หลักของการให้อาหารเสริมตามวัยอย่างเหมาะสม
หลักของการให้อาหารเสริมตามวัยสำหรับทารกอย่างเหมาะสม มีหลักการดังนี้ - สมวัย - เพียงพอ - ปลอดภัย เพื่อจะให้เหมาะสมกับความหิวความอิ่มและพัฒนาการตามวัยของทารก โดยวันนี้จะมาเล่าให้ฟังในเรื่องของ ความสมวัยก่อนซึ่งเรื่องนี้เคยเล่าไปแล้ว แต่วันนี้จะมาแจงรายละเอียดแบบครบถ้วนกันเลยที่เดียว แล้วความสมวัยคืออะไรและแบบไหนที่เรียกว่าความสมวัย ความสมวัย มันคือการเริ่มอาหารเสริมเมื่อทารกมีวัยเหมาะสม คือเมื่อนมแม่อย่างเดียวไม่พอเพียง ต่อการเจริญเติบโตของทารก และทารกมีความพร้อมที่จะรับอาหารอื่นนอกจากนมได้ และระบบต่างๆ พร้อมทั้งระบบทางเดินอาหาร ไต ระบบประสาทและกล้ามเนื้อได้พัฒนาจนสามารถทำหน้าที่ได้พร้อม
ความพร้อมของระบบทางเดินอาหารจะทราบได้อย่างไร เด็กทารกแรกเกิดจะมี extrusion reflex โดยทารกจะห่อปากเอาลิ้นดุนอาหารออกมา เมื่อได้รับอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวแต่เมื่อทารกอายุ 4-6 เดือน extrusion reflex ของลิ้นจะหายไป ทารกจะสามารถใช้ลิ้นตวัดอาหารลงสู่ลำคอ และกลืนอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลวได้ ส่วยการย่อยก็สามารถปล่อยน้ำย่อยที่สำคัญในการย่อยแป้ง คือ amylase (อะมิเลส) จากตับอ่อน โดยสารตัวนี้จะมีระดับต่ำในทารกแรกเกิดจนกระทั่งอายุประมาณ 6 เดือน นอกจากนี้ น้ำย่อย lipase (ไลเปส) จากตับอ่อน เกลือน้ำดี (bile salt) และน้ำย่อยในกระเพาะอาหารของทารกยังมีปริมาณน้อยเมื่อเทียบกับผู้ใหญ่ เมื่อทารกอายุประมาณ 4-5 เดือน กระเพาะอาหารจะหลั่งกรดและน้ำย่อย pepsin (เปปซิน ) มากขึ้น ตับอ่อนจะหลั่งน้ำย่อย amylase และ lipase เพิ่มขึ้นด้วย จึงเป็นเวลาที่เหมาะที่จะเริ่มอาหารเสริม
นอกเหนือจากความพร้อมทางด้านการกลืน การย่อยและดูดซึมสารอาหารแล้ว การให้อาหารอื่นนอกจากนมนมแม่แก่ทารกอายุน้อยยังเสี่ยงต่อการเกิดโรคภูมิแพ้อีกด้วยเพราะโปรตีนและสารโมเลกุลใหญ่สามารถดูดซึมผ่านผนังลำไส้เล็กของทารก ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ได้
ความพร้อมของไตน้อยๆ อันนี้ก็สำคัญไม่แพ้กันเป็นอย่างไรมาดู หลักของอาหารตามวัยสำหรับทารกเมื่อไตสามารถขับถ่ายของเสียและทำให้ปัสสาวะเข้มข้นได้มากพอเพื่อให้สามารถขับถ่าย renal solute load ซึ่งได้แก่ ยูเรียและโซเดียม ได้ดีพอทารกแรกเกิดมีอัตราการกรองของไต (glomerular filtration rate, GFR) ประมาณร้อยละ 15 ของผู้ใหญ่ และเพิ่มขึ้นเป็นลำดับคือ ร้อยละ 60 เมื่ออายุ 6 เดือน และเท่ากับผู้ใหญ่เมื่ออายุ 2 ปี ความสามารถของมารกในการทำให้ปัสสาวะเข้มข้นของทารกแรกเกิดมีเพียงร้อยละ 50-60 ของผู้ใหญ่เมื่ออายุ 2-3 เดือน สามารถทำให้ปัสสาวะเข้มข้นได้ 1,000 มิลลิออสโมล/ลิตร และเมื่ออายุประมาณ 1 ปีจะได้ 1,100 มิลลิออสโมล/ลิตร เมื่ออายุ 2 ปีสามารถทำปัสสาวะให้เข้มข้นได้สูงสุดถึง 1,400 มิลลิออสโมล/ลิตร เท่ากับในผู้ใหญ่ ไตของทารกแรกเกิดยังไม่สามารถขับถ่าย ยูเรีย และฟอสฟอรัสทางปัสสาวะได้ดี ดังนั้นถ้าทารกได้รับอาหารที่มีโปรตีนสูงมากเกินไป จะทำให้เกิดภาวะยูเรียในเลือดสูง (uremia) และเกิดอาการเลือดเป็นกรดได้
ความพร้อมอีกส่วนคือระบบประสาทและกล้ามเนื้อส่วนนี้ก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยทารกอายุ 4-6 เดือน มีความพร้อมในการกินอาหารกึ่งแข็งกึ่งเหลว ทารกสามารถควบคุมการทรงตัวของศีรษะและลำตัวได้ดี เริ่มใช้มือคว้าของเข้าปากได้ extrusion reflex ของลิ้นลดลง ทารกแสดงกิริยายอมรับอาหารเมื่อหิวหรือปฏิเสธอาหารเมื่ออิ่มได้ จึงช่วยป้องกันการให้อาหารมากเกินไปซึ่งจะทำให้เกิดโรคอ้วน
เห็นไมว่าเมื่อพิจารณาความพร้อมของระบบต่างๆ แล้ว จึงค่อยเริ่มอาหารเสริมและช่วงที่เหมาะสมก็คือ 4-6 เดือนแล้วจึงค่อยเริ่มอาหารตามวัย สำหรับทารก เมื่อทารกอายุประมาณ 6 เดือน เพื่อฝึกให้ทารกรู้จักอาหารอื่นนอกจากนม และฝึกทักษะในการกลืนอาหาร ซึ่งจะช่วยให้ทารกกินอาหารทดแทนนมได้ 1 มื้อเมื่ออายุครบ 6 เดือนแต่ในกรณีที่การเจริญเติบโตของทารกมีแนวโน้มลดลง น้ำหนักตัวเพิ่มน้อยหรือไม่เพิ่ม อีกกรณีคือไม่สามารถให้นมแม่ได้อย่างเต็มที่ อาจให้อาหารตามวัยสำหรับทารกก่อนอายุ 6 เดือนได้ แต่ไม่ก่อนอายุ 4 เดือน และให้นมแม่ได้ต่อเนื่องจนลูกน้อยอายุครบ 2 ปี สารอาหารในนมแม่ต่อให้นานยังไงคุณค่าก็ดีกว่านมผสมสำหรับเด็กและยังมีภูมิคุ้มกันที่ได้รับต่อจากแม่ซึ่งในนมผสมสำหรับเด็กไม่มีจึงให้ลูกน้อยกินได้จนลูกน้อยอายุครบ 2 ปี ส่วนอีกสองหัวข้อเดี๋ยวจะมาต่อให้ในวันหน้านะครับ
Create Date : 17 กรกฎาคม 2556 |
Last Update : 17 กรกฎาคม 2556 9:34:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1522 Pageviews. |
|
|
|
|
|