happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
23 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๗๕





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










ศรีสวรินทิรา ราชกรณียานุกิจ สิรินธรพินิจราชกรณียานุการ


วันที่ ๑๗ ธ.ค. ๒๕๕๗ เวลา เวลา ๑๘.o๕ น. สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังหอนิทรรศการ พิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า วังสระปทุม ทรงเปิดนิทรรศการ "ศรีสวรินทิราราชกรณียานุกิจ สิรินธรพินิจราชกรณียานุการ" ซึ่งมูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จัดขึ้นในโอกาสที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จะทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ เพื่อเฉลิมพระเกียรติที่ทรงอุทิศพระองค์ปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมายตลอดพระชนม์ชีพที่ผ่านมา อันยังประโยชน์แก่ประเทศชาติและอาณาประชาราษฎร์ เป็นแบบอย่างที่ดียิ่งแห่งการดำรงชีวิตที่ดีงามและยังเป็นการสืบสานพระราชปณิธาน และพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ตลอดเวลาที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพยาวนานถึง ๖ รัชกาล


เนื้อหาของนิทรรศการ แบ่งเป็น ๒ ส่วน ส่วนแรก คือ สว่างวัฒน์เทพรัตนานุประวัติ แสดงพระราชประวัติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงสืบสายพระบรมราชจักรีวงศ์และราชสกุลมหิดล ซึ่งพระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์ และพระราชบุพพการี ผู้ทรงมีคุณูปการใหญ่หลวงต่อปวงชนชาวไทย ส่วนที่ ๒ คือ พันวัสสาราชปนัดดาราชกรณียานุวัตร แสดงพระราชกรณียกิจที่ทรงบำเพ็ญประโยชน์ต่อประเทศชาติ ตามรอยพระยุคลบาท สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าพระเปตามหัยยิกา ซึ่งองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ ได้ประกาศเฉลิมพระเกียรติคุณ ให้ทรงเป็นบุคคลสำคัญของโลกผู้มีผลงานดีเด่นด้านการศึกษาวิทยาศาสตร์ประยุกต์ในด้านสาธารณสุข วัฒนธรรมสังคมศาสตร์ และมนุษยศาสตร์ในวาระ ๑๕o ปี พระราชสมภพ เมื่อปีพุทธศักราช ๒๕๕๕


สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นพระราชธิดาใน พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ และสมเด็จพระปิยมาวดีศรีพัชรินทรมาตา เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑o กันยายน ๒๔o๕ มีพระนามว่า พระเจ้าลูกเธอพระองค์เจ้าสว่างวัฒนา ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี มีพระราชโอรส พระราชธิดา ๘ พระองค์ พระราชโอรสพระองค์แรกคือ สมเด็จพระบรมราชปิตุลาธิบดี เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร พระองค์แรก พระราชโอรสพระองค์เล็ก คือ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนกสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า สวรรคตเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๒๔๙๘ พระชนมายุ ๙๓ พรรษาเศษ


และในโอกาสวันคล้ายวันสวรรคตสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าในวันนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ คุณชวลี อมาตยกุล กรรมการและเลขานุการ มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า เป็นผู้แทนพระองค์ ในการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายภัตตาหารเพลและถวายสังฆทานพระสงฆ์ ณ พระตำหนักเขียว วังสระปทุม ด้วย






































































พระบรมฉายาลักษณ์ พระบรมสาทิสลักษณ์ ภาพและข้อมูลจากเวบ
tnews.co.th
nationtv.tv
บล็อกพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาฯ














'อันมีทิพเนตรส่องไป'เห็นได้ดั่งตาทิพย์


เป็นที่ทราบกันดีว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระอัจฉริยภาพด้านการถ่ายภาพ และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ เพื่อนำมาจัดแสดงนิทรรศการอย่างต่อเนื่อง ให้เป็นความรู้แก่นิสิต นักศึกษาและประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกันก็เพื่อให้ได้มีโอกาสร่วมตามรอยเสด็จฯ และชื่นชมผลงานต่าง ๆ จึงพระราชทานภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ที่ทรงบันทึกไว้ในช่วงปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ จำนวน ๑๕๘ ภาพ มาจัดแสดงในนิทรรศการ ภายใต้ชื่อ "อันมีทิพเนตรส่องไป" ณ ห้องนิทรรศการชั้น ๙ หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทรงเปิดนิทรรศการ ซึ่งมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี รองประธานกรรมการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), นิติกร กรัยวิเชียร นายกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และคณะผู้จัดงาน เฝ้าฯ รับเสด็จ






ก่อนเสด็จฯ ไปทรงเปิดนิทรรศการ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายถึงแรงดลพระราชหฤทัยของชื่อนิทรรศการและสมุดภาพครั้งนี้ว่า ปีนี้แปลกกว่าที่ผ่านมา คือมีภาพที่ถ่ายด้วยกล้องโทรทรรศน์ และการที่ได้ใช้กล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราดที่ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) รวมถึงการบันทึกภาพผ่านยานไร้คนขับ หรือโดรน ซึ่งการพัฒนาเครื่องมือเหล่านี้ทำให้เหมือนมีตาทิพย์ที่ได้เห็นสิ่งที่ไม่น่าเห็นได้






ในการนี้ทรงบรรยายถึงผลงานแต่ละชิ้น อาทิ ภาพ "ดาวพฤหัส" ถ่ายที่หอดูดาวแห่งชาติดอยอินทนนท์ กว่าจะได้ภาพนี้มาค่อนข้างลำบาก ต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ขนาด ๒.๔ เมตร ซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ประกอบกับช่วงนั้นเพิ่งผ่านการผ่าตัดมาใหม่ ๆ ด้วย ส่วน "เนบิวลาในกลุ่มดาวคนยิงธนู" เป็นการถ่ายจากกล้องโทรทัศน์ซีโต้ ซึ่งตั้งอยู่ที่ประเทศชิลี แต่ถ่ายผ่านอินเทอร์เน็ตจากอาคารชัยพัฒนา วังสวนจิตรลดา อันนี้สบายหน่อย ไม่ต้องอดนอน เพราะประเทศเราเป็นกลางวันตรงกับเวลากลางคืนของเขา ติดอยู่แค่ต้องจองคิวนานหน่อย ส่วนภาพถ่ายจากกล้องจุลทรรศน์อิเล็กตรอนชนิดส่องกราด เป็นภาพระดับนาโน ถือเป็นทิพเนตรอย่างหนึ่ง ช่วยให้เห็น "กระเปาะใบกะเพรา" ซึ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยทราบมาก่อนว่า จะมีน้ำมันในกระเปาะนั้นด้วย เช่นเดียวกับ "เปลือกหอยเป๋าฮื้อ" ฯลฯ ด้วยเทคโนโลยีทำให้เห็นชั้นแคลเซียมคาร์บอเนตต่าง ๆ มีขนาดระดับนาโนเมตรเรียงซ้อนทับกันหลายชั้น ส่วนภาพ "มุมสูงที่วังสระปทุม" ซึ่งบันทึกด้วยโดรน ไม่เพียงช่วยได้เห็นภาพจากที่สูง แต่ยังใช้ได้ในการวางแผนการพัฒนา ต่อไปไม่ต้องรบกวนกองทัพ หรือกรมแผนที่ เพราะมีค่าใช้จ่ายสูงมาก






นอกจากนี้ยังจัดแสดงภาพถ่ายจากกล้องส่วนพระองค์ ได้แก่ ภาพสุดท้ายของ "อ.ถวัลย์ ดัชนี", ภาพ "งานซ้อน ๓" ซึ่งเป็นภาพถ่ายของ ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล, ภาพ "กาสรคู่บ่าวสาว" สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเล่าเรื่องขำขันว่า ตอนบอกจะเปิดโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ใครๆ ต่างรีบเข้ามาบอกจะพาลูกเข้ามาฝากเรียน เพราะคิดว่าเป็นโรงเรียนสาขาของจิตรลดา โรงเรียนนี้นอกจากฝึกควายแล้ว ยังต้องฝึกคนด้วย บางทีควายสอบได้คนสอบตกต้องเรียนซ้ำใหม่






สำหรับนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “อันมีทิพเนตรส่องไป” เปิดให้ผู้ชมเข้าชมระหว่างวันที่ ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗-๘ มีนาคม ๒๕๕๘ และมีการจำหน่ายหนังสือภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ “อันมีทิพเนตรส่องไป” ในราคาเล่มละ ๙oo บาท ณ ห้องนิทรรศการ ชั้น ๙ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และศูนย์หนังสือแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รายได้ทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย โดยเสด็จพระราชกุศลตามพระราชอัธยาศัย



























ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th
komchadluek.net
chaoprayanews.com














คลิกดูรายละเอียด



ภาพและข้อมูลจากเวบ
nanmeebooks.com














เดินช็อปชมวัง ช่วยเหลือผู้ประสบภัย


บรรยากาศความอบอุ่นเคล้าความสวยงามย้อนยุคภายในรั้ววังสวนกุหลาบ เปิดให้ประชาชนได้เข้ามาชื่นชมสัมผัสกลิ่นอายความเป็นอยู่แบบชาววังกันทุกปี โดยในปี ๒๕๕๗ นี้ งาน “๒o ปี เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เพื่อผู้ประสบภัย” ได้จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีให้ประชาชนได้เลือกสรรของขวัญ รับชมความรู้ ความบันเทิงมากมาย พร้อมนำรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายสมทบทุนมูลนิธิฯ เพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟู ผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศอย่างเต็มที่ โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จแทนพระองค์ไปทรงเปิดงาน ณ วังสวนกุหลาบ พระราชวังสวนดุสิต เมื่อเย็นวันก่อน






ในการนี้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ ทรงวางพระหัตถ์สัมผัสลูกแก้วเปิดงาน ทอดพระเนตรรถหย่อนกล้าข้าว ในพื้นที่ระยะห่าง ๒o เซนติเมตร เครื่องแรกของโลก คิดค้นโดย อ.ปัญญา เหล่าอนันต์ธนา จากนั้นเสด็จไปยังร้านค้าส่วนพระองค์ฯ และร้านค้าต่าง ๆ ทั้ง มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า และมูลนิธิเพชรรัตน เมื่อทอดพระเนตรเสร็จทรงได้ร่วมกิจกรรมสอยดาวด้วยการถอนขนห่านจำลองในซุ้มของสภากาชาดไทย ทรงได้รางวัลเป็นตุ๊กตาหมีสีม่วงและรางวัลอื่นอีกมากมาย จากนั้นทรงเยี่ยมร้านค้าในพื้นที่ อาทิ ร้านมูลนิธิ ณ ภาฯ ในพระดำริพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา, ร้านค้าสมาคมภริยาทุกเหล่าทัพ และทอดพระเนตรนิทรรศการ ๒o ปี เพื่อนพึ่ง (ภาฯ) เพื่อผู้ประสบภัย ก่อนเสด็จกลับ โดยมี คุณหญิงสุภา กิจจาทร และ คุณจันทนี ธนรักษ์ กรรมการมูลนิธิฯ และกรรมการการจัดงาน เฝ้ารับเสด็จ






นอกจากนี้ยังมีเหล่าบุคคลสำคัญมาร่วมงานและออกร้านอีกคับคั่ง อาทิ ท่านผู้หญิงเพ็ญศรี วัชโรทัย, คุณหญิงแสงเดือน ณ นคร, ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล, ม.ร.ว.สมลาภ กิติยากร, แผน วรรณเมธี, รศ.ดร.นพ.พิชิต สุวรรณประกร, อภัย จันทนจุลกะ, อาทร จันทวิมล, ดร.สาโรจน์ พรประภา, ดร.กิตติพงษ์ กิตยารักษ์, ฉัตรชัย พรหมเลิศ, เอ็นนู ซื่อสุวรรณ, ผาณิต พูนศิริวงศ์, เพชรพริ้ง สารสิน, ชุดา ธนะภูมิ, สายสม วงศาสุลักษณ์, วิภาดา สีตบุตร, พรวิมล ดิษฐกุล, ลักขณา นะวิโรจน์, "อ่าง" วิสาขา - "ปาล์ม" ฐณส หงสนันทน์, ศมน ทิมทอง และนายกสมาคมแม่บ้านเหล่าทัพต่างๆ นำทีมโดย วิภาดา สีตบุตร, พจมาน พุ่มพันธุ์ม่วง, พรวิมล ดิษฐกุล เป็นต้น






ด้านการจัดแสดงผลงานของมูลนิธิฯ ในโอกาสครบรอบ ๒o ปี จัดเป็นรูปแบบ ไลฟ์ เอ็กซิบิชั่น เน้นการฟื้นฟูอาชีพการเกษตรอินทรีย์ แก่ผู้ประสบอุทกภัย ทั้งชาวนาและชาวสวน เช่น ปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่ สาธิตการทำอาหาร และมีการนำผลผลิตในชุมชนมาออกจำหน่ายในรูปแบบตลาดน้ำจำลอง โดยจะเปิดให้ประชาชนเข้าร่วมงานจนถึงวันที่ ๒๘ ธันวาคม นี้ เวลา ๑o.oo-๒๑.oo น. บัตรผ่านประตูคนละ ๒o บาท











ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














ศิลปินแห่งชาติมอบของขวัญปีใหม่ ๕๘ จัดมหกรรมศิลปกรรม


เทศกาลปีใหม่ที่จะมาถึงนี้ คนส่วนใหญ่คงเดินทางท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่สนุกสนาน แต่ศิลปินแห่งชาติหลายคนง่วนเตรียมงานจัด มหกรรมศิลปกรรม : ผลงานศิลปินแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๕๘ ร่วมกับกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) โดยกองกองทุนส่งเสริมงานวัฒนธรรม เพื่อเผยแพร่ผลงานศิลปะชิ้นใหม่และชิ้นโดดเด่นเต็มไปด้วยพลังให้ชมกัน ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ หวังกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างกัน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่กับปราชญ์ของแผ่นดิน และความภาคภูมิใจในมรดกภูมิปัญญาศิลปินแห่งชาติ


มหกรรมศิลปกรรมที่จัดอย่างต่อเนื่องหลายเดือนไม่เคยเกิดขึ้นในบ้าน และมีศิลปินแห่งชาติออกมาลุยงานคับคั่งแบบนี้ก็ไม่เกิดขึ้นบ่อย ๆ จนต้องขอเขียนถึง เพราะแต่ละคนยิ่งอายุมากขึ้นยิ่งฝีมือจัดจ้าน นันทิยา สว่างวุฒิธรรม อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม กล่าวว่า ปี ๒๕๕๘ สวธ.มีโครงการเผยแพร่ผลงานศิลปินแห่งชาติครั้งใหญ่ด้วยนิทรรศการที่น่าสนใจของศิลปินแห่งชาติ ๓ นิทรรศการ


๑. กิจกรรมนิทรรศการ "เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๕ รอบ ๒ เมษายน ๒๕๕๘" โดยกมล ทัศนาญชลี และเพื่อนศิลปิน เพื่อเฉลิมฉลองปีมหามงคลแด่ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็น "วิศิษฏศิลปิน" ค้ำชูศิลปวัฒนธรรมของชาติ จัดแสดงที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๖-๒๖ ม.ค. ๒๕๕๘ สมเด็จพระเทพฯ เสด็จพระราชดำเนินทรงเป็นประธานเปิดนิทรรศการวันที่ ๑o ม.ค. เวลา ๑๗.oo น.


๒. นิทรรศการ "แสงสุวรรณภูมิ สู่วัฒนธรรมอาเซียน (อินโดฯ-จีน-อาเซียน) โดย ศ.เกียรติคุณปรีชา เถาทอง ผลงานแสดงที่หอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ ๒๗ เม.ย.-๑๒ ก.ค. และ ๓. นิทรรศการผลงานศิลปกรรม "๔ มุมมองศิลปินแห่งชาติ" โดย ศ.เดชา วราชุน, ศ.เมธีนนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน, ศ.เกียรติคุณอิทธิพล ตั้งโฉลก และ ศ.เกียรติคุณปรีชา เถาทอง ที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ระหว่างวันที่ ๑o-๒๘ พ.ค.






"3 นิทรรศการจะเปิดพื้นที่ศิลปะช่วยปลูกฝังความรักและความเข้าใจการสร้างงานศิลปะให้กับเด็ก เยาวชนและประชาชน และเป็นการสนองพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ที่ทรงรักษาและสร้างสรรค์วัฒนธรรมของชาติ โครงการยังสะท้อนการบริหารจัดการการจัดนิทรรศการในรูปแบบใหม่ และเพื่อโชว์มหกรรมศิลปกรรมนี้ให้ต่างชาติรับรู้และมาเที่ยวชม สร้างรายได้เข้าประเทศ เตรียมจัดทำแผ่นพับสองภาษา เผยแพร่กิจกรรมผ่านเว็บไซต์ต่างประเทศ จะมีความร่วมมือกับหน่วยงานด้านการท่องเที่ยวต่อไป" นันทิยาเผยพร้อมจัดกิจกรรมใหญ่ปีหน้า


ด้าน ดร.กมล ทัศนาญชลี ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ กล่าวว่า นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติฯ โดยกมล ทัศนาญชลี และเพื่อนศิลปิน เป็นการเปิดศักราชใหม่ฉลอง ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพฯ ตนได้เชิญศิลปินแห่งชาติ ๑๙ ท่าน ผู้ทำงานเคียงบ่าเคียงไหลกันมายาวนาน มีอุดมการณ์เดียวกัน อุทิศตนบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ศิลปะ พร้อมด้วย ชวน หลีกภัย ฐาปนันดรศิลปิน ศิลปินไทยร่วมสมัยอีก ๕๓ คน และครูศิลปะกว่า ๕o คน ที่เคยร่วมโครงการถ่ายทอดงานศิลป์กับศิลปินแห่งชาติร่วมจัดแสดงผลงาน ส่วนงานของตนมีทั้งจิตรกรรม สื่อผสม ประติมากรรม ภาพพิมพ์ และเครื่องปั้นดินเผา จำนวน ๔o-๕o ชิ้น


"ผลงานไฮไลต์ของผมคือ ประติมากรรมสเตนเลส "สุดดีมหาราชา" สูง ๓ เมตร หนักถึง ๓oo กิโลกรัม แสดงที่หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน ระหว่างจัดแสดงผลงานมีกิจกรรมบรรยายและฝึกปฏิบัติการกับศิลปินแห่งชาติ มีกิจกรรมรำลึกเพื่อน ถวัลย์ ดัชนี ผ่านการฉายวีดิทัศน์ ซึ่งรวบรวมภาพชีวิตการทำงานตามสถานที่ต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศของ อ.ถวัลย์ เป็นภาพที่ไม่มีใครเคยได้ชม" อ.กมลเผย






ขณะที่ ศ.เกียรติคุณ ดร.ปรีชา เถาทอง ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ กล่าวว่า นิทรรศการแสงสุวรรณภูมิที่จะเกิดขึ้นเดือน เม.ย.ปี ๕๘ สะท้อนดินแดนสุวรรณภูมิที่มีศิลปะและวัฒนธรรมเชื่อมโยงกัน แบ่งเป็น ๓ ห้อง เริ่มจากที่มาสุวรรณภูมิ ถัดมาศิลปะส่องทาง เชิญศิลปินไทยสร้างผลงานสื่อความหมายสุวรรณภูมิตามอิสระ จะมีทั้งจิตรกรรม บทเพลง นาฏศิลป์ ส่วนห้องสุดท้ายแสดงผลงานของตนเอง ทั้งวาดเส้น สีน้ำ ที่ตระเวนเขียนที่หลวงพระบาง นครวัด อินโดนีเซีย ตลอดจนฟิลิปปินส์ มีทั้งแสง-เงา และไม่มีแสง-เงา อีกไฮไลต์แสดงโมเดลวัดไชยวัฒนาราม ไม่ว่าสถูป เจดีย์ ผสมสถาปัตยกรรมฮินดู จีน ลังกาวงศ์ ผลจากศิลปินไทยเลือกรับและปฏิเสธจนเกิดอัตลักษณ์ของตนเอง แล้วยังมีโมเดลพุทธสถานลพบุรีศรีสุวรรณภูมิ ฐานคล้ายบุโรพุทโธ ส่วนยอดคล้ายภูเขาทองและวัดอรุณฯ นี่เป็นตัวแทนศิลปะเกิดขึ้นในสยาม นิทรรศการนี้ให้องค์ความรู้มากมายและมีบรรยายทางวิชาการ


เข้มข้นไม่แพ้กัน ศ.เดชา วราชุน ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ บอกถึงนิทรรศการ "๔ มุมมองศิลปินแห่งชาติ" ด้วยว่า น่าสนใจที่ต่างคนต่างมอง ผู้ชมได้อรรถรสทางศิลปะ ได้เห็นความแตกต่างในการแสดงผลงาน งานที่ตนแสดงจะเป็นจิตรกรรมสีอะครีลิกบนผ้าใบและสีน้ำบนกระดาษสา ๕o ชิ้น ไม่เคยจัดแสดงที่ไหนมาก่อน ส่วน อ.อิทธิพล มีงานจิตรกรรม ๕o ชิ้น อ.นนทิวรรธน์ สื่อความสงบและสุขในงานประติมากรรม ๕ ชิ้น ด้าน อ.ปรีชา เจ้าของผลงาน ยืนยันคนดูงานจะอ้าปากค้างกับผลงานสีน้ำและวาดเส้นชุด "เช้า สาย บ่าย ค่ำ" เป็นวิธีบันทึกความงดงามของธรรมชาติ มั่นใจว่าทั้ง ๓ นิทรรศการจะสร้างบรรยากาศเมืองวัฒนธรรมได้แน่นอน.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
culture.go.th
bangkokbiznews.com














จิตรกรรมไทย ๒ จินตภาพ


โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ ขอเชิญชมงานแสดงนิทรรศการศิลปะ “จิตรกรรมไทย ๒ จินตภาพ” โดย ธนพล จุลกะเศียน และ ณัฐ ดิสวัฒน์ ณ บริเวณสกายล็อบบี้ ชั้น ๒๓ ของโรงแรมฯ ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๕๗ ถึงวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ระหว่างเวลา ๑o.oo น. ถึง ๒o.oo น.


โดยรายได้จากการจําหน่ายภาพส่วนหนึ่งจะร่วมสบทบทุนให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ นิทรรศการฯครั้งนี้ นําเสนอผลงานจิตรกรรมของ ธนพล จุลกะเศียน และ ณัฐ ดิสวัฒน์ สองศิลปิน ผู้เชี่ยวชาญการใช้เทคนิคสีอะครีลิคบนผ้าใบ ได้นําเสนอความเชื่อ ความศรัทธาในศาสนา ผ่านการรับรู้ทางอารมณ์ ความจํา ความฝัน การสร้างมโน-ภาพ สื่อสารผ่านผลงานจิตรกรรมของพวกเขากว่า
๓o ภาพ ที่มีความปราณีตงดงาม ให้ดํารงตามแบบแผนดั้งเดิมและผสมผสานวิธีการปัจจุบัน เพื่อสืบทอดความศรัทธาที่งดงามของศิลปะไทยต่อไป


ผู้สนใจสามารถเลือกซื้อผลงานหรือเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ณ สกายล็อบบี้ ชั้น ๒๓ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. o๒-๑oo-๑๒๓๔ ต่อ ๖๗๘๖, ๖๗๕๔ หรือ ๖๗๕๕















ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net














เครื่องประดับหรูแห่งราชสำนักสยาม


รุ่มรวยด้วยมรดกและสไตล์อันเฉพาะตัว ผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีแห่งฝรั่งเศส "คาร์เทียร์" ผนวกกับฉลองครบ ๑oo ปีของเสือแพนเธอร์ จึงจัดงานใหญ่สุดหรูภายใต้บรรยากาศแห่งประวัติศาสตร์และความงดงามของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล ริมแม่น้ำเจ้าพระยา โดยได้รับเกียรติจาก สตานิสลาส เดอ แคกซิส ประธานบริหารและซีอีโอ คาร์เทียร์ อินเตอร์เนชั่นแนล พร้อมด้วย เกรกัวร์ บลานช์ กรรมการผู้จัดการ คาร์เทียร์ภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย เป็นเจ้าภาพ และก่อนจะขึ้นเรือไปดินเนอร์ เกรกัวร์ ได้บอกว่า คาร์เทียร์ มีความตื่นเต้นอย่างมากที่จะนำอัญมณีชิ้นสำคัญที่มีความเกี่ยวข้องโดยตรงกับประวัติศาสตร์ไทย กลับมาจัดแสดงที่กรุงเทพฯ เฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันแนบแน่นที่มีมานานกว่า ๑oo ปี รวมถึงชิ้นงานไฮ จิวเวลรี่ ล่าสุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเสือแพนเธอร์






ในขณะที่บริเวณออเธอร์ เลานจ์ มีการจัดแสดงผลงานชิ้นประวัติศาสตร์อันน่าทึ่งจากคอลเลกชั่นคาร์เทียร์ ที่ถ่ายทอดถึงความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดระหว่าง คาร์เทียร์ และสยามประเทศนานกว่า ๑oo ปี โดยในระหว่างที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสทวีปยุโรป ได้เสด็จพระราชดำเนินไปที่บูติคคาร์เทียร์ ตั้งอยู่ที่ ๑๓ รูเดลาเปส์ และทรงเป็นองค์อุปถัมภ์ของคาร์เทียร์ ทรงซื้อผลงานอันวิจิตรหลายชิ้นจากผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ โดยชิ้นที่สำคัญที่สุดที่นำมาจัดแสดง คือ สร้อยพระศอคาร์เทียร์ที่พระองค์พระราชทานแก่ สมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (พระองค์เจ้าเสาวภาผ่องศรี) รวมไปถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ ที่บันทึกถึงการเดินทางของ จูลส์ เกลนเซอร์, กรองด์ วองเดอร์ แห่งคาร์เทียร์ หรือพนักงานแก่คุณวุฒิและเชี่ยวชาญเรื่องไฮ จิวเวลรี่ ในปี ๒๔๕๑ สู่สยามประเทศเนื่องในปีรัชมังคลาภิเษกทรงครองสิริราชสมบัติครบ ๔o ปี เพื่อถวายสร้อยพระศออันล้ำเลิศตามคำสั่งซื้อแด่ราชวงศ์แห่งสยาม






ในการนี้ พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เสด็จมาทรงร่วมงานด้วย โดยมีแฟนพันธุ์แท้ของแบรนด์จากประเทศไทยและต่างประเทศ อย่าง "คุณขวัญ" ม.ล.ขวัญกมล ทองใหญ่, "แป๋ม" ชฎาทิพ จูตระกูล, "ปุ๋ง" ดารณี - เฉลิม อยู่วิทยา, "แอ๋ว" ศุภลักษณ์ อัมพุช, "มังคุด" วงศ์ชนก ชีวะศิริ, "หลี" คุณหญิงณัฐิกา วัธนเวคิน อังอุบลกุล, ฐิตินันท์ วัธนเวคิน และที่มาเป็นคู่ กวีพันธ์ - "ตุ๋ม" ศุภานวิต เอี่ยมสกุลรัตน์, "หญิง" ปรียามล - "หมู" พัฒพงษ์ ธนวิสุทธิ์ ร่วมชื่นชมความงดงามของผลงานเครื่องประดับอัญมณีชั้นสูง ๑๔o ชิ้น โดยส่วนใหญ่เป็นผลงานที่น่าหลงใหลภายใต้ธีมของเสือแพนเธอร์ ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์แห่งคาร์เทียร์ ที่สร้างสรรค์นับตั้งแต่ปี ค.ศ. ๑๙๑๔







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














นับเท้า นับทาง


เมื่อภาพถ่ายและบทกวีมีความเกี่ยวเนื่องเชื่อมโยงกันอย่างไม่ต้องสงสัย โครงการ “นับเท้า นับทาง” ซึ่งจัดขึ้นโดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ และแก้วเก้า พงษ์ไพบูลย์ จึงเกิดขึ้นเป็นนิทรรศการศิลปะคัดสรรเรื่องราวชีวิตของผู้สูงวัยในครอบครัวที่ถูกทอดทิ้งให้ว้าเหว่และเดียวดาย เพื่อถ่ายทอดความคิดและความรู้สึกของผู้ชรา ผ่านศิลปะการถ่ายภาพด้วยมุมมองเชิงสุนทรียะนำเสนอร่วมกับบทกวีนิพนธ์ที่กลั่นกรองและหลอมรวมจากจิตวิญญาณ รวมผลงานจำนวนกว่า ๑oo ชิ้น


นิทรรศการ “นับเท้า นับทาง” เป็นนิทรรศการศิลปะคัดสรรที่ปรารถนาจะสร้างสายใยระหว่างวัยกับวัย และหัวใจกับหัวใจ ให้เกิดขึ้นในคนทุกคน ศิลปินของนิทรรศการครั้งนี้ตระเวนไปเยี่ยมเยือนบ้านพักคนชราทั่วทุกภาค บันทึกภาพแห่งชีวิต ความคิด และความรู้สึกของผู้ชรา ผู้เสมือนเป็นพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ของพวกเราทุกคน เพื่อหวังให้เกิดความรักความเข้าใจต่อผู้ที่อยู่ในวัยชรา เพราะตราบใดที่ ลมหายใจยังอยู่ เราทุกคนต่างปรารถนาความรักความใยดีจากลูกหลาน


เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ และแก้วเก้า พงษ์ไพบูลย์ ได้ริเริ่มโครงการ “นับเท้า นับทาง” ขึ้น โดยได้เชิญศิลปินที่มีชื่อเสียงของประเทศไทยอีกหลายท่านเข้าร่วมแสดงผลงานภายใต้แนวคิดเดียวกัน ได้แก่ ทวี รัชนีกร, กมล ทัศนาญชลี, แนบ โสตถิพันธุ์, อำมฤทธิ์ ชูสุวรรณ, ศรีวรรณ เจนหัตถการกิจ,ประคองกูล พงษ์ไพบูลย์, วินัย ปราบริปู, วสันต์ สิทธิเขตต์, สมภพ บุตราช, เริงศักดิ์ บุณยวาณิชย์กุล,เอกชัย ลวดสูงเนิน, วรวิทย์ แก้วศรีนวม, หงษ์จร เสน่ห์งามเจริญ, ไพโรจน์ วังบอน, ทรงไชย บัวชุม,พรรษา พุทธรักษา, ธีรดนัย ณ ป้อมเพชร ซึ่งผลงานประกอบด้วยภาพถ่าย ภาพเขียน ประติมากรรม บทกวี รวมกว่า ๑oo ชิ้น


นอกจากการจัดนิทรรศการแล้ว ยังมีบทบันทึกความทรงจำผ่านหนังสือภาพชื่อ “นับเท้า นับทาง” รวบรวมภาพถ่ายจากการเดินทางไปเยือนเรือนพักแรมผู้ชรา โดยแก้วเก้า พงษ์ไพบูลย์ คำนำโดย ชาติ กอบจิตติ และ บทกวีโดย เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ โดยรายได้จากการจำหน่ายหนังสือนี้จะมอบให้บ้านพักคนชรา และส่วนหนึ่งจะมอบให้แก่สภาผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย


นิทรรศการ : “นับเท้า นับทาง”
ศิลปิน : เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, แก้วเก้า พงษ์ไพบูลย์
วันที่ : ๒ มกราคม – ๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘
สถานที่ : หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ
สอบถามเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : o๒-๒๘๑-๕๓๖o-๑















ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














เมืองโบราณในหนังสือ


วันก่อนเขียนถึง "คุณเล็ก" ประไพ วิริยะพันธุ์ ในวาระ ๑oo ปี ชาตกาล ในฐานะนักธุรกิจผู้ก่อตั้ง "เมืองโบราณ" ไปแล้ว วันนี้ขอพูดถึงหนังสือ "เมืองโบราณ" ที่จัดพิมพ์ในโอกาสเดียวกันนี้ เพื่อเผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และสิ่งก่อสร้างอันเป็นเอกลักษณ์ในอดีตค่ะ

ที่อยากบอกเล่า เป็นหนังสือเซ็ต ๔ เล่ม ได้แก่ “กว่า ๑o,ooo วัน ณ เมืองโบราณ กับ ๑oo ปี ของผู้สร้าง” “เมืองโบราณ: มุมมองอารยสยาม” “พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท: เพชรยอดมงกุฎแห่งอารยธรรมสยาม” และ “กลิ่นอายล้านนาในเมืองโบราณ”

ซึ่งทั้งหมด ได้เผยแพร่แนวคิดของคุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ในการสืบสานมรดกอารยธรรมของสยามประเทศผ่านสถาปัตยกรรม และสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ในเมืองโบราณ เพราะสถาปัตยกรรมถือเป็นผลงานศิลปกรรมที่มีหลากหลายมิติ สามารถสะท้อนให้เห็นโครงสร้างการปกครอง เศรษฐกิจ สังคม วิถีชีวิต คติความเชื่อ จินตนาการ ตลอดจนศิลปะแขนงอื่น ๆ เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม หรือแม้แต่วรรณกรรมอีกด้วย

สำหรับเล่ม "กว่า ๑o,ooo วัน ณ เมืองโบราณ กับ ๑oo ปี ของผู้สร้าง" เล่าเรื่องราวความเป็นมาและแนวคิดในการก่อตั้งเมืองโบราณ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งแห่งแรก และมีขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า ๘oo ไร่ ที่มีลักษณะคล้ายรูปขวานเหมือนรูปร่างของประเทศไทย เริ่มก่อสร้างในปี ๒๕o๖ และเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕

และถ้าไม่อยากพลาดสถานที่สำคัญ เมื่อมาถึงเมืองโบราณ ต้องมาที่ ตลาดโบราณ ท้องพระโรงกรุงธนบุรี พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท มณฑปพระพุทธบาท สระบุรี หอพระแก้ว ตลาดน้ำ เทวโลก หอไตรและวิหารล้านช้าง และปราสาทพระวิหาร โดยสถานที่เหล่านี้แสดงให้เห็นถึงรูปแบบศิลปะ และสภาพสังคมวัฒนธรรมตั้งแต่สมัยสุโขทัย อยุธยา กรุงธนบุรี มาจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ รวมถึงศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นในภาคต่าง ๆ ของไทย

ซึ่งในส่วนต่าง ๆ ที่เอ่ยถึงนี้ แค่เพียงหยิบเล่ม "เมืองโบราณ: มุมมองอารยสยาม" รับรองไม่มีตกหล่นแน่ แถมข้อมูลยังแน่นปึ้กอีกด้วย

ส่วนเล่ม "พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท: เพชรยอดมงกุฎแห่งอารยธรรมสยาม" รวบรวมข้อมูลและแนวความคิดในการสร้างพระที่นั่งองค์นี้ขึ้นใหม่ที่เมืองโบราณ ซึ่งพระที่นั่งนี้ ถือเป็นศูนย์กลางพระราชอำนาจและการปกครองของกรุงศรีอยุธยามาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถจนถึงเมื่อกรุงศรีอยุธยาล่มสลาย

เล่มสุดท้าย "กลิ่นอายล้านนาในเมืองโบราณ" แนะนำศาสนสถานสำคัญทางภาคเหนือ ซึ่งมีทั้งวิหารไม้อันเก่าแก่ที่ทางเมืองโบราณได้ขอผาติกรรมมาสร้างขึ้นใหม่ รวมถึงสถูปเจดีย์ที่เป็นที่เคารพบูชา และสิ่งก่อสร้างแบบศิลปะล้านนา โดยมีการจัดผังบริเวณและภูมิทัศน์เพื่อให้ได้กลิ่นอายของล้านนาทั้งวิถีวัฒนธรรม สังคม และความเป็นอยู่ของผู้คน

ใครที่สนใจศึกษารากเหง้าทางประวัติศาสตร์ ผ่านสถาปัตยกรรม-ศิลปกรรม และแนวคิดในการสืบทอดมรดกของชาติ ดิฉันว่าหนังสือทั้ง 4 เล่มจะมีประโยชน์อย่างมากทีเดียว

ช่วงใกล้ปีใหม่ ทราบมาว่า "เมืองโบราณ" จ.สมุทรปราการ ได้เตรียมจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้คนมาร่วมย้อนรอยอดีต เพื่อศึกษา และสร้างแรงบันดาลใจแก่คนในวันนี้ด้วย ลองติดตามข่าวสารกันดูนะคะ



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














ฉลอง ๒๕o ปี โมสาร์ต คืนชีพ 'The Magic Flute'


"ไม่ต้องปีนบันไดฟังโอเปร่า" เสียงอาจารย์สมเถา สุจริตกุล ประธานมูลนิธิมหาอุปรากรกรุงเทพ บอกกับผู้ร่วมในงานแถลงข่าวจัดการแสดง The Magic Flute หรือขลุ่ยวิเศษ มหาอุปรากร โดยอามาเดอุส โมสาร์ต อีกครั้ง ในโอกาสครบรอบ ๒๕o ปี โมสาร์ต คีตกวีระดับปรมาจารย์ของโลก โดยมีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) ให้การสนับสนุนจัดแสดงผลงานคลาสสิก ณ หอประชุมใหญ่ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ในวันที่ ๒๕-๒๗ ธ.ค. ๒๕๕๗ นี้






ก่อนหน้านี้ The Magic Flute เปิดแสดงในสถานที่เดียวกัน เมื่อปี ๒๕๔๖ ซึ่งชนะใจผู้ฟัง ทั้งยังการันตีประเทศไทยสามารถจัดมหาอุปรากรมาตรฐานสากลได้ โดยนิตยสารโอเปร่าของลอนดอนเขียนชื่นชม บางกอกโอเปร่าจึงขอเสนอซ้ำอีกให้คนไทยที่พลาดการแสดงครั้งแรกมีโอกาสชมผลงานอมตะของโมสาร์ต และให้เป็นของขวัญฉลองเทศกาลแห่งความสุข


ดาวลดา พันธ์วร ผู้อำนวยการศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า สวธ.ทำงานร่วมกับมูลนิธิอุปรากรกรุงเทพมาตลอด ในปี ๒๕๕๘ เพื่อแสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และส่งเสริมให้คนไทยได้สัมผัสวัฒนธรรมด้านสังคีตศิลป์ของสากล รายการจะเริ่มตั้งแต่เดือน ธ.ค. การแสดงมหาอุปรากร "The Magic Flute" เพื่อทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ






ถัดมา การแสดงคอนเสิร์ต International Choir Festival "Very Big Music" เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนาฯ ระหว่างวันที่ ๑๖-๑๘ ก.พ. การแสดงบัลเลต์-โอเปร่า "Phra Bhuridatta" ถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว วันที่ ๑๙-๒๔ พ.ค. และการแสดงมหาอุปรากร The Snow Dragon เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ วันที่ ๑๓-๑๖ ก.ค. ชวนผู้ฟังมาชมโอเปร่าและฟังเพลงคลาสสิกกันได้


หากถามว่า The Magic Flute คือเรื่องอะไร อาจารย์สมเถา คีตกวีไทย บอกว่า เป็นมหาอุปรากรที่คล้ายกับวรรณคดีไทยเรื่องพระอภัยมณี ในต่างประเทศโดยเฉพาะเยอรมนีนิยมแสดงช่วงคริสต์มาสมีเรื่องเวทมนตร์ เจ้าชายอาสาช่วยเจ้าหญิงโดยมีกระดิ่งและขลุ่ยวิเศษเป็นเครื่องป้องกันตัว ไม่เหมือนเสียงปี่พระอภัยสะกดคนให้หลับ พระเอกต้องผ่านบททดสอบหลายอย่างเพื่อพิสูจน์ตัวเอง จบแบบมีความสุข






"การแสดงขลุ่ยวิเศษมีบทพูดสลับขับร้อง ชมได้ทุกเพศทุกวัย เด็กดูคล้ายนิทานดิสนีย์ ผู้ใหญ่ดูมีข้อคิดลึกซึ้ง ธรรมะย่อมชนะอธรรม มีการบรรเลงขับร้องเพลงที่มีชื่อเสียงมากมายในการแสดง แล้วยังมีเครื่องแต่งกายสีสันงดงาม คัดสรรจากผ้าหลากชนิด ออกแบบแนวแฟนตาซี โดย ชเล วุทธานันท์ เจ้าของแบรนด์ PASAYA ส่วนฉากบนเวทีก็ตระการตา" อาจารย์สมเถามั่นใจการแสดงจะครองใจคนดูแน่นอน


ถ่ายเถา สุจริตกุล มารดา บอกว่า โอเปร่าไม่ได้ดูยากเย็นเกินไป ถ้าเราศึกษาเนื้อเรื่องให้คุ้นเคยไว้ล่วงหน้า เรื่องโอเปร่าส่วนมากแบบน้ำเน่า ความโดดเด่นของการแสดงนี้มีทั้งลีลาการแสดง วงดุริยางค์บรรเลง ใช้นักดนตรีจำนวนมาก และชมความสามารถของนักร้องอุปรากรแต่ละคน โดยไม่อาศัยเครื่องช่วยใด ๆ แสดงถึงพลังทะลุทะลวง เครื่องดนตรีกว่า ๘o ชิ้น ไม่มีเพี้ยนสักโน้ต สำหรับ The Magic Flute เป็นเทพนิยาย ดูสนุกสนาน เป็นสุขนาฏกรรม แฮปปี้เอนดิ้ง ขณะที่โอเปร่าเกือบทุกเรื่องเป็นโศกนาฏกรรม ขับร้องเป็นภาษาเยอรมัน แต่มีฉายสไลด์เนื้อร้อง ๓ ภาษา ได้แก่ อังกฤษ ไทย และญี่ปุ่น ช่วยให้เข้าใจและติดตามเรื่องได้






ไม่น่าพลาดการแสดง The Magic Flute ผลงานแสดงอัจฉริยะด้านดนตรีของโมสาร์ต ผู้ประพันธ์ที่ชาวโลกยกย่องว่าเป็นอมตะ มี ๓ รอบ วันที่ ๒๕-๒๖ ธ.ค. เวลา ๑๙.๓o น. วันที่ ๒๗ ธ.ค. เวลา ๑๔.oo น. ณ ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ซื้อบัตรได้ที่ //www.thaiticketmajor.com หรือ โทร.o๒-๒๖๒-๓๔๕๖.







ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
เฟซบุค Opera Siam














เชิญส่งงานศิลปะร่วมแสดงครั้งสำคัญในนาม “กลุ่มหอไตร”


เมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ PSG Gallery หอศิลป์ประจำคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ ม.ศิลปากร คฑาวุธ ทองไทย หรือ ไข่ นักร้องนำและผู้ก่อตั้งวงดนตรี 'มาลีฮวนน่า' ร่วมกับ สัมพันธ์ สารารักษ์(จิตรกร), และ สมชาย นุ่มช่วย (นักธุรกิจ) เพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งต่างจบการศึกษาจากสถาบันเดียวกันคือ 'วิทยาลัยศิลปหัตถกรรม นครศรีธรรมราช' แถลงข่าวการจัดนิทรรศการศิลปะครั้งที่ ๔ ของ กลุ่มหอไตร ที่จะมีขึ้นในเดือนมีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป ถ.เจ้าฟ้า






เหตุที่ต้องจัดงานแถลงข่าวแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเป็นเวลาหลายเดือน เพราะนิทรรศการครั้งนี้ ทางกลุ่มหอไตร (มีที่มาจากชื่อซอย อันเป็นสถานที่ตั้ง วิทยาลัยศิลปหัตถกรรม นครศรีธรรมราช )ต้องการประชาสัมพันธ์ให้บรรดาศิษย์เก่าคนอื่นๆของวิทยาลัยศิลปหัตถกรรม นครศรีธรรมราช หรือที่กำลังศึกษาอยู่ ส่งผลงานศิลปะของตนเองมาร่วมแสดง กับสมาชิกกลุ่มหอไตร รวมไปถึงผลงานของศิลปินอาวุโส, ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินชื่อดังท่านอื่น ๆ ที่ผลงานก็ได้ถูกเชิญมาร่วมแสดงในนิทรรศการครั้งนี้ด้วย






โดยผู้สนใจส่งผลงานศิลปะมาร่วมแสดง ต้องนำผลงานศิลปะ (คนละ ๒ ชิ้น ขนาดไม่เกิน ๑ เมตร X 1.20 เมตร) มาส่งด้วยตัวเอง ระหว่างวันที่ ๕-๒o มการาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ไม่เว้นวันหยุดราชการ ที่ 'คุณอ้วน' ณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป ถ.เจ้าฟ้า และด้านหลังภาพต้องมีรายละเอียดของชื่อและนามสกุลของเจ้าของผลงาน ตลอดจน ชื่อภาพ, ขนาดภาพ, เทคนิค, แนวความคิด, เบอร์โทรศัพท์, ปี พ.ศ. ที่เจ้าของผลงานจบการศึกษาจากวิทยาลัยศิลปหัตถกรรม นครศรีธรรมราช และต้องไม่ลืมติดภาพถ่ายของเจ้าของผลงานไว้ด้านหลังด้วย เพื่อสะดวกในการรวบรวมไปจัดทำเป็นสูจิบัตร รวมถึงสมัครเพื่อเป็นสมาชิกกลุ่มหอไตร คนละ ๑,ooo บาท โดยโอนเงินเข้า ธนาคารกสิกรไทย ชื่อบัญบัญชี หอไตร และหมายเลขบัญชี ๗๖๗๒๒๑๗๖๗๓






ก่อนที่ผลงานศิลปะทั้งหมดที่ส่งมาร่วมแสดง จะถูกนำไปถ่ายภาพระหว่างวันที่ ๒-๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ และนำไปติดตั้งระหว่าง ๒๓ - ๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๘ จากนั้นผลงานจะจัดแสดงให้ผู้สนใจได้ชมระหว่างวันที่ ๑- ๒๕ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ กระทั่งมีการเก็บผลงานเพื่อเตรียมคืนให้กับศิลปินเจ้าของผลงาน ระหว่างวันที่ ๒๖ - ๒๗ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ โดยเจ้าของผลงานต้องรับคืนด้วยตัวเองในวันที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘






นอกจากนิทรรศการครั้งนี้มีจุดประสงค์ที่จะเผยแพร่ผลงานศิลปะของกลุ่มหอไตรให้ประชาชนผู้ที่สนใจได้รับชม ไข่ มาลีฮวนน่า ยังกล่าวด้วยว่า จุดประสงค์ที่สำคัญอีกส่วนหนึ่งคือ ทางกลุ่มจะนำรายได้จากการจำหน่ายผลงานศิลปะในนิทรรศการไปจัดตั้ง กองทุนเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาศิลปะทางภาคใต้ที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ และน้อมรำลึกถึงพระคุณของ ท่านเจ้าคุณพระรัตนธัชมุนี หรือ ท่านม่วง ผู้ก่อตั้งวิทยาลัยศิลปหัตถกรรมนครศรีธรรมราช ซึ่งเดิมมีชื่อว่า โรงเรียนช่างถม ขณะที่นิทรรศการศิลปะครั้งที่ ๔ นี้ทางกลุ่มตั้งชื่อนิทรรศการว่า สีฉัน


“อ.ยงยุทธ ผ่องศรี ได้ให้ความหมายไว้ดีมาก หมายถึง สีของฉัน งานของฉัน ผู้รักการสร้างงานศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ และ นำมาแสดงในนามกลุ่มหอไตร”






ร่วมกิจกรรม “เขียนภาพนู้ด” และไม่เพียงนิทรรศการจะมีผลงานศิลปะทุกรูปแบบมาร่วมจัดแสดง แม้แต่งานเครื่องถมเมืองนคร สัมพันธ์ สารารักษ์ และ สมชาย ช่วยนุ่น จิตรกรและนักธุรกิจ ผู้ร่วมแถลงข่าว ยังกล่าวถึงความน่าสนใจของวันเปิดนิทรรศการ ในวันที่ ๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑๓.oo น.เป็นต้นไปว่า






นอกจากจะมีดนตรี จากหลาย ๆ วง ได้แก่ วงมาลีฮวนน่า,วงด้ามขวาน, วงคนชนบท, วง ART EMOTION ฯลฯ มาเล่นให้ฟังกันสดๆ พร้อมกับมีอาหารใต้อร่อย ๆ มาให้ลิ้มรส ยังจัดให้มีกิจกรรม “เขียนภาพนู้ด” โดยมีนางแบบมานั่งเป็นแบบให้ศิลปินผู้มีชื่อเสียงด้านการเขียนภาพนู้ด ทั้งที่สนใจและถูกเชิญ มาร่วมกันเขียนภาพให้ชมกันสด ๆ ในงานด้วย


“หรือถ้าใครไม่อยากวาด จะเอาดินมาปั้นด้วยก็ได้”






ขณะที่วันอื่น ๆ ตลอดนิทรรศการ ก็ยังจะมีศิลปินมาให้บริการเขียนภาพเหมือนให้กับผู้ชมที่สนใจด้วย ซึ่ง 'ไข่ มาลีฮวนน่า' เสริมว่า อยากให้นิทรรศการศิลปะของกลุ่มหอไตร ครั้งนี้ เป็นตัวอย่างของนิทรรศการ ที่ดึงผู้สนใจทุกกลุ่มมาชมงาน ไม่ใช่แต่เฉพาะคนในวงการศิลปะ


“เราไม่อยากจะทำกันเอง ดูกันเอง เหมือนอย่างที่เคยเป็น อยากจะเปิดกว้าง ให้เป็นนิทรรศการที่มีทั้งเสียงเพลง ทั้งงานศิลปะ ไม่อยากจัดงานเพื่อให้ศิลปินดูกันเอง อยากให้ครอบครัว พาลูกหลาน และเยาวชน มาชม เพื่อให้เกิดมิติใหม่ในการรับชมงานศิลปะของประเทศไทย”






"เสียงหัวใจ ดอกไม้ ดนตรี" ๒o ปี มาลีฮวนน่า


กล่าวจบ ก่อนที่ ไข่ มาลีฮวนน่า จะนั่งเป็นแบบให้ สัมพันธ์ สารารักษ์ เขียนภาพให้ผู้มาร่วมงานแถลงข่าว ได้ชมกันสด ๆ เพื่อนำไปประมูลหารายได้ในวันเปิดนิทรรศการ และขับร้องเพลง แสงจันทร์ คลอเสียงขลุ่ยของ อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี และดนตรีของสมาชิกวง มาลีฮวนน่า ให้ได้ฟังเป็นการปิดท้าย






ไข่ ' ยังได้แนะนำ หนังสือ เสียงหัวใจ ดอกไม้ ดนตรี หนังสือซึ่งจัดพิมพ์ขึ้นในนาม สำนักพิมพ์ ทองไทย วาระครบรอบ ๒o ปี ของ วงมาลีฮวนน่า มีลักษณะปกแข็ง มีความหนา ๕๔o หน้า หน้าปกเป็นภาพ 'ไข่ มาลีฮวนน่า' ภาพลายเส้นซึ่งเขียนโดย ชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี และพิมพ์ออกมาเพียง ๓oo เล่ม เพื่อจำหน่ายในราคาเล่ม ๓,ooo บาท ให้กับแฟน ๆ ของมาลีฮวนน่า


“หนังสือเล่มนี้ ทั้งภาพถ่าย, บทกวี ,บทความ ของบุคคลที่ผมเคารพ ตลอดจนเพื่อนพ้องน้องพี่ และลูกศิษย์ ร่วมกันเขียน อาทิ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ, อ.ธนิสร์ ศรีกลิ่นดี, ตลอดจนนักศึกษาปริญาโท ที่ร่วมกันพูดถึงและทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับเพลงของมาลีฮวนน่า”



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














ศิลปินโชว์ศิลปะจากสีกาแฟ


ไกลกังวล มิวสิคัล ออน เดอะบีช ละครเพลงเฉลิมพระเกียรติริมชายหาดหัวหิน เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี วันที่ ๒๘ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ถือเป็นอีกกิจกรรมดี ๆ ของคนไทย สำหรับละครเพลงเฉลิมพระเกียรติและนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่งานนี้ทางกระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา รวมทั้งภาคเอกชนได้จัดกิจกรรมดังกล่าวขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองในโอกาสมหามงคลที่ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงพระชนมพรรษา ๘๘ พรรษา ในปี ๒๕๕๘ นี้ ที่สำคัญยังเปิดให้เข้าชมฟรีตลอดงานตั้งแต่วันที่ ๒๘ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ บริเวณริมชายหาดหัวหินสวนหลวงราชินี














สำหรับงานไกลกังวล มิวสิคัล ออน เดอะบีช จัดขึ้นเป็นปีที่สองแล้ว นำแสดงโดย อาร์ เดอะสตาร์, มัดหมี่ พิมดาว, รอง เค้ามูลคดี, เบน ชลาทิศ, กลม นพพล, ลูกหว้า พิจิก, ลูกแก้ว เดอะวอยซ์ และนักแสดงสมทบอีกกว่า ๑oo ชีวิต














ทั้งนี้ประชาชนสามารถสำรองบัตรได้ที่ Call Center โทร. o๙-o๒๓๗-๕๙๕o และ o๙-o๒๓๗-๕๙๖o ตั้งแต่วันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ จนถึงวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ตั้งแต่เวลา ๑o.oo-๑๘.oo น. ยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์ จำกัดการขอบัตรเข้าชม ๑ คน ได้ไม่เกิน ๖ ใบ หรือดูรายละเอียดได้ที่ เฟซบุ๊ก ไกลกังวล Musical on the Beach



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
kapook.com
เฟซบุคละครไกลกังวล














ความว่าง (เปล่า) ในใจ


100 ต้นสนแกลเลอรี่ขอเสนอนิทรรศการส่งท้ายปลายปี 2557 ด้วยผลงานภาพวาดชุดใหม่ในนิทรรศการ “วันว่าง(เปล่า)_Days of (endless) Meaninglessness”โดย ภาพตะวัน สุวรรณกูฎ ศิลปินไทยฝีมือดีที่อาศัยอยู่ ณ เมืองซิดนีย์ประเทศออสเตรเลีย มาเป็นเวลานาน และมีผลงานแสดงอย่างต่อเนื่องทั้งไทยและต่างประเทศ โดยหลังจากนิทรรศการเดี่ยว “Locution-(re)-locations.. ผนังของโลกหม่นบางคล้ายผนังระฆังทองคำ (เต็มไปด้วยทัศนะ..เต็มไปด้วยความรู้สึก)” ที่ 100 ต้นสนแกลเลอรี่เมื่อปี ๒๕๕๔ ภาพตะวันยังได้รับคัดเลือกให้แสดงใน 18th Biennale of Sydney รวมไปถึงนิทรรศการกลุ่มอื่น ๆ ในนิวยอร์ก และเมลเบิรน์และอีกมากมายอีกด้วย


นิทรรศการเดี่ยว “วันว่าง(เปล่า)” ในครั้งนี้นำเสนอผ่านชุดผลงานภาพวาดสีอะคลิริคบนผืนผ้าใบ ในลักษณะ Triptych จำนวน 5 ชุด เป็นผลงานที่ศึกษาความหมายที่ซ่อนอยู่ในภาพถ่ายที่ศิลปินบันทึกได้โดยบังเอิญจากช่วงสถานการณ์ความไม่สงบในกรุงเทพฯ เมื่อปลายปี ๒๕๕๖ ถึงต้นปี ๒๕๕๗ ระหว่างที่ศิลปินเดินทางกลับมาสู่กรุงเทพฯพร้อมกับครอบครัว โดยภาพถ่ายสถานที่ว่างเปล่า ภาพประตูปิดกั้น มุมที่หาทางไม่เจอเหล่านี้ ได้ถูกนำมาสรรค์สร้างขึ้นจากแผ่นภาพสู่ผืนผ้าใบ โดยตีความและดัดแปลงสีสันขึ้นใหม่ และเรียบเรียงขึ้นตามเวลาที่ถ่ายโดยไม่ได้เน้นเล่าเรื่องที่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ณ วันนั้น


นิทรรศการ : “วันว่าง(เปล่า)”
ศิลปิน : ภาพตะวัน สุวรรณกูฎ
วันที่ : ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ – ๔ มกราคม ๒๕๕๘
สถานที่ : 100 ต้นสนแกลเลอรี่
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : (ฮามิช) o๒-๖๘๔-๑๕๒๗, o๘๖-๘๘๔-๖๒๕๔
อีเมล : info@100tonsongallery.com



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














ความไม่แน่นอน โดย เรียวมา อิมาอิ


ละลานตา ไฟน์อาร์ต นำเสนอนิทรรศการเดี่ยวครั้งแรกในประเทศไทยของศิลปินร่วมสมัยชาวญี่ปุ่น เรียวมา อิมาอิ ในนิทรรศการ "ความไม่แน่นอน" ซึ่งเรียวมา อิมาอิ ใช้แรงโน้มถ่วงเป็นกลไกหลักในการสร้างสรรค์ภาพลายเส้นและสีสันของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ เขาใช้เทคนิคเทสีลงบนพื้นผิวของกระดาษ โดยสร้างลายเส้นและรูปแบบตามใจนึก ซึ่งโดยแน่นอนว่าการทำงานศิลปะด้วยการเทสีนั้น ศิลปินไม่สามารถควบคุมลายเส้นได้อย่างสมบูรณ์และแน่นอน ผลงานที่เกิดจากความไม่แน่นอนนี้ เปรียบได้กับสิ่งมีชีวิตของสัตว์ต่าง ๆ ที่เขาวาด ซึ่งในชีวิตจริง สัตว์ต่าง ๆ เหล่านี้มีชีวิตอยู่บนความไม่แน่นอน และมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่ส่งผล กระทบกับชีวิตของพวกมันตลอดเวลา เปิดแสดงตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ ๒๘ มกราคม ๒๕๕๘























































ภาพและข้อมูลจากเวบ
ryt9.com
lalanta.com/














ปฏิทินโรงพยาบาลเด็ก ชุด ดอกไม้ประจำอาเซียน


เนื่องในโอกาสมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงเจริญพระชนมายุ ๕ รอบ ในวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๕๘ และในโอกาสเทศกาลวันขึ้นปีใหม่นี้ สภากาชาดไทยเชิญ พระฉายาลักษณ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่พระราชทานให้สภากาชาดไทย นำมาจัดพิมพ์เป็นส.ค.ส. กาชาด ประจำปี ๒๕๕๘ นอกจากนี้ยังจัดพิมพ์บัตรอวยพรอเนกประสงค์ ชุด กุหลาบแห่งรัก ผลงานภาพวาดของอาจารย์สมาน คลังจัตุรัส ประธานกลุ่มศิลปินอิสระ"๙๖ มี ๔ ภาพ ประกอบด้วย กุหลาบควีนสิริกิติ์ กุหลาบพระนามสิรินธร กุหลาบไวท์มาสเตอร์พีซ และกุหลาบซูเปอร์สตาร์ ในราคาโหลละ ๘๕ บาท เพื่อนำเงินรายได้โดยเสด็จพระราชกุศลบำรุงสภากาชาดไทย สอบถามโทร. o-๒๒๕๖-๔๔๔o






มูลนิธิโรงพยาบาลเด็ก สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จัดทำปฏิทินตั้งโต๊ะประจำปี ๒๕๕๘ ชุด "ดอกไม้ประจำอาเซียน" นำเสนอเรื่องราวดอกไม้นานาพันธุ์ ๑๓ ชนิด ผ่านการเรียงร้อยเป็นบทกลอน สร้างสรรค์ความงดงามโดยคณาจารย์แพทย์และผู้มีจิตศรัทธา รายได้สมทบการจัดหาครุภัณฑ์และการพัฒนาทางการแพทย์ สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี จำหน่ายราคาเล่มละ ๑oo บาท ที่สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี หรือสั่งซื้อทางไปรษณีย์ (ค่าจัดส่ง ๒o บาท) โทร. ๑๔๑๕ หรือ o-๒๖๔o-๙๓๖๓







ภาพและข้อมูลจากเวบ
khaosod.co.th
เฟซบุค SCB Thailand




บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 23 ธันวาคม 2557
Last Update : 9 มกราคม 2558 17:24:57 น. 0 comments
Counter : 4970 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.