1 2 3 4
5 6 7 8 9 10 11
12 13 14 15 16 17 18
19 20 21 22 23 24 25
26 27 28 29 30 31
เสพงานศิลป์ ๑๕o
ภาพจากเวบ deviantart.com "ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ บางสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย ในงานศิลปของฉัน ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี
Romance - Yuhki Kuramoto มรดกเมืองที่ถูกลืม สะพาน เป็นหนึ่งในเส้นทางสัญจรเพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง ทว่าในยุคสมัยหนึ่ง สะพานในกรุงเทพมหานครถูกสร้างขึ้นเพื่อเชิดหน้าชูตาให้แก่บ้านเมือง ผ่านมาจนเกือบ ๑oo ปี ความสวยงามที่วิจิตรบรรจงเหล่านั้นได้เริ่มจางหายไปตามกาลเวลาอย่างน่าเสียดาย เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการเปิดเวทีเสวนาหัวข้อ โครงการอนุรักษ์ประติมากรรมและลายปูนปั้นประดับสะพานในกรุงเทพมหานคร มรดกเมืองที่ถูกลืม โดยคณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร และคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ร่วมกับสำนักผังเมืองกรุงเทพมหานคร หาแนวทางอนุรักษ์ฟื้นฟูสะพานเก่าในกรุงเทพมหานคร ที่ห้องอเนกประสงค์ ชั้น ๑ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โครงการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อศึกษาประวัติความเป็นมา ความหมายทางสังคมและคุณค่าทางศิลปะของสะพาน และเป็นการศึกษาโครงสร้างการออกแบบ วิเคราะห์สภาพความเสียหายที่เกิดขึ้น เพื่อหาแนวทางการอนุรักษ์ประติมากรรมและลวดลายประดับของสะพาน รวมไปถึงกระตุ้นให้เกิดความหวงแหนมรดกทางวัฒนธรรม ทั้งยังให้สอดคล้องกับนโยบายการปรับปรุงภูมิทัศน์เพื่อการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร จักรพันธ์ วิลาสินีกุล หัวหน้าโครงการ กล่าวถึงแนวคิดการจัดทำโครงการว่า มีแรงบันดาลใจจากคำว่า เมืองน่าอยู่ หรือเมืองที่มีชีวิต หมายถึง เมืองที่เต็มไปด้วยศิลปะ ผู้คนมีสุนทรียะในจิตใจ แต่ปัจจุบันกรุงเทพฯ เหมือนเมืองที่ไม่มีชีวิต จึงอยากเรียกสิ่งนั้นกลับคืนมา ถ้ากล่าวย้อนไปถึงในสมัยรัชกาลที่ ๕ นั้น พระองค์มีพระราชประสงค์จะสร้างสรรค์กรุงเทพฯ ให้เป็นเมืองที่ทันสมัยทัดเทียมนานาประเทศ จึงสร้างระบบสาธารณูปโภค มีการตัดถนนสายสำคัญหลายสาย และสร้างสะพานข้ามคูคลองขึ้นหลายแห่งตลอดรัชสมัย แต่การก่อสร้างสะพานนั้นไม่ใช่เพื่อการคมนาคมเพียงอย่างเดียว ยังมีพระราชดำริให้เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงามมีคุณค่าทางศิลปะ กล่าวได้ว่าเป็นการสร้างสัญลักษณ์ที่สื่อความหมายถึงความเจริญของยุคสมัยอีกด้วย แต่ในระยะ ๑oo ปีที่ผ่านมา สะพานหลายแห่งในกรุงเทพฯ ถูกดัดแปลงไปจากเดิม เช่นเดียวกันกับลวดลายประดับสะพานก็ถูกรื้อทำลายไป โดยไม่ได้มีการจัดเก็บรักษา อันมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อีกทั้งการซ่อมแซมที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำให้ประติมากรรมบางชิ้นถูกย้ายตำแหน่งหรือตัดต่ออย่างผิดเพี้ยน เพียงเพื่อให้เข้ากับรูปสะพาน เช่น ประติมากรรมปูนปั้นรูปใบหน้าสัตว์ที่สะพานช้างโรงสี เป็นการปั้นปูนทับของเดิม โดยช่างที่ขาดทักษะความชำนาญ เป็นต้น หัวหน้าโครงการกล่าวต่อว่า สะพานเก่าแก่ของกรุงเทพฯ ที่อยู่ในสมัยรัชกาลที่ 5-6 นั้น บางส่วนได้ขึ้นทะเบียนกับทางกรมศิลปากร เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติแล้ว อาทิ สะพานมหาดไทยอุทิศ สะพานผ่านฟ้าลีลาศ สะพานเสาวนีย์ สะพานเฉลิมหล้า ๕๖ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ฯลฯ และที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน รวมแล้วประมาณ ๓๙ แห่ง แต่ทั้งหมดยังคงตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงสูงต่อการเสียหายจากสาเหตุหลักดังนี้ ๑. ความสั่นสะเทือนและอุบัติเหตุทางการจราจร ๒. ความจำเป็นในการขยายช่องทางจราจร ๓. มลพิษทางอากาศและความเสื่อมโทรมของวัสดุตามกาลเวลา ๔. จลาจลและการใช้กำลังปราบปรามเหตุการณ์ ๕. อุทกภัย ๖. ขาดแคลนผู้ชำนาญการในการซ่อมแซม และ ๗. ความซ้ำซ้อนของหน่วยงานที่รับผิดชอบในการซ่อมแซม ทั้งนี้ โครงการอนุรักษ์ประติมากรรมและลายปูนปั้นประดับสะพานในกรุงเทพมหานคร มรดกเมืองที่ถูกลืม จะมีระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่เดือนตุลาคม ๒๕๕๗-กันยายน ๒๕๕๘ ผ่านวิธีดำเนินการ ๔ แนวทาง ได้แก่ การศึกษา ของมูลเอกสาร การคัดลอกแบบลายประดับหรือแบบก่อสร้าง การลงสำรวจพื้นที่และวิเคราะห์เพื่อจัดทำรายงานการศึกษา ซึ่งเริ่มต้นบูรณะ สะพานมหาดไทยอุทิศ (สะพานร้องไห้) เป็นแห่งแรก เนื่องจากในวันที่ ๒๓ ตุลาคม สะพานแห่งนี้จะมีอายุครบ ๑oo ปีเต็ม ตามประวัติสร้างขึ้นเมื่อ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๗ เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ออกแบบโดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ และเสนาบดีกระทรวงมหาดไทย ตั้งอยู่ใกล้วัดสระเกศฯ ถนนบริพัตร เขตป้อมปรามศัตรูพ่าย ในด้านการก่อสร้างและบูรณะ ทาง ดร.ศิริชัย หวังเจริญตระกูล ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ สำนักพิพิธภัณฑ์ กรมศิลปากร ได้เผยว่า หลักการอนุรักษ์ ทางคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เข้ามาช่วยเก็บต้นแบบสะพานในรูปแบบ ๓ มิติ ที่เป็นการเก็บรักษาที่ได้คุณภาพ โดยแกะรายละเอียดจากภาพสแกน ๒ มิติ ก่อนหล่อต้นแบบด้วยปูนปลาสเตอร์ ทั้งนี้จะไม่ถอดแบบให้เหมือน ๑oo เปอร์เซ็นต์ เพื่อให้สามารถแยกออกว่าชิ้นไหนคือของจริง ประติมากรรมปูนปั้นโดยส่วนใหญ่เป็นปูนยิปซัม การเก็บรักษาไม่ให้ทรุดโทรม เราจะนำสารเคมีที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันสารเคมีที่เป็นตัวกัดกร่อนปูนปั้นผสมเข้าไป ทั้งนี้สารดังกล่าวต้องสามารถเอาออกมาจากปูนปั้นได้ด้วย เนื่องจากเป็นหลักการอนุรักษ์ที่สากลกำหนดเอาไว้ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิทยาศาสตร์เพื่อการอนุรักษ์ให้รายละเอียด ปองขวัญ (สุขวัฒนา) ลาซูส ประธานกรรมการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ กล่าวทิ้งท้ายถึงคุณค่าของสถาปัตยกรรมสะพานเก่าด้วยว่า แสดงถึงอารยธรรมและความเจริญด้านสังคม โดยเฉพาะสะพานที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ได้นำศิลปะทางตะวันตกเข้ามาใช้ เพื่อเป็นอุบายให้ประเทศสยามหลุดจากการเป็นเมืองขึ้น ขณะเดียวกันก็ตั้งใจจะสร้างความงดงามให้แก่บ้านเมืองด้วย มาจนปัจจุบันสะพานเหล่านั้นเริ่มเสื่อมโทรม และยังไม่มีการบูรณะฟื้นฟูสะพานเก่าอย่างจริงจัง ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่มีการเก็บรวบรวมข้อมูลสะพานเก่าในกรุงเทพฯ หรือควรเรียกว่า มรดกเมือง จากผู้มีความรู้หลายฝ่าย คาดหวังในอนาคตอาจจะนำต้นแบบที่ถอดออกมาจัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเรียนรู้และเกิดการหวงแหน อีกทั้งยังมีข้อสังเกตเพิ่มเติมด้วยว่า สะพานในยุคปัจจุบันเองก็ไม่มีการออกแบบสถาปัตยกรรมร่วมสมัยให้ได้เราเห็นแล้ว ประธานกรรมการอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรม สมาคมสถาปนิกสยามฯ กล่าวทิ้งท้าย.ภาพและข้อมูลจากเวบ thaipost.net komchadluek.net พระสาทิสลักษณ์ฝีมือครูจักรพันธุ์ โปษยกฤต จาก กระทู้พันทิป ๙ ราชมงคลแสดงโขน-ละครนอก เทิดพระเกียรติ 'สมเด็จพระเทพฯ' "๙ ราชมงคลร่วมใจสืบสานวัฒนธรรมไทย เทิดพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งที่ ๖ จัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) อีสาน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี โดยจัดการแสดงละครนอกเรื่อง "พระรถเมรี" ตอน "เมรีพิศวาส" และการแสดงโขนเรื่อง "รามเกียรติ์" ชุด "รามาวตารปราบมารร้าย" ผู้ช่วยศาสตราจารย์คำรณ สุนทรานนท์ อาจารย์ประจำสาขาวิชานาฏศิลป์ไทย เล่าให้ฟังว่าสาขาวิชานาฏศิลป์ไทยมีส่วนรับผิดชอบในส่วนการจัดศิลปะการแสดง โดยนำการแสดง ๒ ชุดมาจัดแสดง ได้แก่ การแสดงละครนอก เรื่องพระรถ-เมรี ตอนเมรีพิศวาส และการแสดงโขน เรื่องรามเกียรติ์ ชุดรามาวตารปราบมารร้าย เรื่องราวของ "นนทุก" กลับชาติมาเกิด ซึ่งนนทุกมีหน้าที่ล้างเท้าให้กับเทวดาทั้งหลาย เทวดาเหล่านั้นก็มักจะลูบหัวนนทุกจนล้าน นนทุกจึงเกิดความแค้น เลยไปขอนิ้วเพชรจากพระอิศวร แล้วทำร้ายพวกเทวดาที่มาลูบหัวตน นนทุกได้เข่นฆ่าเหล่าเทวดาตายนับไม่ถ้วน ทำให้พระอิศวรต้องร้องขอพระนารายณ์ให้มาช่วยปราบนนทุกให้ พระนารายณ์จัดการกับนนทุก โดยการจำแลงองค์เป็นนางเทพอัปสรดักอยู่ตรงทางที่นนทุกเดินผ่านเป็นประจำ ฝ่ายยักษ์นนทุกเมื่อได้เห็นนางจำแลงจึงเกิดความหลงและเข้าไปเกี้ยวพาราสี นางจำแลงแสร้งทำยินดี โดยยื่นข้อเสนอว่าให้นนทุกร่ายรำตามนางทุกท่าแล้วจะยินดีผูกมิตรด้วย และแล้วยักษ์นนทุกก็ทำตามนาง โดยหารู้ไม่ว่านั่นเป็นเล่ห์กล จนกระทั่งถึงท่านาคาม้วนหางนิ้วเพชรของนนทุกชี้ไปที่ขาของตัวเอง ขานนทุกก็หักลงทันใด นนทุกล้มลง ทันใดนั้น นางแปลงกลายเป็นพระนารายณ์เหยียบอกนนทุกไว้ ก่อนตาย นนทุกอ้างว่าพระนารายณ์มีหลายมือตนสู้ไม่ได้ พระนารายณ์จึงให้คำสัตย์ว่า ให้นนทุกไปเกิดใหม่ มีสิบเศียรสิบพักตร์ยี่สิบมือ เหาะเหินเดินอากาศได้ มีอาวุธนานาชนิดครบทุกมือ ส่วนพระนารายณ์จะไปเกิดเป็นมนุษย์มีสองมือและตามไปฆ่า นนทุกให้ได้ นายจักรกฤษ คงทอง นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ สาขาวิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ นายกองค์การนักศึกษา มทร.ธัญบุรี เล่าว่า จากที่ได้มีการปรึกษาอาจารย์และนายกสโมสรทั้ง ๑o คณะ ๑ วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย ซึ่งคณะที่มีความเกี่ยวข้องในงานนี้ได้มอบหมายให้ทั้ง ๓ คณะ และ ๑ วิทยาลัยการแพทย์แผนไทย ในการรับผิดชอบในส่วนของคณะเทคโนโลยีการเกษตร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ และวิทยาลัยการแพทย์แผนไทย รับผิดชอบในส่วนของการจัดนิทรรศการ นำเสนอในรูปแบบเทิดพระเกียรติ ๖o พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ส่วนคณะศิลปกรรมศาสตร์ รับผิดชอบในการแสดงศิลปะ นำศิลปะการแสดงละครนอก และศิลปะการแสดงโขนเข้ามาร่วมแสดงในงานนี้ โขนเป็นการแสดงมทร.ธัญบุรี เป็นที่เดียวใน ๙ มทร. ที่เปิดสอนศิลปะในแขนงนี้ นายอภิรักษ์ ศิรินาโพธิ์ นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ สาขาวิชาดุริยางค์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ บอกว่า รับหน้าที่ในการตีระนาดทุ้มในการแสดงโขน ซึ่งระนาดทุ้มเสมือนเป็นตัวเย้าหยอกในบทเพลง ดีใจที่ได้มีโครงการนี้ ซึ่งเป็นการปลูกฝังให้วัยรุ่นอนุรักษ์วัฒนธรรมไทย และยังเป็นการสืบสานประเพณีการแสดง โดยเฉพาะการแสดงโขน ซึ่งหาดูได้ยาก นอกจากนี้ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทย ตนเองเรียนดนตรีไทยมาตั้งแต่เด็ก ตอนนี้ดนตรีไทยอยู่ในสายเลือด จะสืบทอดและอนุรักษ์ดนตรีไทยไว้ให้ลูกหลานต่อไป นายเมธพนธ์ ไชยเทพ นักศึกษาชั้นปีที่ ๓ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ ผู้รับบทเป็นยักษ์พญา เปรียบเสมือนมือซ้ายและมือขวาของทศกัณฑ์ นำพลยักษ์เข้าสู้รบกับฝ่ายพลับเพลาหรือฝ่ายลิง สำหรับโขนยักษ์ต้องมีร่างกายที่สูงใหญ่ ท่าทางแข็งแรง การเข้าร่วมงานในครั้งนี้เป็นงานแสดงโขนที่ภาคภูมิใจที่ได้รับโอกาสจากทางคณะคัดเลือกให้เป็นนักแสดงในครั้งนี้ ได้รับมุมมองและประสบการณ์ด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษาวัฒนธรรมของไทยที่มีมาช้านาน ทุกครั้งที่ขึ้นแสดงรู้สึกว่าตนเองได้ถ่ายทอดศิลปวัฒนธรรมให้แก่สายตาประชาชนผู้รับชมได้เห็นคุณค่าในศิลปวัฒนธรรม นางสาวอทิตา แซจอหอ นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ สาขาวิชานาฏศิลป์ไทย คณะศิลปกรรมศาสตร์ ผู้รับบทเป็นนารายณ์ที่แปลงร่างเป็นผู้หญิงมาทำให้นนทุกหลง การรับบทนี้ต้องมีท่าทางที่สง่าและอ่อนช้อย รู้สึกภูมิใจที่ได้เข้าร่วมงานการแสดงครั้งนี้ ภูมิใจมากที่อาจารย์ให้รับบทนี้ เนื่องจากเป็นการแสดงโขนที่รับบทเด่น ทุกครั้งที่แสดง ไม่ว่าจะเป็นการแสดงอื่น ๆ ตนเองรู้สึกภูมิใจ เนื่องจากตนเองเรียนวิทยาลัยนาฏศิลป์มาตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษาชั้นปีที่ ๑ ศิลปะและวัฒนธรรมไทยอาจจะเลือนหายไปจากสังคมไทย ถ้าคนรุ่นหลังไม่ให้ความสนใจและอนุรักษ์ไว้ เช่นเดียวกับการแสดงโขนซึ่งทุกวันนี้หาชมได้ยาก เนื่องจากเป็นการแสดงที่ต้องใช้นักแสดงที่ได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างมาก.ภาพและข้อมูลจากเวบ thaipost.net news.rmutt.ac.th นิทรรศการศิลปกรรม "สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๗ กระทรวงวัฒนธรรมเชิญชม นิทรรศการศิลปกรรม สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติ แห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๗ ซึ่งจัดแสดงระหว่างวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๙ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน โดยพิธีเปิดนิทรรศการมีขึ้นในวันจันทร์ที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๙.oo น ที่ผ่านมา โดย ศาสตราจารย์ ดร. อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดนิทรรศการ พร้อมด้วยนายเขมชาติ เทพไชย ผู้อานวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย อาจารย์สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ นายกสมาคมศิลปินทัศนศิลป์โดยมีศิลปินนานาชาติ และศิลปินไทยจำนวนกว่า ๒oo คน ร่ามจัดแสดงผลงานทั้งหมดกว่า ๔oo ชิ้น ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวว่า สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทยจัดนิทรรศการนี้ขึ้นเพื่อช่วยเหลือสมาชิกศิลปินในด้านต่าง ๆ อาทิ การดำรงชีพ การรักษาพยาบาล ทุนการศึกษาและอื่น ๆ ตามความเหมาะสม และเผยแพร่ความรู้ทางด้านศิลปะ ด้วยการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เช่น ประชุมสัมมนา การจัดแสดงผลงานศิลปะ รวมถึงจัดกิจกรรมเพื่อสังคมและสาธารณประโยชน์ และเชิดชูเกียรติประวัติและผลงานของศิลปิน อีกทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความเข้าใจและความสัมพันธ์อันดีระหว่างศิลปินไทยและนานาชาติ สำหรับการจัดนิทรรศการแสดงผลงานศิลปกรรมประจำปี ๒๕๕๗ ทางสมาคมฯ เปิดโอกาสและพื้นที่ให้กับศิลปิน สมาชิกได้นาเสนอผลงานชิ้นใหม่ ๆ ที่แสดงถึงความคิดสร้างสรรค์ การพัฒนาทางด้านเทคนิค เพื่อต่อยอดวิวัฒนาการของศิลปกรรมไทย ให้มีความเจริญก้าวหน้าทัดเทียมอารยประเทศ ผลงานศิลปกรรมเป็นสื่อ สำคัญในการแสดงความคิด ความรู้สึก เป็นสิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ตลอดจนวัฒนธรรมของคนในชาติ สามารถเชื่อมประสาน ความเข้าใจ ความรัก ระหว่างชนชาติต่าง ๆ อย่างไร้พรมแดน ภาษาภาพหรือภาษาทางทัศนศิลป์มีผลานุภาพและผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ต่อมนุษย์ชาติ กิจกรรม นิทรรศการศิลปะจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะเผยแพร่ให้เห็นศักยภาพทางศิลปินไทย และแสดงให้เห็นถึงอารยธรมของชาติ เป็นความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะ ที่เกิดจากทางทุนทางวัฒนธรรม ซึ่งผลงานที่่สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งศิลปินไทยที่มีความสามารถและมีความเข้มแข็ง ทั้งนี้ กระทรวงวัฒนธรรมยินดีที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่ เพื่อให้งานศิลปะได้เจริญรุ่งเรืองต่อไป ด้านอาจารย์สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ นายกสมาคมศิลปินทัศนศิลป์ กล่าวว่า งานศิลปะทางด้านทัศนศิลป์ เป็นงานศิลปะที่มีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบ ๒ มิติ ๓ มิติ หรือแม้แต่การปั้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ศิลปินแต่ละท่านจะมีแนวคิดและการถ่ายทอดผลงานทางศิลปะแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเชื่อ ศาสนา และวัฒนธรรม รวมถึงการดำรงชีวิตของศิลปินแต่ละท่าน หากเรามองภาพแต่ละภาพก็จะสะท้อนความเชื่อและวัฒนธรรมของศิลปินเจ้าของผลงานออกมา เช่น ศิลปินแต่ละภาค แต่ละประเทศ จะสะท้อนวัฒนธรรมของตนเองออกมาทางผลงาน สุดท้ายนี้อาจารย์สมศักดิ์ ยังฝากถึงสื่อมวลชนให้ช่วยประชาสัมพันธ์การจัดนิทรรศการศิลปกรรม สมาคมศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๕ เพื่อให้ประชาชนที่สนใจได้ชมการแสดงศิลปะจากศิลปินทัศนศิลป์นานาชาติอันทรงคุณค่าในครั้งนี้ภาพและข้อมูลจากเวบ thanonline.com เฟซบุคสมาคมศิลปินทัศนศิลป์แห่งประเทศไทย อพวช. เปิดประสบการณ์แสนสนุก...ยุคน้ำแข็ง อพวช.จัด นิทรรศการ ICE AGE: The Exhibition เปิดประสบการณ์แสนสนุก ยุคน้ำแข็ง หวังเปิดมุมมอง สะท้อนถึงสถานการณ์และภัยพิบัติที่เกิดขึ้นกับโลกใบนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจ และเตรียมพร้อมรับมือและปรับตัว ทั้งเป็นทางเลือกใหม่ในการใช้เวลาพักผ่อนอย่างมีคุณภาพของครอบครัว ตั้งแต่วันนี้ จนถึง ๑๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ คลองห้า ปทุมธานี สาคร ชนะไพฑูรย์ รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ กล่าวว่า องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) มีภารกิจหลักในการสร้างความรู้ ความเข้าใจด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีให้แก่เยาวชนและประชาชนทั่วไป โดยการจัดแสดงนิทรรศการและจัดกิจกรรม เพื่อพัฒนาส่งเสริมการเรียนรู้ในรูปแบบต่าง ๆ กระตุ้นและส่งเสริมสังคมไทย ให้สนใจและเห็นความสำคัญของวิทยาศาสตร์ที่ มีต่อการพัฒนาประเทศอีกทั้งปลูกฝังให้เยาวชนมีทัศนคติที่ดีต่อวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี ที่ผ่านมา อพวช. ได้พัฒนา ปรับปรุงรูปแบบการจัดแสดง นิทรรศการมาโดยตลอด โดยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย ผสมผสานกับเรื่องราวสถานการณ์ในปัจจุบัน เพื่อให้ความรู้แก่ผู้เข้าชม มีทั้งการจัดแสดงนิทรรศการถาวร และนิทรรศการหมุนเวียน โดยจะมีนิทรรศการจากต่างประเทศมาจัดแสดงเป็นประจำทุกปี และครั้งนี้ได้นำนิทรรศการ ICE AGE: The Exhibition เปิดประสบการณ์ แสนสนุก ยุคน้ำแข็ง มาจัดอย่างเต็มรูปแบบ ที่พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ อพวช. คลองห้า ปทุมธานี เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เรื่องราว ในอดีต วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตและการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของโลกนับตั้งแต่ยุคเริ่มแรก จนมาถึงการเกิด ยุคน้ำแข็ง แสดงให้เห็นถึงลักษณะสภาพแวดล้อมของยุคน้ำแข็ง ผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ที่ต้องมีการปรับตัว เพื่อการอยู่รอด ภายในนิทรรศการ ประกอบไปด้วย ๕ โซนที่ ส้าคัญ ได้แก่ โซนที่ 1 เปิดกล่องความทรงจำโลก อ่านอดีต ผ่านปัจจุบัน ด้วยเทคโนโลยีอนาคต โซนที่ ๒ การเปลี่ยนแปลงธรณีสัณฐาน โซนที่ ๓ วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิต โซนที่ ๔ แมมมอธ และโซนที่ ๕ กิจกรรมเสริมสร้างจินตนาการ เพื่อกระตุ้นจินตนาการของผู้เข้าชม นิทรรศการเปิดให้ชมตั้งแต่วันนี้ถึง ๑๑ ธันวาคมนี้ โดยเปิดให้เข้าชมฟรี ทุกวันอังคาร-วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา ๙.๓o-๑๖.oo น. และทุกวันเสาร์-วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๙.๓o-๑๗.oo น. ปิดบริการเฉพาะวันจันทร์ภาพและข้อมูลจากเวบ naewna.com ไปหัวหิน ไปโรงเรียน กษิต ภิรมย์ เมื่อพูดถึงหัวหิน สองเรื่องแรกที่ลอยขึ้นมาในใจหลาย ๆ คนก็คือ พระราชวังไกลกังวล และชายหาดทะเลที่สวยงาม และหากมีเวลาไม่รีบร้อนระหว่างเดินทางไปหัวหิน หลายๆท่านก็มักจะแวะทานอาหารกลางวันอร่อย ๆ กันแถวราชบุรี มหาชัย หรือตามเส้นทางลัดผ่านนาเกลือของสมุทรสงคราม ตอนบ่ายก็อาจแวะชมความงามของเขาวัง (พระราชวังพระนครคีรี) กับพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่เพชรบุรี หรือแวะวัดที่มีอยู่มากมายระหว่างทาง เพื่อทำบุญทำทานกัน เมื่อมาถึงหัวหินหรือบริเวณใกล้เคียง เช่น ชะอำ และปราณบุรี เรื่องหลักก็คือ หาอาหารดี ๆ เอร็ดอร่อยรับประทานกัน แล้วก็ลงทะเล ตกดึกไปเดินตลาดโต้รุ่ง รุ่งเช้าก็ทำบุญตักบาตร และหากไม่ทานอาหารโรงแรม ก็ไปเดินหาอาหารเช้าแถวตลาดหรือปรุงกันเองที่บ้านพักหรือคอนโดฯ พอสายหน่อย หัวหินก็มีสนามกอล์ฟดี ๆ ให้ประลองฝีมือกับเพื่อนฝูง ในขณะที่บางกลุ่มอาจจะเปิดวงไพ่ฉันมิตรเลี่ยงแดดร้อน บางท่านอาจจะเลือกอยู่เฉย ๆ นั่งอ่านหนังสือ ดูเด็กเล็กเล่นน้ำก็ได้ ส่วนผู้ที่ชื่นชอบกิจกรรม ก็สามารถตระเวนไปวัดวาอาราม แวะห้างสรรพสินค้า ไปสวนสนุก หรือร้าน outlet ที่เริ่มเป็นที่นิยมยิ่งขึ้น ที่สำคัญคนที่ชื่นชอบการดื่มเบียร์และรสชาติไส้กรอกเยอรมัน หัวหินก็มีคนเยอรมันมาตั้งโรงงานผลิตไส้กรอก และโรงเบียร์เล็ก ๆ ก็เป็นอีกบรรยากาศหนึ่งของที่นี่ ทั้งหมดที่กล่าวมานั้นเป็นเรื่องของการไปหัวหินเพื่อพักผ่อนเป็นหลัก และหาอะไรทำตามรสนิยมและความถนัดของแต่ละบุคคล แต่หัวหินนั้นยังมีเรื่องราวในมุมอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกมาก ซึ่งวันนี้ ผมเองอยากนำเสนอสถานที่หนึ่ง นั่นคือโรงเรียนภัทราวดี (หัวหิน) ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำกินนอน ที่เน้นสอนการแสดง ควบคู่ไปกับการเรียนการสอนวิชาสามัญทั่วไป ที่น่าทึ่ง น่าประทับใจกับสถานที่นี้ ก็เพราะวิสัยทัศน์ และความมุ่งมั่นของ คุณเล็ก (ภัทราวดี มีชูธน) เจ้าของโรงเรียน ที่มุ่งมั่นจะส่งเสริมการเรียนการสอนการแสดงศิลปะร้องรำทำเพลง เล่นดนตรี ให้กับเยาวชนไทย รวมทั้งถ่ายทอดความเข้าอกเข้าใจในสาระเนื้อหาของศิลปะไทย และศิลปะร่วมสมัย (สากล) ที่สามารถนำมาผสมผสานกันได้ และไม่ใช่แค่เนื้อหาและการเล่าเรียนของที่นี่เท่านั้นที่โดดเด่น เมื่อเข้ามาสัมผัสกับบริเวณสถานที่ ก็ถือว่าจัดได้สวยงามเป็นสัดเป็นส่วน ระหว่างที่เรียน ที่พัก ที่ฝึกซ้อมการแสดง และที่สำคัญคือ ประโยชน์ใช้สอยของแต่ละตึกอาคารที่ทันสมัยนั้น ได้ถูกออกแบบให้ใช้การได้ดีเหมาะสมกับจุดประสงค์ (functional) แล้วยังอยู่ภายใต้แนวคิดที่สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม สภาพภูมิอากาศที่อยู่ระหว่างภูเขากับทะเล (ecological friendly) อย่างลงตัว นั่นคือ โปร่ง ลมและแสงแดด เข้า-ออกได้สะดวก ยังผลให้ประหยัดพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน เล่ากันมาถึงตรงนี้ก็คงทำให้ท่านเห็นภาพได้ไม่ถึงครึ่งของสถานที่จริงเป็นแน่ และอาจจะด้วยอรรถาธิบายไม่เก่งนัก ผมจึงอยากขอเชิญชวนทุกท่านไปเยี่ยมชมโรงเรียนภัทราวดีกันด้วยตนเอง แล้วท่านจะได้พบความน่าประทับใจของคุณครูเล็ก ในฐานะครู ผู้เป็นจักรกลขับเคลื่อนอันสำคัญยิ่งของวงการการเรียนการสอนและการแสดงของไทย โดยเฉพาะที่สามารถผสมผสานกลมกลืนศิลปะไทยและเทศ ให้เข้าได้อย่างเหมาะสมงดงาม และเหนือสิ่งอื่นใดสำหรับการเป็นโรงเรียน เนื้อหาการเรียนการสอนวิชาสามัญของที่นี่ก็แน่น รวมทั้งเน้นการฝึกให้เด็กได้คิด ได้ริเริ่ม และรับผิดชอบต่อตนและส่วนรวม เป็นคนที่อยู่ร่วมกับสังคม และช่วยให้สังคมเข้มแข็งและเจริญก้าวหน้าได้ ไม่ใช่โตไปเป็นแค่ผู้ที่มีความรู้ มีความเก่งกาจ แต่ขาดความเป็นมนุษย์ ไม่รู้จักการเสียสละ หรือการนำพาสังคม จากสิ่งต่างๆ ที่คุณภัทราวดีได้กระทำให้กับประเทศไทยจนมาถึงการสร้างโรงเรียนแห่งนี้ ถือได้ว่าครูเล็กนั้นเป็นของแท้ เป็นปูชนียบุคคล เป็นศิลปินระดับชาติ ระดับสากลอย่างแท้จริง ผมจึงขออนุญาตใช้พื้นที่ในบทความนี้แสดงความเคารพยกย่องถึงคุณครูด้วยครับ ยังไงก็อย่าลืมแวะไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนภัทราวดีกันดูนะครับ รับรองว่าท่านจะได้อะไรกลับไปไม่มากก็น้อย โดยเฉพาะท่านที่คิดจะส่งลูกหลานให้ไปฝึกเป็นมนุษย์คุณภาพของสังคมไทย โรงเรียนตั้งอยู่ตรงทางโค้งยกระดับจากปลายหัวหินไปสวนสน ปราณบุรี เลยจากซอยหัวหิน ๑๑๒ ไปทางขวาไม่ไกล เมื่อแวะไปแล้ว ท่านอาจอยากจะส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่บ้าง ก็เป็นได้นะครับภาพและข้อมูลจากเวบ naewna.com รร.ภัทราวดี หัวหิน กระทู้ Art Camp @ วิกหัวหิน จริยา จุนประทีปทอง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์การฝีมือ บริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด ร้อยเรียง เคียงศิลป์ ครั้งที่ ๒๑ ห้างสรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง ผู้นำตลอดกาลทางด้านงานฝีมือที่ช่วยสร้างอาชีพให้คนไทยมาอย่างยาวนาน จัดงาน ร้อยเรียง เคียงศิลป์ ครั้งที่ ๒๑ ต้อนรับลมหนาวกับไฮไลต์งานฝีมือเทคนิค อัฟกันโครเชต์ สุดยอดงานฝีมือเก่าแก่จากยุโรป ผสมผสานเทคนิคโครเชต์ นิตติ้ง และครอสติชมารวมกันไว้เป็นหนึ่งเดียว นางจริยา จุนประทีปทอง ผู้อำนวยการฝ่ายผลิตภัณฑ์การฝีมือ บริษัท สรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง จำกัด กล่าวว่า ห้างสรรพสินค้า ตั้งฮั่วเส็ง ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าที่อยู่คู่เมืองไทยมายาวนานกว่า ๕o ปี ได้มีการจัดงาน ร้อยเรียงเคียงศิลป์ อย่างต่อเนื่องมาแล้วกว่า ๒o ปี เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เกิดการสร้างอาชีพแก่กลุ่มลูกค้าของห้างฯ และยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้เกิดการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคม จึงเปิดให้มีการสอนเทคนิคต่าง ๆ ฟรีตลอดงาน สำหรับการจัดงานในปีนี้ถือเป็นครั้งที่ ๒๑ มีการนำเสนอเทคนิคงานฝีมือ อัฟกัน โครเชต์ เพื่อต้อนรับลมหนาวที่จะมาถึง โดยจุดเด่นของเทคนิคนี้มีต้นกำเนิดมาจากต่างประเทศแถบยุโรปและขยายความนิยมมายังประเทศไทย เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น เป็นต้น โดยมีชื่อเรียกมากมาย เช่น Tunisian Crochet, Afghan Stitch, Tricot Crochet, Shepherd's Knitting ,Hook Knitting, Railroad Knitting ส่วนในประเทศไทยจะรู้จักกันทั่วไปว่า อัฟกัน โครเชต์ อัฟกัน โครเชต์ เป็นโครเชต์ชนิดหนึ่งซึ่งในหนึ่งแถวงานจะประกอบด้วยสองส่วนคือ การเกี่ยวไหมใส่เข็มจนได้เป็นห่วง เมื่อได้ความยาวตามต้องการถักกลับด้วยการปลดห่วงจนจบแถวจะได้เป็นหนึ่งแถว ถือเป็นงานที่ผสมผสานทั้งโครเชต์, นิตติ้ง และครอสติช กล่าวคือมีหัวเข็มเหมือนโครเชต์แต่มีขนาดใหญ่กว่า มีความยาวเหมือนไม้นิตและสามารถปักลายได้เหมือนครอสติช งานอัฟกันแบ่งได้เป็น ๒ ประเภทคือ อัฟกันสติช (afghan stitch) ใช้ลายอัฟกันนิต ปลดห่วงเป็นหลักเมื่อได้ชิ้นงานตามต้องการแล้วนำมาปักลายแบบครอสติช และ อัฟกัน โครเชต์ (afghan crochet) ถักสลับลายสลับสีเหมือนการถักโครเชต์ งานอัฟกันจึงสามารถทำเป็น ผ้าพันคอ, เสื้อ, กางเกง, กระเป๋า และเป็นชิ้นงานได้ทุกรูปแบบในสไตล์อัฟกัน นางจริยา กล่าวด้วยว่า ภายในงานยังมีงานฝีมือและงานศิลปะอื่น ๆ อีกมากมาย ทั้งที่เป็นงานศิลปหัตถกรรมเก่าแก่ของไทยและงานฝีมือเทคนิคจากต่างประเทศอีกมากมาย รวมแล้วกว่า ๕o รายการ ซึ่งทั้งหมดนี้ผู้เข้าร่วมงานสามารถเรียนได้ฟรี โดยผู้เรียนสามารถนำความรู้ที่ได้รับจากการทำงานฝีมือไปใช้ในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้ รวมถึงการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์อีกด้วย พร้อมทั้งได้เชิญสุดยอดทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Yagi & Hamanaka ของประเทศญี่ปุ่น นำโดย Mrs. Kazuyo Takahashi มาสอนการถักโครเชต์และนิตติ้งให้ผู้สนใจ นางจริยา กล่าวเสริมว่า ภายในงานยังมีการจัด โครงการถักทอด้วยใจ ให้น้องได้ไออุ่น ซึ่งเป็นการจัดเป็นครั้งที่ ๓ โดยเป็นการให้ลูกค้ามีส่วนร่วมในการทำความดีร่วมกัน โดยร่วมถักหมวก ผ้าพันคอ ถุงมือ ถุงเท้า เพื่อส่งมอบสิ่งเหล่านี้ต่อไปยังเด็กผู้ยากไร้ที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีอากาศหนาวเย็นทางตอนเหนือของประเทศไทย โดยในปีนี้ได้ขยายกลุ่มไปถึงการถวายพระภิกษุสงฆ์และมอบแก่คนชราด้วย โดยผู้สนใจสามารถถักมาจากบ้าน หรือจะมาร่วมถักที่งานก็ได้ นอกจากนี้ ห้างฯ ยังจะนำไหมพรมที่ใช้เพื่องานนี้มาจำหน่ายในราคาพิเศษสุด พร้อมทั้งแจกฟรีแผ่นลายถักและช่วยแนะนำวิธีการถักให้แก่ลูกค้าที่สนใจภายในงานอีกด้วย ลูกค้าและผู้ที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานและสมัครเรียนทุกรายการฟรีในงาน ร้อยเรียง เคียงศิลป์ ครั้งที่ ๒๑ ณ Event Square ชั้น ๕ ห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง ธนบุรี ระหว่างวันที่ ๑๖-๒๖ ตุลาคม ๒๕๕๗ ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ โทร. o๒-๕๓๕-o๔๔๘ ต่อ ๘๗๑๑, ๘๗๗๗, ๘๗๑๙ หรือ tanghuaseng.com , เฟซบุคตั้งฮั่วเส็ง ภาพและข้อมูลจากเวบ manager.co.th Time : Gallery's Printing and drawing collection TIME คือนิทรรศการที่รวบรวมผลงานศิลปะสะสมของนำทองแกลเลอรีซึ่งจัดแสดงขึ้นในโอกาสที่แกลเลอรีดำเนินกิจการก้าวเข้าสู่ปีที่ ๑๘ ผลงานที่ถูกนำมาจัดแสดงนั้น เป็นผลงานประเภทภาพพิมพ์ (printing) และภาพลายเส้น (drawing)ของศิลปินที่มีชื่อเสียงรวมไปถึงการเปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นใหม่ได้ออกฝีไม้ลายมือกันในนิทรรศการชุดนี้ ชื่อของนิทรรศการครั้งนี้ Time มีความหมายและเงื่อนไขเกี่ยวกับเวลา ซึ่งในมุมมองของนำทอง แซ่ตั้ง งานภาพพิมพ์เปรียบเสมือนเครื่องมือบันทึกชนิดหนึ่ง ที่สะท้อนจังหวะ เวลา สภาพสถานการณ์ อารมณ์ความรู้สึกและเหตุการณ์ของห้วงเวลานั้น ๆ ในขณะที่ผลงานภาพลายเส้นเองก็เป็นเครื่องมืออีกอย่างหนึ่งที่ศิลปินใช้บันทึกเรื่องราวต่าง ๆ เช่นกัน หากแต่ เส้น ที่ไม่ได้เป็นแค่เพียงหนึ่งในทัศนธาตุขององค์ประกอบศิลป์ที่สามารถสัมผัสได้ด้วยตาแต่ เส้น แต่ละเส้นที่ศิลปินสร้างขึ้นถูกกลั่นกรองหลอมรวมมาจากประสบการณ์ของศิลปิน ซึ่งเป็นการบอกถึงห้วงเวลาของเหตุการณ์รวมถึงสะท้อนอารมณ์ความรู้สึกของศิลปินที่มีต่อช่วงเวลานั้นได้เป็นอย่างดี ผลงานสะสมในนิทรรศการดังกล่าวยังเป็นเหมือนภาพสะท้อนชีวิตและตัวตนของนำทอง แซ่ตั้งผู้ที่ดำเนินชีวิตคลุกคลีอยู่กับเส้นทางศิลปะมากว่า ๔o ปี พร้อมกันนี้ยังมีผลงานของศิลปินรับเชิญอย่าง นิติ วัตตุยา สมบูรณ์ หอมเทียนทอง คามิน เลิศชัยประเสริฐ นที อุตฤทธิ์ ไกรศักดิ์ จิรชัยสกุล กัญญา เจริญศุภกุล จิรัชยา พริบไหวและขวัญชัย ลิไชยกุล มาร่วมแสดงและถ่ายทอดห้วงเวลาด้วยผลงานภาพพิมพ์และลายเส้นในนิทรรศการดังกล่าวด้วย... Time : Gallerys Printing and Drawing Collection ๒๕ ตุลาคม ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ พิธีเปิดในวันเสาร์ที่ ๒๕ ตุลาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น. สถานที่ นำทองแกลเลอรีภาพและข้อมูลจากเวบ เฟซบุคนำทองแกลเลอรี The devil is in the detail นิทรรศการ The Devil is in the Detail รายละเอียดซ่อนคุณภาพ นำเสนอเนื้อหาหลักเกี่ยวกับการสร้างคุณภาพให้ผลิตภัณฑ์ (Value upgrade) และการรักษามาตรฐานที่ดีในการผลิตซึ่งเป็นส่วนสำคัญในสร้างธุรกิจสร้างสรรค์ ทั้งนี้ มาตรฐานที่ดีย่อมเคียงคู่กับคุณภาพในการผลิต เริ่มตั้งแต่การคิดงาน การออกแบบ วัสดุ กระบวนการผลิต ทั้งที่สานต่อจากทักษะฝีมือภูมิปัญญาจากคนรุ่นก่อนจนกลายเป็นความลับเฉพาะ และชำนาญการพิเศษ หรือการสร้างคุณภาพจากนวัตกรรมสมัยใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึง คุณค่าและมูลค่าที่แท้จริงของแต่ละแบรนด์สินค้า นิทรรศการแบ่งเป็น ๓ ส่วนหลัก ได้แก่ โซน A: บทนำ โซน B: แนะนำการผลิต โดยยกกรณีศึกษาต่าง ๆ เพื่อให้เห็นกระบวนการตั้งแต่ Pre-Production, Production และ Post-Production โซน C: ขยาย เรื่องเล็ก ๆ ในมุมลึกเพื่อให้มองเห็นรายละเอียดที่ประณีตและใส่ใจมากขึ้น โดยผลงานจาก ๘ นักออกแบบแฟชั่นซึ่งสื่อสารให้เห็นภาพชัดเจนด้านการผลิตผลงาน และมีความโดดเด่นพิเศษเฉพาะตัวในประเด็นต่าง ๆ ขอเชิญผู้ที่สนใจ สัมผัสรายละเอียดอันลึกซึ้งที่ซ่อนไว้ในความสำเร็จของแบรนด์ชั้นนำทั่วโลกได้ในนิทรรศการ The Devil is in the Detail รายละเอียดซ่อนคุณภาพ ตั้งแต่วันนี้ ๑๔ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑o.๓o ๒๑.oo น. (ปิดทุกวันจันทร์) ณ ห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบ (TCDC) ชั้น ๖ ดิ เอ็มโพเรียม ช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ เข้าชมฟรี สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เคาน์เตอร์ Info Guru หรือ โทร. o๒-๖๖๔-๘๔๔๘ ต่อ ๒๑๕, ๒๑๖ หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่ tcdc.or.th ภาพและข้อมูลจากเวบ marketeer.co.th The Jungle of Form,Colour and Tempo ชุดผลงานจิตรกรรมในนิทรรศการ The Jungle of Form, Colour and Tempo มีทั้งความน่าตื่นเต้นและน่าสนุกสนาน จากการผสมผสานและเผชิญหน้าระหว่างแนวงานแบบโพสต์อิมเพรสชั่นนิสม์กับแนวงานแบบป๊อปอาร์ต โดยศิลปินหนุ่ม คณากร คชาชีวะ ผลงานชุดดังกล่าวนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของรูปทรงและรูปแบบที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีของรูปแบบของอดีตทับซ้อนอยู่บนความเป็นสมัยนิยม คณากรแตกต่างจากศิลปินร่วมสมัยจำนวนมากที่มุ่งเน้นที่จะค้นหาคุณภาพของแนวคิดในศิลปะ หากแต่เขายังคงมุ่งเน้นที่รูปทรง รูปแบบ สีสัน และคุณภาพทางสุนทรียะของงานจิตรกรรมที่มีเรื่องราวจากการสร้างองค์ประกอบของคน สัตว์ วิวทิวทัศน์และความเขียวชอุ่มของใบไม้ที่ถูกจัดวางผ่านลายเส้นที่มีทั้งเส้นตรงและเส้นโค้ง ด้วยเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ผลงานจิตรกรรมของคณากรมีความตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ และปราศจากประเด็นหรือเนื้อหาทางการเมืองมาหนุนนำความเข้มข้นของผลงาน ขอเชิญทุกท่านร่วมพิธีเปิดนิทรรศการในวันเสาร์ที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น. ณ แกลเลอรีชั้น ๔ หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BUG) วิทยาเขตกล้วยน้ำไท นิทรรศการ : The Jungle of Form, Colour and Tempo ศิลปิน : คณากร คชาชีวะ วันที่ : ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ๑๗ มกราคม ๒๕๕๘ ณ แกลเลอรีชั้น ๔ หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BUG) สถานที่ : ณ แกลเลอรีชั้น ๔ หอศิลปมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (BUG) วิทยาเขตกล้วยน้ำไท สอบถามรายละเอียดที่ : o๒-๓๕o-๓๖๒๖ อีเมล : bugallery@bu.ac.thภาพและข้อมูลจากเวบ artbangkok.com ใจ กาย นิทรรศการงานศิลปะที่แฝงคติสอนใจ ผลงานของเกียรติศักดิ์ ศิริผลา หลายภาพที่เห็นแล้วอดใจไม่ได้ที่จะต้องหยุดมองเพื่อค้นหาความหมาย นิทรรศการ : ใจ กาย ศิลปิน : เกียรติศักดิ์ ศิริผลา วันที่ : ๓-๓๑ ตุลาคม ๒๕๕๗ สถานที่ : Moon Seeker Gallery (ทองหล่อ ๒o) รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒--๗๑๑-๗๔๙๙ อีเมล : moonseekergroup@gmail.comภาพและข้อมูลจากเวบ artbangkok.com Kid's Fun เดอะพิคเจอร์แกลเลอรี ชวนชมนิทรรศการ KID'S FUN : คิดฝัน โดยศิลปินตัวน้อย ๆ จากเดอะพิคเจอร์แกลเลอรี จัดแสดงผลงานศิลปะของเด็ก ๆ ที่เข้าอบรมหลักสูตรการสอนศิลปะเด็กที่เดอะพิคเจอร์แกลเลอรี นำเสนอและบอกเล่าเรื่องราวผ่านการทำงานศิลปะ เรื่องราวของจินตนาการและความฝันของพวกเขา เผยแพร่ผลงานออกสู่สาธารณชน เพื่อให้เด็ก ๆ ได้มีประสบการณ์และเรียนรู้ในกระบวนการทำงานศิลปะ เปิดให้ชมทุกวันเว้นวันจันทร์ เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น. โทร o๒-๖๒-๘๓๕๙ เวบไซต์ thepikturegallery.com ภาพและข้อมูลจากเวบ thepikturegallery.com บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_HavaiiFree TextEditor
Create Date : 07 ตุลาคม 2557
Last Update : 7 ตุลาคม 2557 10:55:58 น.
0 comments
Counter : 4006 Pageviews.