Bloggang.com : haiku : เสพงานศิลป์ ๑๖๓

เสพงานศิลป์ ๑๖๓

ภาพจากเวบ deviantart.com


	"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ บางสิ่งที่เป็นประโยชน์ ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย ในงานศิลปของฉัน ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี

Romance - Yuhki Kuramoto

ศิลป์ดีนำสู่สังคมดี

จินตนาการของเด็ก ๆ และวัยหนุ่มสาว มักดูสนุกสนาน มีความหมายที่ดีเพราะพวกเขายังอยู่ในช่วงวัยแห่งความสุข มีความฝันเพื่อสิ่งที่ดีต่อตัวเองและแวดล้อมในอนาคตเสมอ โดยวันก่อน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด พิสูจน์ออกมาให้เห็นชัดแล้วว่าความคิดของเยาวชนนั้นมีความหวังและสวยงามมากมายแค่ไหนผ่านรูปแบบงานศิลปะในการประกวดศิลปกรรม "นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต" ครั้งที่ ๒๖ จนคัดเลือกผู้ชนะและพร้อมนำผลงานโดดเด่นมาจัดแสงเป็นนิทรรศการให้บุคคลทั่วไปได้เข้าชม โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ บริเวณ พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ หอศิลป์ ถนนเจ้าฟ้า เมื่อวันก่อน

ภายในงานได้รับพระมหากรุณาธิคุณจาก สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดการแสดงนิทรรศการศิลปกรรม และพระราชทานเกียรติบัตรแก่ผู้ชนะการประกวด ประจำปี พ.ศ. ๒๕๕๖ และ พ.ศ. ๒๕๕๗ จำนวน ๒๑๒ ราย จากนั้นทรงวาดภาพฝีพระหัตถ์เปิดการแสดงนิทรรศการศิลปกรรม เป็นภาพงานประเพณีวันลอยกระทงที่แม่น้ำ มีต้นไม้ใหญ่ ผู้คนกำลังลอยกระทง และมีสุนัขวิ่งเล่นอยู่ริมแม่น้ำ ๓ ตัว จากนั้นเสด็จทอดพระเนตรห้องแสดงผลงานศิลปะทั้ง ๔ ห้อง โดยมี "น้อง" กอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร เหล่าคณะกรรมการตัดสินนำโดย อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพิฒน์, อ.สมศักดิ์ รักษ์สุวรรณ, อ.สังคม ทองมี รวมถึง วีระ โรจน์พจนรัตน์, บวรเวท รุ่งรุจี ร่วมชมผลงานด้วย

"หน่อย" กนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบิรหาร บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์จำกัด บอกว่าปีนี้มีการส่งผลงานเข้ามาจำนวน ๑,o๗o ชิ้น คณะผู้จัดยังเปิดโอกาสให้ผู้ต้องขังในเรือนจำต่าง ๆ ทั่วประเทศ ได้ส่งผลงานเข้าประกวดต่อเนื่องเป็นปีที่ ๘ เพื่อสนองพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปีนี้มีผู้ต้องขังจากทัณฑสถานวัยหนุ่มกลางจังหวัดปทุมธานี และทัณฑสถานหญิงสงขลา ส่งผลงานเข้าประกวดจำนวน ๘ ชิ้น โดยได้รับพระราชทานรางวัล ๕ คน และยังมีศิลปินจากสถาบันวิจิตรศิลป์แห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นำภาพร่วมแสดงนิทรรศการ ๓ ภาพ รวมมีศิลปกรรมร่วมแสดงในงานครั้งนี้กว่า ๒oo ชิ้น

โดยผลงานที่ได้รับรางวัลยอดแต่ละระดับการประกวด ได้แก่ ผลงาน "แสงสุดท้าย" จาก กฤตภาส เพชรานนท์ จากโรงเรียนปริ๊นส์รอยแยลวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ สะท้อนปัญหาความไม่สงบของชายแดนภาคใต้ผ่านภาพขบวนรับศพทหารกล้าท่ามกลางการไว้อาลัยของประชาชนและเพื่อนทหาร ต่อด้วยผลงาน "ส่งใจแรงกาย สู่ชาวใต้" ของ กังศดาล โยธาธร จากโรงเรียนบ้านห้วยไซงัว จ.หนองคาย เป็นภาพการช่วยเหลือและจับมือสร้างความสามัคคีกันของคนทุกเชื้อชาติ ปิดท้ายที่รางวัลยอดเยี่ยมระดับอุดมศึกษาของ อชิรญา ขับกล่อมแสง นักศึกษา ม.ศิลปากร วิทยาเขตพระราชวังสนามจันทร์ ในผลงาน "ดุลยเทพแห่งชีวิต" ถ่ายทอดความคิดผ่านงานปูนปั้น สื่อความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตบนโลกทั้งพืช สัตว์ และมนุษย์

สามารถรับชมผลงานเพื่อสิ่งที่ดีสู่ชีวิตอีกนับร้อยชิ้น ได้ตั้งแต่วันนี้ - ๓o ธันวาคม และในเดือนมกราคม หลังจากนี้จะมีการนำนิทรรศการจัดแแสดงสัญจรไปตามจังหวัดต่าง ๆ เช่น จ.เชียงใหม่ และ จ.ปัตตานีอีกด้วย

งานจิตรกรรม และประติมากรรม ที่ได้รับบรางวัลจากการประกวด ศิลปกรรม "นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต" ครั้งที่ ๒๖ จัดโดย กลุ่มบริษัท โตชิบา ประเทศไทย จำกัด และผลงานร่วมจัดแสดงกว่า ๑๕o ชิ้น จัดแสดงตั้งแต่วันนี้ - ๓o พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ (หยุดทุกวันจันทร์-อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์) ณ ห้องนิทรรศการ ๑-๔ และห้องอเนกประสงค์ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป ถนนเจ้าฟ้า โทร.o-๒๒๘๑-๒๒๒๔

ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Art Eye View
komchadluek.net

แหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ในเชียงราย

ประเพณี ศิลปะ วัฒนธรรม คือ รากเหง้าที่จะบ่งบอกวิถีความเป็นอยู่ของคนในประเทศนั้น ซึ่งในเมืองไทยมีเรื่องราวเหล่านี้มากมายแต่คนรุ่นใหม่มักลืมเลือน ด้วยการหันไปหาความเจริญทางวัตถุพร้อม ๆ กับหลงใหลในความเป็นตะวันตกหรือแม้แต่ประเทศที่เจริญแล้วในเอเชียมากกว่า นั่นเองจึงเป็นเหตุให้คนกลุ่มหนึ่งในจังหวัดเชียงราย เริ่มตั้งแต่ผู้นำชุมชน ศิลปิน นักปราชญ์ ผู้เชี่ยวชาญในศาสตร์อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือชาวล้านนาเรียกกันว่า "สล่า" ไล่เรียงไปจนถึงสถาปนิก ที่รวมพลังรวมใจกันเตรียมสร้างหอศิลปวัฒนธรรมแห่งใหม่ ในจังหวัดเชียงราย

ซึ่งได้เปิดตัวกันในงาน "มหัศจรรย์เมืองไทย เทศกาลโคมไฟ ไหดอก บอกไฟ สลียี่เป็งเชียงราย ๒๕๕๗" บริเวณข่วงหลวงพญามังราย จังหวัดเชียงราย มหกรรมความม่วนของดินแดน ๓ แผ่นดิน สัมผัสบรรยากาศรื่นเริง ตื่นตาตื่นใจริมสายน้ำกกในงานลอยกระทงวิถีล้านนา เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนการท่องเที่ยวของจังหวัดเชียงรายผ่านวิถีชีวิตและวัฒนธรรมลุ่มน้ำกก ซึ่งภายในงานได้รวบรวมและจำลองบรรยากาศในอดีต ทั้งกาดมั่ว การรำวงย้อนยุค การสาธิตการทำโคมยี่เป็ง การแกะสลักไม้บอกเล่าประวัติจังหวัดเชียงราย การแสดงเชิงวัฒนธรรม

อย่าง "โคมยี่เป็ง" ที่มีคุณยายนั่งประดิษฐ์ประดอยเล่าให้ฟังเป็นสำเนียงท้องถิ่น (และแปลเป็นภาษากลาง) ว่า แต่ละชนิดมีความแตกต่างกันที่รูปทรงและการตกแต่ง ซึ่งในช่วงก่อนจะถึงวันเพ็ญเดือนยี่ ชาวบ้านโดยเฉพาะผู้เฒ่าผู้แก่จะมานั่งทำโคมยี่เป็งกัน เพื่อเตรียมไว้บูชาที่วัด ด้วยแบบต่าง ๆ มากมาย บอกไม่หมดมีทั้งโคมกระบอก โคมธรรมจักร โคมปราสาท โคมดอกบัว แต่ละโคมก็ทำจากกระดาษสีต่าง ๆ แล้วใช้ไม้ไผ่ทำเป็นโคม ซึ่งทั้งหมดนั้นเป็นภูมิปัญญาชาวบ้าน

"คนรุ่นใหม่ ๆ ก็ทำได้นะ แต่ไม่ค่อยทำกัน เพราะเดียวนี้มีขายเยอะแยะ ใบละไม่กี่บาท แต่เราคนแก่ ๆ ว่าง ๆ ไม่รู้จะทำอะไร ก็มานั่งทำโคม ตามที่พ่อแม่สอนกันมา ลูกหลานที่โตหน่อยเห็นก็มาช่วยทำสนุก ๆ มากกว่า แต่ก็เป็นการเรียนรู้นะ ถามว่าเขาจะสืบสานต่อหรือไม่ยายตอบไม่ได้หรอก แต่ถ้าให้เขาทำก็ทำกันได้นะ" แม่อุ๊ยเล่าให้ฟังในขณะที่มือก็ง่วนทำโคม

นั่นเองจึงเป็นเหตุให้คนรักในศิลปะ วัฒนธรรม รวมตัวกันสร้างแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมขึ้น ในชื่อว่า "ข่วงหลวงพญามังราย" โดย ชัยภัทร บำรุงธรรม สถาปนิกผู้ออกแบบข่วงหลวงพญามังราย กล่าวว่า จังหวัดเชียงรายเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ประเพณี และเหล่าศิลปินที่มีความหลากหลาย ยิ่งเมื่อครบ ๗๕o ของจังหวัดเมื่อปี ๒๕๕๕ ยิ่งทำให้รู้ว่าจังหวัดนี้มีเรื่องราวมาอย่างยาวนาน นั่นเองจึงเป็นเหตุให้เกิดโครงการรวบรวมเรื่องราว ๆ ของจังหวัดเพื่อไว้ให้คนรุ่นหลัง ๆ ได้เรียนรู้ มีสถานที่ให้ศิลปินของจังหวัดได้มาเผยแพร่ความรู้ต่อคนรุ่นใหม่ และเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้กับนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างประเทศ

"โครงการนี้จึงเกิดขึ้นจากความร่วมมือของหลายฝ่าย ทั้ง วัดฝั่งหมิ่น สำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดเชียงราย มูลนิธิอุทยานประวัติศาสตร์เมืองเชียงราย และโครงการนี้จะตั้งอยู่วัดฝั่งหมิ่น อ.เมือง จ.เชียงราย โดยจะมีอัตลักษณ์เมืองของจังหวัดเชียงราย ประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ ยาวนาน ขนบธรรมเนียมประเพณีที่น่าหลงใหล ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ทรงคุณค่า โดยจะนำเอาเรื่องราวเก่า ๆ อันทรงคุณค่ามาเล่าใหม่ด้วยวิธีการนำเสนอที่ร่วมสมัย ให้ประชาชนทุกกลุ่มชนสามารถเข้าถึงและเข้าใจมรดกทางวัฒนธรรม ประเพณีและประวัติศาสตร์ล้านนาได้โดยง่ายพื้น" สถาปนิกเล่าที่มาที่ไป

ในขณะที่ วิสิษฐ์ เตชะธีราวัฒน์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงราย กล่าวเสริมว่า โครงการนี้จะรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดเชียงราย วิถีชีวิต มีลานแสดงเสาไม้เล่าเรื่องเมืองเชียงราย ๗๕o ต้น (ฉลองสมโภชน์เมือง ๗๕o ปี) เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของเชียงรายผ่านศิลปะการแกะสลักไม้ที่สล่าของเมืองเชียงรายช่วยกันแกะสลักขึ้น พร้อม ๆ กันนี้ยังเป็นแหล่งความรู้ที่สำคัญที่ไม่ใช่เพื่อคนเชียงรายเท่านั้น แต่จะเป็นแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรมของคนไทยทั้งประเทศ จึงอยากให้คนไทยช่วยกันสนับสนุนในเรื่องของงบประมาณ เพราะเชื่อว่าโครงการนี้จะเป็นประโยชน์ของทุกคนจริง ๆ โดยจะเริ่มดำเนินการโครงการไปเรื่อย ๆ ตั้งเป้าหมายจะให้เสร็จภายใน ๗ ปีนี้

นอกจากนี้ สถาปนิกผู้ออกแบบข่วงหลวงพญามังราย กล่าวด้วยความหวังว่า ข่วงพญามังรายจะรวบรวมเรื่องราวความเป็นมาของจังหวัดเชียงราย วิถีชีวิต ชาติพันธุ์ ลานแสดงเสาไม้เล่าเรื่องเมืองเชียงราย ๗๕o ต้น แหล่งสืบสาน สร้างสรรค์งานแกะสลักและภูมิปัญญาท้องถิ่น โรงเรียนสอนแกะสลักไม้ ลานฝึกอาชีพทำตุงและโคม การแสดงศิลปวัฒนธรรมแบบแสง สี เสียง ลานดูหนังกางแปลง เนินหญ้าพร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัย และ สวนสาธารณะกลางเมือง เป็นต้น ด้วยเชื่อมั่นว่าศิลปิน สล่าเมืองล้านนา และบุคคลที่เกี่ยวข้องต้องการผลักดันโครงการนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้อย่างที่ตั้งใจไว้

ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net

ม.สารคามดาวเด่น มองกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์

ไม่ยอมแพ้สถาบันการศึกษาในกรุงเทพฯ ภัทรวิทย์ บุญพรม นักศึกษาศิลปกรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ส่งภาพหมึกดำสีอะครีลิกบนผ้าใบสะท้อนความจริงของกรุงเทพฯ เมืองสวรรค์ เมืองในความฝันของใครหลาย ๆ คน ที่กำลังเสื่อมโทรม เป็นเมืองที่ผู้คนดำเนินชีวิตด้วยความโกลาหลวุ่นวายสุด ๆ คว้าแชมป์ดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยมจากเวทีประกวดศิลปิน "ดาวเด่นบัวหลวง ๑o๑” ปีที่ ๗ ซึ่งจัดขึ้นโดยมูลนิธิบัวหลวง (มูลนิธิธนาคารกรุงเทพ) ร่วมกับหอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เปิดเวทีให้นักศึกษาสาขาศิลปะที่มีฝีมือโดดเด่น ๕๒ คนจาก ๒๔ สถาบันทั่วประเทศได้โชว์ฝีแปรง

ปี ๕๗ นี้เป็นปีแรกที่มีกรอบความคิด "บางกอก : ในความจริงหรือความฝัน" เพื่อให้คนรุ่นใหม่ได้จินตนาการ รวมทั้งได้แสดงทัศนะต่อกรุงเทพมหานครตามความรู้สึกของแต่ละคน โดยจัดงานประกาศผลและแสดงผลงานเยี่ยม ๆ ท่ามกลางคณะกรรมการและผู้ชื่นชอบงานศิลป์ อย่าง อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์, ศ.วิโชค มุกดามณี, อ.ธงชัย รักปทุม, ศ.เกียรติคุณกำจร สุนพงษ์ศรี, อ.นนทิวรรธน์ จันทนะผะลิน, อ.วีรเดช พนมวัน ณ อยุธยา, อ.ปราโมทย์ แสดงพลสิทธิ์, อภิชาต รมยะรูป ฯลฯ ขึ้นที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา

เหล่านักศึกษาที่เข้าร่วมแข่งขันตั้งแต่วันที่ ๑-๑o พฤศจิกายน ๒๕๕๗ ต่างลุ้นผลการตัดสินรางวัลศิลปินดาวเด่นทั้ง ๓ รางวัล แต่ก่อนประกาศผล คุณหญิงชดช้อย โสภณพนิช กรรมการมูลนิธิบัวหลวง และประธานโครงการฯ เผยว่า หัวใจสำคัญของโครงการนี้ต้องการเปิดโอกาสให้นักศึกษาที่เรียนศิลปะทั่วประเทศได้มาเข้าค่ายอบรมเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกัน และได้เรียนรู้จากศิลปินแห่งชาติ ศิลปินอาวุโส บวกกับความรู้อื่น ๆ ที่โครงการจัดมาให้เพื่อเสริมให้น้อง ๆ นักศึกษาทั้งหลายสมบูรณ์ขึ้นในความรู้ที่อาจจะไม่ได้รับจากการเรียนในมหาวิทยาลัย ตลอดจนเป็นการเผยแพร่ความรู้ ความรักศิลปะไปยังประชาชนทั่วไปด้วย

ด้าน อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กรรมการตัดสิน กล่าวว่า ทุกคนโชคดีที่มาเข้าร่วมโครงการ เพราะได้เจอครูอาจารย์มากความรู้ นักศึกษาจากสถาบันที่ยังอ่อนด้อยก็มีโอกาสได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาให้เท่าเทียม โดยมีศิลปินอาจารย์ช่วยอบรมสั่งสอน รวมถึงเห็นการทำงานของนักศึกษาจากสถาบันที่เก่งที่สุด ผลงานของเยาวชนที่เข้าร่วมโครงการในปีนี้ บางคนโดดเด่นทางอารมณ์ แต่อ่อนด้อยทักษะและประสบการณ์ในการเขียนรูป การใช้สี การจัดองค์ประกอบ ขณะที่บางคนทักษะดีเยี่ยม ฝีมือสุดยอด แต่ไม่ได้อารมณ์

“งานศิลปะที่ดี ดูแล้วได้อารมณ์กระทบใจทันที เกิดความรู้สึกอยากติดตามเข้าสู่กระบวนการคิดของศิลปิน และดูว่ามีลูกเล่นอะไรบ้างให้ตื่นเต้นเร้าใจ ศิลปะที่ดีต้องมีความพอดีและมีเอกภาพ คนที่คว้ารางวัลคือคนที่เก่งที่สุด ส่วนคนที่พลาดรางวัลอย่าท้อถอย ให้พัฒนาตัวเองและดูผลงานศิลปะที่มีคุณภาพให้มาก" อ.เฉลิมชัย ศิลปินแห่งชาติ ย้ำคุณค่างานสร้างสรรค์

เมื่อถึงเวลาเผยดาวเด่นดวงใหม่ประดับวงการเรียกเสียงเชียร์ดังลั่น รางวัลศิลปินดาวเด่นบัวหลวงยอดเยี่ยม "ฟิวส์" ภัทรวิทย์ บุญพรม นักศึกษาชั้นปีที่ ๔ สาขาทัศนศิลป์ คณะศิลปกรรม มหาวิทยาลัยมหาสารคาม คว้าแชมป์จากผลงาน "กรุงเทพฯ ความเป็นจริงในความฝัน" รางวัลดาวเด่นบัวหลวง ความคิดสร้างสรรค์ ได้แก่ "โจ" ณรงค์ฤทธิ์ กาลจิตร์ นักศึกษาชั้นปีที่ ๕ เอกจิตรกรรม คณะจิตรกรรม ประติมากรรมและภาพพิมพ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร เจ้าของผลงานสีน้ำมันบนผ้าใบ "ป๊วยเจ๋ง" และรางวัลดาวเด่นบัวหลวงดีเด่น "เน็ท" ธิติพรหม อ่อนเปี่ยม นักศึกษาชั้นปีที่ ๕ ภาควิชาศิลปะไทย คณะจิตรกรรมฯ มหาวิทยาลัยศิลปากร พิชิตไปจากผลงาน "บรรยากาศภายในห้อง" เทคนิคเย็บปัก

"ฟิวส์" ภัทรวิทย์ บุญพรม แชมป์ดวงเด่นยอดเยี่ยมคนล่าสุด เผยแรงบันดาลใจสร้างสรรค์ผลงานพร้อมคราบน้ำตาแห่งความดีใจว่า ภาพนี้นำเสนอมุมมองเมืองกรุงเทพฯ ของเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง เมื่อได้มาสัมผัสจริงแล้ว ได้พบเห็นความเสื่อมโทรมในมุมที่ต่างจากคำโปรโมต หรือคำนิยามว่า กรุงเทพฯ เป็นเมืองสวยงาม เมืองสวรรค์ โดยถ่ายทอดผ่านลายเส้นไทยผสมผสานเทคนิคการปิดทองและภาพปรินต์ ผลงานมีมุกประชดประชัน เสียดสีสังคม นำเสนอด้วยภาพการ์ตูน ก็มองเห็นสิ่งที่ตรงข้ามกับความงดงามในความฝันของหลาย ๆ คน

อีกผลงานมีดี ได้รางวัลความคิดสร้างสรรค์ “ป๊วยเจ๋ง” ณรงค์ฤทธิ์ กาลจิตร์ เจ้าของผลงาน เผยว่า จากโจทย์ปีนี้ "บางกอกในความจริงหรือความฝัน” เลือกเสนอเรื่องคนเร่ร่อน เป็นกลุ่มคนที่มีให้เห็นทั่วไปจนชินตาในกรุงเทพฯ แต่ตนเขียนความงดงามในผู้คนเร่ร่อน ภูมิใจที่ได้รางวัล และ ๑o วันในค่ายทำให้เปลี่ยนวิธีการทำงานศิลปะ ไม่ใช่แค่มโนจากภายใน แต่ได้เก็บข้อมูล ใช้ผลกระทบจากสังคมสร้างงาน

“ผมเข้าไปศึกษา สังเกต พูดคุยกับคนเร่ร่อน และมีคนหนึ่งฉายาว่า “ป๊วยเจ๋ง” ได้เห็นยิ้มแรก ตัดสินใจเข้าหา ในตัวเขามีสมบัติติดตัวชิ้นเดียว คือสมุดบันทึก ป๊วยเจ๋งขีดเขียนตลอด เมื่อขอดูจึงพบว่าเป็นภาษาอังกฤษ ผลงานนี้พลิกมุมมองใหม่ ทุกวันนี้สังคมลดคุณค่าคนกลุ่มนี้ กลายเป็นคนที่น่ารังเกียจในสังคม"

สำหรับนิทรรศการผลงานศิลปินดาวเด่นบัวหลวงประจำปี ๒๕๕๗ ผลงานทั้ง ๓ รางวัล และภาพวาดของน้อง ๆ นิสิตนักศึกษาที่เข้าแข่งขันจะจัดแสดงให้ชื่นชมที่หอศิลป์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๓o ธันวาคม ๒๕๕๗ แวะไปกันได้.

ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipost.net
komchadluek.net

การแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๗

หอศิลป์ มหาวิทยาลัยศิลปากรและหอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน โดยสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย ขอเชิญทุกท่านชมการแสดงศิลปะเครื่องปั้นดินเผาแห่งชาติ ครั้งที่ ๑๗ ระหว่างวันที่ ๑๑ พย. - ๒๑ ธ.ค. ๒๕๕๗ ณ ห้องนิทรรศการชั้น ๒-๓ หอศิลป์ร่วมสมัยราชดำเนิน เวลา ๑o.oo-๑๙.oo น. ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์ ผลงานศิลปะดินเผาจากศิลปินชั้นนำที่มีความงดงามและล้ำหน้าทั้งในเชิงเทคนิคและในเชิงศิลปะหลากหลากชิ้น จะจัดแสดงให้ชมโดยไม่มีค่าใช้จ่าย

* พิธีเปิดอย่างเป็นทางการจะมีขึ้นในวันที่ ๑๒ ธ.ค. ๒๕๕๗ โปรดติดตามรายละเอียดได้ในโอกาสต่อไป รายละเอียดเพิ่มเติมโทร o๒-๔๒๒-๘๘๓๗ (สศร.)

ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Art Eye View

เทศกาลสุดเก๋...ศิลปะตู้เย็น

ตู้เย็นเก่า ๆ อาจจะเป็นของไร้ประโยชน์ แต่หลายคนมักจะเก็บไว้ แต่ที่เมืองดาร์วิน ในออสเตรเลีย มีการนำตู้เย็นเก่าออกมาจากโรงรถ และห้องเก็บของ นำมาปรับปรุงตกแต่งใหม่ สำหรับส่งมาร่วมในนิทรรศการริมน้ำที่ไม่มีใครเหมือน

เทศกาลตู้เย็น หรือ Fridge Festival ปีนี้ จัดมาเป็นปีที่ ๕ แล้ว และปีนี้มาผู้ส่งตู้เย็นสีขาวที่ถูกนำมาทาสีใหม่จนสดใส แทบจำไม่ได้ มาเข้าร่วมมากเป็นประวัติการณ์ถึงกว่า ๔o ตู้

โอลี ดับสกี ผู้จัดงานกล่าวว่า นี่คือตัวอย่างของการนำเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ไม่ใช้งานแล้ว มาทำเป็นชิ้นงานศิลปะ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า พวกเขาสามารถทำอะไรกับขยะได้บ้าง เพื่อให้มันกลับมีชีวิตขึ้นมา หลังจากที่ไม่ได้ทำงานแล้ว

วัตถุประสงค์ขอเทศกาลนี้ ต้องการกระตุ้นให้มีการนำข้าวของมารีไซเคิล หากไม่ทำเช่นนี้ จะกลายเป็นขยะที่ไม่มีประโยชน์อะไร

และงานนี้ก็โดนใจชาวเมืองดาร์วิน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่า ตู้เย็นให้ความรู้สึกที่เย็นฉ่ำชื่นใจ เพราะที่นั่น มีสภาพอากาศแบบร้อนชื้น

ผู้มาชมงานบางคนบอกว่า ตู้เย็นที่นำมาประดับตกแต่งมีความเป็นศิลปะมาก ทั้งยังดีสำหรับการรีไซเคิล บ้างบอกว่าตู้เย็นที่ชอบ น่าจะเป็นตู้เย็นแนว ๓ มิติ

ดับสกี กล่าวว่า ทุกคนในรัฐนอร์ทเทิร์น เทอร์ริทอรี สามารถพูดได้หมด เรื่องความสำคัญของตู้เย็น ที่กลายเป็นเสมือนเครื่องหมายการค้าของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพอากาศร้อน ๆ แบบนี้ เมื่อทุกอย่างมันร้อนไปหมด และตู้เย็นก็เป็นอะไรที่ช่วยดับร้อนได้

สำหรับงานปีนี้ มีผู้ส่งตู้เย็นเข้ามาแสดงจากต่างประเทศด้วย เด็ก ๆ ก็ส่งเข้ามาประกวดประชันเช่นกัน เด็กบางกลุ่มมีอายุแค่ ๑๒ ขวบ และพวกเขาตกแต่งตู้เย็นให้บอกเล่าถึงเรื่องราวในตำนานของออสเตรเลีย อาทิ เรื่องราวของ เน็ด เคลลีย์ จอมโจรในตำนาน เพราะเคยได้เรียนรู้เรื่องของเขาในวิชาภาษาอังกฤษ

ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net

วาดรูปงานดอกไม้ไทยด้วยสีน้ำ

กิจกรรมดี ๆ โดนใจคนรักการวาดภาพสีน้ำ

พลาดไม่ได้กับ วาดรูปงานดอกไม้ไทยด้วยสีน้ำ โดยครูมาโนช

ผู้ระบายอายหอมของดอกไม้ด้วยปลายพู่กัน

Workshop โดย มาโนช กิตติชีวัน ในโลกของงานวัฒนธรรมดอกไม้ไทย

วาดรูปงานดอกไม้ไทยด้วยสีน้ำ

คลาสเดียวเท่านั้น สำหรับเดือนพฤศจิกายน

ทั้งวันเสาร์ที่ ๒๒ และวันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ เวลา ๑๓.oo-๑๘.oo น.

ที่เดียวเท่านั้น ที่พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้

สนใจขอรายละเอียดเพิ่มเติม และลงทะเบียนเรียนได้ที่ พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้

โทร. o๒-๖๖๙-๓๖๓๓-๔ วันอังคารถึงวันอาทิตย์ ๑o.oo น. ถึง ๑๘.oo น.

สมัครด่วน รับจำนวนจำกัด

ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคพิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมดอกไม้

สอนทำดอกไม้กระดาษ

เปิดบ้านสอนดอกไม้กระดาษ Basic1

๒๒-๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗ / ๔,๕oo บาท

สมัครทาง Lind id : paperart และกล่องข้อความแฟนเพจ

๑ กลุ่มเรียนไม่เกิน ๖ คน ที่บ้าน บรมราชชนนี ๑๗

Basic 1 แพทเทิร์น ๔-๘-๑๒ กลีบ ให้เป็นดอกไม้ได้หลายชนิด

Basic 2 แพทเทิร์น ๑-๕ กลีบ ให้เป็นกุหลาบและดอกไม้ได้หลายชนิด (ต้องผ่าน Basic 1 )

มีวัสดุอุปกรณ์ให้พร้อม ใช้กระดาษเรเนซองซ์/แคนสัน ๒๒o แกรม

และใช้อุปกรณ์พื้นฐานการทำงานฝีมือทั่วไป

ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Thaipaperart

DIS/APPEAR

นิทรรศการ "สูญหาย/ปรากฏ : DIS/APPEAR" ผลงานโดย ทวีศักดิ์ มูลสวัสดิ์ (Taweesak Molsawat) จัดแสดงระหว่างวันที่ ๒o พฤศจิกายน - ๒๖ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ATTA Gallery

สูญหาย/ปรากฏ:ภาพคลุมเครือระหว่างสถานะทางวัฒนธรรมกับ ความจริง “ศิลปะสื่อสารผ่านทั้งรูปธรรมและนามธรรม หากแต่เนื้อหาสาระของศิลปะ ก่อกําเนิดจากวัฒนธรรมและสังคม ดังนั้น ศิลปะจึงเป็น เครื่องมือในการตรวจสอบและกําหนดรูปแบบวัฒนธรรมและสังคมอย่างลึกซึ้งและสร้างสรรค์”

ทวีศักดิ์ มูลสวัสดิ์

ผลงานชุด “สูญหาย/ปรากฏ: ภาพคลุมเครือระหว่างสถานะทางวัฒนธรรมกับความจริง” นําเสนอมุมมองของศิลปินเกี่ยวกับ ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการยึดครองและควบคุมโดยอิทธิพลทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมในระบบทุนนิยมและสังคมโลกาภิวัตน์ ศิลปะ เครื่องประดับชุดนี้เป็นการสํารวจและตั้งคําถามกับบทบาทและหน้าที่ของเครื่องประดับเดิม(เหรียญตรา)ในเชิงสัญญะและการเป็นตัวบ่งชี้ ทางวัฒนธรรมและสังคม

ศิลปินนําเสนอทวิภาวะของความย้อนแย้ง ระหว่างความตึงเครียดและความยืดหยุ่น, มายาคติและความจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชุดความคิดเดิมของวัตถุทางวัฒนธรรมกับชุดความคิดใหม่ของงานศิลปะเครื่องประดับ ผ่านการถอนรื้อประสบการณ์และความสัมพันธ์ เชื่อมโยงเดิมของสิ่งที่คุ้นเคยและเข้าใจ ประกอบสร้างขึ้นในบริบทใหม่ นําเสนอประสบการณ์การมีปฏิสัมพันธ์ใหม่ระหว่าง เครื่องประดับกับร่างกายผู้สวมใส่ในเชิงทฤษฎีและมโนคติ รวมทั้งสภาวะความย้อนแย้งและ คลุมเครือของชิ้นงาน

ผลงานศิลปะเครื่องประดับนี้ เป็นตัวกระตุ้นหรือตัวเร่งปฏิกิริยา ในการตั้งคําถามและกระตุ้นให้เกิดการแปลความหมายใหม่ รวมทั้งให้เกิดความคิด ด้วยวิธีการสื่อสารปลายเปิด ก่อให้เกิดพื้นที่ว่างทางความคิด เพื่อการค้นหาความเป็นไปได้ของคําตอบ ด้วยประสบการณ์ส่วนตัวของผู้ที่พบเห็น

ภาพและข้อมูลจากเวบ
contestwar.com

DON’T QUIT YOUR DAY DREAM

การแสดงผลงานกลุ่มของ ๙ ศิลปิน ได้แก่ อรรถสิทธิ์ ปกป้อง, กมล ตามสีวัน, คธา แสงแข, โกวิท วัฒนราช, ปอม จิตประทักษ์, พไรวา ไรวา, สักใหญ่ มงคลประเสริฐ, โซอิชิโร ชิมิซึ และ สุชน สุจิต

ศิลปินรวมตัวกันเฉพาะกิจเพื่อสร้างสรรค์พื้นที่งานศิลป์ บนบ้านใหม่ของ ก้อย อาร์ต แกเลอรี่

นิทรรศการ DON’T QUIT YOUR DAY DREAM (อย่าหยุดที่จะฝัน)

วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน – ๓๑ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ เวลา ๑๑.oo - ๑๙.oo น.

ณ ก้อย อาร์ต แกเลอรี่ ๒๔๕ ซอยสุขุมวิท ๓๑ (ซอยสวัสดี) เขตวัฒนา กรุงเทพฯ โทร o-๒๖๖๒ -๓๒๑๘

ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุค Art Eye View

Iwatsuki Doll Making Workshop

ตุ๊กตาอิวะทสึกิเป็นหนึ่งในงานหัตถกรรมแบบดั้งเดิมของประเทศญี่ปุ่นที่มีอายุย้อนกลับไปถึงยุคเอโดะ ตุ๊กตาอิวะทสึกิมีต้นกำเนิดจากเมืองอิวะทสึกิซึ่งเป็นที่รู้จักกันในฐานะของแหล่งผลิตตุ๊กตาญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม

วัสดุสำคัญที่ใช้ในการทำตุ๊กตาคือไม่พอโลเนียซึ่งหาได้ทั่วไปในพื้นที่ของจังหวัดไซตามะ ตุ๊กตาอิวะทสึกิมักใช้ตกแต่งในบ้านตามเทศกาลสำคัญต่าง ๆ เช่น เทศกาลเด็กหญิง หรือฮินะมัตสึริ (Hinamatsuri) และเทศกาลเด็กชาย หรือทังโงะโนะเซกขุ (Tango no Sekku)

สมาคมความร่วมมือตุ๊กตาอิวะทสึกิ (Iwatsuki Doll Cooperative Association) ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๕๒o และ สมาคมตุ๊กตาอิวะทสึกิฮินะ (Iwatsuki Hina Doll Association) ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๘ เป็นหน่วยงานที่ส่งเสริมการทำตุ๊กตาอิวะทสึกิในประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันสมาคมมีกลุ่มธุรกิจ ช่างฝีมือ ร้านค้าปลีกและร้านค้าส่งรวมกันถึง ๖๙ แห่ง

ปี พ.ศ. ๒๕๕o จังหวัดไซตามะได้จดทะเบียนตุ๊กตาอิวะทสึกิให้เป็นผลิตภัณฑ์อันดับ ๒ ของเครื่องหมายการค้าร่วมกันในภูมิภาค (Regional Collective Trademarks)โดยสำนักสิทธิบัตรแห่งประเทศญี่ปุ่น (Japan Patent Office) ในโอกาสนี้ เจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ มีความภูมิใจอย่างยิ่งที่จะจัดงาน Iwatsuki Doll Making Workshop ระหว่างวันที่ ๒๑ และ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗ ที่จังหวัดปทุมธานีและจังหวัดเชียงใหม่ ตามตารางเวลาด้านล่างนี้

ครั้งที่ ๑

วันศุกร์ที่ ๒๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗
ณ ห้อง ๑-๗o๒ ชั้น ๗ อาคารอาทิตย์ อุไรรัตน์
มหาวิทยาลัยรังสิต จังหวัดปทุมธานี (อาคาร ๑) ชั้น ๗
เวลา ๑๓.oo-๑๖.oo น.

ครั้งที่ ๒

วันอาทิตย์ที่ ๒๓ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗
ณ ห้องประชุม อาคารสำนักสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่
เวลา ๑๓.oo-๑๖.oo น.

(รับเพียง ๓o คนต่อหนึ่งรอบเท่านั้น นักศึกษามหาวิทบาลัยและบุคคลทั่วไปสมารถสมัครได้ ไม่เสียค่าใช้จ่าย**ต้องลงทะเบียนล่วงหน้าเท่านั้น**)
*ลงทะเบียนวันนี้ถึงวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๗*
*วิทยากรบรรยายภาษาญี่ปุ่นและมีล่ามแปลเป็นภาษาไทย*

ผู้สนใจกรุณาติดต่อ : เจแปนฟาวน์เดชั่น กรุงเทพฯ
ชั้น 10 อาคารเสริมมิตร ทาวเวอร์ ๑๕๙ ถนนสุขุมวิท ๒๑ กรุงเทพฯ ๑o๑๑o
เบอร์โทร : o๒-๖o๘-๕๖o-๔ โทรสาร o๒-๖o๘-๕๖๕
อีเมล : patsri@jfbkk.or.th

ภาพและข้อมูลจากเวบ
jfbkk.or.th
artbangkok.com

Singha Soda So in Art So in Love 2014

จัดงานต่อเนื่องกันมาเป็นปีที่ ๓ แล้ว สำหรับเทศกาลดนตรีส่งท้ายปีเก่าในบรรยากาศโรแมนติกที่แฟน ๆ รอคอย คอนเสิร์ต “Singha Soda So in Art So in Love 2014” โดยในปีจัดงานภายใต้คอนเซ็ปต์ “เทศกาลดนตรีสุดซ่า สุดชิค และโรแมนติก ใจกลางวินเทจคาร์นิวัล” โดย โซดาสิงห์

ได้จำลอง การตกแต่งด้วยธีม “คาร์นิวัลวินเทจ” ที่ได้ยกทัพศิลปินหลากหลายสังกัดค่ายเพลงมารวบรวมไว้ที่เวทีแห่งนี้กว่า ๕o ชีวิต ทั้งในสังกัดของ สหภาพดนตรี อาทิ เช่น นิกกี้ เทริโอ, ต้อง&เจนนี่, เวย์สเตชั่น และศิลปินดังจากทุกค่าย อาทิ พีโอพี, สิงโต นำโชค, เบิร์ดกับฮาร์ท, อีทีซี, เบน ชลาทิศ, ลิปตา และอีกมากมาย มาเปิดคอนเสิร์ตท่ามกลางบรรยากาศขุนเขา โดยการทำงานร่วมกันของ โซดาสิงห์ , สหภาพดนตรี และ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม เพื่อมอบความสุขส่งท้ายปีให้กับทุกคน ซึ่งปีนี้จัดขึ้น วันเสาร์ที่ ๑๓ ธันวาคม ๒๕๕๗ ณ ซีนเนอรี่ วินเทจ ฟาร์ม อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี

สามารถหาซื้อบัตรคอนเสิร์ตได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา บัตรราคา ๑,๒oo บาท หาซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพร้อมด้วยโปรโมชั่นพิเศษให้ได้เลือกกันถึง ๓ โปรโมชั่น คือ Early Bird ซื้อบัตรตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ ๔ พฤศจิกายนนี้ ลดทันทีจากบัตรราคา ๑,๒oo บาทเหลือเพียง ๙oo บาท, โปรโมชั่น ซื้อยกก๊วน ซื้อ บัตร ๔ ใบ ในราคาปกติ ๑,๒oo บาท แถม ๑ ใบทันทีและ โปรโมชั่นฝาผลิตภัณฑ์โซดาสิงห์ จำนวน ๔ ฝา ลด ๑๕% ตั้งแต่วันที่ ๔ พฤศจิกายน ถึง วันที่ ๑๒ ธันวาคม ๒๕๕๗ และสามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลการจัดงานเทศกาลคอนเสิร์ต“Singha Soda So in Art So in Love 2014” ได้ทาง เฟซบุคงาน

ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com
เฟซบุคงาน

ควง Lido DVD คล้องแขน CAP ไปงานหนังและเพลงที่เชียงใหม่
นันทขว้าง สิรสุนทร

แม้ “แวมไพร์” จะมาป๊อปปูลาร์ มากกว่าพวก “อัศวินราชวงศ์” ในอดีต แม้ว่าตัวละครพวกเทพเจ้า(paranormal) จะมาแทนที่พวก “เจ้าหญิงเจ้าชาย” แต่โลกก็ยังต้องดูหนังไปตามความรู้สึกของเขา

แม้ว่าเพลงแร็พจะกลายเป็นเทรนด์ มาแทนที่เฮฟวี่เมทัล แม้ว่าฮิพฮอพ จะกลายมาเป็นเพลงนิยมของยุค Gen Y และกลายเป็นเพลงประกอบงานอีเวนท์ของสินค้าหลายตัว แต่มนุษย์ก็ยังต้องการดนตรี มาปลุกเร้า และกล่อมเกลา

โลกยุคใหม่เสพวัฒนธรรมบันเทิงเปลี่ยนไปจากเดิมมาก แต่ที่น่าดีใจก็คือ ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปทิศทางไหน คนก็ยังเลือกจะรื่นรมย์กับสิ่งเหล่านี้ ไม่เว้นแม้แต่ “สื่อ” ที่ทำหน้าที่เชื่อมกลางระหว่างศิลปะต่าง ๆ

แนวคิดแบบนี้เองทำให้ ม.เชียงใหม่ เชิญผมไปบรรยายให้นักศึกษาป.โทฟังในสุดสัปดาห์นี้ เพราะว่ากันตามจริง หนังหรือเพลงที่วางขายอยู่ตลอดมา ล้วนมีแง่งามและมุมที่ลุ่มลึกให้เราตีความ (interpretation)

เช่นเสื้อสีแดงของโรสใน Titanic, สีเขียวที่ย้อมในหนัง Great Expectation, กรอบต่าง ๆ ในหนัง The Graduate ล้วนมีความหมาย มีความหมายเหมือนทำไมเพลง My Heart Will Go On จึงดังขึ้นในนาทีนั้นนาทีนี้ใน Titanic หรือ Gonna Fly Now ทำไมต้องถูกเปิดในฉากนั้นของ Rocky

พอถูกเชิญไปสอน เลยคุยกับอาจารย์ว่าอยากเสวนาเพิ่มเกี่ยวกับธุรกิจหนังและเพลง ภาพยนตร์และดนตรี เพราะร้านที่ไปซื้อประจำมาหลายปีอย่าง CAP กับ DVD Lido ก็มีทัศนะที่น่าสนใจต่อการทำธุรกิจบันเทิงที่ว่านี้

สรุปกันไปมา เลยได้ชวนทั้งสองร้านไปร่วมงานที่มช. แลกเปลี่ยนความคิดกันตามความเหมาะสม

คงไม่ต้องเล่าแล้วว่า ร้าน DVD ใต้โรงลิโด้นั้น เป็นร้านโปรดของนักวิจารณ์และคนดูหนังทางเลือกมากแค่ไหน ผู้กำกับหลายคนและนักวิจารณ์หลายท่าน รวมไปถึงแฟนหนัง รู้จักร้านนี้เป็นอย่างดี

กิตติ พิพัฒน์ธาราสกุล เจ้าของร้านบอกว่า ที่ร้านมีหนังแปลก ๆ ทั้งในกระแสและนอกกระแสอยู่หลายเรื่อง ทำให้แฟนหนังอินดี้หรือหนังหาดูยาก แวะเวียนมาถามถึงหนังเรื่องอื่นๆ อยู่บ่อยๆ

“หลายคนให้ความกรุณามาถามหาหนังเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าเรื่องไหนเราไม่มี ก็จะใช้เวลาตามหาให้ บางเรื่องเลิกทำไป เราก็พยายามเสาะหาแผ่นที่อาจจะยังหลงเหลืออยู่ หรือบางทีนึกสนุกขึ้นมา ก็ร่วมกับร้าน CAP ซื้อหนังลิขสิทธิ์ในทำในแบบของเราเอง”

“คุณทิ้ว” ชื่อเล่นของเขาที่ลูกค้ารู้จักบอกว่า การจัดอันดับหนัง ตระกูลหนัง จัดหนังหายาก หนังรางวัล ทำให้คนซื้อสนใจ เพราะได้ทราบข้อมูลที่อาจลืมไป เขาบอกว่าปลายปีนี้จะมีหนังดี ๆ หลายเรื่อง ที่เราขายในราคา ๖๙-๙๙ บาท เพราะเป็นช่วงขายดีของปี

“ที่ต้องกราบขอบคุณแฟน ๆ เลยก็คือ ยอดขายแบบปรากฏการณ์ดีสุดของร้าน นั่นคือบ็อกเซ็ทหนังจิบลิ ซึ่งเราตั้งเป้าขายแค่ ๑,ooo ชุด แต่ตอนนี้กำลังทำยอดสู่ ๓,ooo ชุด เป็นหนังขายดีสุดของร้าน และขายได้ตลอดเวลา ซึ่งเป็นเรื่องที่เราตั้งใจทำบ็อกเซตให้ออกมาสวย ๆ กันมาก เพราะคนซื้อก็ชอบแพ็กเกจ รูปลักษณ์ หน้าปกสวยๆ เหมือนกัน”

ถ้าร้าน Lido DVD เป็นหนังลิขสิทธิ์ราคาถูก ลองเข้าไปในร้าน CAP ที่อยู่ในห้าง ก็จะเป็นภาพเดียวกัน แต่อยู่ตามศูนย์การค้า ผมเป็นแฟนแผ่นเสียงและแผ่น CD ทำใหม่ บันทึกเสียงใหม่ ที่ทางร้านทำออกมาเรื่อย ๆ

สุรเชษฐ์ ปิยวัชรวิจิตร ทายาทเจ้าของร้าน CAP ซึ่งยังไม่หายโศกเศร้าจากฟอร์มการเล่นของลิเวอร์พูล บอกกับ “คมชัดลึก” ว่า

“ปี ๒๕๕๗ นี้ ต้องเรียกว่าเป็นปีประวัติการณ์ของร้าน CAP อย่างแท้จริง เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่เราได้รับสิทธิ์ในการผลิต และจัดจำหน่ายอัลบั้มเพลงไทย ระดับตำนานในหลาย ๆ อัลบั้ม ซึ่งรวมถึงอัลบั้มยอดขายล้านตลับในอดีตอย่าง "แกรนด์เอ็กซ์โอ" และรวมถึงอัลบั้มที่จะวางแผงปลายปีนี้อย่าง "เมด อิน ไทยแลนด์ Collection" ด้วย”

เขาบอกว่าถ้านับจากอัลบั้มแรก คือ "โฟล์คซองคำเมือง ชุดอมตะ ๑ และ ๒" จนถึง "เมด อิน ไทยแลนด์ Collection " เท่ากับว่า ร้าน CAP ได้ฝากผลงานเพลงไทย ในมาตรฐานระดับพรีเมียม รวม ๑๓ อัลบั้มแล้ว

“ส่วนเรื่องของหนัง นอกเหนือจากปรากฏการณ์ "Ghibli" ที่สร้างยอดขายแซงหน้าหนังฮอลลีวู้ดแถวหน้าแล้ว ถือได้ว่าปลายปีนี้ จะเป็นช่วงวันหยุดที่เหมาะที่สุด สำหรับการมาเลือก DVD หนังดี ๆ ในราคาที่พิเศษสุด พร้อมโปรโมชั่นสำหรับสมาชิกร้าน CAP ไว้เลือกดูกันแบบ Non-Stop เรียกได้ว่าปลายปีนี้ มาร้าน CAP ได้บันเทิงทั้ง "หนังและเพลง" กันแบบจุใจครับ”

ไล่หลังถ้อยคำนี้ไม่นานมาก ทั้งสองร้านคงโบยบินไปกับนกเหล็ก ซึ่งเมื่อรวมกับผมแล้ว จะเป็นแขก ๓ ท่านที่ อ.โต้ง ธีรพัฒน์ แห่งม.เชียงใหม่และเป็นดีเจมายาวนานของเมืองเหนือ จะมารับตัวที่สนามบิน เพื่อร่วมงานที่จัดขึ้น (แง่มุมดี ๆ คงจะได้ถ่ายทอดเป็นตัวอักษรอีก)

โลกเปลี่ยนไปมาก แต่ศิลปะก็ยังอ่อนโยนต่อมนุษย์ มีมุมนั้นของหนังให้รื่นรมย์ มีแง่งามของเพลงให้ค้นหา

ความรักก็ด้วย

ภาพและข้อมูลจาก
คอลัมน์ "หนังโรงเล็ก" นสพ.คม ชัด ลึก ๑๔ พ.ย. ๒๕๕๗
komchadluek.net

Man Of Expiration

อาร์ท คาเฟ่ โดย บราวน์ ซูก้า และ เอ็กโซติกอาร์ท ขอเสนอนิทรรศการกลุ่ม ภายใต้ชื่อ “Man Of Expiration” เป็นนิทรรศการของ ๓ ศิลปิน ที่เคลื่อนไหวอยู่ในวงการศิลปะและแวดวงดนตรี คนแรกคือ สุธน สุขพิทักษ์ (ตุ๊ แครี่ออน) นักดนตรี นักแต่งเพลงมีผลงาน ผ่านมาหลายชุด แต่ครั้งนี้จะนำเสนอ ผลงานภาพถ่ายชีวิตชาวนาอุทัยธานี ซึ่งเป็นที่ๆเขาพำนักอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ ผลงานภาพถ่ายขาว-ดำของชีวิตชาวนาประกอบเพลงในเดี่ยวคอนเสิร์ตครั้งแรกของ ตุ๊ แครี่ออน! ในวันเดียวกัน

ศิลปินคนที่สองคือ มานะ ภู่พิชิต ศิลปินที่มีผลงานสีน้ำที่สวยโดดเด่นเป็นธรรมชาติเน้นอารมณ์ความรู้สึกของสภาวะตัวตนภายใน นานหลายปีแล้วที่มานะ ภู่พิชิต ไม่ได้แสดงงานศิลปะ เพราะได้ย้ายสำมะโนครัวไปที่จังหวัดอุทัยธานี เช่นเดียวกับตุ๊ แครีออน มานะ ภู่พิชิต พลิกผันตัวเองเป็นชาวนา ปลูกข้าวออร์แกนิค และยังคงวาดภาพอย่างต่อเนื่อง

ทวิช ชุน ช่างภาพมืออาชีพ ผู้เป็นทั้งนักวรรณกรรมตัวยง มีผลงานตีพิมพ์หลายเล่มมีผลงานทางวรรณกรรมทั้งบทความแปล วิจารณ์วรรณกรรมในโลกหนังสือ และงานเขียน งานแปลของ เฮอมานน์ เฮสเสะ, เรื่องสั้นละตินอเมริกัน มาเควซ, และ ฮวน รุลโฟ, งานกวี รพินทรนาฏ ฐากูร ฯลฯ มีงานเขียนกวีความเรียงตีพิมพ์ออกมา ๑ เล่มโดยใช้ชื่อ สุคนธ์ แคแสด แต่ในนิทรรศการครั้งนี้ ทวิช ชุน ขอนำเสนอผลงานชุด “The Portrait of Artist” ผลงานภาพถ่ายขาว-ดำ ของใบหน้าศิลปินไทยผู้ที่คร่ำหวอดและมีชื่อเสียง มีผลงานอย่างต่อเนื่องในวงการศิลปะและแวดวงดนตรี ผลงานภาพถ่ายใบหน้าของศิลปินสาขาต่าง ๆ โดยส่วนใหญ่มุ่งเน้นไปที่ศิลปินกลุ่มรักษ์ผืนป่าตะวันตกอาทิเช่น ศิลปินแห่งชาติ อาจารย์ทวี รัชนีกร, สุรชัย จันทิมาธร ศิลปินแห่งชาติ, น้าหว่อง มงคล อุทก, สมภพ บุตรราช และ วสันต์ สิทธิเขตต์, เสนีย์ แช่มเดช และ ไพศาล เปลี่ยนบางช้าง เป็นต้น

ภาพและข้อมูลจากเวบ
artbangkok.com

คามาอิชิที่ฉันรัก

งานแสดงภาพเขียน ที่เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับผู้คน สถานที่ต่าง ๆ ในเมืองคามาอิชิ เมืองที่ "เคียวโกะ อาเบะ" เคยไปใช้เวลาหนึ่งปีเต็มวาดภาพแห่งความหวังลงบนกำแพงยาว ๔๓ เมตร สูง ๘ เมตร หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวและคลื่นสึนามิ

คามาอิชิที่ฉันรัก ( Kamaishi, the city I love) วันที่ ๑๕ พฤศจิกายน - ๒๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๗ ณ อักโกะอาร์ตแกลเลอรี่ ถนนสุขุมวิท (ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ- ซอย ๔๙)

ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th

ใบตองครองเมือง "๓ เมืองกล้วย"

ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ถนนศรีนครินทร์ ชวนเช็กอินความอร่อยกับอาหารสารพัดเมนู...ถิ่นแดนกล้วยในงานใบตองครองเมือง ตอน "๓ เมืองกล้วย" ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๗ บริเวณลานน้ำพุ ชั้น ๑ ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์ ในบรรยากาศการค้าขายตลาดไทยโบราณ ๓ เมือง ๓ สไตล์ ในคราวเดียว "ตลาดนครชุม" จังหวัดกำแพงเพชร แดนดินถิ่นกล้วยไข่ "ตลาดท่าเรือ" จังหวัดหนองคาย เมืองกล้วยน้ำว้า และ "ตลาดท่าน้ำข้ามภพ" จังหวัดเพชรบุรี ขึ้นชื่อเรื่องกล้วยหอม พร้อมเลือกชิมอาหารพื้นเมืองเลิศรส ช้อปของดี ๓ จังหวัด และเลือกชมกล้วยสายพันธุ์หาชมยากนานาชนิด

นาย จรัญ ผู้พัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักสื่อสารการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์บริษัท ซีคอน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยถึงแนวคิดงานว่า งานนี้จัดขึ้นเพื่อให้ลูกค้าและประชาชนทั่วไปได้ลิ้มลองอาหารพื้นเมือง รวมถึงศึกษาถึงวิถีชีวิตความเป็นอยู่ การค้าขายของคนในท้องถิ่น

รวมถึงการส่งเสริมให้อาหารและขนมไทยยังคงมีสืบต่อไปจากรุ่นสู่รุ่น โดยจำลองบรรยากาศตลาดโบราณที่มีเอกลักษณ์จาก ๓ เมืองใหญ่ อันเป็นเมืองที่ขึ้นชื่อในการเป็นแหล่งเพาะปลูกกล้วย ๓ สายพันธุ์ ได้แก่ ตลาดนครชุม จังหวัดกำแพงเพชร แดนดินถิ่นกล้วยไข่ ซึ่งมีจุดเด่นในเรื่องของขนบธรรมประเพณี ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของท้องถิ่นที่ได้รับการสืบทอดนับจากอดีตถึงปัจจุบัน

ตลาดท่าเรือ จังหวัดหนองคาย เดิมทีเป็นด่านศุลกากรจังหวัดหนองคาย ใช้เพื่อข้ามฟากจากประเทศไทยไปยังสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ก่อนจะกลายมาเป็นตลาดโบราณ พิพิธภัณฑ์ผ้าไทย และศูนย์รวมสินค้าที่มีความหลายของประเทศในแถบอินโดจีน อาทิ ลาว, เวียดนาม, ไทย ถือเป็นจังหวัดที่มีการจัดเทศกาลกล้วยน้ำว้าที่ใหญ่ที่สุด

ตลาดน้ำข้ามภพ หรืออีกชื่อหนึ่งคือท่าย์น้ำข้ามภพ จังหวัดเพชรบุรี ตลาดที่มีแม่น้ำเพชรบุรีไหลผ่านกลางแบ่งพื้นที่สองฟากของ ๒ ตำบล ต่อมามีการพัฒนาเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของอาหารการกินมากที่สุด มีตั้งแต่ข้าวแกง ปลาเผา จนถึงขนมโบราณที่หากินได้ยาก และเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพในการผลิต และส่งออกกล้วยหอมไปยังตลาดญี่ปุ่นมากที่สุด

ทั้งนี้ ผู้ที่มาเยี่ยมชมภายในงาน จะได้ลองลิ้มชิมรสเมนูอาหารพื้นเมืองจากทั้ง ๓ จังหวัดที่มีความอร่อยหลากหลายในราคาย่อมเยา อาทิ จังหวัดหนองคาย แหนมเนือง ก๊วยจั๊บญวน หมูยอ ส้มตำไก่ย่าง จังหวัดกำแพงเพชร กล้วยไข่ กระยาสารท เฉาก๊วย จังหวัดเพชรบุรี ข้าวแช่ น้ำตาลสด ลูกตาลเชื่อม ขนมหม้อแกง อาหารทะเล ฯลฯ รวมถึงอาหารไทยคาวหวานที่ทำจากทุกส่วนของกล้วยนานาชนิดในบรรยากาศไทย ๆ กับการแต่งกายของแม่ค้าพ่อค้า พร้อมรณรงค์ให้ทุกร้านค้ามีการใช้ใบตองเป็นภาชนะใส่อาหาร ไม่ว่าจะเป็นกระทงใบตองหรือห่อใบตอง หรือภาชนะที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติ

พร้อมเลือกช้อปจุใจของดี ๓ จังหวัด ผ่อนคลายกับมุมพักผ่อนเก๋ ๆ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ และความรู้เกี่ยวกับบรรดากล้วยสายพันธุ์ชนิดตาง ๆ ซึ่งหาชมยาก อาทิ กล้วยเทพพนม, กล้วยน้ำว้าพระราชทาน, กล้วยปิซัง, อัมเปียง, กล้วยกล้าย, กล้วยงาช้าง, กล้วยนาก, กล้วยครั่ง, กล้วยนมสาว, กล้วยนมราชสีห์, กล้วยนมหมี, กล้วยนมแพะ และกล้วยหิน แวะมาเช็กอินความอร่อย...ถิ่นแดนกล้วยได้ในงาน ใบตองครองเมือง ตอน "๓ เมืองกล้วย" ระหว่างวันที่ ๒๑ - ๓o พฤศจิกายน ๒๕๕๗ บริเวณลานน้ำพุ ชั้น ๑ ศูนย์สรรพสินค้าซีคอนสแควร์

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

โทร o-๒๗๒๑-๘๘๘๘ ต่อ ๓๑๓, ๓๑๔, ๓๒๖ หรือ เฟซบุค และ seaconsquare.com

ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaifranchisecenter.com

บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor

Create Date : 14 พฤศจิกายน 2557

Last Update : 15 พฤศจิกายน 2557 9:10:51 น.

0 comments

Counter : 3026 Pageviews.