ในถั่วเหลืองงมีสารไฟโตเอสโตรเจน สารนี้เป็นสารที่มีอยู่ในพืชโดยธรรมชาติ เทียบได้กับฮอร์โมนเอสโตรเจนในคน สารนี้มีผลเกี่ยวกับช่วงเวลาที่จะการเข้าสู่วัยเจริญพันธ์และการมีประจำเดือน, ภาวะเจริญพันธุ์, การทำงานของต่อมไทรอยด์, และความเสี่ยงของโรคมะเร็ง

แต่ถั่วเหลืองก็มีแร่ธาตุอะลูมิเนียม, ฟลูอไรด์, และแมงกานีสสูงกว่านมแม่และนมวัวมาก และทั้งสามตัวนี้ก็มีผลต่อโดยตรงต่อพัฒนาการทางด้านสมองของทารกหากได้รับมากเกินไป นอกจากนี้นมถั่วเหลืองยังมีมีกรดไฟติก ซึ่งจะจับตัวกับแคลเซียม, ธาตุเหล็ก, และสังกะสี ทำให้ทารกได้รับแร่ธาตุที่จำเป็นเหล่านี้น้อยลง

นอกจากแร่ธาตุสารอาหารที่มากแล้ว นมถั่วเหลืองสำหรับทารกมักจะมีการเติมสารให้ความหวานอย่างซูโครส หรือน้ำตาลทราย ไม่ก็น้ำเชื่อมจากข้าวโพด ซึ่งทำให้ฟันผุได้มากกว่าแลคโตสซึ่งเป็นน้ำตาลในนม

หากเด็กเกิดอาการแพ้โปรตีนในนมวัว นมถั่วเหลืองมักจะถูกนำมาใช้แทนนมผสมที่ทำจากนมวัว แต่นมถั่วเหลืองสามารถก่อให้เกิดอาการแพ้ได้มากพอๆ กับนมวัว ยิ่งไปกว่านั้นทารกที่กินนมผสมสูตรถั่วเหลืองยังมีโอกาสที่จะแพ้ถั่วเหลืองในอาหารได้มากขึ้นในภายหลัง และเป็นเวลากว่า 20 ปีที่นักวิทยาศาสตร์แนะนำว่า ควรใช้นมถั่วเหลืองสำหรับทารกตามใบสั่งของแพทย์เท่านั้น ในปี ค.ศ. 2003 นักวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอังกฤษระบุว่า “มีปัจจัยหลายอย่างที่น่าวิตกกังวลเกี่ยวกับนมผสมสูตรถั่วเหลือง นอกจากนั้น ยังไม่มีความจำเป็นทางการแพทย์หรือประโยชน์ต่อสุขภาพใดๆ ที่ทำให้ต้องใช้นมถั่วเหลืองสำหรับทารก” แต่นมถั่วเหลืองสำหรับทารกก็ยังมีวางขายอยู่ในตลาดทั่วไปและเหตุผลเดียวที่ประเทศอังกฤษยอมให้มีนมถั่วเหลืองสำหรับทารกวางขายในตลาด ก็เพื่อขายให้กับคุณแม่ที่เป็นมังสวิรัติที่ไม่ได้ให้ลูกกินนมแม่

ดังนั้นหากคุณแม่จะเสริมนมที่เป็นนมถั่วเหลืองก็ควรให้ถึงวัยที่ลูกสามารถกินอาหารที่หลากหลาย ไม่ใช่ให้กินเป็นอาหารหลัก เดี๋ยวจะเกิดผลเสียกับลูกมากกว่าผลดีที่จะได้รับ

Power by I9 เว็บเพื่อสุขภาพแม่และเด็ก

Create Date : 10 พฤศจิกายน 2557
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2557 9:37:08 น.		0 comments
Counter : 1289 Pageviews.
Share Tweet