##### รีวิวสายการบิน JAL เส้นทางกรุงเทพฯ - คันไซ โอซาก้า และการผ่านด่านตม. #####
สวัสดีค่ะ
เอนทรี่ล่าสุด รีวิว ร้านอาหาร เพชรบุรี - ข้าวแช่ป้านิด ริมทางรถไฟ (คลิกเพื่ออ่าน)
หลังจากที่ได้รีวิวโรงแรม Nikko Osaka ไปแล้วที่ลิงก์นี้ (คลิกเพื่ออ่าน)
อันนี้เป็นรีวิวแถมนะคะ (ที่จริงควรรีวิวเป็นอันแรกก่อนรีวิวโรงแรม Nikko Osaka แต่ข้าพเจ้าลืมง่ะ ) นั่นก็คือเป็นการรีวิวสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ส เส้นทางสุวรรณภูมิ - สนามบินคันไซนั่นเองค่ะ (ข้าพเจ้าจำไฟลท์ไม่ได้แล้วค่ะ แต่ไฟลท์ดึก ไปถึงเช้าอะค่ะ แหะๆ)
สำหรับสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ส ข้อดีสุดเลยคือ เป็นสายการบินที่ให้น้ำหนักกับคลาส Economy เยอะสุดแล้วค่ะ คือ คนละ 2 ชิ้นๆ ละ 23 กิโลกรัม (เหมาะกับขาช็อปมากมาย) นอกจากนั้นกรณีที่จองตั๋วเดี่ยว ก็สามารถที่จะไปพรีเช็คอินทางเว็บไซต์ เลือกที่นั่งและปริ๊นท์บอร์ดดิ้งพาสได้เลยนะคะ (ถ้าหาที่ปริีนท์ได้) หรือจะบุ๊คที่นั่งไว้ก่อน แล้วไปปริ๊นท์ที่สนามบินก็ได้ค่ะ (แต่ไม่แนะนำ)
ตัดฉับตอนขึ้นมาบนเครื่องเลยแล้วกันค่ะ ไฟลท์ที่เราไป เป็นแบบที่นั่ง 2-3-2 ตามภาพนะคะแล้วก็มี PTV ให้ทุกที่นั่งเลยหละค่ะ
Entertainment Menu บนเครื่องก็มีครบครันค่ะ ทั้งเพลงสำหรับฟัง หรือจะดูรายการหนังต่างๆ ก็มีอะนะคะ
remote สำหรับเลือกเมนูต่างๆ ค่ะ พร้อมที่เสียบหูฟังอะนะคะ
การบริการบนเครื่อง ตอนแรกเลยจะเป็นเครื่องดื่มและขนมขบเคี้ยวก่อนค่ะ ตามภาพเลย
ทิชชู่มีโลโก้สายการบินด้วยน้าา
ส่วนขนมขบเคี้ยวที่ให้มา มีทั้งอร่อยและไม่อร่อยค่ะ แต่เคี้ยวเพลินดี ดูไม่ทำลายสุขภาพดีด้วย (ตามสไตล์ญี่ปุ่นหละนะคะ)
ตัดฉับมาตอนเช้า (มืดมาก เวลาญี่ปุ่นเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมงอะนะคะ) หน้าตาของอาหารเช้าที่เราเลือกค่ะ (มีสองช้อยส์อ้ะ แต่จำไม่ได้แล้วว่าอะไรบ้าง แหะๆ)
แถ่นแท้...
รสชาติ ก็พอกินได้ค่ะ ไม่ว้าว แต่ก็ไม่ยี้นะคะ
ถ้าใครเข้าห้องน้ำบนเครื่อง ก็จะมีชุดแปรงสีฟันยาสีฟันบริการให้ในห้องน้ำนะคะ (นี่เราเอาออกมาถ่ายภาพเพื่อรีวิว แหะๆ)
เอาหละค่ะ หลังจากลงจากเครื่องปุ๊บ พ้นงวงมาหน่อยหนึ่งก็จะมีห้องน้ำให้เข้า จากนั้นก็ดูป้ายไปค่า สังเกตป้าย Arrival หรือ Baggage Claim หรือ Immigration ไว้นะคะ
สำหรับวันนั้นเราต้องนั่งรถไฟเชื่อมระหว่างอาคารไปด้วยนะคะ แป๊บเดียวเอง แล้วก็สถานีเดียวด้วยค่ะ
พอออกจากรถไฟ ก็ต้องลงบันไดเลื่อนไปอีกทีค่ะ
จากนั้นจะผ่านการตรวจอุณหภูมิด้วยกล้อง (เช็คสุขภาพแหละค่ะ) ถ้าใครตัวร้อนๆ ผิดปกติ ก็อาจจะโดนเรียกสัมภาษณ์นิดหนึ่ง
แต่ตรงนี้เดินผ่านเฉยๆ ไม่ต้องยื่นเอกสารอะไรเหมือนบางประเทศนะคะ
จากนั้นก็จะเข้าส่วนของเคาน์เตอร์ตม.แล้วค่ะ จะแบ่งออกเป็นเคาน์เตอร์สำหรับชาวญี่ปุ่นกับชาวต่างชาติ (Foreigner) นะคะ เราก็แน่นอนหละ เป็นชาวต่างชาติ ก็เข้าไปให้ถูกต้องเนาะ แต่ก็รอคิวไม่นานค่ะ ตม.ญี่ปุ่นทำงานไว (ตอนเราไปนี่ไม่ใช่วีซ่าแล้วค่ะ)
อ้อๆ ใบตม.ญี่ปุ่นจะมีเซ็นสองจุดด้านหน้าและด้านหลัง รวมทั้งต้องใส่ด้วยว่าเราเอาเงินเข้าประเทศเค้าไปเท่าไหร่นะคะ
นอกจากนั้นตอนที่ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่ ก็จะต้องมีการแสกนนิ้วชี้ทั้งสองข้าง และมองกล้องเพื่อถ่ายรูปด้วยค่ะ (แต่มีจอขึ้นภาษาไทยบอกด้วยนะคะ ไม่ต้องกลัว)
พ้นจากตม.มาได้ก็จะต้องลงบันไดเลื่อนไปที่เบลท์ (สายพาน) เพื่อรับกระเป๋าค่ะ
ก่อนลงก็จะมีจอบอกด้วยนะคะว่า ไฟลท์เรารับกระเป๋าที่สายพานหมายเลขอะไร (JL726 หรือ 728 หว่า?) รับที่สายพานที่ 6 ค่ะ
เดินไปที่สายพานกันค่ะ จากที่ลงบันไดมา เดินไปที่สายพานอันที่สองก็จะเป็นสายพานหมายเลข 6 แล้วหละค่ะ
หลังจากรับกระเป๋าแล้ว ก็จะต้องผ่านศุลกากร ซึ่งต้องยื่นเอกสารสีเหลืองๆ ยาวๆ ที่กรอกมา (พร้อมเซ็นชื่อ) ด้วยนะคะ
บางทีก็มีการสุ่มให้เอกซเรย์ด้วยค่ะ
ถ้าออกมาแล้ว เลี้ยวซ้ายไป ก็จะเป็นเคาน์เตอร์สำหรับบริษัทแมวดำ สามารถจะให้เค้าส่งกระเป๋าไปยังที่พักของเราได้ด้วยนะคะ (จะได้เดินทางด้วยรถสาธารณะสะดวกๆ) เห็นคนมาใช้บริการกันเยอะเหมือนกันค่ะ
นอกจากนั้นก็มีบริการรับฝากของด้วยค่ะ ราคาก็ขึ้นอยู่กับไซส์นะคะ ตามภาพเลย
ก็หวังว่าคงพอจะเป็นข้อมูลสำหรับคนที่กำลังคิดว่าจะบิน JAL ดีมั้ยนะคะ แล้วก็เป็นข้อมูลสำหรับคนที่จะบินไปลงคันไซด้วยเนาะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1,469,696+1388830=2858526/10204/829
Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2557 |
|
22 comments |
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2557 12:59:25 น. |
Counter : 30673 Pageviews. |
|
|
|
ถ้าให้ผมเที่ยวเองคนเดียวแบบนี้
หลงทางสลบไสลตั้งแต่สนามบินเลยล่ะครับ 555