คนญี่ปุ่นก็มีความเชื่อด้านนี้เหมือนกันค่ะ ที่ญี่ปุ่นเรียกสิ่งสิ่งนี้ว่า โอมะโมริ (Omamori) เครื่องรางญี่ปุ่น แต่มันมีค่อนข้างหลายประเภท หลายด้านความเชื่อ เลยหยิบเรื่อง เครื่องรางเหรียญ 5 เยน มาเล่าสู่กันฟังค่ะ เพราะเป็นเครื่องรางที่ได้รับความนิยมไม่แพ้เครื่องรางชนิดอื่นๆ เลย
เหรียญ 5 เยน หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกกันว่า โกะเอ็นดามะ นั้น มีสีและแบบค่อนข้างจะแตกต่างจากเหรียญญี่ปุ่นอื่นๆ โดยเหรียญนี้มีรูตรงกลาง พิมพ์ลายรูปรวงข้าวและสายน้ำ และเนื่องจากผลิตขึ้นจากทองแดงและสังกะสี จึงทำให้ได้สีคล้ายทองคำ ดูมีค่าขึ้นมาทีเดียว
ชาวญี่ปุ่นนั้นไม่มีการทำบุญตักบาตรเหมือนบ้านเรา เค้าจึงทำบุญโดยการบริจาคเป็นเงินแทน และส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นก็จะนิยมใช้เหรียญ 5 เยนในการนั้น โดยให้เหตุผลว่ามันถูกดี และอีกสาเหตุหนึ่งก็คือความเชื่อที่ว่ารูตรงกลางของเหรียญ 5 เยน หมายถึงสิ่งเลวร้ายจะได้ผ่านช่องนี้ไปได้ และจะได้พบเจอแต่สิ่งดีดี
และอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เหรียญ 5 เยนมีความพิเศษมากกว่าเหรียญอื่นๆ นั่นก็เพราะคำว่า 5 เยน ในภาษาญี่ปุ่นคือ 五円 (go-en โกะเอ็น) ออกเสียงตรงกับคำว่า ご縁 ซึ่งคันจิ 縁 มีความหมายว่า เป็นการขอพรจากเทพเจ้า นอกจากนี้ ยังมีความเชื่อที่ว่า หากมาคนเดียวก็จะได้พบเนื้อคู่ หากมาเป็นคู่ก็หมายถึงขอให้รักกันนานๆ และหากว่ามากันทั้งครอบครัว ก็จะมีความหมายว่าขอให้ทุกคนในครอบครัวมีความสุข เหรียญ 5 เยนจึงเป็นสัญลักษณ์ของความโชดดีนั่นเอง
นอกจากนำมาบริจาคแล้ว ก็ยังนิยมนำเหรียญ 5 เยน มาทำเป็นเครื่องรางสำหรับห้อยมือถือ ใช้เรียกเงินเรียกทองด้วย โดยเครื่องรางนี้อาจจะประกอบไปด้วย เหรียญห้าเยน ค้อนทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองโบราณด้วยค่ะ ส่วนด้านหลังก็อาจจะถูกผูกติดด้วยผ้าชนิดเดียวกันกับที่ใช้ทำผ้ากิโมโน ถือเป็นเครื่องรางยอดนิยมมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้ เหรียญ 5 เยน จึงนับได้ว่าเป็นเครื่องรางที่พกพาสะดวกที่สุดค่ะ
หันหลังให้อาคาร มองไปทางต้นไม้ทางซ้ายมือ ก็จะเห็นป้ายขอพรแล้วนะคะ
ใกล้ๆ กันจะมีที่จำหน่ายป้ายขอพรในราคาแผ่นละ 500 เยนค่ะ
เลยจากต้นไม้ที่ด้านล่างมีที่แขวนป้ายขอพร จะมีซุ้มประตูเดินไปที่อีกส่วนค่ะ เอาคลิปตอนอธิบายเมื่อเข้ามาตอนแรกให้ดูแล้วกันนะคะ
VIDEO
นั่นแหละค่ะ เดินทะลุไปก็จะเจอที่จำหน่ายเครื่องรางอีกครั้งทางขวามือนะคะ
ที่ผ่านมา เราจะบูชาที่นี่ทุกครั้งนะคะ ไม่เคยบูชาด้านหน้า แต่ไกด์บอกว่าเหมือนกันค่ะ
คือจะเล่าความศักดิ์สิทธิ์ของเครื่องรางที่นี่ (เป็นความเชื่อ - ควรใช้วิจารณญาณนะคะ) คือ เครื่องรางที่นี่ศักดิ์สิทธิ์มากค่ะ จากประสบการณ์ของตัวเองและลูกค้าล่าสุดที่พาไป เค้าแต่งงานกันแล้วไม่มีลูก แต่พอบูชาเครื่องรางเรื่องครอบครัวหรือความรักอะไรสักอย่างนี่แหละค่ะไป หลังจากนั้นสามเดือนท้องครับบบบ เล่นเอาลูกค้าท่านอื่นๆ โทร.มาถามเราว่าจะไปอีกเมื่อไหร่ ให้บูชาเครื่องรางอื่นๆ มาเผื่อด้วยน่ะแหละค่ะ หุๆ
และนอกจากนั้นเคยมีไกด์บอกด้วยนะคะว่า เครื่องรางส่วนใหญ่จะมีอายุ 1 ปีค่ะ พอครบหนึ่งปีก็ต้องมาบูชาใหม่ค่ะ ก็เลยไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจาก
ลิงก์นี้ ก็ได้ความว่า
เครื่องราง (御守 / お守り / Omamori) .............. เครื่องรางเรียกว่า "โอะมาโมะริ"
เครื่องรางส่วนใหญ่มาในรูปแ บบของถุงผ้า ปักหรือวาดลายที่เป็นจุดเด่ นของสถานที่นั้น และมีตัวอักษรเขียนชนิดของเ ครื่องรางด้านหน้า ด้านหลังเป็นชื่อศาลเจ้า/ วัด เครื่องรางรูปแบบอื่นก็มี ตั้งแต่ชิ้นกระดาษ พวงกุญแจโลหะ ไปจนถึงเมมโมรี่การ์ดก็ยังม ี ชนิดของเครื่องรางที่มีพร้อ มจำหน่ายมีมากมายหลายสิบชนิ ด ตั้งแต่เรื่องทั่วๆไป ขอให้โชคดี ขอให้ปัดเป่าโชคร้าย (สำหรับคนที่อายุตรงกับปีชง ) ไปจนถึงจำเพาะเจาะจง เช่น เพื่อการเรียน เพื่อการกีฬา เพื่อธุรกิจเฉพาะด้านก็มี นอกจากนี้ เครื่องรางยังสามารถสั่งทำไ ด้ โดยการเขียนใบร้องขอที่ศาลเ จ้า/ วัด โดยกรอกรายละเอียดชื่อของเรา และสิ่งที่เราอยากให้เครื่อ งรางเจาะจงลงไป พิธี (จะเรียกว่าปลุกเสก ก็ไม่เต็มปาก) มักทำในอาคารหลัก ซึ่งเราสามารถนั่งสังเกตการ ณ์ได้ เครื่องรางแบบนี้มักมาในรูป แบบของซองขาวเล็กๆเขียนชื่อ เราติดไว้ และเช่นกันคือห้ามเปิดออกดู สิ่งสำคัญ 1. ห้ามแกะ : ภายในมักเป็นกระดาษหรือไม้ช ิ้นเล็กๆ เขียนคำมงคล สิ่งสำคัญคือ อย่าเปิดดู เพราะจะถือว่าหมดฤทธิ์เมื่อ เปิดออก 2. ห้ามทิ้งเป็นขยะ : วิธีกำจัดควรเป็นไปตามประเพ ณีที่กระทำโดยศาลเจ้า/ วัด หรือหากเป็นไปไม่ได้ ให้เผาทำลายแทนการทิ้งลงถังขยะ 3. เปลี่ยนทุกปี : ในช่วงขึ้นปีใหม่ให้เอาอันเ ดิมไปคืนที่ศาลเจ้าหรือวัดแ ล้วซื้ออันใหม่ ถ้าเป็นไปได้ควรเป็นที่เดิม ที่ซื้อมา โดยทางวัดหรือศาลเจ้าจะนำไป ทำพิธีทำลายโดยการเผา 4. พยายามพกไว้ในที่ที่เหมาะกั บคุณสมบัติของเครื่องรางนั้ น เช่น เครื่องรางสำหรับการเดินทาง มักแขวนไว้ในรถตรงกระจกมองห ลัง เครื่องรางทั่วๆไปมักพกติดต ัว แขวนไว้กับของใช้ประจำวัน หรือใส่ไว้ในกระเป๋าสตางค์ * เครื่องราง มีจำหน่ายทั้งที่ศาลเจ้าและ วัด ** เครื่องรางที่เป็นรูปลูกศร (魔矢 / Hamaya) มีจำหน่ายเฉพาะที่ศาลเจ้าบางแ ห่ง ในช่วงปีใหม่ *** เครื่องรางเพื่อเปิดรับโชคด ี ปัดเป่าโชคร้าย บ้างก็อยู่บนชิ้นเดียวกัน โดยจะมีตัวอักษรของทั้ง 2 คำอยู่ด้านหน้า **** การปัดเป่าโชคร้ายออกไป เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะช่วงวันปีใหม่, งานเซ็ตสึบุน (Setsubun, 3 กุมภาพันธ์) และ พิธีปัดรังควานฤดูร้อน นอกจากนี้ก็ถือว่าสำคัญสำหร ับคนที่อายุตกในช่วงไม่ดีที ่เรียกว่า 厄年 / Yakudoshi สำหรับผู้หญิงคือ อายุ 19 และ 33 ปี (33 ปี แย่ที่สุด) สำหรับผู้ชายคือ อายุ 25 และ 42 ปี (42 ปี แย่ที่สุด) คนที่อายุตกในช่วงไม่ดีนี้ ถือเป็นประเพณีที่จะไปขอพรที่ ศาลเจ้าหรือวัด และพกเครื่องรางปัดเป่าโชคร ้าย ติดตัวไว้ โดยวิธีนับอายุแบบญี่ปุ่นจะ เหมือนจีน/ เกาหลี คือนับอายุแบบปกติแล้วบวกไปอีกหนึ่งเลย ค่ะ = เครื่องรางในภาพ มาจากศาลเจ้าจิชุ ตรงวัดคิโยมิสึ-เดระในเกียว โต เป็นศาลเจ้าที่ขึ้นชื่อในด้ านความรักค่ะ
และเครื่องรางของญี่ปุ่นนี่มีแยกเป็นประเภทๆ ด้วยนะคะ อิชั้นก็ไปหาข้อมูลมาเพิ่มเติม (อีกแล้ว) จาก
เว็บนี้ ก็ได้ความว่า
หลักๆ เครื่องรางญี่ปุ่นมี 6 ประเภท ได้แก่
1) ด้านการเรียน
หลักๆ มีข้อความประมาณว่า 学業成就お守り (ประสบความสำเร็จในการศึกษา) กับ 合格祈願お守り (สอบผ่าน) ประเภทแรก เป็นเครื่องรางเสริมพลังระดับกว้างๆ ประเภทหลัง เอาไว้สำหรับคนที่จะสอบเข้าโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยต่างๆ
2) ด้านความปลอดภัย
ใครมีคนรู้จักเดินทางบ่อยๆ เช่น ทำงานเป็นพนักงานขาย หรือต้องบินไปสัมมนาที่โน่นที่นี่บ่อยๆ อันนี้เหมาะมากค่ะ ให้มองหาคำต่อไปนี้
家内安全
ครอบครัวปลอดภัย มีสุข
交通安全
. อันนี้เห็นบ่อยที่สุด แปลว่า เดินทางปลอดภัย คนญี่ปุ่นมักซื้อติดไว้ในรถค่ะ
旅行安全
ท่องเที่ยวปลอดภัย เหมาะกับคนไปเที่ยวบ่อยค่ะ ฮี่ๆๆ (แต่แบบนี้ ดิฉันไม่ค่อยเห็นสักเท่าไร)
安産祈願
ขอให้คลอดลูกได้ปลอดภัย (เหมาะกับคนท้อง) อย่าซื้อผิดเชียวนะคะ
.
3) ด้านความรัก
สาวๆ ทั้งหลาย จดหรือแค็ปจอไว้ดีๆ ค่ะ โปรดมองหาสัญลักษณ์ต่อไปนี้ค่ะ
恋愛成就
ขอให้รักราบรื่น รักกันนานๆ (เหมาะกับคนมีคู่)
縁結び
ขอให้พบเนื้อคู่ (เหมาะกับคนโสด)
4) ด้านปัดเป่าทุกข์ภัย เหมาะกับท่านที่ตรงกับปีชงปีนั้นๆ หรือมีทุกข์ภัยอยากให้ไปไกลๆ ตัวโดยเร็ววัน ให้หาคำว่า 厄除け ค่ะ ใครรู้สึกว่า ไหล่หนักๆ เหมือนมีอะไรมาเกาะ ลองซื้อเครื่องรางประเภทนี้พกไว้นะคะ
5) ด้านความร่ำรวย
เครื่องรางแต่ละวัด อาจใช้คำต่างกัน แต่รวมๆ แปลว่า เงินทองไหลมาเทมา การค้ารุ่งเรือง เหมาะกับท่านที่ทำการค้า
金運上昇 商売繁盛 財産上昇
6) ด้านอื่นๆ
幸せ
แปลว่า มีความสุข
เครื่องรางเด็ดควรซื้อ
โดยปกติแล้ว ทุกวัดหรือทุกศาลเจ้าญี่ปุ่น จะจำหน่ายเครื่องรางเกือบทุกประเภทอยู่แล้ว ทว่ามีบางวัดที่มีชื่อเสียงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์บางเรื่องเป็นพิเศษ ดิฉันขอเลือกสถานที่ดังๆ ที่นักท่องเที่ยวไทยนิยมไป หรือน่าจะไปง่ายนะคะ
ด้านความรัก
明治神宮 (Meiji-jingu
.จ.Tokyo) 生田神社 (Ikuta Shrine
.เมือง Kobe) 出雲大社 (Izumo Taisha
จ. Shimane) 地主神社 (Jinushi Shrine
อยู่ในวัดน้ำใส จ.เกียวโต)
ด้านการค้า
大阪天満宮 (Osaka Tenmangu จ.โอซาก้า) 住吉大社 (Sumiyoshi Taisha จ.โอซาก้า) 明治神宮 (Meiji-jingu
.จ.Tokyo)
นอกจากนี้ บางวัดก็จะทำเครื่องรางน่ารักๆ ลายคิตตี้บ้าง อิ๊กคิวซังบ้าง
(เสริม อิชั้นเคยเห็นเครื่องรางคิตตี้ที่ปราสาทคินคาคุจิ เกียวโตมาแล้วฮ่ะ อิอิ)
และแล้วววว ก็ได้เห็นภาพการแต่งงานที่นี่ค่ะ ไกด์บอกว่า ที่นี่เป็นสถานที่จัดงานแต่งงานที่ได้รับความนิยมมาก แต่ต้องมีเงินนะคะ เพราะค่าสถานที่แพงมากค่ะ
นอกจากนั้นหลายๆ ครั้งก็จะเจอเด็กน้อยน่ารักมาแบบนี้ด้วยนะคะ
สำหรับการรีวิวศาลเจ้าเมจิก็มีแต่เพียงเท่านี้นะคะ เอนทรี่หน้าจะพาไปดูที่พักของทริปนี้กันบ้างค่าา
ปฏิทินธรรม
วันเสาร์ที่ 5 มีนาคม 2559 (ทุกวันเสาร์แรกของเดือน)
1. ตักบาตรพระกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น วัดพุทธบูชา
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559 (ปกติกิจกรรมจัดทุกวันอาทิตย์แรกของเดือน แต่เดือนมกราคม จะจัดวันปีใหม่) 1.ทำบุญกับพระกรรมฐานสายพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต (เดือนนี้งานทอดกฐินด้วยค่ะ) ณ มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ถ.จรัญสนิทวงศ์ซอย 37 เวลา 06.30-10.30 น. ดูรายละเอียดพระที่มารับบาตรและแผนที่ได้ที่ //www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=3447 วันเสาร์และอาทิตย์ที่ 11 - 12 มีนาคม 2559
1. มุทิตาสักการะอายุวัฒนมงคล 80 ปี หลวงปู่อุทัย สิริธโร ณ วัดเขาใหญ่ญาณสัมปันโน ต.โป่งตาลอง อ.ปากช่อง นครราชสีมา
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1510853665886058&id=1482592958712129
วันอาทิตย์ที่ 13 และ 27 มีนาคม 2559 (กิจกรรมจัดทุกๆ วันอาทิตย์ที่ ๒ และ ๔ ของเดือน) 1. ทำบุญ ฟังธรรม จากครูบาอาจารย์พระป่าสายกัมมฐาน ณ ศาลาลุงชิน แจ้งวัฒนะ 14 กิจกรรมจะเริ่มจากการถวายภัตตาหารร่วมกันเวลา ๘:oo น. สำหรับท่านที่สนใจนำอาหารมาร่วมทำบุญ แนะนำให้มาก่อนเวลาเพื่อจัดเตรียมอาหารใส่ภาชนะ ซึ่งจะเริ่มลำเลียงถาดอาหารเพื่อเตรียมประเคนเวลาประมาณ ๗:๔๕ น. ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.facebook.com/SalaLungChin?fref=ts
วันเสาร์ที่ 26 มีนาคม 2559 (จัดทุกวันเสาร์ที่สี่ของเดือน)
1. เชิญทุกท่านร่วมทำบุญตักบาตร สดับธรรม พระเถระวัดป่ากรรมฐาน เมตตารับบาตร โดย เว็บไซต์บ้านอารีย์ //www.baanaree.netวันเสาร์และอาทิตย์ที่ 26 - 27 มีนาคม 2559 1. ขอเชิญร่วมงานบุญประเพณี ผ้าป่า 12 เมษา สืบหน่อต่อแขนงคลังหลวง บูชาพระคุณองค์หลวงตา ณ สวนแสงธรรม กรุงเทพฯhttps://www.facebook.com/siangdhamluangta/posts/1060056840717061 ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ1,469,696+3124452 =4594148/12056/1078
โหวต travel blog นะครับ
ชอบต้นไม้คู่นั่นจังเลยครับ
ทรงพุ่มเค้าสวยมาก
บรรยากาศของศาลเจ้าก็ดูสงบ เงียบดี
สะอาดตาด้วยครับ