เสียงเพลงบนสะพานลอย
ทั้งๆ ที่ไม่เคยเรียนเรื่องกามนิตวาสิฏฐี แต่ฉันรู้จักกลอนบทนี้ เพราะพ่อใส่ทำนองร้องให้ฟังเมื่อราวๆ สิบกว่าปีที่แล้ว (พยายามจะหาไฟล์เสียงมาประกอบ search ไปกลับเจอแต่เวอร์ชั่นสาวงามกวนหยี)
เห่ เฮ เฮ ฮ้า... มาฟังผมว่าเรื่องหลังยังมี จะกล่าวสุนทรเป็นกลอนลิขิต เรื่องกามนิต กับวาสิฏฐี กามนิตยอดชาย จะไปค้าขายที่โกสัมพี โชคและบุญหนุนนำมาเจอสาวงามชื่อวาสิฏฐี นางกับมิตรสหายเดาะคลีถวายองค์พระลักษมี งามในรูประหงเสมือนดังองค์เทพไท้เทวี.......
เนตรมาพบสบกันนวลนางไหวหวั่นในดวงฤดี ทำให้ใจสะทกลูกคลีพัดตกไปจากเวที กามนิตว่องไวกระโดดเข้ารับลูกไว้ทันที โยนไปให้นวลน้องประสานตามองสุดแสนเปรมปรีดิ์
.................
ทำไมอยู่ๆ ถึงนึกถึงเพลงนี้น่ะเหรอ ก็คงเพราะลุงคนนี้นั่นแหละ ที่เป็นคนเล่นมันขึ้นมา

ทุกครั้งที่ลุงมานั่งตรงนี้ เสียงเพลงจากซอที่ฉันเรียกชื่อไม่ถูกก็จะดังไปทั่วสะพานลอย ฉันจะหยุดฟังทุกครั้ง แต่ลุงอาจจะไม่เคยรู้ เพราะลุงมองไม่เห็น ตาลุงบอด จะว่าไป การที่ลุงมองไม่เห็น มันก็อาจจะช่วยทำให้ลุงไม่ทุกข์จนเกินไปก็ได้ เพราะมันทำให้ลุงไม่ได้เห็นภาพความเพิกเฉยของผู้คนบนสะพานลอย ตอนเช้า ลุงนั่งตากแดดเล่นดนตรี แต่ก็ไม่เคยมีใครสนใจ เพราะต่างก็ต้องรีบไปทำงานให้ทันเวลา ตอนเย็นๆ ลุงนั่งตากยุงอยู่ที่เดิม แต่ก็ไม่มีใครอยากจะเพลงของลุงอีก เพราะต่างก็อยากรีบกลับบ้าน แต่สิ่งเหล่านี้ลุงไม่เคยสนใจ คงเพราะตาลุงมองไม่เห็น เสียงเพลงของลุงจึงร่าเริงอยู่เสมอ ลุงเล่น ร้อง ยิ้ม และส่ายหัวตามจังหวะ มันสนุกดีที่ได้ฟังเพลงของลุง และปวารณาตัวเป็นผู้ชมของลุงทุกครั้งที่มีโอกาส ถึงแม้ว่าจะต้องยืนทำตัวเล็กๆ แอบๆ เพื่อไม่ให้กีดขวางการสัญจรของผู้คน และในหลายๆ ครั้ง ต้องเผชิญกับสายตา ที่ส่งมาเป็นทำนองต่อว่า ว่า อยู่ๆ หยุดเดินทำไมเนี่ย เกะกะ ขวางทาง มันน่ากลัว ที่สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว แม้แต่เวลาจะควักเศษสตางค์ให้ลุงก็ยังไม่มี สังคมนั่นเอง ที่หล่อหลอมให้คนในสังคมกลายเป็นอย่างนี้ไปหมด คนส่วนน้อยอย่างฉัน ก็คงไม่มีสิทธิทักท้วงอะไรได้เลย
แต่ในที่สุด ฉันก็เมินเฉยต่อสายตาเหล่านั้น เพราะในขณะที่บรรยากาศรอบข้างถูกผลักไปด้วยความเร่งรีบและเงินตรานั้น ในวงล้อมของเสียงจากสายซอของลุงนั้น ทุกอย่างดูผ่อนคลาย และหยุดนิ่ง
แล้วฉันก็เผลอฮัมเพลงนี้ตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว
..................
ต่างได้รักร่วมจิตจนกามนิตกลับอุชเชนี สุดที่จะวิโยคใต้ลานอโศกที่เคยสุขขี ต่างได้น้อมสาบานจะร่วมสมานชั่วฟ้าธาตรี จึงได้จากกันไปแต่สองดวงใจสุดแสนโศกี
กามนิตโชคร้ายมาเจอโจรไพรชื่อองคุลี ฝ่ายเจ้าสาตาเคียรก็มาพากเพียรลวงวาสิฎฐี ว่าเจ้ากามนิตได้สิ้นชีวิตในพนาลี นางจึงเศร้าหนักหนาต้องวิวาห์เพื่อชนกชนนี
กามนิตกลับมาได้เห็นแล้วพาให้ช้ำฤดี ต่างก็เสียผู้คนระทมทุกข์ทนด้วยทั้งสองศรี จนวาระสุดท้ายสิ้นชีพสลายจึงรู้เรื่องดี จึงได้อธิษฐานจะขอพบกันที่สุขาวดี

Create Date : 17 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 12:40:53 น. |
|
10 comments
|
Counter : 1269 Pageviews. |
 |
|
ที่บรรเลงจากใจ
ไม่ว่าใครเล่น
มันคือ ดนตรีแห่งความไพเราะ
ครูเสี้ยวแทนตัวที่บล็อกผมว่าหนู
รู้สึกแปลกดีครับ 5555
โป๊ยเซียนที่โดนดร็อปสี
ดูทึมๆดีครับ
ผมชอบสีโทนนี้จังครับ
เศร้าแต่งาม