Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
11 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 

วิธีบำรุงรักษาแบตเตอรี่ให้อยู่กับเราได้ยาวนาน

วิธีบำรุงรักษาแบตเตอรี่

การติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ บางครั้ง หากมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าในรถยนต์เพิ่ม
แบตเตอรี่ก็ควรถูกปรับ เปลี่ยนความจุให้มีมากขึ้นด้วย ซึ่งหากมีการติดตั้งแบตเตอรี่ใหม่ใน ยานพาหนะ

ควรปฏิบัติดังนี้

สังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งจะใช้ติดรถ อยู่ในสภาพไฟเต็ม ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้แบตเตอรี่ใหม่ ไว้
เพื่อการตรวจสอบสภาพ เป็นช่วงๆ ยึดแบตเตอรี่ และแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น ไม่เคลื่อนไหว
ถ้าแบตเตอรี่มีท่อยาวระบายอากาศ อย่าให้ท่อระบายอากาศถูกกดทับ เพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้
ใส่ขั้วไฟก่อน (อาจเป็นขั้วบวก หรือขั้วลบก็แล้วแต่ ชนิดของรถ)
ก่อนใส่ ควรขยายขั้วสวมให้โตกว่าขั้วแบตเตอรี่เล็กน้อย ห้ามตอกขั้วต่ออัดลงไป
เพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ทรุดตัว แบตเตอรี่อาจเสียหายได้ เมื่อต่อขั้วเรียบร้อย ทาขั้วด้วยจารบี หรือวาสลิน
ต่อขั้วดินเป็นอันดับสุดท้าย

จากนั้นก่อนสตาร์ทเครื่อง ก็ควรตรวจดูความถูกต้องในการต่อขั้วอีกครั้ง
เพื่อความปลอดภัยของรถยนต์ และตัวคุณเองครับ


การเก็บแบตเตอรีอย่างถูกวิธี
การที่คุณจอดรถไว้โดยไม่ได้ใช้งานเกิน 2 สัปดาห์ จะมีผลกับแบตเตอรี่ของคุณแน่นอน
เพราะแบตเตอรี่จะมีการคายประจุไฟออกมาตลอดเวลา ถ้าไม่มีการชาร์จไฟเข้า แผ่นธาตุภายในจะเสื่อมสภาพ
ไม่สามารถเก็บกระแสไฟฟ้าไว้ได้ แต่ถ้าจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้ควรเก็บรักษา แบตเตอรี่
เพื่อให้สามารถนำแบตเตอรี่กลับไปใช้งานได้อีก ตามวิธีดังนี้ คือ

การเก็บแบตเตอรี่แบบแห้ง (Dry Storage) :
เป็นการเก็บแบตเตอรี่ไว้โดยไม่มีสารละลายอยู่ในแบตเตอรี่
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการเก็บแบตเตอรี่ที่ผลิตออกมาจากโรงงานใหม่ๆ
เมื่อต้องการจะใช้งาน ก็จะนำแบตเตอรี่ไปเติมสารละลาย และประจุไฟฟ้าให้เต็ม
แต่สำหรับแบตเตอรี่ที่ใช้แล้ว มีสารละลายอยู่ภายในแบตเตอรี่
การเก็บให้ถอดแบตเตอรี่ออกจากรถนำไปชาร์จไฟให้เต็มแล้วเทน้ำยาทิ้ง ใช้น้ำกลั่นล้างแล้วเทคว่ำให้แห้ง
เมื่อต้องการจะใช้แบตเตอรี่ ก็นำไปเติมน้ำยา และชาร์จไฟใหม่

การเก็บแบตเตอรี่แบบเปียก (Wet Storage) :
แบตเตอรี่ถึงแม้จะชาร์จไฟเต็มแล้ว ถ้าปล่อยทิ้งไว้ก็จะสามารถคายประจุไฟออกมาเอง ดังนั้น การเก็บแบตเตอรี่
ในขณะที่แบตเตอรี่ มีน้ำกรดอยู่ภายใน ควรนำไปประจุไฟทุกๆ 15 วัน การเก็บแบตเตอรี่แบบนี้ถือว่า
เป็นการจัดเก็บแบบชั่วคราว เพื่อลดปัญหาแบตเตอรี่ เสื่อมสภาพ อย่าลืมเก็บแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีนะครับ


เปลี่ยนแบตลูกใหญ่ แอมป์สูงดีไหม
หากแบตเตอรี่หมดสภาพ หรือจำเป็นต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่ และแบตเตอรี่ลูกเดิมมีแอมป์ไม่สูงนัก
ก็ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้ลูกใหญ่ขึ้น แอมป์สูงขึ้น ด้วยราคาที่สูงกว่ากันเพียงไม่กี่ร้อยบาท
แต่จะทำให้รถยนต์ของคุณมีกำลังไฟฟ้าสำรองมากขึ้น กำลังไฟฟ้าแรงขึ้น และทำให้ไดชาร์จทำงานหนักน้อยลง
ทำให้ไม่พังง่าย ฉะนั้น เมื่อแบตเตอรี่หมดสภาพ หรือมีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น
ควรคำนึงถึงคำถามที่ว่า "เปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหญ่ แอมป์สูงดีไหม" นี้ด้วย
เพราะเสียเงินเพิ่มไม่กี่ร้อยบาท แต่ได้สิ่งที่คุ้มค่ากว่ากลับคืนมา


ทำไมแบตหมด
หากไดชาร์จปกติ แบตเตอรี่ไม่เสื่อม และไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มเติมจนกินกระแสไฟฟ้ามากเกินไป
แบตเตอรี่จะไม่มีการหมด นอกจากในเครื่องยนต์รอบเดินเบาไดชาร์จผลิตไฟฟ้าได้น้อยกว่าการใช้อยู่มาก
และจอดนิ่งนานหลายชั่วโมง แบตเตอรี่อาจหมดได้ ซึ่งไม่ค่อยพบปัญหานี้ในการใช้งานบนสภาพจราจรปกติ
เพราะในการใช้รถยนต์ เมื่อมีการใช้ไฟฟ้าจากหลายอุปกรณ์ เช่น เครื่องยนต์ แอร์ เครื่องเสียง ไฟส่องสว่าง ฯลฯ
ก็จะมีไดชาร์จคอยส่งไฟฟ้าที่เหลือจาก การใช้คืนกลับเข้าไปสู่แบตเตอรี่อยู่ตลอด

หากแบตเตอรี่หมด เพราะไดชาร์จผิดปกติ คือผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ แต่แบตเตอรี่ ยังไม่หมดสภาพ
จะมีการดึงไฟฟ้าออก แบตเตอรี่ไปใช้เรื่อยๆ ก็แค่ซ่อมแซมระบบไดชาร์จให้เป็นปกติ
ใช้เครื่องประจุแบตเตอรี่ให้เต็ม หรือทำให้เครื่องยนต์ติดแล้วให้ไดชาร์จประจุไฟฟ้าเข้าสู่แบตเตอรี่
ก็สามารถใช้งานได้ ตามปกติ

หลังจอดรถยนต์ไว้ ถ้าแบตเตอรี่หมด หรือกระแสไฟฟ้าอ่อนลงมากจนไดสตาร์ตหมุนเครื่องยนต์ไม่ไหว
ขณะที่ระบบไดชาร์จ และเครื่องยนต์ปกติ แสดงว่าแบตเตอรี่หมดสภาพ
ก็ถึงคราวจะต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่กันแล้วคราวนี้

การดูแลรักษาแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดไฟฟ้าของรถยนต์ให้ใช้งานได้นานนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก
เพียงแค่คุณตรวจเช็กระดับน้ำกลั่นในแบตเตอรี่ทุกสัปดาห์ โดยเติมน้ำกลั่นให้ปริมาณได้ระดับอยู่เสมอ
หากถ้าแบตเตอรี่ของคุณเป็นแบบที่มีผิวด้านข้างใส ก็สามารถส่องดูจากด้านข้างแบตเตอรี่ได้
แต่ถ้าแบตเตอรี่เป็นแบบผิวทึบ หรือมองจากทางด้านข้างของแบตเตอรี่ไม่สะดวก
ก็ให้เติมน้ำกลั่นให้ท่วมแถบแผ่นธาตุไว้ประมาณ 1 เซนติเมตร ไม่ควรใช้น้ำกรอง หรือใช้น้ำที่ไม่ใช่น้ำกลั่น
เติมแบตเตอรี่ โดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งาน สั้นลง


ขั้นตอนการทำความสะอาดแบตเตอรี่
ฟองก๊าช ที่เกิดจากแบตเตอรี่ จะเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดขี้เกลือที่ขั้วแบตเตอรี่ และสายไฟได้
แต่วิธีทำความสะอาดแบตเตอรี่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แค่ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้

ขั้นแรก ใช้แปรงลวดปัดทำความสะอาดด้านบนของแบตเตอรี่ เพื่อขจัดคราบสกปรกในเบื้องต้นก่อน

ขั้นที่สอง ใช้แปรงลวดจุ่มโซเดี่ยมคาร์บอเนต หรือโซดาผง ผสมน้ำปัด เพื่อทำความสะอาดแบตเตอรี่

ขั้นที่สาม ล้างโซเดี่ยมคาร์บอเนตออกด้วยน้ำสะอาด แล้วใช้ลูกยางดูดน้ำออกให้หมด

ขั้นที่สี่ ถอดสายแบตเตอรี่ออก
(ถอดขั้วลบออกก่อน และเมื่อประกอบกลับคืน ให้ใส่ขั้วบวกก่อน เพื่อป้องกันการเกิด ประกายไฟ)
จากนั้นเช็ด เพื่อเอาคราบน้ำมัน และจาระบีออก


แบตเตอรี่หมด เพราะเปิดไฟหน้าทิ้งไว้
การเปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้หลังดับเครื่องยนต์ ไม่มีผลกับเครื่องยนต์แต่อย่างใด
แต่แบตเตอรี่จะถูกดึงกระแสไฟฟ้าไปใช้ อย่างต่อเนื่อง โดยไม่มีการประจุไฟเข้าแบตเตอรี่จากไดชาร์จเหมือนกับ
ช่วงเวลาที่ติดเครื่องยนต์ ทำให้กระแสไฟฟ้าหมด หรือเหลือน้อยจนไม่เพียงพอ สำหรับการสตาร์ตเครื่องยนต์

หากรู้ตัวว่า ลืมปิดไฟหน้า เมื่อจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานาน ไม่ควรรีบสตาร์ตเครื่องยนต์ทันที
ควรปิดไฟแล้วรอให้แบตเตอรี่เก็บประจุ ประมาณ 5-10 นาที แล้วจึงทดลองสตาร์ต
ถ้าสตาร์ต 2-3 ครั้งแล้วเครื่องยนต์ยังไม่ติด ไม่ควรพยายามสตาร์ตต่อ
ที่สำคัญ ไม่ควรบิดกุญแจค้างไว้นานเกินไป ในช่วงที่สตาร์ต เพราะอาจทำให้ไดสตาร์ตเสียหายได้


ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแบตเตอรี่
แบตเตอรี่ เป็นอุปกรณ์ประกอบรถยนต์ที่สำคัญ ทำหน้าที่เก็บกระแสไฟฟ้าสำรอง เมื่อเครื่องยนต์ถูกใช้งาน
จะมีการประจุไฟฟ้าเข้า-ออก หมุนเวียนสู่แบตเตอรี่อยู่ตลอดเวลา
โดยมีคัตเอาต์ทำหน้าที่ตัดประจุ เมื่อไฟฟ้าเต็มแบตเตอรี่ และต่อการประจุเมื่อไฟฟ้าในแบตเตอรี่พร่องลง

ปกติแล้ว แบตเตอรี่โดยทั่วไปจะมีอายุการใช้งานประมาณ 1.5-2.5 ปี ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา
ซึ่งในปัจจุบันมีแบตเตอรี่แบบไม่ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย และแบตเตอรี่แบบแห้ง ซึ่งสะดวกต่อการดูแล
มีความทนทาน และมีอายุการใช้งานมากกว่าแบบทั่วไป 3-6 เท่า หรือ 5-10 ปี แต่ก็มีราคาที่สูงกว่าเช่นกัน

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนแบตใหม่
1. ต้องเติมน้ำกลั่นบ่อย
2. ไฟหน้าไม่สว่าง
3. ตอนเช้าสตาร์ทติดยาก
4. ใช้งานมานานกว่า 1.5 - 2 ปี
5. กระจกไฟฟ้าอืด

ควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ ที่มีกำลังไฟ มากขึ้น ถ้ารถยนต์ของคุณต้องใช้ กำลังไฟ เพื่อทำหน้าที่หลายอย่าง
1. เครื่องมือสื่อสาร
2. เปิดแอร์เป็นเวลานานๆ
3. ใช้รถทั้งกลางวัน-กลางคืน
4. มีการเพิ่มปริมาณไฟส่องสว่าง และติดเครื่องเสียงเพิ่ม
5. ใช้รถน้อย หรือใช้รถเฉพาะวันหยุด
6. ใช้รถเฉพาะกลางคืนและเปิดไฟส่องสว่างเป็นเวลานานๆ

ข้อควรจำ
1. หมั่นตรวจดู ระดับน้ำกลั่น อย่าให้ต่ำกว่าจุด LOWER LEVEL
2. ขันขั้วแบตเตอรี่ให้แน่น เพื่อให้กระแสไฟเดินสะดวก
3. ทำความสะอาดคราบสกปรก ที่ติดตามขั้วแบตเตอรี่ และพื้นผิวให้สะอาด

ที่มา //www.one2car.com




 

Create Date : 11 มิถุนายน 2552
4 comments
Last Update : 11 มิถุนายน 2552 13:16:48 น.
Counter : 1130 Pageviews.

 

ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้นมากครับ

[URL=//www.temppic.com/img.php?11-06-2009:1244708150_0.80584500.bmp][IMG]//images.temppic.com/11-06-2009/images_vertis/1244708150_0.80584500.bmp[/IMG][/URL]

 

โดย: นิว IP: 203.151.15.244 11 มิถุนายน 2552 15:16:24 น.  

 

เป็นประโยชน์มากครับ รถผมก็มีโอกาสได้ใช้งานเฉพาะวันหยุด แบบนี้ต้องหมั่นสตาร์ทเครื่องตอนเช้า ๆ มั้ยครับ

 

โดย: kiraek 16 มิถุนายน 2552 12:33:31 น.  

 

ขอบคุณมาก ๆ นะครับ ที่แบ่งปันความรู้

 

โดย: กฤษ IP: 117.47.141.57 29 มิถุนายน 2552 23:13:33 น.  

 

ขอบคุณมากคับใด้ประโยชน์มากคับ

 

โดย: เด็ดดี IP: 10.215.1.158, 202.44.210.31 8 ตุลาคม 2552 10:24:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.