วันที่ 17 ฤาษีเกศ .. แล้วจะกลับมา
วันนี้นัดกับผึ้งตอนเช้า จะถือโอกาสเช้าวันสุดท้ายในฤาษีเกศ ไปฝึกโยคะริมแม่น้ำคงคากัน แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจเอาเสียเลย ฝนตกปรอยๆ ตั้งแต่เช้า เลยเปลี่ยนแพลน โผล่ขึ้นมาที่ดาดฟ้า

ถ้าไม่ออกไปริมแม่น้ำคงคา เราก็จะมาฝึกโยคะอยู่บนดาดฟ้านี่แหละ จนพนักงานเขารู้กัน บางวันเราออกไปข้างนอกตอนเช้า บ่ายกลับมาเขาก็ถาม วันนี้ไม่ฝึกเหรอ ไม่เห็นในวงจรปิด ดาดฟ้านี้มาวันแรกไม่ชอบเลย จากเด็กภูเขาที่อาศรม มาเป็นเด็กโฮสเทลที่ฤาษีเกศ แต่ไม่มีทางเลือก ไม่งั้นก็ไม่รู้จะไปฝึกที่ไหน แต่ที่ใดก็ตาม หากเราจูนพลังงานกับมันติด เราก็จะหาความสวยงามของมันได้เอง ที่นี่ อยู่ไปๆ เราก็ได้เห็นความสวยงามของสภาพแวดล้อม มีป้าย guesthouse รกตาเต็มไปหมด เสียงแตรดังสนั่นแทบตลอด และสถานที่ฝึกที่ไม่เป็นสัดเป็นส่วน เรามองข้ามมันไปหมดในสัปดาห์สุดท้ายนี้ ที่ได้เห็นคือฝูงนกส่งเสียงร้องดัง ในขณะที่มันบินเต็มท้องฟ้า สวยงามแต่ถ่ายรูปไม่เคยทัน ลมเย็นๆ ที่พัด และท้องฟ้าสวยๆ ในแบบของมัน

เช้าวันนี้ท้องฟ้าสวยมาก ทั้งที่ฝนตก แต่พระอาทิตย์ก็ยังโผล่ออกมาให้เห็น เราลาก mat เข้าออกส่วนที่มีหลังคาอยู่ 2-3 รอบ จนเสร็จสิ้นการฝึกเอาตอน 8 โมงครึ่ง มีคลาสโยคะฟรีของที่โฮสเทลจัดให้ต่อพอดี แต่เราไม่เข้าต่อแล้ว หิว ^^

วันนี้เป็นวันหยุดของผึ้ง ผึ้งเลยแวะที่โฮสเทล มากินข้าวเช้าด้วยกัน เป็นวันแห่งการกำจัดขนม พร้อมไชที่สั่งมาทั้งกาเลย สิ่งที่ต้องทำวันนี้ไม่มีอะไรมาก แค่ตั้งใจออกไป German Bakery อีกครั้ง ที่ German Bakery นี้ เป็นแหล่งรวมชาวต่างชาติ เลยเป็นแหล่งรวมโฆษณาขายสินค้าทางจิตวิญญาณด้วย แปลว่าอะไร .. ดูป้ายประกาศที่ติดหราจนไม่รู้อะไรเป็นอะไร แต่ถ้าไม่เข้มแข้งพอ ไม่รู้ว่ากำลังหาอะไร ก็หลงทางได้ง่ายๆ




เช้าวันนี้เราบอกผึ้ง ระหว่างที่ผึ้งรอเราเชียน blog ก่อนจะออกไป German Bakery ด้วยกัน ว่าอยู่ที่นี่มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นเยอะ เยอะมากๆ เรารู้สึกเหมือนกับจะตกผลึกไม่ทัน เหมือนกับการฝึกโยคะอาสนะ เมื่อฝึกไปหนึ่งท่า เราต้องพักสักครู่ เพื่อให้ร่างกายรับรู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ฝึกให้รู้ .. รู้ว่าร่างกายรู้สึกอย่างไร การใช้ชีวิตอยูที่ฤาษีเกศสองอาทิตย์นี้ เรารู้สึกว่าเราตาม รู้สึก ถึงการเปลี่ยนแปลงไม่ทัน มันคือการเปลี่ยนแปลงในระดับจิตใจ ในระดับพลังงาน เลยพูดอะไรเพี้ยนๆ ไปกับผึ้งว่า เราอยากให้มันมีช่วงเวลาพักระหว่างวัน ไม่ใช่อยากให้มีวันเพิ่มนะ ยังไม่อยากให้วันใหม่มา ยังไม่พร้อมจะรู้สึก ผึ้งไม่บอกว่าเราบ้า ผึ้งบอกว่าเข้าใจ นี่แหละ ถึงไปด้วยกันได้ ฮ่าๆๆๆ
เคยได้ยินว่าคนที่เป็นเนื้อคู่กัน หน้ามักจะเหมือนกัน เอ๊ะ หรือเรากับผึ้งเป็นเนื้อคู่กันมา ฮ่าๆ บอกใครว่าเป็นเพื่อนกันก็ไม่ค่อยมีใครเชื่อ คนจะคิดว่าเป็นพี่น้องกันตลอด แต่เขาบอกไม่ได้ว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง เราเลยบอกไปเลย อายุเท่ากัน เขาก็เลยตบเข่าดังฉาด นั่นไง! ว่าแล้ว ถึงว่าหน้าเหมือนกัน เป็นฝาแฝดกันนี่เอง เรากับผึ้งกลายเป็นฝาแฝดชาวญี่ปุ่น เพราะไปไหนๆ ก็มีแต่คนคอนนิจิวะใส่ เราก็ ไฮ้! กลับได้อย่างเดียว บางทีก็ใส่ อาริงาโตะ แบบลิ้นพันๆ กันเข้าไปอีกคำ คงมีที่เดียวในโลกที่เราเหมือนคนญี่ปุ่นได้ ก็คือที่ฤาษีเกศนี่แหละ อาจจะเพราะว่าคนไทยกับคนจีนยังไม่ค่อยมากัน คนญี่ปุ่นมาเยอะ ทำให้ใครก็ตามที่หน้าเอเชีย จะโดนทักว่าเป็นญี่ปุ่นไปเสียหมด หลังๆ เลยตอบว่าเออใช่ ญี่ปุ่น เขาเลยพูดภาษาญี่ปุ่นใ่ส่ ฑ่อ ความแตก ไว้กลับมาคราวหน้าจะเรียนภาษาญี่ปุ่นมาด้วย เอาให้เนียนไปเลย เหอะๆ
เดินผ่านกระโปรงตัวหนึ่งน่าซื้อเชียว ก็เลยซื้อมา ไม่มีอะไรมากหรอก ฮ่าๆ ยิ่งพยายามจะลดน้ำหนักกระเป๋ากลับยิ่งเพิ่มเนอะ คนขายถามอีกแล้วมาจากญี่ปุ่นเหรอ บอกว่าใช่ เขาเลยบอกมาบ้างว่าเขามาจาก U.K จริงเหรอ เราถาม จริง หน้าเขาจริงจังมาก ก็อาจจะจริงแหละ อินเดียกับอังกฤษก็มีความสัมพันธ์กันอยู่ระดับหนึ่ง เราพยักหน้าแล้วจ่ายตังค์ U.K ย่อมาจากแคว้นอุตรขันธ์นะ ..ให้มันได้อย่างนี้สิพี่ชาย..
เรากลับเข้าโฮสเทลอีกครั้ง ป้ายขอโทษที่ใช้ WiFi ไม่ได้ถูกเอาลงแล้ว ใช้อินเตอร์เน็ตได้แล้วเหรอ ได้แล้ว คนพูดพูดพลางปาดเหงื่อ ที่นี่กลางวันร้อนมาก กลางคืนหนาวหน่อยๆ แต่ที่เหงื่อตกน่าจะเพราะเพิ่งรบกับ WiFi มาหมาดๆ อินเดียเป็นประเทศที่เจริญด้านไอทีนะ แต่ว่าอินเตอร์เน็ตไม่ได้เรื่องเลยสักที่ ฮ่าๆ เขาบอกว่าช่วยทดลองใช้หน่อย คนที่นี่น่ารักตรงนี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะพยายามสุดจิตสุดใจที่จะแก้ไขให้ได้ การอยู่โฮสเทลคือการอยู่กับคน พลังงานของสถานที่อยู่ที่คน แขกที่เข้ามาพักเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอด คนที่ set energy ของสถานที่คือพนักงานนี่แหละ และที่ Zostel ฤาษีเกศนี้ เราให้คะแนนเต็มเลย ขอบคุณมากๆ
ไม่มีใครชอบการลาจากหรอก แต่ทุกๆ งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา เรากอดขอบคุณผึ้ง ถ้าไม่มีผึ้งเราคงไม่มา ถ้าไม่มีผึ้ง เราคงโกรธทุกอย่างที่ขวางหน้า ถ้าไม่มีผึ้ง คงไม่ได้ลองสั่งอาหารหลายๆ อย่างมาชิม ถ้าไม่มีผึ้ง ... ไม่สนุกแน่ ขอบคุณนะผึ้ง ไม่ลืมบอกผึ้ง อย่าลืมไปลงแม่น้ำคงคานะ :)

กอดของผึ้งแน่นที่สุด จริงใจที่สุด อะไรพาเรามาเจอกันนะ
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฤาษีเกศล้วนเป็นไปด้วยดี มีสะดุดบ้างบางที นิดๆ หน่อยๆ แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างสวยงาม และก็ได้จากมาด้วยความรู้สึกดีๆ เราพูดได้เต็มปากว่าเรารักฤาษีเกศ และจะกลับไปแน่นอน

ในที่สุดก็มี Tabla เป็นของตัวเอง เอาจริงนะ รู้ยัง

ชอบมุมนี้ของโฮสเทลที่สุดเลย
แต่หลังจากที่เราออกจากฤาษีเกศแล้วนี่สิ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับตาลปัตร เหมือนตกจากสวรรค์ลงมาสู่อินเดีย ไอ้ความคลาสสิคที่นักท่องเที่ยวเจอกันเนี่ย มาเจอเอาเต็มๆ ที่อัครา เอาไว้เดี๋ยวว่างๆ จะมาเล่าให้ฟัง ตอนนี้ขอเก็บความรู้สึกดี จากฤาษีเกศไว้ในกรุ๊ปบล็อกนี้เพียงแค่นี้

เมืองหริทวาร
วันนี้ถึงเวลาลาจาก จะขอเก็บพลังแม่น้ำคงคาไว้ ไม่ใช่ในความทรงจำ แต่ในพลังงานที่หล่อเลี้ยงร่างกาย จิตใจ และจิตวิญญาณ จนกว่าจะได้กลับมาเยือน อีกครั้ง
ที่พัก ฤาษีเกศทริปนี้ พักที่ Zostel, Rishikesh โฮสเทลนี้มีอยู่ในหลายเมือง ในฤาษีเกศนับว่าเลิศ อยู่แล้วเหมือนบ้าน พนักงานน่ารักมากๆ บรรยากาศดีสุดๆ แต่อย่าคาดหวังมากเรื่องความสะอาด ความใหม่ หรือความเป็นส่วนตัว เพราะถ้าจะพักโฮสเทลก็ต้องรับบุคลิกของมันให้ได้ สนนราคาต่อเตียงในห้อง 8 เตียง รวมชายหญิง ก็ตกคืนละประมาณ 300-400 รูปี ก็คือราวๆ 200-280 บาท ถามว่าถูกกว่านี้มีไหม ก็มีนะ ปัญหาของโฮสเทลนี้ (และหลายๆ ที่) คือ wifi ช้ามาก ถามว่าเป็นปัญหายังไง จะเป็นปัญหาก็ตอนเราจะอยู่ต่อจากที่จองไว้ แล้ว internet ของที่โฮสเทลช้ากว่าของชาวโลกเขา ทำให้เตียงเราหลุด มีหลายคนทีเดียว ที่ต้องระเห็จไปนอนดาดฟ้า หนึ่งคืนบ้าง สองคืนบ้าง แต่คนได้นอนก็บอกว่าตัวเองก็สบายดีนะ เขาบอก ดีออก ได้นอนดูดาว สิ่งที่ดีคือ อาหารเบสิกๆ อร่อยค่ะ ไม่แพงมาก

มุมต่างๆ ใน Zostel ฤาษีเกศ
 ถามตัวเองยัง

จะบุ๊คบันจี้จัมพ์ ล่องแก่ง ปีนเขาอะไรก็เอาเลย
อีกที่ที่น่าสนใจคือ Kriya Yoga Ashram คืนละ 500 รูปี เหมาะสำหรับคนที่ต้องการที่พักที่เงียบ หาความสงบ ไม่รู้เค้ากันเสียงเข้ายังไง มันเงียบได้ใจมาก อยู่ใน Ashram ห้ามใช้เสียง ไม่พูดเลยยิ่งดี มีห้องฝึกสมาธิ และมีนำฝึกสมาธิทุกวัน
อาหาร ฤาษีเกศเป็นเมืองมังสวิรัติ และอาหารปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยวมาก แต่กระนั้นถ้าเป็นคนท้องไส้หวั่นไหวง่ายๆ ก็ควรหลีกเลี่ยงพวก Cheese, Paneer หรือสลัด แต่พวกแกงที่มันร้อนๆ กินเข้าไปเถอะ อร่อย ปลอดภัย สำหรับเรา วันท้ายๆ จัดสลัดมะเขือเทศ ชีส ใบกะเพราะเข้าไป อร่อยปาก แต่ไส้แทบลากดิน ฮ่าๆ ท้องเสียเลยค่ะ แต่ไม่รุนแรงมาก ถือว่าเป็นประสบการณ์ มีร้านอาหารเต็มไปหมด ที่ดังๆ ก็เห็นจะเป็น German Bakery & Restaurant Organic Bakery ด้านซ้ายมือของทางที่จะไป Trekking น้ำตก (จำชื่อไม่ได้ขอโทษจริงๆ) Ganga Beach Cafe ร้านโปรดของเรา ไอติมมะม่วงกับ Butterscotch โคตรอร่อยยยยยย อาหารจานกะหรี่ของที่นี่อร่อยปลอดภัย Paratha, Roti จัดให้เต็ม อร่อยจริง แต่ข้าวผัดเฉยๆ นะ มันจะเขียนว่า Pulau ประมาณนี้ ถ้าอยากลองของต้องสั่ง Raita (โยเกิร์ตใส่พริก ฮ่าๆ) Namaste Cafe ต้องลอง Mint Lemon juice นะ นอกนั้นก็มีอีกเยอะมากกกกกก แต่เราไม่ได้เข้าไป เลยแนะนำไม่ได้ พวกน้ำอ้อยข้างทางไม่ได้ลอง เพราะไม่ไว้ใจแก้วน้ำเขา ใครลองแล้วมาเล่าให้ฟังหน่อย ไช คือ ชานม ถ้าจะกินแบบเผ็ดๆ ต้องสั่งว่า มาซาลาไชนะ Kofta คล้ายๆ meatball แต่เป็นผัก ถั่ว มัน นะ มันจะมากับแกงกะหรี่

German Bakery & Restaurant
ยา มีร้านขายยาอยู่ทั่วไปนะ แต่ยาที่เขาไม่มีคือ คาร์บอน (ถ่านเม็ดดำๆ ที่กินแก้ท้องเสีย) และ Arcoxia ที่รู้ว่าไม่มีเพราะเราใช้และหาซื้อไม่ได้ และเวลาท้องเสียอย่าเดินเข้าร้าน Ayurvedic Clinic เพราะมิเลน่านางเดินเข้าไปถาม และได้ยาจัดสมดุลลำไส้มา อ่านไปอ่านมา มันมีฤทธิ์แก้ท้องผูก *_*
ท่าน้ำ ท่าสำคัญของที่นี่ที่มีพิธีอารตีคือ Triveni ghat แต่เราไม่ได้ไป เพราะไกลเหลือเกิน แต่ถ้าได้ไปอีกคราวหน้าจะไม่พลาด ส่วนท่าน้ำอื่นๆ มีให้เห็นเยอะมาก ตลอดริมฝั่งแม่น้ำ เวลาจะลงน้ำสังเกตป้ายด้วย เพราะบางจุดเขาไม่ให้ลง ถ้ามีเพื่อนไปด้วยก็จะดี สำหรับคุณผู้หญิง ตรงท่าน้ำฝั่งตรงข้าม Beatle Ashram เห็นมีห้องแต่งตัวของผู้หญิงอยู่ ไม่รู้จุดอื่นมีรึเปล่า แต่เราแนะนำโขดหินข้างสะพานลักษมันจุฬานะ เพราะมีห้องแต่งตัวธรรมชาติเยอะ จุดสังเกตคือ German Bakery & Restaurant ตรงสะพานลักษมันจุฬา เดินมาด้านหลังจะมีทางลาดลงไปโขดหินได้ นอกนั้นก็มีบริเวณหาดใกล้สะพานรามจุฬา (เราไม่ค่อยได้พูดถึงสะพานรามจุฬา เพราะไม่ได้พักแถวนั้น)
การเดินทาง ถ้ามาเครื่องบินจะไปลงที่เมืองเดราดัน แล้วนั่งรถเข้ามาเมืองฤาษีเกศ มี prepaid taxi ในสนามบิน ประมาณ 700 รูปี (อย่างแพง ถูกกว่านี้ก็มี) ส่วนรถไฟ หรือรถบัส ก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ต้องเข้าไปในตัวเมือง หรือเดราดันเลย
ร้านค้า หาซื้อของใช้ต่างๆ ง่ายมาก ของดีๆ ทั้งนั้นด้วย ของกินก็จะเน้นออร์แกนิก ใกล้ๆ Kriya Yoga Ahsram มีอยู่ติดๆ กันสองสามร้านเลย ส่วนของฝาก ของที่น่าซื้อทั้งหลาย ผึ้งบอกให้ถามราคาอย่างน้อยสี่ร้านถึงรู้ราคาที่แท้จริง
 ไปรษณีย์ มีอยู่อย่างน้อยสามร้าน ที่รับแพ็คของและจัดการส่งให้ด้วย เราจ่ายเงินรอรับ Tracking number อย่างเดียว อยู่ตรงไปรษณีย์เลย ราคาจำตัวเลขแน่ๆ ไม่ได้ เราส่งสี่โล ราวๆ 700 บาท มันจะมีประโยชน์มาก หากคิดจะชอปหนังสือ หรือพวกข้าวของทองเหลืองต่างๆ เพราะมันหนัก และห้ามใจได้ลำบาก เหอๆ

ริกชอว์และวัด ระวังตังค์ในกระเป๋าของท่านให้ดี ริกชอว์ถ้าเขาบอก 100 แปลว่าจริงๆ แล้ว 10 เส้นทางระหว่างสองสะพานไม่ควรเกิน 20 รูปีต่อคน จำไว้ วัด .. อย่าให้เขาเจิม เจิมแล้วตังค์จะหายจากกระเป๋าไปจำนวนมาก แต่ถ้าสบายใจจะทำบุญก็ทำเถิด เรากับผึ้ง เข้าไปทีเดียวแล้วลาขาด เทพเจ้าไม่ได้อยู่ในวัดค่ะ
โรงเรียนโยคะ อายุรเวท และอื่นๆ เทือกๆ นั้น บอกตรงๆ ว่า ไม่รู้เลย เลือกยากมาก เพราะมันเยอะเหมือนตลาดสด เราไปคราวนี้ พยายามหาโรงเรียนโยคะอยู่สองสามวันแรก แล้วก็เลิกล้มความตั้งใจ มีโรงเรียนโยคะดังๆ อยู่หลายๆ ที่ เช่น Sattva (ที่ครูจิมมี่ไป) Yoga Peeth Sivanada ashram เขาว่าดีนะ แต่แพง และเข้ายาก World Peace yoga Patanjali yoga ashram Om Shanti Yoga Natraj Yoga ฯลฯ อีกเยอะๆๆๆๆๆๆๆ เยอะมากๆๆๆๆ แม้แต่ครูดนตรีที่เราเรียนด้วยยังเปิดสอนโยคะเลย Swami Rama Shadaka Gram เลยอันนี้คือที่ครูโยคะของไทยไปกัน เห็นรูปแล้วคิดว่าดีทีเดียว แต่เราเองก็ไม่เคยไปเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม พยายามหาข้อมูลไปก่อนแล้วจองไป เพราะคอร์สครูโยคะของโรงเรียนดีๆ มักจะเต็ม ต้องจองก่อน แต่ไอ้ที่ไม่ต้องจองไม่ใช่ไม่ดีนะ ทุกที่มีดีทั้งนั้น อยู่ที่ว่ามันเหมาะกับเราหรือเปล่า เอาเป็นว่าลองถามคนที่ไปเรียนที่นั่นมาดีกว่า เพราะเราไม่ได้เรียนโยคะที่ฤาษีเกศ เราเล่าได้แค่พลังของฤาษีเกศ แต่เราไม่รู้เลยว่าแต่ละโรงเรียนเป็นยังไง เราไปเรียนแต่ Tabla ถ้าสนใจ ติดต่อครู Narayan Bhatt ค่ะ ที่ Narayan Music School ได้ ครูน่ารัก แม้ว่าบางวันจะนั่งหาวหวอดๆ ในห้องก็ตาม ค่าเรียน 300 รูปีต่อหนึ่งชั่วโมงค่ะ ซื้อเครื่องดนตรีอินเดียกับครูได้ สบายใจ หายห่วง

กิจกรรมอื่นๆ บันจี้จัมพ์ ล่องแก่ง เดินป่า เที่ยวน้ำตก ไม่ยากในการหาข้อมูล และผู้บริการ ราคาไม่แพง อย่าลืมเตรียมร่างกาย เครื่องแต่งตัว และรองเท้าให้พร้อมแล้วกัน
ข้อมูลคร่าวๆ ของฤาษีเกศเท่าที่พอนึกออกก็คงเท่านี้ ยังมีสิ่งที่รู้สึก แต่เขียนเป็นคำพูดไม่ได้ก็อีกมาก มีเพียงคำสัญญาที่ได้ให้ไว้ ฤาษีเกศ .. แล้วจะกลับมา :)
Create Date : 23 มีนาคม 2559 |
|
6 comments |
Last Update : 21 กันยายน 2559 21:09:01 น. |
Counter : 2504 Pageviews. |
|
 |
|
เราก็จะหาความสวยงามของมันได้เอง
.
.
ชอบประโยคนี้เลยครับน้องเสี้ยว
เชื่อว่าน้องเสี้ยวคงได้รับอะไรดีดีกลับมามากมาย
เหมือนที่เขียนไว้ในบล้อกนี้
รวมทั้งเพื่อนที่ชื่อผึ้งด้วย
เหมือนพระเจ้าอำนวยพรให้ได้มาเจอกันเลยนะครับ