happy memories
Group Blog
 
<<
มกราคม 2558
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
8 มกราคม 2558
 
All Blogs
 
เสพงานศิลป์ ๑๗๙





ภาพจากเวบ deviantart.com





"ฉันได้จากโลกนี้ไปแล้วโดยไม่เสียใจ

เพราะฉันได้อุทิศชีวิตของฉันให้กับ

บางสิ่งที่เป็นประโยชน์

ในฐานะเป็นผู้รับใช้ที่ต่ำต้อย

ในงานศิลปของฉัน

ชีวิตนั้นสั้น....แต่ศิลปะยืนยาว


ศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี





Romance - Yuhki Kuramoto










เทิดพระเกียรติเจ้าฟ้านักพัฒนา


สมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจมากมายนานัปการ ล้วนเป็นประโยชน์ต่อประชาชน สังคม และประเทศชาติ ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี พระราชปนัดดา ทรงสืบสานพระราชปณิธานบำเพ็ญพระราชกรณียกิจ เพื่อสร้างประโยชน์สุขและพัฒนาคุณภาพชีวิตปวงชนชาวไทยเช่นกัน ในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๖o พรรษา ในปีนี้ อีกทั้งรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า มูลนิธิสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จึงจัดนิทรรศการเทิดพระเกียรติ "ศรีสวรินทิรากรณียานุกิจ สิรินธรพินิจราชกรณียานุการ" เผยแพร่พระราชประวัติและพระราชกรณียกิจ อันเป็นแบบอย่างในการทำประโยชน์แก่ชาติบ้านเมืองและยังประโยชน์สุขแก่ประชาราษฎร์


ในวันแถลงข่าวเปิดนิทรรศการ ชวลี อมาตยกุล กรรมการและเลขานุการมูลนิธิฯ เล่าว่า สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงทำอะไร สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ทรงนำมาพินิจแล้วต่อยอดสิ่งเหล่านั้น ซึ่งเนื้อหาหลักในนิทรรศการนำเสนอพระราชกรณียกิจ ๔ ด้านของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสืบสาน ได้แก่ ด้านการศึกษา ด้านวัฒนธรรม ด้านวิทยาศาสตร์ประยุกต์หรือสาธารณสุข และด้านมนุษยชาติ






ด้านการศึกษา สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงสนับสนุนให้พระบรมวงศานุวงศ์ และข้าราชบริพาร เข้าศึกษาทั้งในและต่างประเทศเพื่อให้นำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศชาติ พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นทุนการศึกษา จัดสร้างสถานศึกษา เป็นโอกาสให้เยาวชนไทยได้ศึกษาหาความรู้ เพื่อประกอบอาชีพและเลี้ยงดูครอบครัว สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงสืบสานพระราชดำริส่งเสริมการศึกษาทั้งในและนอกระบบ โดยเฉพาะในถิ่นทุรกันดารให้เข้าถึงระบบการศึกษา ทรงสร้างความเข้มแข็งแก่โรงเรียนด้วยโครงการในพระราชดำริด้านต่าง ๆ ที่ทรงดำเนินการเป็นขั้นตอนมากว่า ๓o ปี นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาการศึกษาของสามเณร อีกทั้งทรงช่วยเหลือเพื่อนบ้านอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นเมียนร์ม่า กัมพูชา ลาว หรือบังกลาเทศ ด้วยทรงมีแนวพระราชดำริว่าเราจะโตคนเดียวไม่ได้เพื่อนรอบข้างต้องโตไปด้วยกันหากเห็นแก่ตัวก็จะมีแต่ปัญหา


ด้านการธำรงรักษาสมบัติทางวัฒนธรรม สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงมีคุณูปการด้านวัฒนธรรม ประเพณี ด้านกิริยามารยาท ภาษา หนังสือ และงานศิลปหัตถกรรม ทั้งงานปักผ้า ทอผ้า ทรงปฏิบัติและส่งเสริมให้มีอยู่อย่างยั่งยืนในประเทศไทย เช่นเดียวกัน สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระอัจฉริยด้านศิลปะหลายแขนง รัฐบาลประกาศให้วันที่ ๒ เมษายนของทุกปี วันคล้ายวันพระราชสมภพ เป็นวันอนุรักษ์มรดกไทย และถวายพระราชสมัญญา "เอกอัครราชูปถัมภก มรดกไทย" เมื่อปี ๒๕๓๑






ด้านมนุษยชาติ และด้านสืบสานงานการแพทย์และสาธารณสุข กรรมการและเลขานุการมูลนิธิฯ เน้นย้ำว่า สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ทรงเป็นสภานายิกา สภากาชาดไทย ๓๕ ปี ขณะที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นอุปนายิกา ผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ๓๗ ปี โดยเฉพาะการสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา ที่ชลบุรี สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงรับสั่งว่า โรงพยาบาลนี้สมเด็จพระพันวัสสาฯ ทรงใช้เงินส่วนพระองค์สร้างแล้วพระราชทานให้กาชาดไทย เมื่อสิ้นสมเด็จพระพันวัสสาฯ แล้ว ทรงรับสั่งว่าสิ่งที่เป็นอนุสรณ์คือโรงพยาบาลที่ทรงสร้างไว้ จะเป็นประโยชน์กับประชาชนมากสมดังเจตนารมณ์ พวกเราควรสืบสานพระราชปณิธานนี้ไว้


กรรภิรมย์ กังสนันท์ อนุกรรมการฝ่ายวิชาการ มูลนิธิฯ กล่าวปิดท้ายว่า สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงค้นคว้าทางวิชาการอย่างจริงจัง ทรงมีเอกสารของสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า จำนวนมาก ยิ่งค้นยิ่งเห็นความดี ความประเสริฐ ทั้งพระราชกรณียกิจ และน้ำพระทัย






"จริง ๆ แล้ว สมเด็จพระพันวัสสาฯ ประสูติเมื่อร้อยกว่าปีก่อน แต่เป็นที่อัศจรรย์ใจว่าทรงมีความคิดที่ก้าวหน้าล้ำสมัย สมกับพระนามเดิมว่า "สว่างวัฒนา" อันสว่างไสว ทรงมีพระราชโอรส และพระราชนัดดาที่ประเสริฐ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นพระราชนัดดาองค์ที่ ๔ ซึ่งทั้งสองพระองค์ทรงมีนิสัยคล้ายๆ กัน ทรงสืบสานการทำงานในแนวทางเดียวกันคือ ทำงานเพื่อเพื่อนมนุษย์โดยไม่เลือกชนชั้น เป็นประโยชน์เพื่อมวลมนุษยชาติอย่างแท้จริง" กรรภิรมย์ กล่าว


ทั้งนี้ ภายในนิทรรศการยังจัดแสดงเครื่องใช้ส่วนพระองค์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อาทิ กระเป๋าสัมภาระชื่อ "คุณเหี่ยว" ที่การบินไทยทูลเกล้าฯ ถวาย ทรงใส่หนังสือและเอกสารสำหรับทรงงาน, ตุ๊กตาแม่ลูกดกที่ทรงให้นักเรียนจิตรลดาวาดภาพพระอาจารย์ ๕ คน, กระปุกออมสินที่พระราชทานให้ลูกหลานข้าราชบริพาร และซอที่ทำจากกระป๋อง เป็นต้น ซึ่งผู้สนใจสามารถเข้าชมนิทรรศการ และพิพิธภัณฑ์สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ภายในวังสระปทุม ได้ไปจนถึง ๓o เมษายนนี้ (เว้นวันอาทิตย์) ผู้ใหญ่ ๑๕o บาท นักเรียน/นักศึกษา ๕o บาท โดยติดต่อนัดหมายล่วงหน้าได้ที่ o-๒๒๕๑-๓๙๙๙ ต่อ ๒o๑-๒o๒, o-๒๒๕๒-๙๑๓๗ พร้อมกันนี้ยังมีการจำหน่ายของที่ระลึกและสมุดภาพเมืองไทยเมื่อ ๑๒o ปีก่อนในราคา ๒๙๕ บาท นำรายได้ไปสร้างโรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ณ ศรีราชา และเครื่องมือแพทย์...



ภาพและข้อมูลจากเวบ
komchadluek.net














งานสมโภช ๑๗๘ ปี วัดประยูรวงศาวาสวรวิหาร


วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ขอเชิญร่วมเสริมสร้างสิริมงคลต้อนรับปีใหม่ ในงาน “สมโภช ๑๘๗ ปี วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร” ศาสนสถานสำคัญที่อยู่คู่กรุงรัตนโกสินทร์มายาวนาน โดยงานนี้เกิดจากการบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมของชุมชน หรือที่เรียกว่า บวร (บ้าน วัด โรงเรียน) ที่ผนึกกำลังกันจัดกิจกรรมหลากหลายภายใต้แนวคิด Play + Learn = เพลิน


ร่วมบูชาพระพุทธนาค พระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธฉาย หลวงพ่อแขก สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่วัด ชื่นชมความงามของปูชนียสถานเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็น “พระบรมธาตุมหาเจดีย์” หนึ่งเดียวของประเทศไทยที่คว้ารางวัลยอดเยี่ยมจากองค์การ UNESCO หรือ “เขามอ” รมณียธรรมสถานแห่งความสงบรื่นรมย์ ที่กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนให้เป็นถาวรวัตถุสำคัญของชาติ โดยจะเปิดให้ชมอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังจากการบูรณะครั้งใหญ่เมื่อปี ๒๕๕๕ พร้อมร่วมสักการะพระพุทธรูปพันปียุคขอมโบราณ ที่อัญเชิญมาให้ประชาชนได้ร่วมสักการะในงานนี้เป็นครั้งแรก


นอกจากนั้น ยังพาผู้ร่วมงานย้อนยุคไปกับบรรยากาศตลาดจำลองโบราณ แหล่งรวมวัฒนธรรมของชุมชนเก่าแก่ย่านคลองสาน-กะดีจีน ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นชุมชน ๓ ศาสนา ๔ ความเชื่อ ได้แก่ พุทธเถรวาท พุทธมหายาน คริสต์ และอิสลาม ชมการแสดงสืบสานความเป็นไทย พร้อมลิ้มรสอาหารอร่อยและเลือกซื้อของดีชุมชนมากมาย ตลอด ๔ วัน ๔ คืน ตั้งแต่วันเสาร์ที่ ๑o–อังคารที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๕๘ เวลา ๑๖.oo–๒๒.oo น. ณ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thairath.co.th














งานอัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ ๖


เชิญชมงานสืบสานมรดกไทย ความภาคภูมิใจของแผ่นดิน ในงาน "อัตลักษณ์แห่งสยาม ครั้งที่ ๖" ระหว่างวันที่ ๑๕ - ๑๘ มกราคม ๒๕๕๘ ณ.ห้างสรรพสินค้า สยามพารากอน ลาน Fashion Hall ชั้น ๑ และ Life Style Hall ชั้น ๒


- ชมหัตถศิลป์อันล้ำค่า ที่รังสรรค์จากทองคำแท้ ชมการสาธิตวิธีการทำทองลวดลายโบราณ งานสุโขทัย และสินค้าพร้อมจำหน่าย จากร้านบ้านทองสมสมัย


- เลือกซื้อสินค้าจากผลงานครูศิลป์ กว่า ๕o ท่าน


- ชมการแสดงศิลปวัฒนธรรม จัดโดยศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา











ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคอัตลักษณ์แห่งสยาม














สุขสันต์วันเด็ก ณ พิพิธภัณฑ์ผ้า


ขอเชิญชวนน้อง ๆ และผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมงานวันเด็กกับพิพิธภัณฑ์ผ้าฯ ซึ่งปีนี้ทางพิพิธภัณฑ์ได้นำกิจกรรมในดวงใจกลับมาจัดให้ช่างทอตัวน้อยอย่างกิจกรรม "ทอ เล่น เส้นไหม" และกิจกรรมใหม่อย่าง "สมุดทำมือ" มาให้เด็ก ๆ ได้ร่วมสนุกกัน พร้อมลุ้นจับสลากสอยดาวใต้ต้นหม่อน ระบายสีชุดไทยพระราชนิยม และฟังพี่เล่านิทาน


สำหรับน้อง ๆ ที่มาร่วมกิจกรรม หางบัตรรับของว่างและของที่ระลึกสุดพิเศษจากทางพิพิธภัณฑ์ แล้วพบกันวันเสาร์ที่ ๑๐ มกราคม พ.ศ.๒๕๕๘ นี้


*กิจกรรม ทอ เล่น เส้นไหมเหมาะสำหรับน้อง ๆ อายุ ๗-๑๘ ปี กิจกรรมนี้จำกัดผู้เข้าร่วมกิจกรรม โปรดลงทะเบียนเข้าร่วมกิจกรรมล่วงหน้า


สนใจติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและสำรองที่นั่งได้ผ่านข้อความได้ที่ เฟซบุคพิพิธภัณฑ์



ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคพิพิธภัณฑ์














“ไม่มีใครขอร้องให้ผมทำหอศิลป์” วินัย ปราบริปู ผู้ก่อตั้ง “หอศิลป์ริมน่าน”


หอศิลป์ซึ่งก่อตั้งโดย วินัย ปราบริปู ศิลปินผู้เป็นชาว อ.ท่าวังผา จ.น่าน ที่หลายปีก่อนตัดสินใจที่ซื้อที่ดินหลายไร่ติดแม่น้ำน่าน บนถนนน่าน -ทุ่งช้าง ด้วยความตั้งใจจะทำเป็นบ้านและสตูดิโอทำงานศิลปะ หลังจากที่เคยชีวิตอยู่ในกรุงเทพฯ มานาน และอยากจะกลับมาปักหลักที่บ้านเกิด แต่ท้ายที่สุดพื้นที่ซึ่งเคยตั้งใจให้เป็นเพียงฐานประจำการชีวิตและสถานที่ทำงาน ได้ขยับขยายมาสู่การเป็น “หอศิลป์” ที่เปิดโอกาสให้ทั้งคนคุ้นเคยและแขกแปลกหน้าได้แวะไปเยือน มาเป็นเวลาหลายปี


“ผมไปอยู่กรุงเทพฯ นาน ตั้งแต่ไปเรียนเพาะช่าง ประมาณปี พ.ศ. ๒๕๑๖ จนกระทั่งปี พ.ศ. ๒๕๔o เริ่มกลับมาบ้านเกิดบ่อยครั้ง และมีความคิดว่าน่าจะมาปักหลักอยู่ที่น่าน ก็เลยมาซื้อที่ตรงนี้ จริง ๆ ไม่มีความตั้งใจในการทำหอศิลป์ เพื่อชวนคนมาเที่ยวชมงานศิลปะ แค่อยากจะทำบ้าน ทำสตูดิโอไว้แขวนรูปของตัวเอง จากนั้นจึงค่อยมีการติดป้ายบอกให้คนมาเที่ยวทีหลัง”










สร้างสิ่งแวดล้อมด้านศิลปะร่วมสมัยให้คนเมืองน่าน


สิ่งที่ทำให้ภาพของหอศิลป์ซึ่งไม่เคยมีอยู่ในหัวมาก่อน เริ่มชัดเจนขึ้น วินัยเล่าว่า เป็นเพราะเมื่อได้สำรวจเงินที่มีอยู่ในบัญชี รวมไปถึงประสบการณ์ในงานก่อสร้าง ที่ทำให้มั่นใจว่าสามารถทำอาคารใหญ่ ๆ ขึ้นมาได้ และประสบการณ์ที่ได้ไปเห็นเมืองใหญ่ ๆ ในต่างๆประเทศ โดยเฉพาะทางยุโรป ที่มีมิวเซียมให้ประชาชนเข้าไปชมงานศิลปะ แม้แต่เมืองเล็ก ๆ ก็สามารถทำได้


“ผมก็เลยคิดว่า ถ้าทำหอศิลป์ขึ้นมา เด็กในพื้นที่จะได้มีโอกาสมาดูงานศิลปะร่วมสมัยที่เป็นงานออริจินอล หรืองานต้นแบบ เพราะว่าคนต่างจังหวัดไม่ค่อยมีโอกาสได้ดู และวางแผนไว้ว่า ถ้าไม่มีศิลปินคนอื่นสนใจนำงานมาแสดง เนื่องจากมองว่า ต้องมีค่าใช้จ่ายสูงในการขนย้ายงาน หรือมองว่าหอศิลป์เราอยู่ไกล และเป็นพื้นที่ไม่น่าสนใจ มาแสดงแล้วไม่น่าจะมีประโยชน์อะไร ผมก็คิดไว้แค่ว่าจะแสดงผลงานของตัวเองก็ได้ เหมือนคนจะทำร้านอาหาร ไม่ต้องจ้างพ่อครัว เพราะตัวเองก็เป็นพ่อครัวได้”


แต่ความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน ในวันที่หอศิลป์ฯมีอายุครบ ๑o ปี พบว่ามีงานศิลปะจัดแสดงให้ชมเต็มทุกพื้นที่


เพราะตอนนี้มันผ่านไป ๑o ปีแล้วนี่ครับ แต่ก่อนหน้านั้นมันก็ลำบากอยู่ เพราะว่างานศิลปะร่วมสมัยเนี่ย โดยเฉพาะกับเมืองเล็ก ๆ มันไม่มีประชาชนที่สนใจมากพอ อีกทั้งหอศิลป์ตั้งอยู่นอกเมืองอีก และที่น่านก็ไม่มีสถาบันสอนศิลปะใด ๆ ตั้งอยู่ พอที่จะเป็นต้นทุนทางด้านนี้ แม้เราจะมีงานศิลปะที่มีชื่อเสียงที่คนโบราณฝากไว้ แต่งานศิลปะพวกนี้ก็อยู่ในวัดไงครับ ไม่เฉพาะแต่เมืองน่าน หลาย ๆ ที่ก็มีงานศิลปะที่อยู่ในวัด ทั้งจิตรกรรมฝาผนัง งานแกะสลักสวย ๆ แทบจะมีทุกที่ในประเทศไทย เพียงแต่จะมีอะไรสำคัญแค่ไหน หรือยังไม่มีใครหยิบมาพูดถึงแค่นั้น


แต่งานศิลปะร่วมสมัย ก่อนหน้านี้ สิ่งที่คนรู้จักมีอย่างเดียวคือ คัทเอาท์หนัง เมื่อ ๒o-๓o ปีที่แล้ว คัทเอาท์หนังเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คนอยากเรียนศิลปะ เพราะยังไม่มีงานออริจินอลเพ้นท์ติ้งหรืองานศิลปะต้นแบบมาเป็นแรงกระตุ้น มันมาจากสิ่งแวดล้อมอย่างคัทเอาท์หนังมากกว่า ผมก็เช่นเดียวกัน แรงกระตุ้นที่ทำให้อยากเรียนศิลปะมาจากสิ่งแวดล้อมที่ว่า ต่อมาพอเราไปเห็นว่าในยุโรปเขามี สิ่งแวดล้อมด้านงานศิลปะร่วมสมัย งานศิลปะเขาเจริญ ทำให้คนเข้าถึง โดยการมีหอศิลป์ เราก็เลยอยากจะทำบ้าง เพื่อให้เด็กเล็กๆที่มากับพ่อแม่ได้สัมผัส และเกิดแรงกระตุ้น แรงสนใจเพิ่มมากขึ้น ๆ ในที่สุด รู้ว่าตัวเองชอบ และทำงานศิลปะได้ ก็จะสอบเข้าเรียนศิลปะ เป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ ที่จะทำให้กลายเป็นศิลปินในอนาคต”














ไม่มีใครขอร้องให้ผมทำหอศิลป์


ทั้งที่อยู่ในสถานะที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ด้วยการการทำงานศิลปะอย่างเดียว ไม่จำเป็นต้องมาวุ่นวายกับการจัดการหอศิลป์อันเป็นการเพิ่มภาระให้ตัวเองมากขึ้น แต่เมื่อเลือกที่จะทำควบคู่กันไป วินัยได้บอกเล่าให้ฟังถึงความทุกข์ของศิลปินคนหนึ่งที่ลุกมาทำหอศิลป์ ซึ่งสำหรับเขามองว่าไม่ได้เป็นความทุกข์เสียทีเดียว เนื่องจากไม่ได้คาดหวังเอาไว้มากมายตั้งแต่แรก


“คนที่ทำหอศิลป์ในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นศิลปินหรือคนรักศิลปะ ความทุกข์อยู่อย่างหนึ่งก็คือคิดว่าประชาชนจะเข้ามาดูไหม ถ้าเราวางเป้าหมายไว้แต่แรก ต้องทำให้คนเข้ามาดูงานศิลปะที่ตัวเองมีอยู่ให้ได้ มันอาจจะทุกข์ อาจจะไม่สำเร็จ ใครจะมีความคาดหวังแค่ไหนก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่ในส่วนของผมเองมันไม่มีตรงนั้น เพราะแรกเริ่ม ผมแค่อยากจะทำบ้าน ทำสตูดิโอเล็ก ๆ ไว้แขวนรูปของตัวเอง แต่พอตัดสินใจทำก็ไม่เป็นไร ถ้าเพื่อนในวงการไม่สนับสนุน ไม่นำงานมาร่วมแสดงก็ยังมีงานของเราอยู่


เพราะฉนั้นไอ้คำว่าเสียใจ เสียดาย สู้ไหว หรือสู้ไม่ไหว ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองจะกลัว เพราะไม่หวั่นเรื่องว่าจะมีรายได้หรือไม่มี เพราะรู้ตัวเองว่ามีชีวิตหรือกินอยู่ยังไง ไม่ใช่ฟุ่มเฟือย ขณะเดียวกันงานศิลปะของตัวเองก็มีอยู่ในระดับที่มั่นใจว่ามีคนสนใจอยู่ เป็นสิ่งที่เค้าไม่ได้ขอร้องให้ทำ กระทรวงวัฒนธรรมก็ไม่ขอร้อง ส่วนจังหวัดก็ไม่ขอร้อง เพื่อนฝูงก็ไม่ได้ขอร้อง เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตัวเองทำ จะไปโวยวายหรือตั้งความหวัง หรือโมโหว่าคนนั้นคนนี้ไม่ช่วย ไม่อยู่ในความคิด”


แต่หากศิลปินหรือคนรักศิลปะรายไหนอยากจะคิดทำหอศิลป์บ้าง ในฐานะผู้มีประสบการณ์ วินัยมีคำแนะนำว่า


“ ผมคิดว่า เขาต้องดูตัวเองว่ามีเป้าหมายระดับไหน อยากทำอะไร ถ้ามีเป้าหมายว่าอยากทำหอศิลป์ และอยากให้คนอื่นมาช่วย อย่าไปทำ เพราะสังคมไทยเรา กระทรวงวัฒนธรรม หรือรัฐบาลเรา ไม่มีให้อยู่แล้ว ทุกวันนี้ผมไม่เคยได้อะไรจากกระทรวงวัฒนธรรมที่เป็นเรื่องเป็นราว บางปีเราทำกิจกรรม ขอได้บ้างไม่ได้บ้าง ส่วนองค์กรในจังหวัดเขาก็ไม่ช่วยอยู่แล้ว ยกเว้นว่าเราจะทำโครงการอะไรไปคุย แล้วเค้าเห็นความสำคัญแค่ไหน จะช่วยเราแค่ไหน แต่โดยรวมแล้ว ถ้าคน ๆนั้นไม่มีพาวเวอร์พอจะไปเจรจา กับนักการเมืองท้องถิ่น คุณอย่าไปตั้งความหวังแล้วไปคุยกับเค้า แต่ให้คุณทำของคุณเอง


อีกอย่างเวลาไปคุยเราต้องทำความเข้าใจด้วยว่า มันมีประเด็นไหนล่ะที่เค้าไม่ช่วย เพราะอะไร ต้องมีการคุยที่ลงลึกกว่านั้น อยู่ ๆ เราจะไปโทษเค้าไม่ช่วยไม่ได้ เพราะว่าสิ่งที่เรานำเสนอ เราเองก็ไม่รู้ว่ามันเหมาะสม มันถูกต้อง ดีงามแค่ไหน เราจะไปเบรค หรือเชียร์ก่อนไม่ได้สักอย่าง เพราะเราไม่สามารถรู้ต้นทุน กำลัง ทัศนะ หรือ โลกทัศน์ของนักการเมืองท้องถิ่น หรือว่ามีอะไรในท้องถิ่นนั้นที่จะซับพอร์ทเราได้ เราจะไปคาดหวังไม่ได้ เพราะว่าเค้าไม่มีระเบียบกฎเกณฑ์ใด ๆที่จะบังคับ มีแต่วางนโยบาย แต่ไม่เคยทำ


นโยบายสนับสนุนศิลปวัฒนธรรม มันกว้าง เพราะมันรวมไปถึงการฟ้อน การรำ การทอผ้า การจักสาน การกีฬาพื้นบ้านฯลฯ มันกว้างมาก เพราะฉนั้นหอศิลป์ที่เราทำมันแค่จุดเดียว เราจะไปบอกเค้าให้ทำนู่นทำนี่ หรือขอให้ทำ มันยาก”






บุญคุณ “ปู่ม่าน ย่าม่าน”


ทุกวันนี้ การที่มีคนสนใจแวะมาเยือนหอศิลป์ฯ เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ วินัยขอยกความดีให้กับบรรพบุรุษของคนเมืองน่าน ที่ยังได้นำพาให้คนอยากมารู้จักเมืองน่านในมิติอื่น ๆ ด้วย


“ต้องขอบคุณสิ่งที่บรรพบุรุษของคนเมืองน่านได้ทำไว้ อย่างที่ผมบอกทุกที่มีสิ่งที่ดีงาม แต่มีกำลังแค่ไหนด้วย ขอบคุณที่ศิลปกรรมเมืองน่านมีพาวเวอร์พอ มีพละกำลังพอ ที่เมื่อเอ่ยถึงแล้วคนเห็นความสำคัญ และเป็นเรื่องที่เป็นจริงของมัน มีความสำคัญจริง มีความงดงามจริง ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นว่า มีมาเมื่อไหร่ ทำไมต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้


อย่างกรณีภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” หรือ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ของเมืองน่าน ถ้าไม่ใช่ความคิดสร้างสรรค์ที่สุดยอด มันจะมียืนหยัดและมีพลังดึงคนให้สนใจ ท่ามกลางกาลเวลาที่ผ่านมาได้อย่างไร มันต้องมีสิ่งสำคัญอยู่ ถ้าเล็ก ๆ น้อย ๆ นำมาพูดมันก็เฉย มันไม่มีพละกำลังพอที่จะประกาศออกไป และเป็นสิ่งที่คนได้รับแรงบันดาลใจ ในการที่จะคิดสร้างสรรค์ต่อ ภาพกระซิบรักบันลือโลก ทำให้ผมซึ่งเป็นศิลปินร่วมสมัย นำมาล้อเลียนเป็นภาพฝรั่งที่มาเที่ยวกระซิบรัก และเมื่อสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ท่านเสด็จมา ทอดพระเนตรว่าเราล้อเลียนได้ ท่านก็เขียนภาพคน "ตะโกน"


รวมถึงงานศิลปะเทคนิคอื่น ๆ ที่ผมทำ เช่น งานประติมากรรม เราสามารถนำมาเล่าเปรียบเทียบให้คนฟังได้ว่า ภาพกระซิบรักบันลือโลก มีความสำคัญแค่ไหน เทียบกับศิลปะระดับโลกได้ไหม ในช่วงเวลาเดียวกัน สำหรับผม มันมีคุณค่าเสมอศิลปะระดับโลกได้ ไม่ว่าในยุโรป หรืออเมริกา ไม่มีศิลปินคนไหนในโลกนี้ที่ออกแบบทำท่ากระซิบ มีแค่ที่วัดภูมิมินทร์ ที่เมืองน่าน ของเราที่เดียว มันคือความอุดมสมบูรณ์ของศิลปวัฒนธรรม ความสร้างสรรค์ของคนในพื้นที่ มันมีระดับอยู่ และกลายเป็นศิลปวัฒนธรรมที่สืบทอดมาอยู่ร่วมกันทั้งเก่าและใหม่ จนเป็นเมืองที่มีชีวิตชีวาด้านศิลปะขึ้นมาได้ ถ้ามันไม่มีอดีต ปัจจุบันก็จะไม่มีการกระทำใด ๆ สืบเนื่อง และอนาคตก็คงไม่มีวี่แวว แต่อดีตก็มี ปัจจุบันก็มี และอนาคตเรามองเห็นแล้วว่าจะต้องมีคนที่สร้างสรรค์งานศิลปะในพื้นที่ตรงนี้เกิดขึ้นเพิ่มเติมแน่ มันเป็นกฎเกณฑ์ทั่วไป ไม่เฉพาะสิ่งที่เราเห็นในเมืองน่านหรือในเมืองไทย เป็นกฎเกณฑ์ของสังคมโลกเราอยู่แล้ว”










"อยู่ได้ พัฒนาได้” ตลอด ๑o ปี ค่าเข้าชม ๒o บาท


สำหรับคนที่อาจเป็นห่วงว่ารายได้ของหอศิลป์เพียงพอกับรายจ่ายหรือไม่ วินัยบอกว่า ปัจจุบันหอศิลป์อยู่สถานะที่สามารถอยู่ได้และพัฒนาได้


“เราเริ่มจากมีเท่าที่จะเป็นไปได้ เมื่อก่อนผมมีพนักงานแค่ ๒ คน แม้ว่ารายได้ที่เข้ามามีน้อย แต่ค่าใช้จ่ายมันมีน้อย เราพยายามพยุงด้วยสิ่งที่เราพอมีอยู่ ทั้งภาพเขียนและทรัพย์สมบัติที่ผมมี ถูกขายมาเป็นค่าใช้จ่าย การขายภาพเขียนของตัวเองเพื่อมาพยุงหอศิลป์ กับรายได้จากค่าเข้าชม มันคือสิ่งที่อยู่ด้วยกัน เพราะการที่ทำหอศิลป์ นอกจากคนเข้ามาเที่ยวชมงาน เมื่อเขามาเห็นงานเรา แล้วสนใจ เขาก็ซื้องานเราด้วย เมื่อเขาซื้องานเราไป เราก็เอาเงินที่ได้มาพยุงและพัฒนา


ถ้าเป็นก่อนหน้านั้น ถามว่าพออยู่ได้ไหม อยู่ได้ แต่จะพัฒนายังไม่ได้ แต่ตอนนี้เราสามารถบอกได้ว่าเราสามารถอยู่ได้แบบพออยู่พอกินและพัฒนาได้ แม้รายได้จากค่าเข้าชม ๒o บาทต่อคน ไม่พอหรอก แต่ราคานี้ เป็นราคาที่เราคิดว่า ไม่กั้นคนที่จะดึงพ่อแม่ ดึงน้อง ๆ ดึงลูก ๆ ดึงเพื่อน ๆ เข้ามาเที่ยว เพราะว่าจ่ายเงินแค่ ๑oo บาท ดึงมาได้ตั้ง ๓-๔ คน ไม่ใช่ค่าเข้าชมต่อคน ๒oo บาท เพราะถ้าค่าเข้าชมแพง ปริมาณคนก็น้อย พอประชาชนจะเสพงานศิลปะก็โดนเบรค


ตั้งแต่เริ่มต้นเราคิดถึงว่า ทำยังไงให้คนมีโอกาส สบายใจ ที่จะเข้ามาชม และงานศิลปะไม่ได้สูงเกินที่จะไปซื้อมาชม จากที่เคยพาพ่อพาแม่ไปดูงานศิลปะในวัดมาก่อน คราวนี้มาดูในแกลเลอรี่ ดูงานระดับสากลได้ ถ้าเราไปคัดแต่คนที่เป็นคนรักศิลปะให้มาดูอย่างเดียว เบรคคนที่เข้ามาชมด้วยค่าเข้าชม มันก็จบเลย ไม่ได้ปริมาณคน ดังนั้นตลอดสิบปีเราตั้งราคาค่าเข้าชมแค่ ๒o บาท”










ชีวิตเนิบช้า ที่ ...“หอศิลป์ริมน่าน”


ซึ่งค่าเข้าชมราคานี้ สิ่งที่ผู้เข้าชมจะได้รับเมื่อแวะไปเยือนหอศิลป์ริมน่าน ได้แก่


อาคารหลังใหญ่ ที่ชั้นบนจัดแสดงภาพเขียนฝีพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเคยเสด็จพระราชดำเนินมา หอศิลป์ฯ ถึง ๓ ครั้ง และการจัดแสดงผลงานศิลปะของเจ้าของหอศิลป์ ส่วนชั้นล่างจัดแสดงผลงานของศิลปินมืออาชีพและนิทรรศการสำคัญ ๆ ที่สัญจรมาจัดแสดง ทว่าระหว่างนี้กำลังอยู่ช่วงเวลาจัดแสดงภาพเขียนแนวนามธรรมชุด “สบาย สบาย” ของเจ้าของหอศิลป์


เฮือนหนานบัวผัน นอกจากเป็นพื้นที่เชิดชูเกียรติศิลปินผู้ฝากผลงานไว้ที่วัดภูมินทร์ อ.เมือง และวัดหนองบัว อ.ท่าวังผา ยังจัดแสดงภาพถ่ายจิตรกรรมฝาผนังที่สำคัญในเมืองน่านและที่เกี่ยวข้องกับสกุลช่างจิตรกรรมฝาผนังเมืองน่าน


“เป็นภาพถ่ายคุณภาพสูงพิมพ์บนผ้าใบ มีคำบรรยายให้คนที่สนใจ หลังจากไปงานชิ้นจริงที่วัด แต่ไม่รู้ข้อมูลอะไร มาที่นี่จะได้รู้ เพราะเรายังทำเป็นหนังสือด้วย ดังนั้นใครจะมาเพื่อหาข้อมูลเบื้องต้นหรือว่ามาค้นคว้าก็ครบองค์ประกอบ”


และอีกสองพื้นที่ ซึ่งมีไว้สำหรับให้ศิลปินรุ่นใหม่ที่มีงานศิลปะขนาดไม่ใหญ่มากและไม่มากชิ้นนำงานมาจัดแสดง


“ส่วนนี้เราแทบจะไม่คัดไม่ตรองในเรื่องคุณภาพ เพราะเราอยากจะให้เป็นพื้นที่สนับสนุนเค้า แต่ส่วนมากศิลปินที่มาติดต่อเขาก็มีงานคุณภาพมาเสนอ ทั้งภาพเขียน ภาพประกอบ ภาพถ่าย หรือบางคนไม่ใช่ศิลปินรุ่นใหม่หรอก อาจจะเป็นมืออาชีพ ที่อยากจะแสดงงานชุดเล็ก ๆ บ้าง”


นอกจากนี้ยังประกอบด้วยร้านจำหน่ายของที่ระลึก ร้านกาแฟ ลานแสดงผลงานประติมากรรม และการแสดงดนตรีและเขียนภาพสดในช่วงเทศกาลสำคัญ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีสีเขียวของต้นไม้กระจายอยู่ทั่วพื้นที่และมีแม่น้ำน่านให้ทอดตามอง จนอยากวางชีวิตไว้ที่นั่นให้ "น่าน น้าน นาน" ดั่งคำในเพลง "น่าน..น่ะสิ" แม้จะไม่สามารถโพสต์ แชต และแชร์ใด ๆ กับคนบนโลกโซเชียล ด้วยหอศิลป์ตั้งอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ


ไม่เป็นไร...หลังจากรีบรนมาทั้งปี ลองมาใช้ชีวิตให้เนิบช้าดูบ้าง


หอศิลป์ริมน่าน ตั้งอยู่เลขที่ ๑๒๒ ถนนน่าน - ทุ่งช้าง(ก.ม. ๒o) ต.บ่อ อ.เมือง จ.น่าน เปิด เวลา ๙.oo - ๑๗.oo น. (หยุดวันพุธ) สอบถาม โทร. o๘๑-๙๘๙-๒๙๑๒



































ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














เทศกาลหุ่นและศิลปะ เพื่อต่อยอดพัฒนาศักยภาพศิลปะหุ่นสายให้แก่เยาวชน


สานต่อจากปีที่ผ่านมาหลังจากเป็นเจ้าภาพจัดเทศกาลหุ่นโลกกรุงเทพฯ โดยมีคณะหุ่นกว่าร้อยคณะจาก ๘o ประเทศทั่วโลก พร้อมด้วยคณะหุ่นไทยจากทั่วประเทศร่วมกันเผยแพร่ศิลปะการแสดงหุ่นหลากหลายอรรถรส ในพื้นที่บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์


ด้วยความโดดเด่นของการแสดงหุ่นไทยคณะต่าง ๆ ที่นำมาจัดแสดง โดยมีความน่าสนใจในเชิงศิลปะสร้างสรรค์ พัฒนารูปแบบงานแสดงหุ่นพื้นบ้านต่อยอดภูมิปัญญาสู่ความร่วมสมัย ทั้งยังเป็นงานหัตถศิลป์ที่มีความประณีต สวยงาม นำเสนอเรื่องราว นิทานพื้นบ้านผ่านการสร้างสรรค์ร่วมสมัยสร้างความสุขให้แก่ผู้ที่ได้เข้าชม


ในความต่อเนื่องที่ผ่านมาสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรมได้นำ คณะหุ่นไทยสัญจรแสดงในภูมิภาคทั่วประเทศไทย เผยแพร่ผลงานการสร้างสรรค์แก่เยาวชนและประชาชนร่วมเรียนรู้ ชื่นชมศิลปะการแสดงของไทยในประเภทหุ่นหลากหลายรูปแบบไม่ว่าจะเป็น หุ่นพื้นบ้าน หุ่นร่วมสมัย ฯลฯ มอบความสุขความรู้นำมาซึ่งความภาคภูมิใจในความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย ทั้งยังก่อเกิดการอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย






คาราวานหุ่นไทยสัญจร จากที่ผ่านมาแสดงเผยแพร่ขึ้นในภาคอีสาน ภาคใต้ ล่าสุดเตรียมแสดงใน ภาคเหนือ จังหวัดน่านและภาคกลาง ที่จังหวัดสุพรรณบุรี และด้วยเอกลักษณ์ ความโดดเด่นของหุ่นไทยหลายรูปแบบ แต่เมื่อกล่าวถึงหุ่นไทยมักเรียกหุ่นทุกประเภทว่า หุ่นกระบอก ซึ่งหุ่นกระบอกเป็นชื่อประเภทของหุ่นไทยชนิดหนึ่ง ครั้งนี้จากคาราวานหุ่นของนำประวัติความเป็นมาของหุ่นส่วนหนึ่งมาบอกเล่า


“หุ่นของไทยนั้นมี ๔ ประเภทได้แก่ หุ่นหลวง หุ่นวังหน้า หุ่นกระบอก และหุ่นละครเล็ก โดยแยกประเภทหนังออกจากหุ่นคือ หนังใหญ่และหนังตะลุง แต่ด้วยการเติบโตของศิลปะการแสดงหุ่นทำให้มีความหลากหลายมากขึ้น ก่อเกิดหุ่นร่วมสมัยหลายรูปแบบ”


หุ่นร่วมสมัย คือหุ่นที่มีลักษณะโครงสร้างที่สร้างสรรค์หลากหลาย มีการคัดสรรเนื้อเรื่องและพัฒนารูปแบบการเล่าเรื่องที่สนุกสนาน กระชับ เข้าใจง่ายหรือมีเทคนิคการเชิดที่ต่างไปจากหุ่นไทยดั้งเดิม โดยผนวกนำศิลปะการแสดงร่วมสมัย รูปลักษณะและเทคนิคการเชิดหุ่นตามแบบสากลเข้ามา เพื่อให้เข้ากับยุคสมัย






ในประเภทของหุ่นร่วมสมัยที่แบ่งตามรูปแบบและลักษณะการเชิดมีอยู่ ๕ ประเภทหลัก คือ หุ่นเงา, หุ่นมือ, หุ่นไม้ค้ำหรือหุ่นเชิด, หุ่นสายหรือหุ่นชัก และ หุ่นสร้างสรรค์ สำหรับ หุ่นเงา เป็นหุ่นที่เล่นโดยใช้ผ้าขึง ส่องไฟผ่านตัวหุ่นจนเกิดเป็นเงาบนผ้าหรือจอ ตัวหุ่นทำจากวัสดุต่าง ๆ เช่น หนัง พลาสติก กระดาษแข็ง กระจก ฯลฯ โดยมีสีหรือไม่มีก็ได้ ขณะที่ตัวหุ่นจะมีไม้ติดอยู่เป็นแกนกลางลำตัวสำหรับให้ผู้เชิดถือและอาจใส่กลไกให้ขยับข้อศอกหรืออวัยวะอื่น ๆ ได้


ส่วน หุ่นไม้ค้ำหรือหุ่นเชิด เป็นหุ่นที่ใช้สองมือเชิด แขนหนึ่งของผู้เชิดจะใช้สอดเข้าไปกลางตัวหุ่นเพื่อควบคุมศีรษะ หรือการขยับปากเวลาพูด ส่วนแขนอีกข้างใช้จับไม้ค้ำที่ต่ออยู่กับแขนทั้งสองของหุ่น ไม่จำกัดขนาด ฯลฯ หุ่นสาย หรือหุ่นชัก เป็นหุ่นที่ต่อกับสายเชือกเข้ากับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของหุ่น เชิดโดยวิธีชักสายเชือกจากด้านบนและด้วยกลไกการร้อยเชือกที่ละเอียด หุ่นชนิดนี้เคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติ อีกทั้งผู้เชิดต้องฝึกทักษะและเทคนิคขั้นสูงที่จะควบคุมเชือกและการเคลื่อนไหวของหุ่น เป็นต้น.



ภาพและข้อมูลจากเวบ
dailynews.co.th














โรงแรมหรูคู่เมืองเชียงใหม่ “ดาราเทวี” ติดอันดับโกลด์ลิสต์ สุดยอดโรงแรมระดับโลกปี 58


โรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสุดยอดโรงแรมระดับโลก จากนิตยสารคอนเดนาสท์ ทราเวลเลอร์ (สหรัฐอเมริกา) ซึ่งเป็นการจัดลำดับประจำปี ๒๕๕๘ โดยการประกาศผลในเว็บไซต์ของนิตยสารเมื่อเร็ว ๆ นี้ และจะประกาศผลในนิตยสารฉบับเดือนมกราคม ๒๕๕๘


โรงแรมหรูคู่เมืองเชียงใหม่แห่งนี้ตั้งอยู่บนพื้นที่ ๑๕o ไร่บนถนนสายเชียงใหม่-สันกำแพง อันเงียบสงบและสวยงาม ห่างจากท่าอากาศยานนานาชาติเชียงใหม่เพียง ๑๕ นาที และ ๑o นาทีจากใจกลางเมือง โดยเป็นโรงแรมเดียวในจังหวัดเชียงใหม่และ ๑ ใน ๔ โรงแรมระดับแนวหน้าของประเทศไทยที่ถูกจัดอันดับอยู่ใน “โกลด์ลิสต์” ครั้งล่าสุด


สำหรับปีนี้นับเป็นครั้งแรกในการจัดอันดับ “โกลด์ลิสต์” ของนิตยสารคอนเดนาสท์ ทราเวลเลอร์ (สหรัฐอเมริกา) ที่เป็นการรวบรวมความคิดเห็นจากบรรณาธิการของนิตยสาร นักเขียนและผู้ที่มีอิทธิพลทางด้านอุตสาหกรรมการบริการ จาก ๓๔ ประเทศใน ๖ ทวีป เพื่อการจัดอันดับสุดยอดโรงแรมระดับโลกทั้ง ๑oo แห่ง โดยโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ ได้รับการจัดอันดับด้วยคะแนนรวม ๘๔.๘๒ คะแนน นอกจากนี้ยังมีโรงแรม โฟร์ซีซั่นส์ เต็นท์ แคมป์ สามเหลี่ยมทองคำ เชียงราย โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพ และโรงแรมตรีสรา ภูเก็ต ซึ่งเป็นอีก ๓ โรงแรมในประเทศไทยที่ติดอันดับ “โกลด์ ลิสต์” ของนิตยสารคอนเดนาสท์ ทราเวลเลอร์ (สหรัฐอเมริกา) ประจำปี ๒๕๕๘






มร.แอนดรูว์ ควินแลน ผู้จัดการทั่วไปโรงแรมดาราเทวี เชียงใหม่ กล่าวว่า “พนักงานและฝ่ายบริหารของโรงแรมรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในสุดยอดโรงแรม ๑oo แห่งทั่วโลกจากนิตยสารท่องเที่ยวที่ได้รับความเชื่อถืออันดับต้น ๆ ของวงการธุรกิจท่องเที่ยวและยังเป็นกำลังสำคัญที่ผลักดันพนักงานโรงแรมดาราเทวีทุกคนในการปฎิบัติหน้าที่ ดูแลเอาใจใส่ในรายละเอียดปลีกย่อย และให้บริการอันเกินความคาดหมายแก่แขกผู้มาเยือนต่อไป”


นอกเหนือจากนี้ ทางโรงแรมยังได้รับรางวัลโกลด์ เซอร์เคิล อวอร์ด ประจำปี ๒๕๕๗ จาก อโกด้าดอทคอม ซึ่งเป็นผู้นำด้านการให้บริการเว็บไซต์สำรองห้องพักโรงแรมระบบออนไลน์ระดับโลก โดยรางวัลอันทรงเกียรตินี้มอบให้กับโรงแรมพันธมิตรที่เป็นตัวอย่างความเป็นเลิศด้านการบริการตามมาตรฐานระดับโลก ให้บริการเหนือความคาดหวังของแขกผู้มาเยือน โดยจัดอันดับผลรางวัลตามข้อคิดเห็นของลูกค้าที่ใช้บริการผ่านการจองห้องพักระบบออนไลน์บนเว็บไซต์อโกด้าดอทคอม



















ภาพและข้อมูลจากเวบ
agoda.com
manager.co.th














“รถโรงหนัง” ของขวัญที่ “ผู้ใหญ่” ให้ “เด็ก” อย่างมี “ศิลปะ”


รถโรงหนัง หรือ Cinemobile คันแรกของไทยและทวีปเอเชีย องขวัญจาก หอภาพยนตร์ ซึ่งในเดือนมกราคมปีนี้ จะขับเคลื่อนไปมอบความบันเทิงและสร้างการเรียนรู้ให้กับเยาวชนและชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ ที่ไม่มีโรงหนัง


หลังจากที่แถลงข่าวเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนธันวาคมปีที่ผ่านมา ณ โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา ภายในหอภาพยนตร์ โดม สุขวงศ์ ผู้อำนวยการหอภายนตร์ กล่าวว่า รถโรงหนังคันนี้ได้รับแรงบันดาลใจ จากรถโรงหนังของหอภาพยนตร์ในประเทศสก็อตแลนด์ ที่ทำหน้าที่เป็นโรงหนังเคลื่อนที่ไปทั่วประเทศเพื่อฉายหนังให้ชาวบ้านดู จึงเกิดแนวคิดว่าหากประเทศไทยมีรถโรงหนังจะช่วยแก้ปัญหาสำหรับชาวบ้านในชุมชนที่ห่างไกลโรงหนัง


และยังเป็นเหมือนกับหน่วยบริการเคลื่อนที่ของหอภาพยนตร์ในการให้บริการแก่ประชาชนและเยาวชนในทุกพื้นที่ได้มีโอกาสชมภาพยนตร์ที่ฉายในระบบเหมือนโรงหนังจริง ๆ เนื่องจากทุกวันนี้โรงหนังชุมชนทยอยปิดตัวไป ส่วนหนังกางแปลงในปัจจุบันนี้แทบไม่มีใครดูแล้ว ในขณะที่โรงหนังส่วนใหญ่ก็อยู่ในเมืองและมีค่าเข้าชมแพง ทำให้ชาวบ้านไม่มีโอกาสได้ดู






นอกจากนี้ความพิเศษของรถโรงหนังคันนี้ ยังมี สมบูรณ์สุข นิยมศิริ หรือ เปี๊ยก โปสเตอร์ ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังและศิลปินผู้บุกเบิกการวาดใบปิดภาพยนตร์ของไทย ทำหน้าที่เป็นผู้ออกแบบลวดลายให้กับรถโรงหนัง ภายใต้ คอนเซ็ปต์ “ภาพยนตร์ยังให้เกิดปัญญา” โดยได้รวมเอาหนังไทยกว่า ๕o เรื่อง (ซึ่งในจำนวนนั้น มีหนังที่เปี๊ยก โปสเตอร์เคยกำกับ) มารวมอยู่ในภาพเดียว


“นับจากวันที่ผมรู้ตัวว่า อยากจะเป็นช่างเขียนเมื่ออายุ ๗ ขวบ จนกระทั่งบัดนี้ ผมอายุ ๘๓ ปี แล้ว การที่หอภาพยนตร์นำผลงานของผมบนรถโรงหนังตะเวณไปทั่วประเทศ นับเป็นเกียรติและเกินความคาดหวัง ซึ่งลวดลายบนรถโรงหนังจะเป็นอนุสรณ์ของชีวิตสำหรับตัวผมและลูกศิษย์ทุกคน ถึงแม้ว่าวันหนึ่งพวกเราจะไม่อยู่แล้วก็ตาม แต่ผลงานนี้จะเป็นอนุสรณ์ว่า เราเคยเป็นช่างเขียนใบปิดหนังในช่วงเวลาหนึ่งของประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย”







ภาพและข้อมูลจากเวบ
manager.co.th














เด็กศิลป์@bacc 2558 ตอน “Wonderful Journey: ท่องโลกศิลปะ”


วันที่ : ๑o มกราคม ๒๕๕๘
สถานที่: หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
กิจกรรมวันเด็ก โดย หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เวลา ๑o.๓o – ๑๘.oo น.


หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนเด็ก ๆ มาร่วมขบวนรถไฟท่องโลกศิลปะไปกับกิจกรรมสร้างสรรค์วันเด็กสไตล์หอศิลปกรุงเทพฯ สนุกกับสถานีเวิร์คช็อปสร้างสรรค์ต่าง ๆ และหลากหลายรูปแบบการแสดงที่จะส่งมอบรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ความสุข และความรู้ตลอดทั้งวัน


- ชั้น ๑ สถานีทรายหลากสี ร่วมสนุกสนานและเสริมสร้างจินตนาการไปกับกิจกรรมเขียนทราย โดย อาจารย์ชลิต นาคพะวัน ณ บริเวณลานด้านหน้าหอศิลปกรุงเทพฯ

- ชั้น L สถานีบ้านคัพเค้ก เพลิดเพลินกับกิจกรรมแต่งหน้าเค้กและปั้นตุ๊กตาน้ำตาลเป็นรูปต่าง ๆ


กิจกรรมแบ่งเป็นรอบ

รอบที่ ๑ : ๑o.oo - ๑๒.oo น.
รอบที่ ๒ : ๑๓.oo - ๑๔.oo น.
รอบที่ ๓ : ๑๕.oo - ๑๗.oo น.


- ชั้น ๓ สถานี Graffiti Kid มาเป็นจิตรกรน้อยและร่วมระบายแต่งแต้มสีสันลงบนผนังโค้งชั้น ๓

- ชั้น ๓ สถานีปั๊มเพลิน ห้ามพลาดกับกิจกรรมประดิษฐ์เข็มกลัดที่มีชิ้นเดียวในโลก ด้วยมือของน้อง ๆ เอง

- ชั้น ๔ สถานีบ้านดิน ฝึกฝนทักษะการใช้มือและจินตนาการกับการสรรค์สร้างผลงานศิลปะจากดิน

- ชั้น ๔ สถานีบ้านนกฮูก สนุกกับการประดิษฐ์นกฮูกแขวนผนังด้วยเทคนิค Collage โดยอาจารย์อิ่มหทัย สุวัฒนศิลป์

- ชั้น ๕ สถานีบ้านฮันจี เปิดโลกไปกับกิจกรรมพับกระดาษสไตล์เกาหลี “ฮันจี” โดยศูนย์วัฒนธรรมเกาหลี

- ชั้น ๕ BACC CINEMA ร่วมชมภาพยนตร์สำหรับเด็ก คัดสรรโดยหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) และกลุ่มอินดี้ทีละเฟรม
๑๑.oo - ๑๒.๓o น. ภาพยนตร์สั้นจากค่ายอบรมหนังสั้นเวียงกุมกาม (๘๑.๒๕ นาที)
๑๓.oo - ๑๖. น. ภาพยนตร์สั้นรางวัลโครงการประกวดภาพยนตร์สั้นเพื่อส่งเสริมประเพณีไทย ( ๓ ชม. ๔๒.o๗ นาที)
๑๗.๓o - ๑๘.๓o น. ภาพยนตร์แอนิเมชั่นจากพี่ ๆ นักทำหนังแอนิเมชั่นกลุ่มทีละเฟรม

- ชั้น ๙ นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ในสมเด็จพระเทพฯ “อันมีทิพเนตรส่องไป” ชมนิทรรศการและร่วมกิจกรรมภาพขยาย ๑,ooo ล้านเท่า (๑ นาโนเมตร)


ตารางกิจกรรมการแสดง ณ เวทีหลัก ชั้น ๑ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร

๑o.๔๕ – ๑๑.oo น. เปิดเวทีภาคเช้า แนะนำกิจกรรม
๑๑.oo – ๑๑.๓o น. การแสดงดนตรีจากศิลปินตัวน้อย โดย Bangkok Symphony Music School (BSS)
๑๑.๓o – ๑๒.oo น. การแสดง Bubble Show โดยกลุ่มไอเดียเพลิน
๑๒.oo – ๑๒.๓o น. การแสดงละครใบ้ โดย MUTE
๑๓.๑๕ – ๑๓.๓o น. เปิดเวทีภาคบ่าย แนะนำกิจกรรม
๑๓.๓o – ๑๔.oo น. การแสดงลำตัด “เด็กไทยรักในหลวง เสริมสร้างค่านิยม ๑๒ ประการ” โดย โรงเรียนบ้านเขาเตียนมิตรภาพ ๑๓๔
๑๔.๑๕ – ๑๔.๔๕ น. การแสดงดนตรี โดย โรงเรียนดนตรี Music Library
๑๔.๔๕ – ๑๕.oo น. เล่นเกม ชิงของรางวัล
๑๖.๑๕ – ๑๖.๓o น. เปิดเวทีภาคเย็น แนะนำกิจกรรม
๑๖.๓o – ๑๗.oo น. การแสดงดนตรี โดย นักศึกษาวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล
๑๗.oo – ๑๗.๓o น. การแสดงโขนเด็ก ตอน หนุมานจับนางสุพรรณมัจฉา และระบำครุฑออกพระนารายณ์ทรงครุฑ โดย คณะโจงแดง
๑๗.๓o – ๑๘.oo น. การแสดงละครใบ้ โดย BABYMIME


*กิจกรรมและการแสดงอาจมีการเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม


กิจกรรม สินค้าบริการจากร้านค้าใจดี โซน ArtHUB@bacc
ร้านค้าใจดีที่จะมอบขรมอร่อย ๆ หรือส่วนลดราคาสำหรับสินค้าและบริการต่าง ๆ เป็นพิเศษสำหรับเด็ก ๆ ในวันพิเศษ โดยสังเกตจากป้ายโลโก้ของงานที่จะติดไว้หน้าร้านค้า

- ชั้น ๑ ร้าน Gallery กาแฟดริป แจกนมชมพูให้เด็กที่มาร้าน
- ชั้น ๒ ร้านคนรักถ่าน วาดภาพในราคาพิเศษ ขาวดำ ๑oo บาทต่อคน
- ชั้น ๒ ร้านเอสเค สเกตซ์ภาพเด็กฟรีอย่างต่ำ ๑o รูป
- ชั้น ๒ ร้านทอม เขียนการ์ตูนล้อเลียนฟรี ๑o รูปให้เด็ก
- ชั้น ๒ ร้าน Robert Zahh วาดภาพเด็กราคาพิเศษ
- ชั้น ๒ ร้าน Shout About Art ศิลปะ KIDS สนุก by ART N# MEAL
- ชั้น ๓ ร้าน Dress Me Up เครื่องดื่มราคาพิเศษเพียง ๑o บาท สำหรับเด็ก
- ชั้น ๓ ร้าน Coffee Booms แจกขนมให้เด็ก ๆ
- ชั้น ๓ ร้าน SHANNTA จัดกิจกรรม Kids Dough
- ชั้น ๔ ร้านกูน สตูดิโอ ปรินท์รูป ตัดแปะ เด็กพร้อมผู้ปกครอง ๑oo - ๑๓o คน

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร o๒-๒๑๔-๖๖๓o-๘ ต่อ ๕๓๔
อีเมล artnetwork@bacc.or.th
Facebook: baccpage


















ภาพและข้อมูลจากเวบ
bacc.or.th














ภาพและข้อมูลจากเวบ
เฟซบุคพิพิธภัณฑ์














เปิดห้องโฮมรูม ครั้งที่ ๕ “ดอกไม้แห่งรัก”


รายการโฮมรูมเปิดห้องโฮมรูม ครั้งที่ ๕ “ดอกไม้แห่งรัก” ชวนแฟน ๆ มาร่วม Workshop เรียนรู้วิธีพับกระดาษให้เป็นรูปดอกไม้สวยงาม ฝึกสอนโดย คุณข้าวเม่า ปุณยวีร์ เอี่ยมสกุล เจ้าของไอเดียดอกไม้กระดาษที่สามารถทำเงินได้ รับจำนวนจำกัด ๑oo ท่านเท่านั้น


รายการโฮมรูมต้อนรับวันวาเลนไทน์ที่กำลังจะมาถึง ชวนแฟน ๆ รายการมาร่วมกิจกรรม เปิดห้องโฮมรูม ครั้งที่ ๕ “ดอกไม้แห่งรัก” Workshop เรียนรู้วิธีพับกระดาษให้เป็นรูปดอกไม้ที่จะมาหลอมละลายหัวใจผู้ที่ได้สัมผัส ฝึกสอนโดย คุณข้าวเม่า ปุณยวีร์ เอี่ยมสกุล สาวสวยเจ้าของไอเดียดอกไม้กระดาษที่ใช้ความรักผสมผสานกับงานศิลปะ กลายเป็นดอกไม้กระดาษทำเงินได้ ในวันเสาร์ที่ ๓๑ มกราคม เวลา ๘.๓o -๑๒.oo น. ณ ห้องคอนเวนชั่น ฮอลล์ ๒ อาคารศูนย์การเรียนรู้ (อาคาร D) สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส [แผนที่] ด่วน !! รับจำนวนจำกัด ๑oo ท่านเท่านั้น


กติกาการเข้าร่วมกิจกรรม
ส่ง SMS พิมพ์ OPEN (เว้นวรรค) ตามด้วย เหตุผลที่อยากมาร่วม Workshop พับดอกไม้ ส่งมาที่ ๔๒๖๘๘๒๒ (ครั้งละ ๑.๕o บาท)

ระยะเวลาการสมัคร
ตั้งแต่วันนี้ - ๒๓ มกราคม ๒๕๕๘ เป็นต้นไป (รับจำนวนจำกัดเพียง ๑oo ท่านเท่านั้น)

ประกาศรายชื่อเข้าร่วมกิจกรรม
วันจันทร์ที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๕๘

//www.thaipbs.or.th/HomeRoomActivity
//www.facebook.com/HomeroomThaiPBS

หมายเหตุ

ผู้ที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องเตรียมกรรไกรตัดกระดาษ มาท่านละ ๑ ด้าม
เพื่อให้การจัดเตรียมอุปกรณ์อื่น ๆ และสถานที่ให้ทั่วถึง จึงขอให้ผู้ร่วมกิจกรรมโอนค่ามัดจำการเข้าร่วมกิจกรรมจำนวน ๕oo บาท ซึ่งท่านจะได้รับคืนเต็มจำนวน ในวันเสาร์ที่ ๓๑ มกราคม ๒๕๕๘ ณ จุดลงทะเบียน หลังจาก Workshop กิจกรรมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โทร. o๒-๗๙o-๒๓๙๖ (จันทร์ - ศุกร์ เวลา ๙.oo - ๑๘.oo น.)



ภาพและข้อมูลจากเวบ
thaipbs.or.th




บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะ



บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ Hawaii_Havaii

Free TextEditor





Create Date : 08 มกราคม 2558
Last Update : 25 มกราคม 2558 11:04:26 น. 0 comments
Counter : 2354 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.