สิ่งดีๆที่เกิดขึ้นวันนี้
บ่อยครั้งที่ตั้งคำถามกับชีวิต นี่เราเกิดมาทำไม เรากำลังรออะไร และอะไรกำลังรอเรา ถามวนไปวนมา ไม่เคยเจอคำตอบ อาจจะเป็นเพราะคำตอบนั้น ที่แท้...มันไม่ได้มีอยู่จริง
แต่ก็อาจมีบ้างบางเวลา ที่ถึงคราวประจวบเหมาะ แล้วเหตุการณ์บางอย่าง ก็คล้ายกับเป็นคำตอบของคำถามที่ว่า ชีวิตนี้ มีอะไรรอเราอยู่
หลายครั้งที่มองชีวิต มองเรื่องราวรอบๆตัว เกิดคำถาม แล้วคำถามก็ลอยไป ใส่ใจหรือไม่ใส่ใจ อย่างไรก็ไม่ได้คำตอบ ความหวังบางอย่าง แค่หวังไว้ ไม่ได้คาดคิดไว้ว่ามันจะจริงเมื่อไหร่ หากแต่เมื่อมัน "ประจวบเหมาะ" ความหวังจะตกผลึกกลายเป็นความจริงขึ้นมา แล้วสิ่งที่หวัง เราก็ได้มาโดยไม่ได้ไขว่คว้าอะไร
ที่สุดแล้ว... ที่ยังมีชีวิตทุกวันนี้ อาจเป็นไปเพียงเพื่อการรอคอย ที่จะพบเจออะไรบางอย่าง ที่ซ่อนกายอยู่เงียบๆในโลกส่วนตัวของเราเอง
จนกระทั่งเมื่อเวลาและสถานการณ์ มาถึงคราว "ประจวบเหมาะ" เช่นนั้น ก็เข้าใจ ...อยู่ไปเพื่ออะไร แล้วจึงเห็น ...ชีวิต...มีความหมายไม่น้อยเลย
ตอนเรียนหนังสือมีเพื่อนอยู่คนหนึ่ง สัมผัสได้ ว่าเขาไม่ชอบเรา แต่ก็เป็นไปได้ว่าเราอาจจะคิดไปเอง ทั้งๆที่เคยสนิทกันมากมายเมื่อคราวอยู่ ป.2
3 ปีสุดท้ายของชีวิตนักเรียนเราอยู่ห้องเดียวกัน นั่นก็เพราะห้องวิทย์มันมีห้องเดียว เท่าที่จำได้คือ เราไม่เคยคุยกันเลย นอกจากว่าจำเป็นจริงๆ เช่นต้องร่วมงานกัน แต่ก็น้อย น้อยมากจริงๆ ทั้งๆที่เพื่อนสนิทเราหลายคน ก็สนิทกับเขา ลองถามเพื่อนๆเหล่านั้นดู เขาก็บอกว่า เขาก็รู้สึกได้ว่ามันมีกระแสของความเย็นชาอยู่ เพียงแต่ว่าไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม
ก็ไม่เข้าใจจนกระทั่งเข้าค่ายปัจฉิมนิเทศน์ คืนสุดท้ายนั้นเราเดินเข้าไปถามเขาตรงๆ เกลียดเรารึเปล่า เกลียดเราทำไม ไม่มีคำตอบจากเพื่อนคนนี้ นอกจากเสียงร้องไห้ แล้วเราสองคนก็กอดกันและกัน ก็ยังเป็นความรู้สึกที่ไม่เข้าใจจนทุกวันนี้
แล้วเราก็ไม่ค่อยได้เจอกันเพราะต่างคนต่างไป อย่างไรก็ตาม ด้วยความเกี่ยวข้องบางอย่าง ที่ทำให้เราสองคนยังเจอกันอยู่บ้าง แต่ทุกครั้งที่เจอกัน มันคล้ายๆกับว่า ...เราไม่เคยรู้จักกัน...
วันนี้เจอกันอีกครั้งในงานแต่งงาน ก็ไม่กล้าทักจนแล้วจนรอด จนกระทั่งเพื่อนเขาเข้ามาทักเราเอง
ไม่มีร่องรอยของความเย็นชาใดๆหลงเหลืออยู่ แปลกใจมากมาย และดีใจเหลือเกิน 5 ปีผ่านมาแล้ว ทำไมเขามาคุยกับเราเนี่ย ...คือว่า รู้สึกดี...
เมื่อวันเสาร์ที่แล้วไปดูคอนเสิร์ตมา พี่น้อย (พรู) อยู่ในคอนเสิร์ตด้วย และพี่น้อยก็สุดยอดมากๆ เราเห็นการแสดงที่เต็มที่และ "สุด" อย่างยิ่ง เขาไม่ได้แสดงแล้วพยายามทำให้ตัวเองดูดี อย่างที่ "ศิลปิน" หลายคนในปัจจุบันทำกัน แต่เราเห็นการแสดงที่ราวกับว่า พลังที่อัดแน่นอยู่ในตัวเขา มันกำลังล้นทะลัก แล้วไหลออกมาถึงผู้ชม เขาเอา "ศิลปะ" สื่อถึงคนดู และไม่ได้เอาตัวเขามา "ขวางกั้น" กระแสนั้น และนั่น ...เขาทำเราลืมโลกไปชั่วขณะ
ในช่วงเวลาที่เวทีตรงนั้นเป็นของเขานั้น เรารู้สึกว่า เราไม่ได้เห็นพี่น้อย กำลังร้องเพลงและเต้น(แร้งเต้นกา) อยู่ตรงนั้น เราเห็นแต่พลังบางอย่าง ที่ไหลออกมาจากตัวเขา แล้วโอบล้อมแทรกซึมในทุกอณูอากาศ และสวมกอดเราเอาไว้พร้อมทั้งกระซิบว่า ...นี่แหละ ที่เขาเรียกว่าศิลปิน...
อยากให้เขารู้เหลือเกิน อยากมีโอกาสบอกเขาสักครั้ง บอกเขาว่า "เขาสุดยอด"
ถึงแม้ว่าเราจะยอมไปงานแต่งงานกับแม่วันนี้ เพราะรู้ว่าพี่น้อยเป็นญาติกับเจ้าสาว ซึ่งก็อาจจะได้เจอพี่น้อยก็ได้ แต่ก็ไม่ได้คิดว่าพี่น้อยเขาจะมา หรือถ้าเขามา เราเองก็คงจะไม่กล้าไปคุยกับเขา เขาเป็นคนดัง น่าจะมีคนคุยด้วยมากมาย แต่เราก็หยิบสมุดไดอารี่ติดตัวไปด้วย เผื่อไว้...เผื่อไว้เท่านั้น
จนในที่สุด...ในที่สุดเราก็เห็นเขา ยืนอยู่ใกล้ๆกับกลุ่มคนที่เรากับแม่รู้จัก นั่นแหละ แล้วเราก็ได้คุยกับเขา พี่น้อยจริงๆ พี่น้อยที่ทำเราขนลุกเมื่อเสาร์ที่แล้ว กำลังยืนอยู่ข้างหน้าเรา กำลังคุยกับเรา เหมือนฝันไปเมื่อได้บอกเขาว่า เราตื่นเต้นแค่ไหนที่ได้คุยกับเขา ได้บอกเขาว่าเราชื่นชอบเขาแค่ไหน ได้บอกเขาว่าเขาสุดยอดแค่ไหน ยังตื่นเต้นจนถึงตอนนี้อยู่เลย เวลาเกือบ 15 นาที ถูกใช้ไปกับการพูดคุย ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีวันนี้ ความหวังลมๆแล้งๆเมื่อเสาร์ที่แล้ว มันเป็นจริงอย่างไม่น่าเชื่อ ...ชีวิตนี้ดีจริงๆ...

Create Date : 23 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 0:39:05 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1004 Pageviews. |
 |
|