Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
26272829 
 
17 กุมภาพันธ์ 2555
 
All Blogs
 
▷▷..สุนทรพจน์โจโฉ ◁◁ ..โจโฉปฏิวัติ...◁◁

แล้วคอมพิวแตอร์ตัวใหม่ของผมที่เพิ่งซื้อมาได้ห้าเดือนกว่าก็ “จอมืด” ไป

เจอไวรัสจากมาเลเซียเล่นงานครับ

บังเอิญผมไปเห็นชื่อผมในเว็บของสถาบันภาษา มาเลเซีย เรื่องเกี่ยวกับการชุมนุมกวีโลกซึ่งจัดโดยสถาบันภาษา มาเลเซียเมื่อหลายปีก่อน ก็เลยกดเข้าไปเพื่อจะอ่าน ปรากฏว่าที่มาเยือนกลายเป็นไวรัส........มากมายหลายตัว

แถมมีไวรัสแสบด้วย คือโปรแกรมล้วงรหัสและความลับจากบัญชีซิตี้แบงก์ ผมจึงต้องรีบระงับบัตรเครดิตของซิตี้แบงก์ไว้ก่อน

ปะติดปะต่อข่าวสารที่เคยรับฟังและผ่านตามา มีคนไทยหลายคนถูกธนาคารเรียกเก็บเงินกรใช้บัตรเครดิต ที่รูดจ่ายที่มาเลเซีย...........

ผมเจอไวรัสมาเลเซียแล้ว จึงถึงบางอ้อว่า แก๊งวายร้ายใช้ไวรัสขโมยข้อมูลบัตรเครดิตมันอยู่ที่มาเลเซียนี่เอง

โปรดระวัง อย่าเปิดเว็บมาเลเซีย อันตรายมาก !


คอมพิวเตอร์ของผมจอล่ม ทำให้ผมขลุกขลักเสียเวลามาก บทความตามรอยคึกฤทธิ์นี่ เขียนล่วงหน้าไว้แล้วตั้งสองชิ้น ต้องเร่งเขียนเรื่องใหม่
มองไปที่กองหนังสือที่ก่ายกองอยู่รอบตัวแล้วเวียนหัว หยิบขึ้นมาเล่มหนึ่ง เป็นหนังสือชื่อ “๑๐๑ เล่ม หนังสือในดวงใจนักอ่านและนักเขียน” เป็นรายงานผลการสำรวจของสมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย พิมพ์เผยแพร่เมื่อปีที่แล้ว (พ.ศ 2553)

เปิดดูเพื่อหาว่า มีหนังสือของ “คึกฤทธิ์ ปราโมช” ติดโผมากี่เล่ม

เล่มแรกคือ “สี่แผ่นดิน” ติดอันดับที่ 5

เล่มที่สองคือ “หลายชีวิต” ติดอันดับที่ 14

เล่มที่สามคือ “เพื่อนนอน” ติดอันดับที่ 74

เล่มที่สี่คือ “ไผ่แดง” ติดอันดับที่ 97



นักเขียนที่มีหนังสือ “ในดวงใจ” ติดโผมามากที่สุดคือ 4 เล่ม มีสองท่านคือ “คึกฤทธิ์ ปราโมช” และ “ชาติ กอบจิตติ”

เอื้อมไปหยิบมาอีกเล่ม เล่มนี้เพิ่งอ่านรอบใหม่มาหมาด ๆ “โจโฉ นายกตลาดกาล” ครับ

เปิดหน้า “คำปราศรัยของโจโฉ” มานำเสนอท่านผู้อ่านเลยทันที

หลังจากโจโฉแตกทัพเรือทางภาคใต้ ยกทัพกลับไปตั้งอยู่ภาคเหนือ สร้างปราสาทที่พักตากอากาศริมแม่น้ำ ครั้นสร้างเสร็จมีงานเฉลิมฉลอง และในงานนี้แหละที่โจโฉปราศรัยเปิดใจให้บรรดาขุนนางรับรู้


ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช เขียนไว้ว่า

“โจโฉก็ขอร้องให้ทหารทั้งปวงนั้นแต่งโคลงชมความงามของปราสาทให้เป็นที่ครึกครื้น แต่ก็ปรากฏว่าโคลงที่นายทหารส่งมานั้นกลับกลายเป็นโคลงสดุดีโจโฉ สรรเสริญโจโฉอย่างไม่อั้นไปเสียสิ้น ชะรอยโจโฉจะรู้สึกรำคาญต่อการยกย่องของผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา จึงได้ลุกขึ้นกล่าวความในใจของตนต่อหน้าทหาร เป็นการแสดงความรู้สึกแสดงจิตใจ ตลอดจนความหวังของโจโฉไว้สิ้นเชิง ดังต่อไปนี้

‘โคลงนี้ก็ดีอยู่แล้ว แต่ที่ท่านสรรเสริญนั้นเกินนัก แต่ก่อนเราก็เป็นคนปัญญาน้อย ถือเอาความสัตย์และความกตัญญูเป็นที่ตั้ง มาเมื่อครั้งพระเจ้าเลนเต้ได้เสวยราชสมบัติ แผ่นดินเป็นจลาจลต่าง ๆ เราจึงปลูกเรือนอยู่นอกเมืองเจากุ๋น ข้างทิศตะวันออกไกลเมืองทางห้าร้อยเส้น ครั้นเทศกาลร้อนและฤดูฝนเราก็ดูขนบธรรมเนียมต่าง ๆ ครั้นเทศกาลหนาวจึงไปเที่ยวไล่เนื้อ ในน้ำใจคิดว่าแผ่นดินเป็นสุขราบคาบแล้วจะเข้าทำราชการเป็นขุนนาง ไม่รู้ว่าพระเจ้าเหี้ยนเต้จะจำเพาะให้เราเป็นนายทหารฉะนี้ บัดนี้เรามีใจกตัญญูต่อพระมหากษัตริย์ คิดจะปราบปรามให้แผ่นดินเป็นสุข ความชอบจะได้ปรากฏไปข้างหน้า ว่าเราได้เป็นนายทหารช่วยทำนุบำรุงแผ่นดิน ครั้นพระเจ้าเหี้ยนเต้ได้ราชสมบัติก็สมความคิดเราอยู่แล้ว เราก็ได้คิดอ่านปราบปรามกำจัดศัตรูราชสมบัติเสียเป็นอันมาก แต่ครั้งเตียวก๊กโจรโพกผ้าเหลืองนั้นมาตราบเท่าทุกวันนี้ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็ตั้งให้เราเป็นมหาอุปราชใหญ่กว่าขุนนางทั้งปวงอยู่แล้ว เราจะได้คิดอ่านเอายศศักดิ์ให้ยิ่งกว่านี้หามิได้ แต่เราคิดอยู่ว่าได้ช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินแล้วจะทำให้ตลอด อนึ่งแผ่นดินพระเจ้าเหี้ยนเต้นี้ ถ้าหาเราไม่ ก็จะมีผู้โอหังตั้งตัวเป็นเจ้าทุกตำบล คนทั้งปวงซึ่งหาปัญญาไม่ มิได้คิดถึงคุณเรา เห็นว่าเราได้เป็นใหญ่ ว่ากล่าวสิ่งใดสิทธิ์ขาดก็คิดสงสัยเอาเปล่า ๆ หาต้องการไม่ ก็จะแพ้ภัยตัวเอง

ทุกวันนี้ เราคิดตั้งใจทำราชการสนองพระเดชพระคุณพระเจ้าเห้ยนเต้โดยสุจริต คิดวิตกอยู่อีกว่าจะยกที่มหาอุปราชนี้ให้แก่พระญาติพระวงศ์พระเจ้าเหี้ยนเต้ ก็มิเห็นผู้ใดจะช่วยทำนุบำรุงแผ่นดินได้ ครั้นเราจะขืนยกให้บัดนี้เล่า ก็จะทำโลเลให้แผ่นดินเป็นอันตราย นานไปภายหน้าตัวเราจะพลอยได้รับความเดือดร้อนด้วย ซึ่งเราว่ากล่าวมาทั้งนี้เป็นความจริง ใช่จะว่าแต่ปากนั้นหามิได้ แต่ทว่าท่านทั้งปวงจะหยั่งเห้นน้ำใจเราหรือก็จะแกล้งว่า เอาความดีมาเจรจา”

สุนทรพจน์ของโจโฉที่คัดมานี้น่าฟังนัก ถ้าจะพิจารณาดูให้ดีก็จะเห็นว่าโจโฉนำเอาความจริงมาพูด และพูดด้วยความบริสุทธิ์ใจจริง ๆ โจโฉได้กล่าวถึงอดีต โดยยกประวัติของตนมาอ้าง เห็นได้ว่าที่โจโฉดำเนินการรับประหารปราบตั๋งโต๊ะหัวหน้ารัฐบาลทุจริต และปราบรัฐบาลอื่น ๆ ที่ทุจริตเช่นกัน ก็เพราะโจโฉถือว่าตนเป็นนายทหารของพระเจ้าเหี้ยนเต้ เมื่อได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว ก็ดำเนินการปราบปรามบุคคลที่โจโฉเรียกว่าสัตรูของราชสมบัติ คือ อ้วนเสี้ยวและเล่าปี่
ความจริงบุคคลเช่นเล่าปี่นั้น ถ้าหากว่าได้เข้ามาอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเช่นโจโฉ พระเจ้าเหี้ยนเต้ก็เห็นจะอยู่ในราชสมบัติได้ไม่ได้นาน เล่าปี่คงจะแย่งเอาเสียเป็นแน่ เพราะว่าเล่าปี่นั้นไม่ว่าจะไปอยู่กับใครก็จะต้องแย่งเอาสมบัติคนนั้น ประกอบกับเล่าปี่ก็ถือว่าเป็นเชื้อพระวงศ์อยู่แล้ว ที่โจโฉกาหน้าว่าบุคคลเช่นเล่าปี่เป็นศัตรูราชสมบัติจึงไม่ผิด

อนึ่ง โจโฉก็พยากรณ์ไว้ในคราวนี้อย่างแม่นยำว่า ถ้าสิ้นตนเสียแล้ว ก็จะมีคนโอหังยกตนเป็นเจ้ามากมาย นอกจากนั้นโจโฉยังรู้ตัวดีว่า การที่ตนอยู่ในตำแหน่งฐานะสูงนั้น ย่อมจะมีคนระแวงสงสัยเป็นธรรมดา แต่โจโฉก้ไม่ถือสาหาเรื่อง ปล่อยให้แพ้ภัยตัวไปเอง สุนทรพจน์อันนับว่าแสดงชีวิตจิตใจตลอดจนนิสัยใจคอโจโฉไว้แล้วอย่างแจ่มแจ้ง”




โจโฉปฏิวัติ...

เมื่อต้นเดือน ข้าพเจ้ารับเชิญไปอัดเทปรายการโทรทัศน์ พูดคุยเรื่องเกี่ยวกับหนังสือ “โจโฉ นายกตลอดกาล” ของ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช ทีวีฉายไปแล้ว ข้าเจ้าไม่ได้ติดตามชมหรอก

หนังสือ “โจโฉ นายกตลอดกาล” นั้น มีหลายคนเข้าใจว่าเป็นการเมือง ทำนองว่าท่านเขียนกระเซ้าแหย่จอมพล ป. พิบูลสงคราม

แต่ข้าพเจ้าก็ไม่เห็นมีตรงไหน พาดพิงถึง จอมพล ป. นอกจากชื่อเรืองที่มีคำว่า “นายก”

ในเล่มนี้ ม.ร.ว คึกฤทธิ์ ปราโมช ท่านเขียนมุมกลับ คือเขียนให้โจโฉเป็นพระเอก ให้เล่าปี่เป็นผู้ร้าย

ในส่วนที่ท่านเขียนพาดพิงมาถึงการเมืองไทยบ้างนั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นสัจธรรมทั่วไปของการเมือง

อย่างเช่นตอนที่ โจโฉ อ้วนเสี้ยว ฯ รวมทัพหัวเมืองไปปราบตั๋งโต๊ะ แล้วแตกแยกกันเอง ท่านก็พาดพิงถึงการรัฐประหาร การปฏิวัติว่า

“ในการปฏิวัติหรือรัฐประหารนั้นมักจะลงเอยด้วยอาการดังกล่าวเสียมาก ที่เป็นดังนี้ก็เพราะในขณะแรกเริ่ม ผู้ที่เริ่มคิดอ่านขณะทำงานมักจะเป็นคนจิตใจสูง ดั่งเช่นโจโฉปฏิวัติหรือรัฐประหารมิใช่เพื่อตนเอง แต่ด้วยเจตนาดีต่บ้านเมืองโดยแท้ ครั้นพอเริ่มคิดการ ก็จำเป็นต้องคบหาสมัครพรรคพวก ด้วยคนเพียงสองสามคนจะทำการใหญ่ได้สำเร็จนั้นหาได้ไม่ แต่คนที่จะมาเข้าด้วยเป็นจำนวนมากนั้น มิใช่จะเป็นคนดีมีจิตใจสูงเสียทุกคนไป ส่วนมากก็อาจเป็นคนสิ้นคิด ไม่มีหนทางทำมาหากินแล้วบ้าง หรือคนที่มักใหญ่ใฝ่สูงคอยฉวยโอกาสแสวงหาโชคลาภในทางการเมืองบ้าง อิ่งการปฏิวัตินั้นมีท่าทางว่าจะสำเร็จ คนที่ไม่ดีนั้นก็จะยิ่งมาเข้าด้วยมาก เพราะโอกาสที่จะได้ดีมองเห็นอยู่แล้ว พอการรัฐประหารหรือการปฏิวัติสำเร็จลง ก็จะยิ่งมีคนมาเข้าด้วยมากขึ้น ล้วนแล้วแต่พวกที่วิ่งเต้นหาดิบหาดีประจบสอพลอ คนไม่ดีจำนวนมากนี้เอง ที่มักจะทำให้ผลการปฏิวัติหรือรัฐประหารนั้นเสียหายลง เมื่อตอนแรกที่มาร่วมด้วย พวกนี้มักจะยอมตัวเป็นผู้ตามของผู้ที่เริ่มคิดการ เมื่อสำเร็จลงแล้วก็จะตีตัวเสมอ เรียกร้องสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ในฐานที่เป็นผู้ร่วมการด้วยกันมา คนดี ๆ ที่มาพลอยเสียชื่อกับการปฏิวัติรัฐประหารนี้ก็มีมากด้วยเหตุผลที่กล่าวมานี้” ( “โจโฉ นายกตลอดกาล”)

เรื่องโจโฉเป็นนักการเมืองที่ดี หรือเป็นทรราชย์นั้น ผู้คนถกเถียงกันมานานแล้ว

แต่ว่าถ้าว่ากันทางวิชาการแล้ว นักประวัติศาสตร์จีนตั้งแต่ยุคโบราณส่วนมากให้คะแนนโจโฉเป็นบวก

ภาพของโจโฉมาอัปลักษณ์เลวร้ายลงมาก เนื่องจากอิทธิพลของนิยายเรื่อง “ซานกั๋วเหยี่ยนอี้”

เรื่องสามก๊กที่แปลในภาษาไทยนั้น มันเป็นนิยาย ที่โม้ 7 ส่วน จริงเพียง 3 จึงอย่าไปเอานิยมนิยายอะไรกับมันนัก

พูดถึงเรื่องนิยายสามก๊กแล้ว ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงตอนที่แปลบทภาพยนตร์โทรทัศน์จีนเรื่องสามก๊ก เมื่อสิบแปดปีที่แล้ว ข้าพเจ้ายังรู้สึกถึงความเหนื่อยอยู่เลย

เพราะตอนนั้นทำแข่งกับเวลา

และบทภาพยนตร์เรื่องนี้ เกือบทั้งหมดนำเอา ประโยคในวรรณคดีเรื่องสามก๊กที่เป็นภาษาจีนโบราณ มาให้ตัวละครพูด

ภาษาหนังสือของจีนโบราณนั้น แยกแตกต่างจากภาษาพูด

ภาษาพูดกับภาษาหนังสือแตกต่างกันมาก ภาษาหนังสือโบราณ เขียนวรรคละสี่คำ

ตัวละครสามก๊ก ก็พูดประโยคละสี่คำ แต่เนื้อหาของสี่คำนี้ ถ้าแปลเป็นภาษาจีนสมัยปัจจุบันหรือภาษาไทย ก็จะต้องยาวถึงแปดถึงสิบคำ

แต่ข้าพเจ้าก็จะต้องแปลให้มีคำเพียงสี่คำ เพื่อให้นักพากย์ใส่เสียงได้ตรงกับการขยับปากของนักแสดง

มันยาก มันเหนื่อย ตรงนี้แหละครับ

แต่ข้าพเจ้าก็ทำงานแปลแนวนี้มาตลอด จนในปัจจุบันนี้ ยอมรับว่า ข้าพเจ้าแปลวรรณกรรมสมัยใหม่ ที่มีคำสแลง มีคำที่เกิดใหม่ ๆ ในสังคมจีน ได้ช้ากว่าแปลคัมภีร์โบราณเสียอีก

ที่เป็นเช่นนี้ เพราะว่า “คลังคำ” ของข้าพเจ้า มันเป็นคำโบราณ ไม่ได้ติดตามวรรณกรรมสมัยใหม่ (แบบที่มีคำใหม่ใช้กันใน อินเตอร์เน็ต) เลย

โจโฉกับเล่าปี่นั้น เป็นวีรบุรุษผู้มีปณิธานยิ่งใหญ่จริง แรงขับดันของปณิธานนี้ ประกอบกับคุณสมบัติข้อดีด้านอื่น ๆ ของเขา ทำให้เขาประสบความสำเร็จได้เป็นเจ้าก๊ก

อุดมคติของโจโฉนั้น เขาเคยกล่าวว่า

“มังกรย่อมเปลี่ยนแปรตามสถานการณ์ ยามใหญ่ก็ฟ้อนเมฆเหินหาว

ยามเล็กก็ซ่อนตัวตน ถ้าปรากฏก็ผงาดกลางฟ้า ถ้าซ่อนตัวก็แทรกบังอยู่ในคลื่น”

มังกรเป็นสัญลักษณ์ของยอดบุรุษ โจโฉบอกว่า

“วีรบุรุษต้องคิดการใหญ่ มีแผนกลยุทธ์ มีสติปัญญายอดเยี่ยม มีปณิธานยิ่งใหญ่”

นอกจากนั้นยังต้องรู้จักใช้คน โจโฉบอกว่า

“ห้อปัก(เมืองของอ้วนเสี้ยว)มีคนสัตย์ซื่ออยู่เป็นอันมาก น่าเสียดายที่อ้วนเสี้ยวใช้คนไม่เป็น”

และ “มีฝ่ายบุ๋นดียังไม่พอ ต้องมีฝ่ายบู๊ดีด้วย”

โจโฉมีวิธีใช้คนเหมือนเลี้ยงเหยี่ยว เขาบอกว่า

“เหยี่ยวยอมให้ข้าใช้เพราะมันหิว ถ้าอิ่มมันก็บินหนีไป”

นอกจากใช้พระคุณแก้หิวให้ลูกน้องแล้ว ต้องมีพระเดชรักษาวินัยด้วย

ความหิวของลูกน้องก็คือ หิวทรัพย์ หิวเกียรติ หิวลาภยศตำแหน่ง หิวผู้หญิง ฯ โจโฉบอกว่า “ แม้ในท่ามกลางความวุ่นวาย ก็ยังต้องนึกถึงวินัย”

โจโฉ ว่าตัวเขาเป็นฝ่ายธรรมะ ธรรมะย่อมชนะอธรรม เขาว่า “ข้าพึ่งผู้มีปัญญา ยึดหลักธรรมะ อยู่ที่ไหนก็ชนะ”

แต่เขาก็เตือนว่า “ทำสงครามอย่าหน่ายกลอุบาย”

แล้วจะรู้อย่างไรว่าโจโฉเป็นฝ่ายธรรมะหรืออธรรม

นางง่อฮูหยิน แม่ของซุนกวนสรุปว่า “โลกเรานี้ ยังมีอีกหลายอย่างที่เราไม่รู้ !” ( 5 5 5 หมายถึง ฮา ฮา ฮา ครับ)


credit : siamratnews


Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2555
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2555 16:34:21 น. 0 comments
Counter : 1525 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.