Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
7 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
เอาตัวรอดอย่างไร จากอุบัติเหตุที่เจอบ่อยๆ 9 เหตุการณ์

เอาตัวรอดอย่างไร จากอุบัติเหตุที่เจอบ่อยๆ 9 เหตุการณ์

แม้ใช้ความระมัดระวัง ในการเดินทางอย่างดีแล้ว แต่ก็อาจเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นได้เสมอ
จากหลายเหตุผล หลายเหตุการณ์ การรับมือและแก้ไขที่ถูกต้องจะช่วยลด ความเสียหายลงได้

ยางแตก
เมื่อยางระเบิดหรือแตกกระทันหัน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงความเร็วใด ต้อง จับพวงมาลัย ให้มั่นคง
พยายามรั้งไว้ให้ตรงทิศทาง อย่ากระชากเด็ดขาด ไม่ตกใจกดเบรคอย่างกระทันหัน
เพราะรถยนต์อาจหมุนปัดเป๋เสียการทรงตัวได้ ให้ถอนคันเร่ง การลดความเร็ว สามารถใช้เบรคได้เพียงเบา ๆ
และต้องเหยียบ สลับกับการปล่อย เพื่อไม่ให้น้ำหนักถ่ายลงด้านหน้ามากเกินไป
ถ้ายากที่แตกไม่ใช้ล้อขับเคลื่อน ก็สามารถใช้เกียร์ ช่วยในการลดความเร็วได้


หากต้องการเปลี่ยนยาง ควรดึงเบรคมือก่อนการขึ้นแม่แรง ป้องกันรถยนต์ไหล
แต่ถ้ามีที่สูบลมติดรถยนต์ไว้ และยางที่แบนไม่ได้รั่วเป็นรูขนาดใหญ่
ก็สามารถสูบลมยางให้แข็งกว่าปกติสัก 5-10 ปอนด์/ตารางนิ้ว และค่อย ๆ ขับต่อไปจนถึงร้านเปลี่ยนยางก็ได้


เบรคแตก
รถยนต์ทุกรุ่นในปัจจุบันใช้ น้ำมันเบรค เป็นตัวถ่ายทอดแรงดันระหว่างการกดของเท้าไปยังผ้าเบรก
เสมือนเป็นระบบไฮดรอลิกชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงอาจมีการรั่วซึมขึ้นได้ จากการรั่วของลูกยางตัวใดตัวหนึ่งหรือ
ท่อน้ำมันเบรกรั่ว การถ่ายทอดแรงดันก็จะสูญเสียลงไป

ระบบเบรก มักแบ่งการทำงานออกเป็น 2 วงจร อาจเป็นแบบล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง
หรือเป็นแบบ ไขว้ล้อหน้าซ้าย-ล้อหลังขวา และล้อหน้าขวา-ล้อหลังซ้าย เผื่อว่าวงจรใดวงจรหนึ่งชำรุด
เพื่อให้ระบบยังมีประสิทธิภาพการทำงานหลงเหลืออยู่บ้าง ดังนั้นเมื่อเบรกแตกหรือน้ำมันเบรคเกิดการรั่ว
ส่วนใหญ่มักหลงเหลือประสิทธิภาพการทำงานอยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์ หรืออีกไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งในอีกวงจร
ตั้งสติให้มั่นคง เมื่อเหยียบแป้นเบรคลงไปแล้วลึกต่ำกว่าปกติ ต้องเหยียบซ้ำแรง ๆ และถี่ ๆ
เพื่อใช้แรงดันในวงจรที่เหลืออยู่ ผ้าเบรคจะได้สร้างแรงเสียดทาน ขึ้นมาบ้างพร้อมกับการลดเกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์
จนกว่าจะถึงเกียร์ต่ำสุด แล้วค่อยใช้ เบรคมือช่วย โดยการกดปุ่มล็อกค้างไว้ให้สุด เพื่อไม่ให้เบรคจนล้อล็อก
ดึงขึ้นแล้วปล่อยสลับกันไป เพื่อลดความเร็ว ถ้าระบบเบรคชำรุดทุกวงจร ต้องใช้การลดเกียร์ต่ำช่วยเป็นหลัก
แล้วค่อยดึงเบรคมือช่วย เมื่อไล่ลงจนถึงเกียร์ต่ำสุดแล้ว

รถยนต์ที่ใช้ระบบเบรคที่มีเอบีเอส ถ้าต้องการเบรคกระทันหัน
อย่าเหยียบแล้วปล่อยสลับกันถี่ๆ แบบเทคนิคการเบรคในยุคเก่า เพราะเอบีเอสจะตัดการทำงาน
และไม่สามารถป้องกันการล็อกล้อได้ ต้องเหยียบลงไปให้แน่น ๆ แล้วควบคุมพวงมาลัยไปยังทิศทางที่ควรจะไป
นั่นคือ วิธีที่ถูกต้อง เมื่อต้องเบรคกระทันหัน ในรถยนต์ที่มีเอบีเอส


รถหลุดออกจากทาง
อาจเป็นเพราะหักหลบสิ่งกีดขวาง อย่างกระทันหัน ทำให้ไถลออกนอกเส้นทาง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้
ควรตั้งสติให้มั่น ไม่ควรเหยียบเบรคอย่างแรง เพราะอาจทำให้ล้อล็อกหรือลื่นไถลจนเสียการทรงตัว
วิธีที่ถูกต้อง ควรลดความเร็วด้วยการแตะเบรคแล้วปล่อย พร้อมกับการลดจังหวะเกียร์
เพื่อใช้เครื่องยนต์ช่วยในการชะลอความเร็วอีกเล็กน้อย นอกจากนั้นสายตายังต้องมองทางไปข้างหน้า
เพื่อหลบสิ่งกีดขวาง ไม่ควรหักหลบทันทีเพราะอาจพลิกคว่ำได้


คันเร่งค้าง (สายคลัตซ์ขาด – ปั๊มคลัตซ์รั่ว)
รถยนต์ที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา ถ้าสายคลัตซ์ขาดหรือปั๊มคลัตซ์รั่ว ไม่ได้หมายความว่ารถยนต์จะแล่นไม่ได้เลย
ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อนำรถยนตร์ออกจากพื้นที่เป็นระยะสั้นๆ
โดยไม่ต้องเข็นหรือลากกันได้ไม่ยาก

วิธีปฏิบัติคือ ตรวจสอบว่าเส้นทางข้างหน้าต้องว่าง ไม่น้อยกว่า 10-20 เมตร ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด
เปิดสวิตซ์กุญแจ เข้าเกียร์ 1 ไว้ กดคันเร่งประมาณ 1-2 ชม. บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ค้างไว้
ตัวรถยนตร์จะกระตุกเป็นจังหวะ ตามการหมุนของเครื่องยนต์ และไดสตาร์ทเคลื่อนที่ กระตุกไปทีละนิด
จนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงาน ก็กดคันเร่งไปมากขึ้น เพื่อเร่งความเร็วเกียร์จะไม่สามารถเปลี่ยนได้
แต่สามารถใช้ความเร็วได้เกือบเต็มที่ของความเร็วสูงสุดของเกียร์ 1 คือประมาณ 30-40 กม./ชม.
ถ้าเส้นทางข้างหน้าว่าง ก็สามารถขับไปได้เรื่อย ๆ เมื่อต้องเบรก ก็กดแป้นเบรกลงไปเท่านั้น
ปล่อยให้เครื่องยนต์ดับแล้วค่อยเริ่มออกตัวใหม่


เครื่องยนต์ร้อนจัด
ถ้าไม่ได้เกิดจากการรั่วซึมผิดปกติ แต่เกิดจากการหลงลืมเติมน้ำหม้อน้ำ ก็สามารถเต็มน้ำเข้าไปให้เต็มได้
เพราะถ้ามีการรั่ว เติมลงไปก็รั่วออกมาอีก การเติมน้ำ ต้องมีเทคนิคและใจเย็น จอดรถยนต์หลบในที่ปลอดภัย
ดับเครื่องยนต์ รอให้เครื่องยนต์เย็นลงบ้าง หาผ้าหนา ๆ และผืนกว้างพอสมควร เช่น ผ้ายางรองพื้นในรถยนต์
คลุมฝาหม้อน้ำให้มิด แล้วบิดออกเล็กน้อยก่อน เพื่อให้แรงดันภายในคลายตัวออกบ้าง
เมื่อแรงดันคลายตัวออกมามากในช่วงระยะเวลาประมาณ 2-3 นาที ค่อยๆ เปิดฝาหม้อน้ำต่อ
ระวังไอหรือน้ำร้อนพุ่งขึ้นมา ต้องคลุมผ้าผืนหนาไว้ให้มิดชิดมาก ๆ อย่ารีบเติมน้ำลงไปในทันที
ต้องรอให้เครื่องยนต์คลายความร้อน อาจต้องรอถึงกว่า 20-30 นาที
การเติมน้ำต้องเติมครั้งละนิด ไม่ควรเกินครึ่งลิตร แล้วทิ้งช่วงสัก 5 นาที เพื่อให้น้ำที่เติมดึงความร้อนกระจายกัน
ให้ทั่ว เพราะโลหะที่ร้อนจัด เมื่อถูกน้ำเย็นทันที จะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จนร้าวหรือเสียหายได้


เมื่อมีรถยนต์แล่นสวนมา
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะในการขับบนถนน 2 เลนสวนกัน ขั้นแรกควรลดความเร็วลง
แต่อย่ามากเกินไปจนรถที่ตามมาด้านหลังชนได้ มองกระจกด้านซ้ายเพื่อหาหนทางหนีทีไล่ พร้อมกระพริบไฟสูง
และบีบแตรเตือนและเบี่ยงออกทางเลนซ้าย ไม่ควรหลบข้ามเลยไปในช่องทางของรถยนต์ที่แล่นสวนมา
เพราะบ่อยครั้ง คนขับเพิ่งรู้สึกตัว แล้วหักหลบเข้ามา จนทำให้เกิดการชนกันได้


กระจกหน้าแตก
มักไม่ค่อยมีปัญหาหากกระจกหน้าเป็นแบบลามิเนท 2 ชั้น ซึ่งมีแผ่นฟิล์มเหนียวคั่นกลาง
เพราะจะไม่ร่วงเป็นเม็ดข้าวโพดเหมือนกระจกแบบเทมเปอร์ชั้นเดียว
โดยแผ่นฟิล์มเหนียวตรงกลางจะเป็นตัวยึดไม่ให้เศษกระจกแยกออกจากกัน
จึงทำให้พอมองทะลุผ่านและขับต่อไปได้ไกล ถ้าเป็นกระจกแบบเทมเปอร์ จะแตกรวดเร็วมาก
เพียงจุดแตกเล็ก ๆ ทำให้เนื้อกระจกสูญเสียความแข็งแรง และเกิดรอยร้าวทั่วแผ่นเป็นฝ้าขาว
จนไม่สามารถมองผ่านได้ ผู้ขับจึงต้องตั้งสติให้มั่นและค่อย ๆ ชะลอความเร็ว แล้วเบี่ยงรถยนต์เข้าสู่ไหล่ทาง
ถ้าเหลือกระจกติดที่ขอบ ให้ใช่ไม้หุ้มผ้าหนา ๆ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ในการกระแทกเศษกระจกที่ยังติดอยู่
บนขอบออกให้หมด โดยควรหา กระดาษหรือผ้ารองบนแผงหน้าปิด และฝากระโปรงหน้า
เพื่อป้องกันเศษกระจก หล่นลงในช่องแอร์หรือขูดขีดสีตัวถัง

ขณะที่ขับรถยนต์ที่ไม่มีกระจกบังลมหน้า ควรปิดกระจกทุกบาน การเปิดกระจกหน้าต่างทำให้ลมมาปะทะคน
และทำให้รถยนต์มีการทรงตัวไม่ดีจากลมที่ไหลผ่าน
ถ้ามีแผ่นกันแดด หรือแว่นสายตาก็ควรนำมาใส่ เพื่อป้องกันฝุ่นละออง และเศษกระจกที่อาจค้างอยู่


สิ่งของตกอยู่บนถนน
ไม่ควรแล่นทับ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายได้ ขั้นแรกควรลดความเร็ว
หากช่องทางทั้งซ้าย-ขวาไม่มีรถยนต์แล่นตามหลังมา ให้หักหลบโดยพยายามเบี่ยงให้น้อยที่สุด
เพราะการหักหลบมาก ๆ ในขณะที่ขับเร็ว รถยนต์อาจหมุนหรือปัดเป๋ได้
หากเลี่ยงไม่ได้ หลังการทับหรือชน ควรจอดรถและตรวจสอบชิ้นส่วนใต้ท้องรถว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่
เช่น คันชัก คันส่ง ท่อส่งเชื้อเพลิง ถังน้ำมัน ยาง ฯลฯ


สัตว์ขวางทาง
ควรลดความเร็ว แต่ไม่ควรเบรคอย่างรุนแรงหรือหักหลบทันที เพราะอาจทำให้รถยนต์พลิกคว่ำได้
และไม่ควรหักหลบไปในช่องทางที่มีรถแล่นสวนมา หากไม่เร่งรีบ ควรปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นเดินจนพ้นจากถนน
ไม่ควรบีบแตรไล่ เพราะอาจทำให้ตกใจและหันมาทำอันตรายได้
การแซงควรเลี้ยงไปด้านหลังของสัตว์ เพราะการตัดหน้าจะทำให้สัตว์ตกใจและเตลิด
อันตรายต่อรถยนต์ในช่องทางอื่น

ที่มา //www.car-2-buy.com


Create Date : 07 มิถุนายน 2552
Last Update : 7 มิถุนายน 2552 14:10:39 น. 0 comments
Counter : 1172 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.