a day -- วันหนึ่ง
2:08 PM ที่ออฟฟิศ a day พี่ๆออกไปกินข้าว เพื่อนๆออกไปนั่งกินส้มตำกันหน้าห้อง เหลืออยู่แค่ 2-3 คนในห้อง ต่างคนต่างทำงาน ออฟฟิศเงียบเกินไป เลยใส่หูฟัง ฟังเพลงแก้เหงา
รามือจาก a view ที่ยังคิดคำโปรยไม่ออก เปิด word หน้าใหม่ขึ้นมา เพราะมีอะไรอยากจะเขียนลงไป ว่า...เป็นอะไรไปหรือ ทำไมถึงรู้สึกเศร้าอย่างนี้ล่ะ หรือเพราะ นี่เป็นอีกช่วงชีวิตกำลังเคลื่อนผ่านไป
ที่นี่ที่ไหน ทำไมเรารู้สึกเหมือนไม่รู้จัก 2 เดือนกว่าๆที่ผ่านมา เราเหมือนเป็นคนของที่นี่ แต่อีกไม่นานเราก็จะกลายเป็นคนแปลกหน้า เพราะถ้าไม่มีเพื่อนๆ ... เราก็แทบจะไม่รู้จักอะไรเลย เราอยู่ในที่ใดที่หนึ่งด้วยการฝังตัวเองลงไปในความสัมพันธ์กับคนรอบๆตัว เมื่อสายสัมพันธ์ถึงเวลาต้องคลายออก แล้วอะไรคือสิ่งที่เหลืออยู่ล่ะ เป็นเช่นนี้เสมอมา ...หล่นวูบ...
แล้วหลังจากนี้ล่ะ จะไปที่ไหนต่อ กลับไปอยู่ในชีวิตเดิม ที่เราคุ้นเคยกับมันอย่างนั้นสินะ คำถามคือ แล้วก่อนหน้านี้ล่ะ เราอยู่ที่ไหน ชีวิตนี้... จริงๆแล้วอยู่ที่ไหนเหรอ มีสักที่หนึ่งไหม ที่ที่เราเคยอยู่ ที่เหมือนว่า เรารู้จักมันอย่างดี แต่เมื่อจากมานานๆ เรากลับอึดอัดใจที่จะกลับไป เพราะรู้สึกว่า หลายๆครั้งมันมองเรา เหมือนมันไม่รู้จักเรา
เหมือนกับว่า โลกและผู้คนเคลื่อนผ่านชีวิตเราตลอดเวลา มันมาแล้วมันก็ไป ไม่มีที่ไหนเป็นของเรา พอๆกับที่เราไม่เคยได้เป็นของที่ไหนเลย นั่งแอบร้องไห้อยู่ในออฟฟิศ a day ...ซ่อนน้ำตาใต้ผ้าสีม่วงผืนเดิมที่แสนรัก
ประมาณ 5:00 PM โดนถามด้วยคำถามที่เพิ่งถามตัวเองไปเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเอง ...จบจากนี้แล้วไปไหนต่อ
มันไม่รู้เลยจริงๆ ยังเลื่อนลอย และไม่มีอนาคต แก้ฟุ้งซ่านด้วยการงัดเอา a view มาทำต่อ พร้อมกับเสียบหูฟังเพลงเพื่อตัดการรับรู้ภายนอก ภาพตรงหน้าไหลไปราวกับภาพยนตร์ ที่มีเพลงประกอบเป็นฉากหลัง น้ำตาพานจะไหลออกมาอีกคร้ง ..เป็นอะไรว้า.. สงสัยเพลงจะเศร้า เลยเลิกฟังเพลง
6:45 PM ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว หนีเข้าไปนั่งในออฟฟิศ ฝนตกหนักขึ้นเรื่อยๆ ใช่...อีกไม่นานหรอก เราก็จะไม่มีที่อยู่กันแล้ว นอกจากว่าจะแปลงร่างเป็นมนุษย์บาดาลได้ ..พูดทำไม เครียดเปล่าๆ
(เปลี่ยนเรื่อง) วันนี้คนอยู่ที่ออฟฟิศเยอะเอามากๆ ก็สนุกดีนะ ขำดี แต่ขำก็ต้องให้ได้งาน ตั้งใจไว้เลยว่าวันนี้งานไม่เสร็จไม่กลับบ้าน คิดว่าทำงานกับเพื่อนๆน่าจะง่วงน้อยกว่า แต่ทำไปทำมาสมาธิก็เริ่มเสีย และเป็นอีกครั้งที่หูฟังมีประโยชน์ ...เข้าสู่โลกส่วนตัว...
ห้าทุ่มแล้ว คุณขาว ปู่(หมา)เฝ้าออฟฟิศเดินเข้ามาขอนอนในห้องเพราะข้างนอกเปียกฝน นึกถึงเพลงขอเพียงที่พักใจขึ้นมาทันที ...เดินอยู่กลางลมฝน สู้ทนฟันฝ่า กายที่มันอ่อนล้า แทบยืนไม่อยู่ ...เดินต่อไปคงล้ม มันหมดแรงจะสู้ เปิดประตูรับหน่อย ได้ไหม ...ยืนอยู่ตรงประตู เนื้อตัวหนาวสั่น ช่วยแบ่งปันห้องใจ ให้พักสักครู่ ...ข้างนอกมันเหน็บหนาว ถ้าเธอนั้นเอ็นดู เปิดประตูรับหน่อย ได้ไหม
คุณขาวเข้ามานอนสั่นในห้อง ก็แม้จะหลบพ้นฝนข้างนอกมาได้แต่ข้างในก็เปิดแอร์ นึกถึงตอนที่เราตัวเปียกๆแล้วต้องเข้ามาอยู่ในห้องแอร์ ก็เล่นเอาเป็นไข้เหมือนกัน นึกอยากหาผ้ามาเช็ดตัวให้คุณขาว มองไปเจอแต่กางเกงยีนส์ของเพื่อน ซึ่งก็... ไม่เหมาะเท่าไหร่มั้ง
หันมาเจอกับผ้าสีม่วงสุดรักของเราเอง ใช่...เห็นบางๆอย่างนี้ มันอุ่นมากๆเลย ถึงจะเป็นผ้าธรรมดาๆ แต่เมื่อผ่านการใช้งานอย่างหนัก มันก็นิ่มสบายเหมือนผ้าราคาแพง เรากับผ้าผืนนี้มีความผูกพันกันไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ได้เกี่ยวหรอกว่าใครให้มา เพราะว่ามันจบไปนานแล้ว แต่มันก็กันแดด กันทราย แถมยังกันผู้ชายให้เราด้วย ตอนที่เราไปเที่ยวที่อียิปต์ มันกันลม กันแอร์ให้เรามาตลอดที่เราเรียนที่มหาวิทยาลัย มันเป็นผ้าซับน้ำตา ซับความเหงา ซับความอ่อนแอให้กับเรา กี่ครั้งกี่หนแล้ว ที่เรากอดผ้าผืนนี้หลับไปยามอ่อนแอหรืออ่อนไหว
หันไปมองคุณขาวอีกทีที่ยังตัวสั่นไม่หาย มันคงหนาวมากจริงๆ ไขมันเยอะเสียเปล่าหนอคุณขาว ไม่ได้ช่วยกันความหนาวให้ได้เลย ตัดสินใจวินาทีนั้น เอาวะ เอาผ้าเราเนี่ยแหละ ให้ยืมใช้ได้ หรือจะเอาไปเลยก็ให้ได้ ถ้าเกิดว่าผ้าผืนนี้ไปอยู่กับผู้ที่ต้องการมันจริงๆ ก็นับว่าให้ไปไม่เสียเปล่าหรอก ก็ดูมันสิ เอาจมูกซุกผ้า ตั้งท่าจะนอนหลับเสียให้ได้อย่างนั้น น่าปลื้มใจจะตาย คนที่ให้เรามาเขาก็คงไม่ว่าอะไรหรอก เพราะว่า...เขาก็ไม่เคยแคร์อะไรเราอยู่แล้วนี่ มีแต่เราที่แคร์เขา แคร์อยู่เงียบๆจนตัวเองไม่รู้ตัว แล้ววันหนึ่งมันก็จบลง เราก็เลิกแคร์ไปเอง เลิกสนิทเลย
แต่เปล่านะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิด เราไม่ได้ต้องการจะกำจัดความทรงจำเก่าๆ ด้วยการโยนผ้าผืนนี้ทิ้ง ไม่เคยคิดเช่นนั้นเลย เพราะความผูกพันที่เกิดขึ้น มันคือระหว่างเรากับผ้า ไม่ใช่ระหว่างเรากับคนที่ให้เรามา มันไม่เกี่ยวกันแม้แต่น้อย
สรุปแล้วคือ ...ดีใจที่ได้เห็นคุณขาวอุ่นสบายขึ้น ดีใจที่ได้เห็นคนเช็ดตัวให้คุณขาว (อย่างกลัวมันจะเจ็บด้วยนะ) ดีใจที่ได้สละอะไรเล็กๆน้อยๆให้กับผู้ที่กำลังต้องการมัน
เกือบๆตีหนึ่งมั้งที่ถึงบ้าน มีคนใจดี (สมเพชมากกว่า) มาส่งถึงบ้าน ก็ขอบคุณนะคะ เหลืองานให้เคลียร์อีกหน่อยนึง แต่อู้ไปอู้มา แล้วก็มานั่งเขียน blog เนี่ยแหละ คงพอแล้ว ยาวเต็มที ไปอาบน้ำ แล้วมานั่งทำงานต่อน่าจะดีกว่า
Create Date : 30 พฤษภาคม 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 30 พฤษภาคม 2551 3:02:04 น. |
Counter : 1275 Pageviews. |
|
 |
|
วันนี้บังเอิญเราบล๊อกเวลาใกล้กันพอดี เลยเห็นโดยบังเอิญ ยังมีอารมณ์อ่อนไหวที่สวยงามเหมือนเดิม
เข้าเป็นทีมงาน A Day Junior หรือยังไงคะเนี่ย หรือว่าไปฝึกงาน
น่าสนใจดีนะ ทำงานที่นั่น คงได้พบได้เจออะไรน่าสนุกมากมายทีเดียว
เป็นกำลังใจให้นะคะ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน
เอ้อ แล้วก็บล๊อกหน้าตาแบบใหม่ สวยจังเลย