YOU are not afraid. You think YOU are afraid. ~Shantimayi~

ร้าง...แล้ง

มันยากนะ กับการต้องอยู่ในโลกที่คนไร้หัวใจน่ะ
ไม่สิ ฉันพูดผิด

มีอยู่ช่วงหนึ่งก่อนหน้านี้ ฉันเคยมีความรู้สึกอย่างรุนแรง
ว่ารอบๆ ตัวมันไม่มีความรักอยู่เลย
ต่อมา ฉันเริ่มรู้สึกกับชีวิตดีขึ้น
เริ่มพยายามทำความเข้าใจอะไรหลายๆ อย่าง
และบอกกับตัวเองว่า ฉันเข้าใจอะไรในชีวิตผิดไป

แต่ว่า...
ใช่สินะ มีคนบอกว่าฉันเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย
ฉันบอกเขาว่า ไม่หรอก ฉันแค่มองโลกอย่างที่มันเป็น
เขาบอกฉันว่า มันน่าเป็นห่วง ต่อไปฉันคงมีชีวิตอยู่ไม่ได้
เขาไม่ชอบที่เห็นฉันเป็นคนเศร้าๆ

เดี๋ยว...
ฉันเป็นคนเศร้าๆ เหรอ ไม่นี่ ฉันไม่เห็นจะรู้สึก
แต่ใช่ ฉันกลายเป็นคนทุกข์ ทุกข์มากเวลาอยู่ที่นี่
และเขาก็เห็นฉันเป็นแบบนั้นอยู่ตลอดเวลา
เขาไม่เคยเห็นว่าฉันรู้สึกเป็นอิสระแค่ไหนยามเมื่ออยู่ท่ามกลางแสงไฟเวที
เขาไม่เคยรู้ว่าตรงหน้าเปียโน ฉันมีความสุขในการบรรเลงเพลงเศร้าๆ สักขนาดไหน
เขาไม่เคยรู้ว่าทุกเช้าฉันมีความสุขมากเท่าไหร่ที่ได้มองพระอาทิตย์ขึ้นตอนตื่นนอน
เขาไม่เคยเห็นฉันยิ้มกับแมว คุยกับต้นไม้ และฮึมฮัมแต่งเพลง เวลาเดินไปทำงาน
เขาไม่เคยฟังสิ่งที่ฉันคิดฉันพูดอย่างแท้จริง เขาเลยไม่รู้ว่า
ฉันมีความหวังเต็มเปี่ยมขนาดไหนกับการมีชีวิตที่ดีร่วมกันของมนุษย์
ฉันมีความสุขทุกวัน ทุกลมหายใจ ทุกๆ ครั้งที่ฉันได้เป็นตัวของตัวเอง

เขาไม่เคยรู้หรอกว่าฉันมีความสุข


เพราะ.....




เพราะพวกเขามีแต่ความทุกข์




นิทานเรื่องหนึ่งฉันเขียนเอาไว้ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2545

เหตุการณ์แรก
..................
ฉันนั่งอยู่ในบ้าน
ข้างนอก ดูเหมือนฝนใกล้จะตก
ฉันเดินไปหยิบร่ม หยิบรองเท้า
เปิดประตูบ้าน.....อ้าว ! อากาศแจ่มใส
ไม่มีวี่แววว่าฝนจะตกสักนิด
ฉันเดินเข้าไปในบ้าน เก็บร่มไว้ที่เดิม
มองไปภายนอก.......บรรยากาศอึมครึมพิกล
ฉันชักสงสัย.....อะไรกันแน่?

เดินไปเปิดประตูใหม่

โธ่เอ๋ย...ฉันไม่ได้เช็ดกระจกนี่เอง.........

..........................
เหตุการณ์ต่อมา

ฉันเดินออกไปนอกบ้าน
.....ฉันพบเขา.....โดยบังเอิญ
เขาดูเปลี่ยนไปในความคิดฉัน
อดคิดไม่ได้ว่า.....เขาดูเหงาจัง
เป็นอะไรไปนะ ฉันเดินเข้าไปหาเขา

หนึ่งก้าว.........สองก้าว..........สามก้าว.....

แล้ว...........

|
|
|
|
|
|
|


...หยุด...

ใครคนหนึ่ง.......เดินเข้าไปหาเขา
พร้อมกับน้ำ 1 แก้วโตๆ มีหลอด 2 อัน อยู่ในแก้วใบนั้น

เขา......ลุกขึ้น แล้วเดินเข้าไปหาใครคนนั้น

ฉันหันหลังกลับ....รู้แล้ว

ฉันลืมเช็ดหัวใจตัวเอง........

~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~

กระจกมัว ทำเอาท้องฟ้ามัวไปด้วย
หัวใจหมอง ........ก็เล่นเอามองคนอื่นหมองไปด้วย....บ้าจัง





ฉันกลายเป็นคนไม่มีความสุขทุกครั้งที่อยู่ในวงล้อมของความไร้รัก
ฉันกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายเพราะทัศนคติที่ไม่เหมือนใคร
ฉันกลายเป็นคนงี่เง่าทันทีที่ฉันมีความห่วงใย หรือรัก ชีวิตอื่นมากเกินไป

ฉันเป็นแค่เด็กที่ไม่รู้จักโต

ฉันเป็นแค่เด็ก





ฉันจะเป็นเด็ก ที่ไม่ยอมโต คอยดูสิ
ถ้าโลกของผู้ใหญ่มันมีแต่เงิน


มันแห้งผากเกินไป
ต้นไม้ฉันคงเติบโตไม่ได้




 

Create Date : 30 มกราคม 2552
3 comments
Last Update : 30 มกราคม 2552 23:55:52 น.
Counter : 1261 Pageviews.

 

มาทักทายจ้ะ..

บางที ถ้าคนอื่นเข้าใจเรา หลายๆ อย่างก็คงจะดีกว่านี้เนาะ..
แต่ยากมากมายอะ ที่จะให้คนอื่นเข้าใจเราได้.. เฮ้อ

 

โดย: nods 31 มกราคม 2552 4:41:11 น.  

 

 

โดย: กะก๋า (กะว่าก๋า ) 31 มกราคม 2552 5:31:12 น.  

 

ถึงเด็กหญิงบนหลังคา...

ชอบนิทานเรื่องนี้จังเลย
ไว้จะเข้ามาวิ่งเล่นฟังนิทานที่นี่บ่อยๆนะครับ

จากเด็กชายรวมมิตร
: )

 

โดย: Amygdala 31 มกราคม 2552 17:53:47 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


gluhp
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]




Here...
I'm on the rooftop

Between...
pavement and stars.

Here's...
hardly no day
nor hardly no night

There're things...
half in shadow
and half way in light

It's where...
I gather my thoughts
and grow my dreams

which...
are scattered
all around

In my words,
my songs,
my dance.

คน นั่งจ้องชีวิต
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gluhp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.