happy memories
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 ธันวาคม 2557
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๖๙





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี














ตามรอยพ่อ...วิถีพอเพียง


เป็นอีกหนึ่งโอกาสที่ดีสำหรับผู้ต้องการศึกษาและชื่นชมพระอัจฉริยภาพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับ 'โครงการพระราชดำริ' เมื่อปีนี้ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ร่วมกับ สำนักงาน กปร. จัดงาน 'พาราไดซ์ พาร์ค สดุดีเทิดไท้องค์ราชัน ตามรอยพ่อ...วิถีพอเพียง'


งานนี้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๘๗ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยจัดแสดงนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ โครงการอันเนื่องจากพระราชดำริในด้านต่าง ๆ






บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค ขอร่วมสดุดีเทิดไท้องค์ราชันภายใต้หัวข้อ ตามรอยพ่อ...วิถีพอเพียง โดยร่วมกับ สำนักงาน กปร. นำ 'โครงการพระราชดำริในวิถีพอเพียง' มาจัดนิทรรศการเพื่อเผยแพร่สู่สาธารณชนให้ได้รับทราบถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ท่านในด้านต่าง ๆ เพราะเป็นที่ประจักษ์แล้วว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมีส่วนสำคัญที่เข้าไปเสริมแผนงานโครงการต่าง ๆ ตามนโยบายของรัฐบาล ผลของโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินอกจากจะทำให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแล้ว ยังก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงเป็นส่วนรวมด้วย อารยา จิตตโรภาส ผู้บริหาร บริษัท พาราไดซ์ พาร์ค จำกัด กล่าว






นอกจากนี้ สำนักงาน กปร. ยังได้นำ 'ผลิตภัณฑ์' ของ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอันเนื่องจากพระราชดำริ จำนวน ๖ แห่ง ซึ่งล้วนสวยงาม ฝีมือประณีต มีประโยชน์ และคุณค่าทางจิตใจ มาจำหน่ายให้เลือกซื้อเป็นของขวัญ สร้างความประทับใจในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้อีกด้วย






ศูนย์ศึกษาการพัฒนา เขาหินซ้อน อันเนื่องจากพระราชดำริ นำสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูป เช่น มะม่วงน้ำดอกไม้ และสมุนไพรว่านสาวหลง ฯลฯ โดยในปีนี้เน้นผลผลิตจากการเกษตร มาจำหน่ายเพื่อเอาใจคนรักสุขภาพ






ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องจากพระราชดำริ จำหน่าย ข้าวเกรียบ น้ำพริกหอยนางรม และน้ำมังคุค รวมทั้งของที่ระลึกและงานฝีมือจากชาวบ้านอีกมากมาย






ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยทราย อันเนื่องจากพระราชดำริ นำผลิตภัณฑ์หลากหลายชนิดมาจำหน่ายในราคาพิเศษ เช่น กระเป๋า หมวก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จากป่านศรนารายณ์






ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องจากพระราชดำริ จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากโครงการพัฒนาฯ ซึ่งเป็นผลงานของราษฎรชาวเขาและพื้นราบ เช่น ผ้าย้อมคราม วุ้นเส้น ลูกประคบ และเขากวางอ่อน เป็นต้น






ศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทอง อันเนื่องจากพระราชดำริ โดดเด่นด้วยผลิตภัณฑ์จากต้นกระจูด เช่น กล่องทิชชู กระเป๋า กระเช้าใส่ผลไม้ กล่องอเนกประสงค์ กระเป๋าปาหนัน และผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร จากภาคเหนือ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ อันเนื่องจากพระราชดำริ นำผลิตภัณฑ์จากเห็ดชนิดต่าง ๆ มาจำหน่าย นอกจากนี้ สำนักงาน กปร. ยังได้จัดการสาธิตการปลูกมะนาวนอกฤดูจาก หน่วยพัฒนาภูสิงห์ และนำ 'ส้มโอทับทิมสยาม' อันเลื่องชื่อจากปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช มาจำหน่ายอีกด้วย






ขอเชิญร่วมเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสนับสนุนสินค้าในโครงการพระราชดำริ ได้ระหว่างวันที่ ๓ - ๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ รอยัล พาร์ค พลาซ่า ชั้น ๑ ศูนย์การค้าพาราไดซ์ พาร์ค ถนนศรีนครินทร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. o๒-๗๘๗-๑ooo และ //www.paradisepark.co.th






สำนักงาน กปร. หรือ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เป็นหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นเนื่องจากรัฐบาลได้ตระหนักถึงพระราชกรณียกิจในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เกี่ยวกับการพัฒนาตามโครงการต่าง ๆ เป็นการพัฒนาเพื่อความกินดีอยู่ดี หรือพออยู่พอกิน ให้แก่ประชาชนในชนบทที่อยู่ห่างไกล-อยู่ในถิ่นทุรกันดารและยากจนอย่างแท้จริง











ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคกรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์














นิทรรศการศิลปะเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


เพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา ครบรอบ ๘๗ พรรษา ในวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ และในโอกาส “วันพ่อแห่งชาติ” นิทรรศการดังต่อไปนี้คือตัวอย่างของนิทรรศการศิลปะ ที่ถูกจัดขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติ “พ่อแห่งแผ่นดิน”






เพราะเรามีในหลวงองค์เดียวกัน



แสดงานของ ๙ ศิลปิน ได้แก่ วัฒนา พูลเจริญ,สุวิทย์ ใจป้อม,ดินหิน รักษ์พงศ์อโศก,ลาภ อำไพรัตน์,บรรจบ ปูธิปิน,ชิงชม อุดมเจริญกิจ,พรชัย สินน์ภัทร,เทอดศักดิ์ ไชยกาล และสุรัชต์ สดแสดงสุข


นิทรรศการ เพราะเรามีในหลวงองค์เดียวกัน (Our Beloved King) ระหว่างวันที่ ๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ - ๑๕ มกราคม พ.ศ. ๒๕๕๘ ณ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต โทร. o-๒๑๓๑-๑๑๑๑






Heart for The King



แสดงผลงานประติมากรรมกระดาษ ของ ศิลปินชาวเกาหลีใต้ "โฮ ยูน ชิน" นิทรรศการ Heart for The King ระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน - ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ อาร์ทเทอรี่ โพสต์ โมเดิร์น แกลเลอรี่ ถ.สีลม ซอย ๑๙






พ่อ ศิลป์แห่งแผ่นดิน ครั้งที่ ๓ แด่องค์พ่อ รัชกาลที่ ๙



แสดงผลงานของ ๓๙ ศิลปิน ที่ต้องการแสดงถ่ายทอดถึง ก้าวหนึ่งเพื่อพ่อ ก้าวสองสามัคคี และก้าวสามงามศิลป์


นิทรรศการ “พ่อ” ศิลป์แห่งแผ่นดิน ครั้งที่ ๓ แด่องค์พ่อ รัชกาลที่ ๙ วันที่ ๑ - ๑o ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ชั้น ๒ เอสพลานาดงามวงศ์วาน-แคราย






ฝนหลวง เพื่อพสกนิกรไทย



ประกอบไปด้วย ๔ กิจกรรมหลัก ได้แก่ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ “ฝนหลวง”, นิทรรศการ “กษัตริย์ ศิลป์ แผ่นดินสยาม”, มหกรรมวัฒนธรรมนานาชาติเฉลิมพระเกียรติ “รักพ่อ” และการแสดงดนตรีเฉลิมพระเกียรติ


นิทรรศการ “ฝนหลวง เพื่อพสกนิกรไทย” ระหว่างวันที่ ๓ - ๗ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน



จากดวงใจ ถวายพ่อหลวง ๘๗ พรรษา



รวบรวมผลงานอันเกี่ยวเนื่องกับพระบรมสาทิศลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผลงานของศิลปินไทยกว่า ๓o ท่าน อาทิ ประสงค์ ลือเมือง, ธนฤทธิ์ ทิพย์วารี, วัชระ กล้าค้าขาย, ชัชวาล รอดคลองตัน, สุวัฒน์ วรรณมณี, ธวัชชัย สมคง, อลงกรณ์ หล่อวัฒนา, แดง บัวแสน , ดินหิน รักพงษ์อโศก, เนติกร ชินโย, อุตสาห์ ไวยศรีแสง, สําราญ มณีรัตน์, มณฑล พิณลํายอง, วราวุฒิ โตอุรวงศ์, เกรียงไกร กุลพันธ์, วิษณุพงศ์ หนูนันท์, ดุษฎี รักษ์มณี, สมยศ คำแสง, สุวิทย์ ใจป้อม, ธนาเศรษฐ์ ศิรอภิวัลย์, ยุทธนา พงศ์ผาสุก, ชิงชัย อุดมเจริญกิจ, ธง อุดมผล, อัญชลี อารยะพงศ์พาณิชย์, วุฒิกร คงคา, จุมพล อุทโยภาศ, ชัยณรงค์ กองกลิ่น, มานิตย์ ศรีสุวรรณ, ทวีศักดิ์ อุชุคตานนท์, เจนวิทย์ ชัยศรี, นาวิน เบียดกลาง, อัษฎายุทธ อยู่เย็น และ ด.ญ. เพ้นท์ฟ้า ชาญชุติวาณิช ฯลฯ


นิทรรศการ “จากดวงใจ ถวายพ่อหลวง ๘๗ พรรษา” วันที่ ๙ - ๒๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ห้อง อีเว้นท์ฮอลล์ ๒ ชั้น ๓ อาคารศูนย์การค้า โอ.พี. เพลส ถ.เจริญกรุง ๓๖ โทร. o-๒๒๖๖-o๑๘๖ - ๙๕ หรือ o-๒๒๓๕-๘๘๖o






ธ สถิตในใจราษฏร์



นิทรรศการนี้จะบอกเล่าพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตั้งแต่ ทรงพระเยาว์ จนถึง ปัจจุบัน เน้นเรื่องข้อคิดดีๆ ในการดำเนินชีวิตที่เป็นตัวอย่างการใช้ชีวิตของทุกๆคนในชีวิตประจำวันได้ โดยนำข้อมูลมาจากสิ่งที่เขียนและแชร์โดยยกเรื่องที่รับรู้ชัดเจนโดยทั่วกันมาเป็นแนวทางการเดินเรื่องประกอบการจัด display ประกอบเป็นเรื่องราวใน time line นั้น


นิทรรศการ "ธ สถิตในใจราษฏร์" วันที่ ๓ - ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ เดอะแกรนด์ฮอลล์ ชั้น ๑ ศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้






พ่อหลวงของเรา



นิทรรศการศิลปกรรมเทิดพระเกียรติพระบทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 87 พรรรษา วันที่ ๔ - ๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ตึกไอที ชั้น ๒ ศูนย์การค้าอัศวรรณ ชอปปิ้ง คอมเพล็กช จ.หนองคาย






พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ ๙ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ”



อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ นำผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และพระพุทธรูป ตลอดจนเหรียญบูชาชุดสำคัญมาจัดแสดง ซึ่งงานศิลปกรรมแต่ละประเภทมีไฮไลท์ ที่จะจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ ได้แก่ จิตรกรรม ภาพ “ความเบิกบานแห่งรัชสมัย ร.๙” ภาพวาด สีอะครายลิคบนผ้าใบ ขนาดกว้าง ๒.๘o เมตร x สูง ๑.๗o เมตร และภาพ “พระเมตตาบารมี” ที่วาดขึ้นเพื่อนำมาให้ชมในนิทรรศการครั้งนี้โดยเฉพาะ


ด้านประติมากรรม จะจัดแสดง “พระพุทธเมตตาแห่งรัชกาลที่ ๙” พระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ความสูง ๓ เมตร เป็นงานพุทธศิลป์ชิ้นใหญ่ที่สุดและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ อ.เฉลิมชัย ซึ่งแตกต่างจากพระพุทธรูปในยุคสมัยอื่น ๆ โดยใช้เวลาในการสร้างกว่า ๓ ปี


สำหรับพระพุทธรูปและเหรียญบูชาต่าง ๆ ทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวะโลหะ ได้คัดสรรเฉพาะชุดสำคัญที่เป็นหมายเลข ๙ เท่านั้น


นิทรรศการ พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ ๙ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ” วันที่ ๕ - ๑๔ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น ๒ สยามพารากอน



พระบรมสาทิสลักษณ์ ภาพและข้อมูลจากเวบ
opthai.com
manager.co.th

เฟซบุคองค์กรเก็บขยะแผ่นดิน













Our Beloved King


คริสตอฟ เฌอโฟรค์, ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต ร่วมกับ ๙ จิตรกรที่มีชื่อเสียง ได้แก่ วัฒนา พูลเจริญ, สุวิทย์ ใจป้อม, ดินหิน รักพงษ์อโศก, ลาภ อำไพรัตน์, บรรจบ ปูธิปิน, ชิงชัย อุดมเจริญกิจ, พรชัย สินนท์ภัทร, เทอดศักดิ์ ไชยกาล และสุรัชต์ สดแสงสุก จัดพิธีเปิด นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว “เพราะเรามีในหลวงองค์เดียวกัน” (Our Beloved King) ณ บริเวณล็อบบี้ ของโรงแรมฯ นิทรรศการเฉลิมพระเกียรตินี้ จะจัดขึ้นตั้งแต่ วันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ – วันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๘


นิทรรศการ : เพราะเรามีในหลวงองค์เดียวกัน
ศิลปิน : วัฒนา พูลเจริญ, สุวิทย์ ใจป้อม, ดินหิน รักพงษ์อโศก, ลาภ อำไพรัตน์, บรรจบ ปูธิปิน, ชิงชัย อุดมเจริญกิจ, พรชัย สินนท์ภัทร, เทอดศักดิ์ ไชยกาล และสุรัชต์ สดแสงสุก
วันที่ : ๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ -๑๕ มกราคม ๒๕๕๘
สถานที่ : บริเวณล็อบบี้ โรงแรมโนโวเทล สุวรรณภูมิ แอร์พอร์ต
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อโทร : o๘๖-๕๖๕๖-o๗๑, o๒-๑๓๑-๑o๒๑
อีเมล : marcom@novotelairportbkk.com











ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














อยากปั้น “ในหลวง” ให้คนตาบอดได้สัมผัส


เป็นเวลา ๕ ปี แล้วที่ อ๊อบ - อัษฎาวุธ อยู่เย็น ศิษย์เก่าสาขาประติมากรรม คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เข้ารับราชการในตำแหน่งประติมากร ของ สำนักช่างสิบหมู่ และกลุ่มงานประติมากรรม กรมศิลปากร อ๊อบวัย ๒๘ ปี ผู้น่าจะมีอายุน้อยที่สุดในบรรดาประติมากรของกรมศิลปากรด้วยกัน บอกเหตุผลที่เลือกทำงานทางด้านนี้ว่า


“เพราะเป็นงานที่มีเกียรติ ได้ทำงานให้ประเทศชาติ ได้สร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่ฝากไว้ให้แผ่นดิน และต่อไปผลงานของเรา อย่างเช่นงานปั้นอนุสาวรีย์ คนปั้นเสียชีวิตไปแล้ว ๓ ชาติ แต่งานปั้นยังอยู่ เหมือนเช่นผลงานของอาจารย์ศิลป์ (ศ.ศิลป์ พีระศรี) ทุกวันนี้คนยังคงได้เห็นผลงานท่าน ทั้งที่คนทำเสียชีวิตไปตั้งนานแล้ว”






นอกจากทำงานที่ได้รับมอบหมาย อ๊อบยังใช้เวลาส่วนหนึ่งในช่วงพักเที่ยงและหลังเลิกงานของทุกวันไปกับการทำงานศิลปะส่วนตัว โดยเฉพาะการใช้ดินน้ำมัน ปั้นรูปปั้น “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว”


จากที่ก่อนหน้านี้ ทั้งในช่วงที่ยังเป็นนักศึกษา และหลังจากที่เรียนจบมาระยะหนึ่ง ผลงานศิลปะของเขา ส่วนใหญ่จะเป็นการนำเศษไม้และเศษเหล็ก สร้างสรรค์เป็นงานประติมากรรมในแนวร่วมสมัย แต่หลังจากที่ค่ำคืนหนึ่ง ซึ่งเป็นช่วงเวลาแรก ๆ ที่เขาเดินทางมาอยู่กรุงเทพฯ ได้หลับและฝันไปว่า... “ในหลวงทรงโบกพระหัตถ์ พร้อมกับยื่นนมให้ดื่ม”


นับแต่นั้นมา อ๊อบจึงค่อยๆหันหลังให้กับเศษไม้และเศษเหล็ก แล้วเปลี่ยนมาหยิบดินน้ำมันปั้นแต่รูปปั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


“มีความรู้สึกอยากจะปั้นแต่ในหลวง เพราะยิ่งปั้นยิ่งมีความสุข และยิ่งได้สัมผัสแต่สิ่งดีงามในขณะที่ปั้น ทั้งในเรื่องคุณงามความดีที่ในหลวงทรงทำให้ประชาชนของพระองค์ และพระบุคลิกลักษณะของมหาบุรุษถ้าเราสังเกต เวลาดูพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวง พระองค์ท่านจะไม่ค่อยแย้มพระสรวล แต่การเคลื่อนไหวของโหนกพระปรางค์ บริเวณใต้พระเนตร และพระเนตร ทำให้ผู้พบเห็นรู้สึกว่า ทรงเป็นผู้ที่มีความเมตตาสูง และลักษณะการเม้มของพระโอษฐ์ ทำให้รู้สึกว่า เป็นผู้ที่หนักแน่น เอาจริงเอาจัง”










“ดังนั้นในอีก 20 ปีข้างหน้า ตัวผมเองก็จะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นกว่านี้ จึงฝันไว้ว่า อยากเป็นผู้ทำหน้าที่ดูแลเรื่องการสร้างอนุสาวรีย์ในประเทศไทย”


ข้าราชการหนุ่มผู้ปรารถนาทำงานให้กับกรมศิลปากรไปจนกระทั่งเกษียณอายุราชการบอกถึงปณิธานอันแน่วแน่ ปัจจุบัน รูปปั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่อ๊อบปั้นสะสมไว้ มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เจ้าตัวบอกเล่าว่า เวลาที่มีเงินกจะนำบางชิ้นไปหล่อบรอนซ์เก็บไว้เพื่อรอโอกาสแสดง


ที่ผ่านมา ใน “วันพ่อ” ๕ ธันวาคม ของทุกปี เขาจะนำผลงานบางชิ้นที่ปั้นขึ้นระหว่างปีออกมาจัดแสดงร่วมกับบรรดาศิลปินและเจ้าหน้าที่ท่านอื่น ๆ ของกรมศิลปากร ในงาน วันพ่อ ณ ท้องสนามหลวง ปีล่าสุดก็เช่นเดียวกัน นอกจากรูปปั้นของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวขณะทรงสะพายกล้องและถือแผนที่ ยังมีรูปปั้นในพระอิริยาบถอื่น ๆ มาร่วมแสดงด้วย รวมถึงรูปปั้น “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับคุณทองแดง” ชิ้นที่อ๊อบบอกว่า ส่วนตัวชอบปั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระอิริยาบถแบบนี้มากที่สุด เพราะดูผ่อนคลาย










และนอกจากความภาคภูมิใจในปัจจุบัน ที่ได้เป็นหนึ่งในทีมประติมากรปั้นช้างเผือกภายในพระราชวังสวนจิตรลดา เพื่อถวาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะมีพระชนมายุครบ ๙o พรรษา อ๊อบได้วางแผนเอาไว้ว่าจะนำรูปปั้นผลงานของตนเองทั้งหมด มาจัดแสดงเป็นนิทรรศการให้คนทั่วไปได้ชม


“ในนิทรรศการอยากให้มีรูปปั้นของพระองค์ท่าน นับตั้งแต่ครั้งยังทรงพระเยาว์ กระทั่งปัจจุบัน และอยากจะนำพระบรมฉายาลักษณ์ที่คนส่วนใหญ่ประทับใจ แต่ยังไม่มีประติมากรท่านไหนนำมาใช้เป็นแบบในการปั้น มาลองปั้นดู น่าจะทำให้ผู้ชมที่รู้สึกดีมากอยู่แล้ว เวลาเห็นพระบรมฉายาลักษณ์ รู้สึกดีมากขึ้นไปอีก เวลาได้ชมผ่านงานประเภท ๓ มิติ”


มากไปกว่านั้นอ๊อบยังฝันจะปั้นรูปปั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ “คนตาบอด” ได้สัมผัส


“เพราะคนตาบอดแม้จะมองไม่เห็น แต่เขามีประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยม นอกจากเคยรับรู้หรือซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านผ่านหู ผมอยากให้พวกเขาได้มีโอกาสใช้มือสัมผัสรูปปั้นของพระองค์ท่านดูบ้าง”











ในการดำเนินชีวิตทุกวันนี้ อ๊อบบอกว่าตนเองเป็นคนหนึ่งที่มีในหลวงเป็นที่พึ่งทางใจและเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต แต่ในด้านหนึ่งเขาก็รู้สึกน่าเสียดายที่คนไทยจำนวนมาก ยังไม่เลือกปฏิบัติตามแนวทางที่ในหลวงทรงคิดและวางเอาไว้ให้


“ทรงเห็นว่ารากฐานของประเทศเราควรจะมุ่งเน้นไปที่การเกษตร และทรงทำให้เห็นเป็นตัวอย่างมานาน ปัจจุบันทรงมีพระนามอยู่ในบัญชีรายชื่อเกษตกร จ.เพชรบุรี ในต่างประเทศถ้าใครมีที่ดินอยู่ ๒o ไร่ เพื่อทำการเกษตร คน ๆ นั้นเรียกได้ว่าโคตรรวย แต่เกษตรกรในบ้านเรามีอยู่ ๒o ไร่ หรือมากกว่านั้นก็ยังโคตรจน เพราะไม่ยอมทำตามแนวทางของพระองค์ท่าน มีที่ดินเยอะก็จริง แต่นำไปปลูกพืชเชิงเดี่ยว ไม่ปลูกแบบผสมผสาน พระองค์ท่านทรงคิดเอาไว้ให้หมดแล้ว ว่าประเทศไทยควรจะเป็นแบบไหน คนไทยควรจะทำอย่างไร ประเทศจึงจะสงบสุข ประชาชนถึงจะมีความสุข แต่พวกเรายังไม่ยอมทำตาม”



ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














งานศิลปาชีพ ๒๕๕๗


ขอเชิญชมและเลือกซื้อ ผลิตภัณฑ์จากสมาชิกศิลปาชีพทั่วประเทศ ผลิตผลทางการเกษตรจากหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียง ฟาร์มตัวอย่างและสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูง ตั้งแต่วันที่ ๑๑-๒๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๐.oo-๑๘.oo น. ณ สวนอัมพร



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคเผ่าทอง ทองเจือ














พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ ๙


โดย ศิลปินแห่งชาติ เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ” นำผลงานเด่นทั้งจิตรกรรม ประติมากรรม และเหรียญบูชากับพระที่คัดสรรเฉพาะหมายเลข ๙ รวมถึงพระส่วนตัวชุดพิเศษกว่า ๑๕o องค์ที่ไม่มีใครเคยเห็นและประเมินค่าไม่ได้ มาจัดแสดงให้ชมเป็น ครั้งแรกที่สยามพารากอนเพื่อร่วมฉลองครบ ๙ ปี จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะเปิดให้ชมในวันแซยิดครบ ๖o ปีที่วัดร่องขุ่น


อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ จะนำผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และพระพุทธรูป ตลอดจนเหรียญบูชาชุดสำคัญซึ่งจะนำไปประดิษฐานที่หอพระพิฆเนศ ณ วัดร่องขุ่น มาจัดแสดงให้ชมเป็นพิเศษในนิทรรศการ พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ ๙ โดย เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ” ในวันที่ ๕ – ๑๔ ธันวาคม ศกนี้ ที่ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น ๒ สยามพารากอน ในงาน Siam Paragon 9 Anniversary, The Magical Phenomenon ปรากฏการณ์มหัศจรรย์แสนวิเศษ ฉลองครบรอบ ๙ ปี สยามพารากอน จากเดิมที่ตั้งใจว่าจะเปิดให้ชมครั้งแรกในวันแซยิดครบ ๖o ปี ที่วัดร่องขุ่น เชียงราย ในวันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ แต่เมื่อสยามพารากอนจัดงานฉลองครบ ๙ ปี และขอเชิญให้ อ.เฉลิมชัยเข้าร่วม จึงตอบตกลงด้วยความจงรักภักดีและเคารพเทิดทูนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว


ทั้งนี้ อ. เฉลิมชัยให้ความสำคัญกับงานทุกชิ้นที่เป็นพุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ ๙ โดยเป็นการทำงานอย่างประณีตวิจิตรบรรจงที่สุดเพื่อถวายพระเกียรติแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จากการที่มีโอกาสได้ถวายงานในฐานะหนึ่งในศิลปินผู้วาดภาพประกอบหนังสือพระราชนิพนธ์เรื่อง “พระมหาชนก” และทรงมีพระราชกระแสรับสั่งที่ทำให้เกิดแรงบันดาลใจสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานพุทธศิลป์และศิลปะประจำรัชกาลที่ ๙ ทั้งด้านสถาปัตยกรรม จิตรกรรม ประติมากรรม และพระเครื่อง ที่ล้วนเป็นปัจเจกลักษณะ แตกต่างจากทุกยุคทุกสมัยและเป็นหนึ่งเดียวในโลก


งานศิลปกรรมแต่ละประเภทมีไฮไลต์ที่จะจัดแสดงเป็นครั้งแรกในงานนี้ ได้แก่ จิตรกรรม ภาพ “ความเบิกบานแห่งรัชสมัย ร.๙” ภาพวาดสีอะครายลิคบนผ้าใบ ขนาดกว้าง ๒.๘o เมตร x สูง ๑.๗o เมตร และภาพ “พระเมตตาบารมี” ที่วาดขึ้นเพื่อนำมาให้ชมในนิทรรศการครั้งนี้โดยเฉพาะ ด้าน ประติมากรรม จะจัดแสดง “พระพุทธเมตตาแห่งรัชกาลที่ ๙” พระพุทธรูปหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ความสูง ๓ เมตร เป็นงานพุทธศิลป์ชิ้นใหญ่ที่สุด และมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ อ. เฉลิมชัย ซึ่งแตกต่างจากพระพุทธรูปในยุคสมัยอื่น ๆ โดยใช้เวลาในการสร้างกว่า ๓ ปี สำหรับ พระพุทธรูปและเหรียญบูชาต่าง ๆ ทั้งเนื้อทองคำ เนื้อเงิน และเนื้อนวะโลหะ ได้คัดสรรเฉพาะชุดสำคัญที่เป็นหมายเลข ๙ เท่านั้น ซึ่งหลายคนแสวงหาและต้องการครอบครอง เพราะคนไทยส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับเลข ๙ กับพระชุดพิเศษที่คัดไว้เป็น A.P. (Artist Proof) ของส่วนตัว รวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๕o องค์ที่ไม่มีใครเคยเห็นและเป็นผลงานที่ไม่สามารถประเมินมูลค่าได้ แต่ละองค์มีรายละเอียดที่ประณีตงดงามให้ชื่นชมด้วยการส่องผ่านเลนส์ขยายกำลังสูงพิเศษที่จัดไว้กว่า ๕o ตู้ โดยไม่มีการจำหน่าย แต่จะเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์ของวัดร่องขุ่นให้เป็นสมบัติของชาติต่อไปหลังจากจบนิทรรศการนี้


อ. เฉลิมชัยเริ่มสร้างงานพุทธศิลป์ที่เป็นพระและเหรียญบูชาเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๕o ประกอบด้วย พระพุทธเจ้า พระราหู พระพิฆเนศ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร และพระเครื่องที่นำพระประธานของวัดร่องขุ่นมาเป็นแบบ เหตุผลของการสร้างศิลปะพระเครื่องเพื่อยกระดับและปรับรสนิยมให้ชาวบ้านได้รู้จัก ซึมซับ และสามารถเข้าถึงความงดงามทางศิลปะได้ใกล้ตัวมากขึ้น






“ผมสร้างพระด้วยจิตใจที่สะอาดบริสุทธิ์ เป็นผลงานพุทธศิลป์ที่ให้ความสำคัญกับความละเอียดอ่อน ประณีตงดงาม มีคุณค่าทางสุนทรียภาพที่ยิ่งใหญ่ จึงเชื่อว่ามีเทพเทวามาสถิตอยู่แล้วโดยไม่เน้นความศักดิ์สิทธิ์จากพิธีกรรมใด ๆ พระทุกองค์สร้างขึ้นด้วยการลงทุนที่สูงมาก ตั้งแต่การออกแบบ แกะแบบ หล่อแบบ ฯลฯ ยากที่สุด ด้วยความตั้งใจให้เป็นงานศิลปะในระดับสากลสำหรับการชื่นชมในสุนทรียภาพ ไม่ใช่การกราบไหว้ ผู้คนทุกศาสนาสามารถเสพความงามได้โดยไม่แบ่งแยกว่าเป็นพุทธ คริสต์ อิสลาม หรือผู้นับถือศาสนาใด ๆ และผมหวังที่จะทำให้วงการผู้สร้างพระเครื่องในยุคนี้และอนาคต ต้องพัฒนาตัวเองในเรื่องความสวยงามให้คู่ไปกับความศักดิ์สิทธิ์ ไม่เช่นนั้นก็จะขายไม่ได้ พระในสมัยโบราณทั้งหลายล้วนสวยงาม แต่พอมาถึงช่วงปลายยุครัตนโกสินทร์ก็เริ่มแย่ลงเรื่อย ๆ ยิ่งผลิตเพื่อการค้ายิ่งทำให้คุณภาพความงามต่ำลง” อ. เฉลิมชัย กล่าว

นอกจากนี้ ในนิทรรศการ พุทธศิลป์แห่งรัชกาลที่ ๙ โดย เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ “ชมพระ ส่องพระ ส่องใจ” ยังนำผลงานพุทธศิลป์ทั้งจิตรกรรมและประติมากรรมของ อ. เฉลิมชัย ที่หาชม ได้ยากมาจัดแสดงด้วย เช่น พระพุทธประทานความสุข, พระพุทธประทานยศบารมี, พระพิฆเนศ ฯลฯ รวมทั้งประติมากรรมต้นแบบ ได้แก่ ศีล สมาธิ ปัญญา, เชิดชูคุณธรรม โดยบางส่วนจะขอยืมมาจากนักสะสมหลายท่าน






๑. ชื่อภาพ “ความเบิกบานแห่งรัชสมัย ร.๙” พ.ศ. ๒๕๕๗
เทคนิค : สีอะครายลิคบนผ้าใบ
ขนาด : ๒๘o x ๑๗o เซนติเมตร
ความหมาย : -พระจันทร์ เลข ๙ หมายถึงสวรรค์ แทนความสุขและความเบิกบาน
-นกทัณฑิมา หมายถึงประชาชนชาวไทยที่อาศัยอยู่ใต้พระบารมีของพระองค์ท่าน
-ดอกบัวและใบบัว หมายถึงปวงประชาต่างแซ่ซ้องสรรเสริญยกย่องในทศพิธราชธรรมของพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙






๒. ชื่อภาพ “พระเมตตาบารมี” พ.ศ. ๒๕๕๗
เทคนิค : สีอะครายลิคบนผ้าใบ
ขนาด : ๗o x ๗o เซนติเมตร
ความหมาย : -เลข ๙ ที่ล้อมกรอบด้วยแสงเหลืองแห่งจันทรา หมายถึงพระเมตตาของพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๙
-แสงสีแดงรอบนอก หมายถึงพระบารมี แสงทองที่แผ่ออกไปเป็นจุดทอง ๔ ชั้น หมายถึงพรหมวิหาร ๔ ประการของพระองค์ พระเนตรหลังเลข ๙ หมายถึง ทรงเฝ้ามองความทุกข์สุขของประชาชนอยู่เสมอ’










๓. ชื่อผลงาน “พระพุทธเมตตาแห่งรัชกาลที่ ๙” พ.ศ. ๒๕๕๗
เทคนิค : หล่อบรอนซ์
วัตถุประสงค์ : สร้างขึ้นเพื่อให้เป็นพุทธศิลป์ร่วมสมัยที่มีเอกลักษณ์ประจำยุคสมัยรัชกาลที่ ๙ ที่มีพุทธลักษณะที่ไม่เหมือนพระพุทธรูปในยุคสมัยใด ๆ ทั้งสิ้นเป็นปฏิมากรรมที่แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่สง่างามขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ประทับอยู่เหนือบัลลังก์ทิพย์ แวดล้อมไปด้วยครุฑและนาค เพื่อแสดงให้เห็นถึงพลังความรู้สึกสัมผัสที่แตกต่างไปจากงานปฏิมากรรมในอดีตทั่ว ๆ ไป






























พบกับผลงานชุดสำคัญของศิลปินแห่งชาติผู้มีชื่อเสียงของไทย ในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และร่วมเฉลิมฉลองวาระพิเศษครบ ๙ ปีของสยามพารากอน ได้ที่ไลฟ์สไตล์ฮอลล์ ชั้น ๒ ตั้งแต่วันที่ ๕ – ๑๔ ธันวาคมนี้ โดยไม่ต้องเดินทางไปชมถึงเชียงราย

รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : สุขกมล งามสม o๘๙-๔๘๔-๙๘๙๔



ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com






































ภาพและข้อมูลจากหนังสือคู่สร้าง-คู่สม ๕ ธ.ค. ๒๕๕๗













สืบทอดภูมิปัญญาพื้นบ้านจากบรรพบุรุษไทย


“หม้อห้อม” เป็นภาษาพื้นเมืองภาคเหนือของประเทศไทย เกิดจากรวมคำว่า “หม้อ” กับ “ห้อม” เข้าด้วยกัน ห้อม (หรือบางครั้งเขียนเป็น ฮ่อม) เป็นพืชล้มลุกชนิดหนึ่งอยู่ในตระกูลเดียวกับคราม ที่ชาวบ้านนำเอาลำต้นและใบมาหมักในน้ำตามกรรมวิธีที่สืบทอดกันมาแต่โบราณ ได้น้ำเป็นสีกรมท่า (น้ำเงินเข้ม) และนำสีที่ได้นั้นมาย้อมผ้าขาวให้เป็นสีครามหรือกรมท่า เรียกกันว่า “ผ้าหม้อห้อม” ซึ่งถือเป็นรากเหง้าทางวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายอีกแบบหนึ่งของคนไทย


เพื่อเผยแพร่ภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมาอย่างแพร่หลาย และเป็นเอกลักษณ์ของ จ.แพร่ พิพิธภัณฑ์ผ้าใน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้จัดกิจกรรมปฏิบัติการ “ภูมิปัญญาผ้าหม้อห้อม” โดยได้รับเกียรติจาก วุฒิไกร ผาทอง จากร้านแก้ววรรณา จ.แพร่ ซึ่งเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการทำผ้าหม้อห้อมมาให้ความรู้และสาธิตวิธีการทำผ้าหม้อห้อมพร้อมกล่าวว่า ในโลกนี้มีพืชพรรณที่ให้สีหม้อห้อมอยู่ประมาณ ๓o ชนิด ซึ่งมนุษย์ใช้กันมาเป็นเวลานับพันปี จนกระทั่งในช่วงราว ๆ ๒oo-๓oo ปีที่ผ่านมา ชนชาติลื้อ จากประเทศลาว ได้อพยพเข้ามาอยู่ในหลายหมู่บ้านของ จ.แพร่ ทั้งทุ่งโฮ้ง พระหลวง และเวียงทอง และได้นำกรรมวิธีการย้อมสีด้วยต้นห้อมและครามมาด้วย ซึ่งคนแพร่รู้จักใช้มรดกที่บรรพบุรุษให้มานี้อย่างชาญฉลาด ทั้งการใช้พืชพรรณให้สีแบบดั้งเดิม จนกลายเป็นการย้อมสีหลากหลายชนิดในปัจจุบัน ทำให้เสื้อหม้อห้อมของ จ.แพร่ นั้น มีชื่อเสียงติดปากติดหูคนไทยมาช้านาน


“ในระยะหลัง การย้อมสีหม้อห้อมแบบธรรมชาติได้หายไปจากเมืองแพร่ จึงเกิดการรวมตัวกันของชาวบ้าน จนนำไปสู่การก่อตั้งแก้ววรรณาหม้อห้อมธรรมชาติ เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านการย้อมหม้อห้อมด้วยกระบวนการธรรมชาติดั้งเดิม ไม่ปล่อยน้ำเสียส่วนเกิน ไม่มีฝุ่น ไม่มีสารเคมี สีย้อมได้มาจากไร่ห้อมที่ชาวบ้านปลูกในป่าห้วย ซึ่งโดยปกติต้นห้อมเป็นพืชที่สามารถเกิดและเติบโตได้เองตามธรรมชาติ แต่ทั้งนี้ต้องเป็นพื้นที่ป่าที่มีความอุดมสมบูรณ์เท่านั้น จึงมีส่วนกระตุ้นให้ชาวบ้านตระหนักถึงคุณค่าของป่าไม้ และช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติไปในตัว” ผู้เชี่ยวชาญผ้าหม้อห้อมให้ความรู้


พร้อมกันนี้ ยังกล่าวถึงเคล็ดลับเฉพาะในการทำหม้อห้อมของแก้ววรรณาว่า หม้อห้อมนั้นมีเคล็ดอยู่มากและต้องอยู่กับเขาทุกวัน ว่ากันว่าต้องพูดต้องคุยกับหม้อห้อม ซึ่งที่แท้แล้วคือการกวนหม้อให้ออกซิเจนเข้าไปทำปฏิกิริยากับครามกับด่างนั่นเอง เมื่อได้หม้อห้อม เราลองย้อมแล้วออกมาซักด้วยน้ำด่าง ก่อนจะตากให้แห้ง แล้วนำมาใช้ ตรงนี้เป็นเคล็ดลับที่ทำให้หม้อห้อมสีไม่ตก จึงรับรองได้ว่าหม้อห้อมดี สีจะไม่ตก


ก่อนเสร็จสิ้นกิจกรรมครั้งนี้ ผู้เชี่ยวชาญการทำหม้อห้อมแห่งเมืองแพร่ ทิ้งท้ายแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้สนใจศึกษาเรื่องหม้อห้อมอย่างจริงจัง เนื่องจากต้องการรักษามรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคนให้คงอยู่ และช่วยเผยแพร่ภูมิปัญญาดั้งเดิมนี้ให้ลูกหลานชาวแพร่ได้สืบทอดต่อไป รวมทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้ชาวบ้านตระหนักถึงคุณค่าของทรัพยากรธรรมชาติ และช่วยกันดูแลรักษาป่าไม้ให้มีความอุดมสมบูรณ์ เพื่อรักษาระบบนิเวศของต้นห้อมให้คงอยู่คู่ป่าต่อไป


สำหรับผู้สนใจสามารถเข้าร่วมกิจกรรมประจำเดือนครั้งต่อไป กับกิจกรรม “ผูกผืนเก่า พันผ้าใหม่” ลุ้นรับผ้าพันคอจากร้านพิพิธภัณฑ์ หรือบัตรเข้าชมพิพิธภัณฑ์ฟรี ติดตามรายละเอียดกิจกรรมได้ที่ เฟซบุ๊ก //www.facebook.com/qsmtthailand อินสตาแกรม @queensirikitmuseumoftextiles







ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














Life and Nature


กลุ่ม “Individualists” นำเสนอผลงานการสร้างสรรค์ครั้งนี้โดยมีมุมมองของแต่ละคนแตกต่างกันไป ตามจินตนาการของตัวเอง โดยมีเนื้อหาเรื่องเดียวกันคือชีวิตกับธรรมชาติ ด้วยการแสดงออกเป็นผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม ภาพพิมพ์และสื่อประสม โดยมองว่า ชีวิตและธรรมชาติเป็นของคู่กัน ธรรมชาติเป็นผู้สร้างและให้กำเนิดทุกชีวิตในโลกนี้ ฉะนั้นการดำรงอยู่ของชีวิตและธรรมชาติควรเป็นไปอย่างสมดุลซึ่งกันและกัน


นิทรรศการ : ศิลปะกลุ่มIndividualists ครั้งที่5 “ชีวิตกับธรรมชาติ ” (Life and Nature)
ศิลปิน : กลุ่ม “Individualists” ศาสตราภิชานฯ สัญญา วงศ์อร่าม, รองศาสตราจารย์สมศักดิ์ ปรียวนิตย์, รองศาสตราจารย์สุกรี วัชรพรรณ
วันที่ : ๒ – ๑๗ ธันวาคม ๒๕๕๗
สถานที่ : ห้องนิทรรศการชั้น ๑ ห้อง ๑ หอศิลป์จามจุรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม : o๒-๒๑๘-๓๗o๙ / o๘๕-๙๔๕-๗๗๔๖











ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














The Journey Continues


เป็นงานแสดงผลงานภาพถ่ายครั้งแรกของวิชญ์ โดยความร่วมมือของเพื่อน ๆ ที่รักและอาลัย งานจะเริ่มในวันที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ ซึ่งเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่ ๔๒ ของเขา ถึงแม้ตัวจะไม่อยู่ แต่เชื่อว่าทุกคนจะได้สัมผัสกับจิตวิญญาณของวิชญ์ได้จากภาพถ่าย ที่มีมุมมองแตกต่างกันไปตามช่วงเวลาและสถานที่ ซึ่งได้รับเกียรติคัดสรรจากรูปนับหมื่น โดยเพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง ที่เขาชื่นชมและนับถือ


วิชญ์ อ้น อริยศรีวัฒนา เป็นคนสนใจในสิ่งต่าง ๆ รอบ ๆ ตัว มีความรู้หลากหลายด้าน เหตุเพราะชอบอ่านหนังสือ สนใจงานศิลปะ ดูภาพยนตร์ ฟังดนตรี หลากหลายแนว เขาสามารถจัดการเวลาให้กับทุกอย่างที่รักในชีวิตได้อย่างลงตัว ทั้งการทำงานอาชีพสถาปนิก การเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาออกแบบในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ การดูแลเอาใจใส่ครอบครัว และให้ความสำคัญกับมิตรภาพของเพื่อน ๆ ทั้งหลาย ไปพร้อม ๆ กับการขี่จักรยานอย่างทุ่มเทในช่วงปลายของชีวิต


อีกสิ่งหนึ่งที่วิชญ์รักเป็นชีวิตจิตใจคือการถ่ายภาพ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากคุณพ่อ นพ. วิชัย อริยศรีวัฒนา มาตั้งแต่วัยเด็ก กล้อง NIKON F ซึ่งใช้งานไม่ได้แล้วยังคงตั้งอยู่ในห้องนอนของเขาเพื่อเป็นที่ระลึก และแม้ว่าเทคโนโลยีการถ่ายภาพจะเปลี่ยนไปจากฟิล์มเป็นดิจิตอล ได้ซื้อกล้องหลายรุ่นหลายยี่ห้อเก็บสะสมไว้ แต่เลนส์ตัวโปรดของวิชญ์ยังคงเป็น NIKON 50 mm f/1.4 ของคุณพ่อ ซึ่งเขาได้นำมาใช้กับกล้อง CANON EOS 5D อยู่เสมอ






วิชญ์ได้จากโลกนี้ไปในอุบัติเหตุขณะขี่จักรยานทางไกลกับกลุ่มเพื่อนที่เขาใหญ่อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา แม้จะเตรียมตัวและระมัดระวังอย่างดี เหตุสุดวิสัยก็เกิดขึ้นได้ เป็นสัจธรรมที่ทุกคนต้องยอมรับ

การเดินทางของวิชญ์จะไม่จบลงที่ตรงนี้ มันจะยังคงดำเนินต่อไปอย่างมีความสุขและเสรี

จนกว่าวันที่เราจะไดัพบกันใหม่

คัดเลือกรูปโดย
- วสันต์ สิทธิเขตต์
- ประดิชญา สิงหราช
- รังสิมา กสิกรานันท์
- พันธ์สิริ สิริเวชชะพันธ์
- ธนชัย อุชชิน
- ตุลย์ ไวฑูรเกียรติ

จัดการแสดงโดย
- วุฒินันท์ จินศิริวานิชย์


ขอเชิญทุกท่านร่วมชมนิทรรศการภาพถ่ายโดย วิชญ์ อ้น อริยศรีวัฒนา และร่วมงานเปิดนิทรรศการในวันจันทร์ที่ ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ เวลา ๑๘.oo น.
ที่ WTFเเกลลอรี่ สุขุมวิท ๕๑ (BTS: Thong Lo)


นิทรรศการ : The Journey Continues
ศิลปิน : วิชญ์ อริยศรีวัฒนา
วันที่ : ๘ ธันวาคม ๒๕๕๗ – ๙ มกราคม ๒๕๕๘
สถานที่ : WTF Gallery & Cafe
รายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อ : o๒-๖๖๒-๖๒๔๖
เว็บไซต์ : //www.wtfbangkok.com







ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com














‘แจ๊สนานาชาติ’ จับมือศิลปินดัง ดีไซน์เสื้อลิมิเต็ดอิดิชั่นเพื่อเยาวขน


“เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติ” หรือ Thailand International Jazz Conference (TIJC) ปี ๒o๑๕ ก้าวมาถึงปีที่ ๗ จึงผุดกิจกรรมสุดพิเศษแบบเข้มข้นยิ่งขึ้น ไฮไลท์สำคัญคือศิลปินแจ๊สเปี่ยมคุณภาพทั้งไทยและต่างประเทศ จะยกขบวนมาให้ความสุขกับคอแจ๊สชาวไทยยาวนานกว่าเดิม ตั้งแต่ ๒๖ มกราคม-๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๘ ณ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล และได้แถลงข่าว “เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติเพื่อการเรียนรู้ ๒o๑๕” ไปแล้ว ณ รร.เชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท
“รศ.ดร.สุกรี เจริญสุข” คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล ผู้จัดงาน กล่าวว่า


“...วันนี้ Thailand International Jazz Conference จะถือกำเนิดขึ้นมาเป็นครั้งที่ ๗ แล้ว พร้อม ๆ กับรูปแบบของการจัดงานที่มีพัฒนาการขึ้นเป็นลำดับ เพราะเราต้องการให้ผู้ที่มาอยู่ในงานนี้สัมผัสสุนทรียภาพทางดนตรีได้อย่างเต็มอิ่ม ไม่ใช่แค่ผู้ชมผู้ฟังที่หลงใหลในฝีมืออันฉกาจทางดนตรีของศิลปินเท่านั้น แต่ต้องการส่งเสริมเยาวชนที่สนใจในศาสตร์ของดนตรีแจ๊สให้เข้ามาเรียนรู้ผ่านการ workshop โดยมีศิลปินระดับโลกเป็นผู้เติมเต็มความรู้ให้อย่างเต็มที่อีกด้วย”


การเวิร์คช็อปสำหรับเยาวชนจะเปิดโอกาสให้เรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องดนตรีแจ๊สในด้านต่าง ๆ ซึ่งแบ่งออกเป็น ๒ ช่วงได้แก่ TIJC Jazz Camp เริ่ม ๒๖-๒๘ มกราคม ๒o๑๕ ศิลปินรับเชิญที่จะมาให้ความรู้ นำโดยตำนานกลองแจ๊สอย่าง Jeff “Tain” Watts จะมากับวงดนตรีที่เล่นกันอยู่ในปัจจุบันซึ่งประกอบด้วย Troy Roberts มือแซกโซโฟน, Hogyu Hwang มือเบส และ James Francies นักเปียโน


ส่วนอีกช่วงคือ Jazz Conference เป็นกิจกรรมการให้ความรู้ เช่น Jazz Workshop และ Master Class รวมทั้งการแข่งขัน TIJC Jazz Solo Competition นอกจากนี้ยังมีไฮไลท์สำคัญที่จัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปีนี้คือมีศิลปินชื่อดังมาร่วมออกแบบเสื้อ TIJC 2015 ภายใต้แนวคิด “แจ๊สในแบบของฉัน” อาทิ Alexander Paufler, หมอ ทิววัฒน์, นิ้วกลม, แป้ง ภัทรีดา, โลเล, เบน ชลาทิศ, โก้ มร.แซกแมน ฯลฯ เพื่อหาทุนสนับสนุนเยาวชนในการเข้าร่วมกิจกรรมเวิร์คช็อปกับศิลปินมืออาชีพอย่างต่อเนื่องต่อไป


ด้านศิลปินผู้มีส่วนร่วมในการออกแบบสร้างสรรค์เสื้อแจ๊สในแบบของฉัน “หมอ ทิววัฒน์” กล่าวว่า “...การออกแบบเสื้อครั้งนี้ ทางวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ไม่ได้ทำเพื่อแสวงหากำไร แต่เพื่อมอบโอกาสให้น้อง ๆ ต่างจังหวัด มาเข้าร่วมเทศกาลดนตรีคุณภาพ TIJC และทุกลายจากทุกศิลปินก็น่าสนใจทุกคนเลย สิ่งที่คุณได้ไปคือแน่นอนว่าจะได้เสื้อ แต่มากไปกว่านั้นสิ่งที่คุณจะได้กลับมาคือสังคมที่น่ารักกว่านี้ ที่เราสามารถร่วมกันกล่อมเกลาสังคมได้ด้วยดนตรี


“ส่วนงานเทศกาลคอนเสิร์ตนั้นสนุกมาก ถ้าคนไม่เคยไปอาจจะนึกภาพไม่ออก ขอให้ลองไปสักปีนึง จะได้เห็นว่าศิลปินระดับโลกที่มานี่ไม่ธรรมดา แต่ละคนมีความสามารถและพรสวรรค์พิเศษที่น่าทึ่งมาก สำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับงาน ถ้าเข้ามาจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เป็นแบบปิกนิกมาก ๆ ลองมาพบปะบรรยากาศของผู้คนที่มีดนตรีในหัวใจ ว่าหน้าตาเขาเป็นยังไง เขาอยู่กันอย่างไร และสังคมที่กล่อมเกลาด้วยดนตรีมันมีความน่าอยู่ยังไง ขอเชิญมาร่วมกันนะครับ” ศิลปินอารมณ์ดีกล่าวเชิญชวน


ผู้สนใจสามารถติดต่อซื้อเสื้อลายลิมิเต็ดอิดิชั่นเพื่อสมทบทุนโครงการได้ทาง Face Book เสิร์ชหาเพจ TIJC Jazz Aid หรือติดต่อได้ที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล โทร. o-๒๘oo-๒๕๒๕ ต่อ ๑๕๓-๑๕๔ คลิกดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ //www.tijc.net/



ภาพและข้อมูลจากเวบ
banmuang.co.th














Art Scene Market


วันที่ ๕ - ๑o ธันวาคมนี้ เตรียมพบกับงาน
Art scene market( The inspiration district ) ที่ Think Park
งานที่รวบรวมร้านค้างานดีไซน์ ศิลปะ แฟชั่น ดนตรี ฟิล์มและไลฟ์สไตล์ มาไว้ด้วยกัน
สถานที่ : โครงการ think park สี่แยกรินคำ ถนน นิมมานเหมินทร์ เชียงใหม่
วันที่ : ๕-๑o ธ.ค. ๕๗ เวลา ๑๑.oo - ๒๒.oo น.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
portfolios.net














Design Object Movement: เวียดนาม – กัมพูชา


เวลา: ๑ ตุลาคม - ๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๗ ๑o.๓o - ๒๑.oo
สถานที่: ห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ TCDC
AEC เป็นได้ทั้งโอกาสและความท้าทายต่ออุตสาหกรรมสร้างสรรค์ไทย มองความเคลื่อนไหวในประเทศเพื่อนบ้าน ผ่านผลงานเด่นคัดสรรโดย TCDC


แม้ว่าโลกยุคดิจิทัลจะเชื่อมต่อกันอย่างไร้พรมแดน แต่ละประเทศก็ยังคงมีความแตกต่าง เช่น วัฒนธรรมและความเชื่อ เมื่อ “โลก” (Global) และ “ท้องถิ่น” (Local) มาบรรจบพบกัน จึงเกิดเป็นแนวคิด Glocal เพื่อสื่อถึง มาตรฐานที่เท่าเทียมกันทั่วทั้งโลก แต่ปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมของแต่ละท้องถิ่น


นิทรรศการขนาดย่อม Design Object Movement จัดแสดงผลงานสร้างสรรค์เด่น ๆ ที่ TCDC คัดเลือกจากกลุ่มสมาชิกประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ซึ่งสร้างสรรค์คุณภาพระดับมาตรฐานโลกพร้อมนำเสนอเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละประเทศอย่างน่าสนใจ ตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่ประยุกต์ให้ตอบโจทย์เทรนด์โลก ไปจนถึงผลิตภัณฑ์สากลที่นำมาประยุกต์ให้เข้ากับรสนิยมของผู้คนในแต่ละพื้นที่


มาทำความรู้จักกับนักสร้างสรรค์จากเวียดนามและกัมพูชา ได้ตั้งแต่วันนี้ - ธันวาคม ๒๕๕๗ โดยตัวอย่างผลงานจากแต่ละประเทศจะผลัดเปลี่ยนมาจัดแสดงถึงเดือนกันยายน ๒๕๕๘


เวียดนาม
ช็อกโกแล็ต Marou - คัดสรรวัตถุดิบเมล็ดโกโก้คุณภาพจากผู้ผลิตรายย่อยในประเทศ และให้ความใส่ใจในทุกรายละเอียดการผลิต จนได้รับความนิยมในต่างประเทศ
ละคร My Best Gay Friends - ซิทคอมของคนรักเพศเดียวกันเรื่องแรกของเวียดนาม มียอดชมบน YouTube มากกว่าหนึ่งล้านวิว
Dang Thi Minh Hanh – ดีไซเนอร์ชาวเวียดนามคนแรกที่ได้รับรางวัลด้านแฟชั่นระดับโลก โดยมีเอกลักษณ์สำคัญคือผลงานของเธอจะตัดเย็บด้วยมือแทบทุกชิ้น


กัมพูชา
Lucky Iron Fish – ธาตุเหล็กอาหารเสริมที่ออกแบบเป็นรูปปลา ให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวกัมพูชา
Danh Hong – ผู้คิดค้นแบบอักษร Khmer Unicode และ KhmerOS ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
Korean Wave – อิทธิพลของคลื่นวัฒนธรรมจากประเทศเกาหลีใต้ต่อวัยรุ่นและเด็กเจเนอเรชันใหม่


เข้าชมฟรี
ณ ห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ TCDC
ชั้น ๖ ดิ เอ็มโพเรียม เวลา ๑o.๓o – ๒๑.oo น. (ปิดวันจันทร์)


สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เคาน์เตอร์ Info Guru ห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ โทร. o๒-๖๖๔-๘๔๔๘ ต่อ ๒๑๕, ๒๑๖


หมายเหตุ:
ผู้สนใจเข้าชมนิทรรศการที่ไม่ได้เป็นสมาชิกห้องสมุดเฉพาะด้านการออกแบบ โปรดติดต่อเคาน์เตอร์ Info Guru ด้านหน้าห้องสมุด เพื่อรับบัตรเข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย



ภาพและข้อมูลจากเวบ
tcdc.or.th





บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 06 ธันวาคม 2557
Last Update : 6 ธันวาคม 2557 21:59:45 น. 0 comments
Counter : 15498 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.