YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~
วันแรก จากมุมไบสู่ฤาษีเกศ เราจะไปตามหาอะไร

ขอให้ข้าพเจ้าได้คำตอบในสิ่งซึ่งข้าพเจ้าแสวงหา

และขอให้ข้าพเจ้าได้ตั้งคำถามในสิ่งซึ่งข้าพเจ้าควรต้องถาม


คือคำอธิษฐานจิตที่ตั้งไว้เมื่อขึ้นเครื่องจากมุมไบมาฤาษีเกศ


ผู้คนจำนวนมากหลั่งไหลไปฤาษีเกศเพื่อเรียนโยคะ เพราะที่นี่เป็นดังเมืองหลวงแห่งโยคะ

ผู้คนอีกจำนวนไม่น้อยมาที่นี่เพื่อกีฬาจำพวก rough and adventure sport

มีอีกหลายคนเหมือนกันที่ตามกระแสฮิปปี้มา เขามากัน จึงมาบ้าง

ส่วนตัวเรา มาทำไมไม่รู้เหมือนกัน รู้แต่ว่าต้องมาสักที

มาแล้วคงรู้เองแหละน่า แม้ว่า ณ วินาทีนี้ที่กำลังเขียนอยู่ จะยังไม่รู้ก็ตาม


ในอินเดียรอบที่สามนี้ หลังจากจบคอร์สโยคะเทอราปีที่อาศรมแห่งเดิมในนาสิก

ก็ตัดสินใจแพ็คกระเป๋าเดินทางขึ้นเหนือ มาฤาษีเกศโดยที่ยังไม่มีแพลนใดๆ ทั้งสิ้น

มีแรงบันดาลใจสำคัญสองแรง แรงที่หนึ่งคือพี่เล็กที่ได้พบกันตั้งแต่สมัยฝึกงานที่ INEB

พี่เล็กพูดหลายรอบแล้วว่าเราต้องขึ้นมาฤาษีเกศให้ได้ 

ขึ้นมาสัมผัสพลังแห่งโยคีที่ไม่แห้งเหือดไปไหน 

แม้ว่าความเป็นเมืองท่องเที่ยวจะขยอกกลืนฤาษีเกศอย่างหนักหน่วงก็ตาม

แรงที่สองคือลุงเบนนี่เพื่อนร่วมชั้นต่างวัยที่พบกันที่อาศรมในนาสิกนั่นเอง

ด้วยความที่เราชอบพลังงานของลุงมาก เมื่อลุงพูดถึงฤาษีเกศเราก็ตัดสินใจเลย ไป!


แต่มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้น เรากับเพื่อนร่วมทาง คือ ผึ้ง 

เพื่อนใหม่ที่เพิ่งเจอกันที่อินเดีย ต้องเจอกับอุปสรรคมากมายหลายอย่างมาก

ด้วยความปวดฟัน รากฟัน เส้นประสาทบริเวณขากรรไกร 

ปวดทรมานถึงขั้นนอนไม่ได้ไปหลายคืน หมอที่นาสิกก็ไม่ได้พรั่งพร้อมอะไร

ปวดจนถึงวันจบคอร์สและขึ้นมาถึงมุมไบ ก็ยังต้องหาหมอฟันต่ออีก จนคิดว่าจะไม่ได้มาแล้ว

ผึ้งเองก็ต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องกระเป๋า เพราะผึ้งกระเป๋าใบใหญ่มาก หนักมาก

ในขณะที่น้ำหนักกระเป๋าสำหรับไฟลท์ในประเทศของอินเดียจำกัดแค่ 15 กิโลกรัม

แต่ผึ้งไม่ย่อท้อ พยายามหาทางส่งกระเป๋ากลับบ้านให้ได้ 

แม้ภาษาจะไม่คล่อง แต่ผึ้งก็กล้าลุยเดี่ยว ตระเวนมุมไบเพื่อหาทางส่งของกลับบ้าน

ในขณะที่เราช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะกำลังปวดฟันมากอยู่ที่โรงแรม 

ถึงขั้นสภาพจิตไม่ปกติ ต้องร้องไห้บนเก้าอี้ทำฟันเลย หมอคงตกใจมาก

ผึ้งเองก็หาทางส่งของกลับบ้านไม่ได้ เพราะเขาไม่รับ 

นอกจากไปส่งกับ cargo ของสนามบินเพื่อเสียตังค์เป็นหมึ่น ซึ่งไม่ใช่แน่นอน

อุปสรรคหนักหนาจนเราไม่แน่ใจว่า นี่คือการพิสูจน์ความเข้มแข็งของจิตใจ

หรือเป็นการบอกเป็นนัยๆ ว่า ยัง.. ยังไม่ถึงเวลาที่เราจะไป

เราเองถึงขั้นบอกผึ้งเลยว่า เราอาจจะไม่ไหว ผึ้งอาจจะต้องไปเอง

เตรียมตัวทิ้งตั๋ว ทิ้งที่พัก ทิ้งทุกอย่าง


อาการปวดมาทุเลาลงเอาคืนก่อนเดินทาง 

พร้อมๆ กับที่ผึ้งเองก็พอเห็นความหวังในการส่งกระเป๋า

เราตัดสินใจไปต่อ และตกลงกันว่าจะเอากระเป๋าไปส่งไปรษณีย์ใกล้สนามบิน

พอเช้ามา ทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้จนได้ กระเป๋าได้กลับบ้านในราคาที่ไม่แพง

ส่วนอาการปวดฟัน และปวดเส้นประสาทของเราก็ดีขึ้นมาก จนพอยิ้มออกได้แล้ว


พอได้นั่งบนเครื่องบินมุ่งหน้าไป Derhadun เมืองใกล้ฤาษีเกศเรียบร้อยแล้ว 

รู้สึกผ่านอุปสรรคไปได้หนึ่งเปลาะ แล้วผึ้งก็พูดขึ้นมาว่า มันเหมือนเล่นเกมส์เนอะ 

ผ่านด่านไปได้ทีละด่านๆ เราเสริมต่อว่า แต่ไม่รู้มันจะมีกี่ด่านนะ แล้วเราก็หัวเราะกัน

เราชอบความคิดผึ้ง มันทำให้เรานึกถึงเวลาเล่นเกมส์ว่า กว่าจะผ่านแต่ละด่านมันจะมีตัวหัวหน้า

คือต้องสู้กับหัวหน้าไง แล้วบางครั้งต้องใช้หลายชีวิตในการสู้ด้วย กว่าจะฆ่าตัวหัวหน้าได้

เหมือนอย่างผึ้งใช้เวลาทั้งวันตระเวนหาที่ส่งกระเป๋า กว่าจะได้ส่งในวันสุดท้าย

ส่วนเราเองต้องหาหมอฟันถึงห้ารอบในเวลาเพียงหนึ่งสัปดาห์กว่าจะรักษาได้ถูกจุด

ก็ผ่านกันมาได้ ช่วยเหลือกันและกันเท่าที่ทำได้ มองกลับไปแล้วก็พยักหน้า ยิ้มให้กัน แล้วเดินต่อ


ผ่านเรื่องเครียดมาได้ เราก็เริ่มเห็นเรื่องฮาๆ แห่งภารตะประเทศ

ที่สนามบินในประเทศ เมืองมุมไบ มันวุ่นวายอย่างเป็นเอกลักษณ์มากๆ 

เข้าไปได้ก็หากาแฟกินก่อน มุ่งไปที่ cafe coffee today ร้านแฟรนไชส์ใหญ่ของที่อินเดีย

ผึ้งไปหาที่นั่ง เราวางกระเป๋าไว้กับผึ้ง แล้วก็ไปซื้อกาแฟ 

มีแขกคนหนึ่งเข้ามายืนแซงหน้า เรามองนิ่งๆ เขาก็ถามว่าเราต่อคิวอยู่ก่อนรึเปล่า เราก็ตอบว่าใช่

เขาก็ .. เอ่อ .. ยิ่งขยับขึ้นหน้า แทรกเข้ามาจนมิดตัว แล้วรีบสั่งอย่างรวดเร็ว 

เด็กไทยคนนี้ได้แต่เกาหัวแกรกๆ เมริงจะถามกรูทำมายละนิ

กลับไปหาผึ้ง เก้าอี้ที่วางกระเป๋าเราอยู่กระเด็นออกมา ตรงข้ามผึ้งมีแขกนั่งอยู่

เรางง ผึ้งบอกว่า เราบอกเขาว่าเก้าอี้ตัวนี้มีคนนั่ง เขาเลยเอาเก้าอี้อีกตัวมาแทรก

แหม่ น่ารักนะเนี่ย ไม่แย่งเก้าอี้ด้วย เราบอกผึ้งเดี๋ยวมา ไปสำรวจก่อนว่าเขาเข้าแถวกันยังไง

เพราะไม่มีการเรียก ประกาศออกไมค์ มีแต่คนมาตะโกนเรียกๆๆๆ 

แล้วสำเนียงฟังยากมาก ฟังออกเป็น เด่อ... เดอๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เดอเด๊อ ดีนะที่ไม่ตกเครื่อง 

กลับมาที่ร้านกาแฟ เราเดินกลับมาหาผึ้ง ก็ได้เห็นว่าบนเก้าอี้ที่มีกระเป๋าใบโตของเราวางอยู่

บัดนี้ มีแขกมานั่งเบียดกระเป๋าเราไปแล้ว เราเลยความยัวะไปนานแล้ว แต่ขำมาก

โอโหเฮะ เอากันขนาดนี้เลย เลยพูดออกไปว่า เอ็กซ์คิ้วหมี....?? พร้อมเลิกคิ้วสูง

พี่แขกสะดุ้ง ราวกับเพิ่งรู้ตัวว่า 3/4 ของเก้าอี้ที่พี่แกนั่งอยู่นั้น มีกระเป๋าของผู้อื่นอยู่

รีบกระเด้งตัวลุกขึ้นยืนทันที บอก sorry sorry ไม่รู้ว่ามีคนนั่ง ไอ้ย่ะ!

โอเคไม่ว่ากัน เราผิดเองที่เราให้กระเป๋าเรานั่ง ที่นี่คงไม่ได้ใช้ระบบนี้ 

เราเลยบอกให้เขานั่งเราแค่จะเอากระเป๋า แต่เขาไม่ยอมนั่ง ดูรู้สึกผิด เราเลยสงสารบอกไม่นั่งจริงๆ

เดี๋ยวจะเดินไปตรงนู้น (ตรงไหนไม่รู้เหมือนกัน) บอกผึ้งเดี๋ยวค่อยเจอกันละกัน

อาแขกอิก็ยังม่ายล่าง อาเมียของอาแขกก็เลยต้องบอกให้ผัวอีล่างงงง ^^"

เราเลยเดินเข้าร้านหนังสือ ได้หนังสือของกฤษณมูรติมา ตั้งใจให้ผึ้งโดยเฉพาะเลย

เพราะดูแล้วเล่มนี้อ่านง่าย มีครบทุกเรื่องที่กฤษณมูรติเคยพูดไว้ ราคาไม่แพง น้ำหนักเบา

เล่มนี้เอาขึ้นมาอ่านบนเครื่อง แม้จะอ่านหนังสือของกฤษณมูรติมาหลายเล่ม

แต่อ่านแล้วก็ยังได้อะไรใหม่ๆ ตลอด อ่านเรื่อง awareness

เขาบอกว่าให้เรา alertly passive, not aggressively active 

ลองเก็บไว้คิดดู


กลับมาที่สนามบินต่อ ที่สนามบินยังมีจุดที่เขาให้ชาร์จแบตโทรศัพท์ด้วยนะ 

แต่ชาร์จแล้วแบตมันจะลดลงเรื่อยๆ เอ้อ เอาดี้

อีกเรื่อง คือ ตอนผ่าน security ของประเทศอื่นต้องถอดรองเท้า ถอดเสื้อคลุม

ที่อินเดียมันแยกแถวผู้หญิงผู้ชายอยู่แล้ว เราก็ไปต่อแถวผู้หญิง 

พอเลื่อนกระเป๋าเข้าไปเสร็จ เราก็เดินผ่านเครื่องสแกนพร้อมถอดเสื้อคลุม ข้างใจเป็นเสื้อแขนกุด

เจ้าหน้าที่ทำหน้าตกใจมาก บอกว่าไม่ต้องถอดๆ ใส่เสื้อเข้าไปเดี๋ยวนี้

เราก็อ้าว ผิดประเพณีเขาซะงั้น เขามียิ้มให้แบบโล่งใจด้วยนะที่เราใส่เสื้อ

คือ.. มันก็มีคนใส่เสื้อแขนกุดนะ มันไม่ได้ผิดกฎหมายนะ แต่ดูนางตกใจมาก


เครื่องแวะมาจอดที่นิวเดลี เรานั่งรอในเครื่อง สักพักก็มีเจ้าหน้าที่จู่โจมมาขอตรวจ

บะดะพัส บะดะพัส แมมโฉะมิบะดะพัส ต้องตั้งสติว่าเจ้าหน้าที่บขส.เอ้ยสายการบินเขาพูดว่า

Boarding pass, Ma’am, show me boarding pass.


พอมาถึงเดราดัน โชคดีเจอฝรั่งพักที่เดียวกันที่ฤาษีเกศ

เลยแชร์รถมาด้วยกันเลย เสียไป 700 รูปีต่อ 3 คน หารกันออกมาถูกอยู่

ถนนไปฤาษีเกศลาดยางอย่างดี สวยงาม ร่มรื่น เต็มไปด้วยลิง

คนขับบอกว่าไม่ใช่แค่ลิง แต่มีทั้งช้าง เสือ และงูด้วย

ระหว่างทางคนขับก็หักรถวืดหลบรถสวนมาโดยไม่มีชะลอเลยแม้แต่น้อย

เรานั่งหน้า ยังเสียวไม่หายก็มาถึงโค้งหักข้อศอกอีกอัน พี่แกก็ไม่ชะลอ

พร้อมกันนั้นรถบรรทุกก็ขับสวนมา ข้าพเจ้าหลับมาปี๋ หดคอหลบอัตโนมัติ 

วืด.... ผ่านไปอย่างรวดเร็ว พี่คนขับยังหน้าตาเฉย พูดถึงช้างได้ต่อ

อ๋อย..


มาถึง hostel ที่จองไว้ชื่อ Zostel เราสามคนผู้โดยสารโผเผลงมาราวกับเพิ่งเล่นรถไฟเหาะเสร็จ

เชคอินเข้ามาห้องนอนที่มี 8 เตียง ทุกอย่างลงตัวพอดีสำหรับวันนี้

ออกไปเดินหาข้าวกินก่อน แล้วพรุ่งนี้ค่อยว่ากัน

ระหว่างทางเห็นป้ายโฆษณาโรงเรียนโยคะ อายุรเวท ไปจนถึง self defense เต็มไปหมด

พยายามเดินหาแม่น้ำคงคา แต่ฟ้ามืดเสียก่อน ได้เจอแต่ร้านค้าที่ขายของที่แสดง “ความเป็นโยคะ"

เดินสวนทางกับฝรั่งทั้งหัวทองหัวแดง แต่ละคนแต่งตัว "พยายามจะโยคะ"

เมื่อนั้นแหละที่เกิดคำถาม .. เรามาที่นี่ทำไมเนี่ย

ถ้าที่นี่ไม่ใช่ แล้วจากจุดนี้ เราควรมุ่งหน้าไปทางใดเล่า


แต่ยัง นี่แค่วันแรก

สูตรเดิมยังใช้ได้อยู่ คือ ให้เวลากับมันสักสามวัน แล้วค่อยตัดสิน



ผึ้งกะมี่พร้อมออกเดินทาง ถ่ายหน้า Oriental Aster Hotel ที่มุมไบ พนักงานบริการดีสุดๆๆๆๆๆๆ



วันนี้ที่ไม่ปวดฟัน สดใส ลัลล้า



ระหว่างผึ้งไปส่งกระเป๋า เรานั่งดูหมา ดูนางจะมีความสุขในโลกส่วนตัวท่ามกลางโลกที่วุ่นวาย



ความวุ่นวายของเกท ยังกะท่ารถเมล์



ที่ชาร์จแบตมหัศจรรย์ ชาร์จแล้วแบตลดลงเรื่อยๆ





อาหารเที่ยงบนเครื่อง เป็นถั่วแดง กับข้าวบาสมาติ ที่หน้าตาเหมือนหนอน รสโอชะมาก



ลงจากเครื่องแล้ว



ตื่นเต้นๆๆๆ



เป่ายิ้งฉุบเราได้นอนเตียงชั้นบน



สะพานลักษมันจุฬา เดินไปมืดๆ ไม่เห็นอะไรมาก พรุ่งนี้เช้าจะตื่นไปใหม่ ไปสวัสดีแม่น้ำคงคา



ไช (ชา) ร่วมสาบานของเราสอง



พร้อม veg masala dosa หั่นครึ่งแบ่งกันแล้วยังกินไม่หมด




หนังสือที่เลือกให้ผึ้ง






Create Date : 05 มีนาคม 2559
Last Update : 5 มีนาคม 2559 11:43:36 น. 1 comments
Counter : 1628 Pageviews.

 
เราก็ชอบ กฤษณะ มูรติ ^____^

สนุก ๆ มาก ครับ


โดย: ลมหายใจที่เหลืออยู่ IP: 27.145.226.65 วันที่: 1 เมษายน 2559 เวลา:14:07:58 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
 
มีนาคม 2559
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
5 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.