แปลก...ตุ๊กตา...ลบ...หัวเราะ...ทำงาน...นามบัตร...ฯลฯ
มันก็แปลกดีที่วันหนึ่งเราก็เลิกหวัง เลิกเห็นอะไรที่มันไม่จริง เหมือนมันไม่เคยมีอยู่ ใช่ มันแปลกดี เหมือนๆกับอยู่ๆความรู้สึกมันก็แห้งตายไป คล้ายกับตื่นจากความฝัน แต่มันก็ตื่น..จากฝัน..จริงๆนี่นา ภาพที่เห็นโดยที่มันไม่มีอยู่จริง มันก็คือภาพฝันทั้งนั้นแหละ ก็ดีเหมือนกันนะ ชีวิตว่างเปล่าอีกที
ไม่รู้ว่าทำไมสองสามวันนี้ ถึงได้ติดตุ๊กตานักหนา มันก็คือเจ้าหมาน้อยตัวหนึ่งซึ่งเคยมีชื่อ แต่ตอนนี้มันไม่มีชื่อแล้ว ไปเจอมันนอนแอ้งแม้งอยู่ในกล่อง ตัวดำปี๋ เลยอุ้มเอากลับบ้านมาอาบน้ำให้ขาวๆหน่อย แล้วเราก็กอดมันนอนทุกคืน ไม่เกี่ยวหรอกว่าเป็นเพราะใครสักคนเป็นคนให้เรามา เพราะภาพวันเวลาเหล่านั้นแม้มันจะยังแจ่มชัด แต่ก็เลือนรางเหลือเกินแล้ว (แล้วตกลงมันแปลว่าอะไร)
การลบชื่อออกไปจากเอ็มเอสเอ็น มันช่วยทำให้จิตใจเข้มแข็งได้ดีอย่างนี้นี่เอง แต่เราก็ไม่บล็อกเขา เพราะเราไม่เชื่อว่าการตัดรอนมิตรภาพมันจะได้อะไรขึ้นมา เราไม่มีความจำเป็นจะต้องโกรธอะไรกับเขา เพราะเรายังคงอยากจะหยิบยื่นสิ่งดีๆให้เขาถ้าเขาร้องขอ ก็ในฐานะเพื่อนมนุษย์คนหนึ่งที่เคยสร้างบุญสร้างเวรร่วมกันมานี่แหละ ก็คล้ายๆกับพี่ชายคนคนนั้น ที่สุดท้ายแล้ว ความเรียกร้องต้องการอะไรจากเขามันก็หมดไป มีเพียงมิตรภาพและถ้อยคำความห่วงใยที่หยิบยื่นให้กันและกันเท่านั้น เพราะเราไม่ได้มีส่วนใดที่พร่องลงไป
บางสิ่งบางอย่างที่ดีๆมันก็เกิดขึ้นในชีวิต บางครั้งเสียงหัวเราะก็กระจายเต็มบรรยากาศ แต่ไม่เคยมีเลยสักครั้งที่นั่งอยู่คนเดียวในห้องแล้วระเบิดความสนุกนานออกมาได้ นั่งอยู่คนเดียว จึงนั่งกอดตัวเองอยู่คนเดียว เมื่อได้นั่งอยู่กับใครๆหลายๆคน บรรยากาศจึงโอบกอดเราไว้ บางทีลองเปิดใจ แหกกฎ แล้วใช้ชีวิตเบาๆ ทำไมบางวินาทีเราถึงได้รู้สึกว่า ไม่เห็นต้องคิดอะไรมากเลย เหมือนได้ออกมาเที่ยวตากอากาศ ทั้งๆที่ก็นั่งอยู่ที่ออฟฟิศ น่าเสียดายที่เข้าสู่เดือนสุดท้ายแล้ว แถมยังขาหักอีกต่างหาก จะมีอีกไหมออฟฟิศแบบนี้ ถึงการงานจะเครียดเท่าไหร่ แต่เพื่อนฝูงก็ทำให้ชีวิตรื่นเริงขึ้นได้อยู่ตลอด
ก็อยากนะ อยากห่างพ่อห่างแม่ออกมาบ้าง จะว่าเป็นลูกไม่ดีก็คงไม่ใช่ แต่ว่าบางทีการนั่งอยู่บ้านเฉยๆมันชวนให้เราหดหู่ ขี้เหงาเหรอ ก็คงใช่ แต่บางอย่างเราไม่รู้ว่าเราเป็นอย่างนั้น จนกระทั่งมันมีอะไรที่มันอยู่ตรงข้ามมันมาทำให้เรารู้ตัว
เมื่อวานนี้แม่ถามว่าหลังจากฝึกงานที่นี่เสร็จแล้วไงต่อ รู้มั้ย มันคิดไม่ออกเลย ทั้งๆที่รู้ว่าต้องคิด อาการเหวงๆหลังจากเรียนจบที่เราไม่เคยคิดว่าเราจะเป็น ถึงวันนี้เราก็เริ่มสัมผัสมันได้แล้ว เรามีงานทำแล้วไม่ใช่เหรอ เราก็ทำงานมาตลอดนั่นแหละ แล้วทำไมเราต้องคิดอย่างนี้ด้วย มันเป็นเพราะเราไม่ชอบงานที่เราทำรึเปล่า หรือว่าเป็นเพราะเรากำลังเสีย self บางอย่าง บางอย่างที่เนตรถามเราว่า ...มันหายไปไหนหมด...
นามบัตรแรกในชีวิตที่เป็นของ Dance Centre ในตำแหน่ง Choreographer and Teacher เราภูมิใจนะ แต่ว่าเรารู้สึกว่าเรายังทำงานไม่สมกับสิ่งที่ได้รับเลย แล้วไมรู้ทำไมเราถึงรู้สึกว่าเราทำไม่ได้
เราอยากทำหนังสือ เราอยากเขียน แต่สุดท้าย เรารู้สึกว่า เรายึดมั่นอะไรกับมันไม่ได้เลย
เราอยากเล่นดนตรี แต่เราก็ยังไม่ได้กลับไปหาครูตุ่นสักที เพลงที่เราทำไว้ก็ค้างๆคาๆ อะไรก็ยังไม่ถึงไหน
รัฐศาสตร์....ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ....ปรัชญาทั้งหลายแหล่ ทั้งๆที่ชอบ ทั้งๆที่รักที่จะเรียน แต่ว่าเอาไปทำอะไรได้หรือ
อีกแล้ว วนเวียนๆอยู่ที่เดิมที่หน้าคอมพิวเตอร์ ค้างๆอยู่ระหว่างความสุข ความสนุก และความเศร้าๆ เหงาๆ ซึ่งอย่างหลังดูเหมือนจะเป็นพื้นอารมณ์ปกติไปซะแล้วในระยะหลังๆมานี้
ถึงเวลากลับบ้านแล้วหนอ...กลับบ้าน
Create Date : 14 พฤษภาคม 2551 |
|
8 comments |
Last Update : 14 พฤษภาคม 2551 21:59:02 น. |
Counter : 1242 Pageviews. |
|
 |
|
อออยู่บ้านเซ็งก็เขยกไปเล่นเรือถีบที่สวนหลังบ้านแกกันมั้ย
เฮ้ยมี 2 คนนั่งมองขนนก!
อย่านะ!