Group Blog
 
 
มกราคม 2552
 
19 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
9 เคล็ดลับการดับไฟรถ

วิธีดับไฟไหม้รถ

เคล็ดลับที่ 1
โดยปกติแล้วเพลิงไหม้จะเริ่มต้นจาก 3 จุดของตัวรถคือ
1. ห้องเครื่อง สาเหตุเนื่องจากการรั่วของน้ำมันเชื้อเพลิงหรือน้ำมันหล่อลื่น
2. ใต้แผงหน้าปัด สาเหตุเนื่องจากการลัดวงจรของระบบไฟฟ้า
3. ที่เบาะหลัง สาเหตุเนื่องจากการทิ้งก้นบุหรี่ออกไปนอกรถ แต่กลับปลิวไปตกที่บริเวณเบาะหลังโดยไม่รู้ตัว




เคล็ดลับที่ 2
โดยทั่วไปจะมีถังดับเพลิงอยู่หลากหลายชนิดด้วยกัน แต่ที่ท่านควรจะมีติดรถไว้ ก็คือถังดับเพลิงชนิด ABC
ซึ่งสามารถใช้งานได้หลากหลายอเนกประสงค์ กล่าวคือ
ชนิด A มีคุณสมบัติในการดับเพลิงที่เกิดจากเชื้อเพลิงทั่วไป เช่นไม้ กระดาษหรือเครื่องเบาะของรถ
ชนิด B มีคุณสมบัติในการดับเพลิงที่เกิดจากของเหลวไวไฟ เช่น น้ำมันเครื่อง น้ำมันเชื้อเพลิง
ชนิด C มีคุณสมบัติในการดับเพลิงที่เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร

ข้อเสียของถังดับเพลิงชนิด ABC ก็คือ
ผงแป้งละเอียดที่ตกค้างหลังจากการใช้งาน จะกัดกร่อนจุดเชื่อมต่อต่างๆ ของระบบไฟฟ้า
และทำความเสียหายกับสมองกลหรือระบบเกียร์อิเลคทรอนิคส์
ดังนั้นท่านต้องทำความสะอาดอย่างทั่วถึงหลังการใช้งาน

ในการดับไฟนั้น ให้ท่านฉีดผงเคมีไปยังฐาน (ต้นกำเนิด) ของเพลิงที่กำลังลุกไหม้อยู่นั้น
และกวาดหัวฉีดกลับไปมาอย่างสม่ำเสมอจนกระทั่งไฟดับลง
อย่าพ่นสารเคมีไปยังเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ในอากาศ เพราะนั่นนอกจากจะดับไฟไม่ได้แล้ว
ก็ยังทำให้สิ้นเปลืองส่วนประกอบอันมีค่า ของเครื่องดับเพลิงไปโดยเปล่าประโยชน์

ถ้าหากเกิดไฟไหม้ขึ้นกับเครื่องเบาะรถท่าน ให้ดับไฟที่เบาะด้วยเครื่องดับเพลิงก่อน
แล้วจึงรีบดึงเบาะดังกล่าวออกมาจากรถของท่าน เพราะบางทีไฟอาจยังคงคุกรุ่นอยู่ในส่วนที่ลึกของเบาะ
จากนั้นจึงเปิดเบาะออกแล้วฉีดสารเคมีดับเพลิงให้ทั่วถึงต่อไป




เคล็ดลับที่ 3
หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องดับเพลิงชนิด ABC เพื่อดับไฟในบริเวณที่มีเครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ
ถ้าหากทำได้ในกรณีนี้ อุปกรณ์ดับเพลิงชนิดที่เป็นฮาลอน (Halon) จะเหมาะสมที่สุด
เนื่องจากหลักการทำงานของอุปกรณ์ดับเพลิงชนิดนี้ คือการเข้าไปไล่ออกซิเจน
ซึ่งเป็นตัวช่วยให้ติดไฟออกไปจนสามารถดับไฟได้
อุปกรณ์ดับเพลิงฮาลอน จะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพในบริเวณที่มีพื้นที่แคบ และไม่มีการถ่ายเทอากาศ
หากมีการถ่ายเทอากาศ ฮาลอนก็จะถูกลมพัดกระจายไปจนหมดและทำให้เปลวไฟลุกขึ้นมาได้อีก

บริเวณใต้แผงหน้าปัดของรถจะใช้อุปกรณ์ดับชนิดนี้ได้ดี
แต่ท่านต้องรีบถอดขั้วแบตเตอรี่ออกหลังจากไฟดับแล้ว เพื่อป้องกันการเกิดลุกไหม้ขึ้นอีก
แต่จากกรณีศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำให้คณะกรรมการฯ ได้สั่งห้ามการผลิตอุปกรณ์ดับเพลิงชนิดนี้
แต่ก็ยังคงสามารถหาซื้ออุปกรณ์ส่วนที่เหลือได้จาก General Fire Extinguisher Company of Northbrook, Illinois
ท่านสามารถโทรสอบถามตัวแทนอื่นๆ ได้ที่ 1-800-323-6452
แต่ยังทางเลือกอีกอย่างในการใช้งานอุปกรณ์ดับเพลิงทดแทนฮาลอน นั่นก็คือเครื่องดับเพลิงแบบเก่า
ซึ่งใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นตัวดับไฟนั่นเอง




เคล็ดลับที่ 4
ให้นำเครื่องดับเพลิงที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เท่าที่ท่านจะสามารถนำติดรถไปด้วยได้
เพื่อให้มีใช้เพียงพอต่อการใช้งานกรณีที่เกิดเหตุขึ้นมา




เคล็ดลับที่ 5
เพลิงไหม้ที่บริเวณห้องเครื่องยนต์นั้น โดยปกติเกิดจากการแตกของท่อน้ำมันเชื้อเพลิง
แล้วน้ำมันรั่วไปโดนเครื่องที่กำลังร้อนอยู่ ให้ตรวจสอบท่อน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างสม่ำเสมอ
หากพบว่ามีการแตกร้าวก็ให้ทำการเปลี่ยนใหม่ให้เรียบร้อย ข้อนี้สำคัญเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากมีการพบว่า MTBE ซึ่งเป็นสารเคมีที่เพิ่มเข้าไป (Additive) ในน้ำมันเชื้อเพลิงนั้น
มีส่วนทำให้เกิดการผุกร่อนของท่อน้ำมันจนทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้น

หากเกิดไฟไหม้ที่ห้องเครื่องยนต์ ให้ท่านดับเครื่องยนต์โดยทันที
เพื่อหยุดการทำงานของปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง และการไหลเวียนของน้ำมันเชื้อเพลิง

การดับไฟที่ห้องเครื่องให้ปลอดภัยและได้ผลนั้น จะต้องใช้คนสองคนด้วยกัน
โดยให้คนหนึ่งถืออุปกรณ์ดับเพลิงและเตรียมพร้อม ในขณะที่อีกคนหนึ่งเปิดฝากระโปรงรถขึ้นมา
ทันทีที่ฝากระโปรงเปิดขึ้นนั้นจะมีเปลวไฟลุกโชนขึ้นมา เนื่องจากมีอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกเข้าไปสัมผัส
ดังนั้นคนที่เตรียมพร้อมอยู่นั้น ต้องฉีดเคมีดับเพลิงไปยังต้นกำเนิดของเพลิงโดยทันทีทันใด
จนกระทั่งไฟดับ ที่สำคัญก็คือท่านต้องเปิดฝากระโปรงขึ้นมาโดยเร็ว
ก่อนที่ไฟจะไหม้สายเคเบิลสำหรับเปิดฝากระโปรงเสียหาย จนไม่สามารถใช้การได้
หากเป็นเช่นนั้นแล้วก็จะไม่สามารถดับไฟที่ไหม้ได้เลย

ท่านไม่ต้องพยายามดับไฟ โดยการพ่นสารเคมีดับเพลิงผ่านเข้าไปทางหม้อน้ำหรือซุ้มล้อ
เพราะมันจะไม่ได้ผล รวมทั้งเสียเวลาและสารเคมีดับเพลิงของท่านไปโดยเปล่าประโยชน์
การดับเพลิงชนิดนี้ให้ได้ผลต้องดับที่ต้นกำเนิดของเพลิงเท่านั้น




เคล็ดลับที่ 6
ถ้าท่านกำลังต่อสู้อยู่กับไฟที่กำลังไหม้รถนั้น ท่านจะต้องไม่เข้าไปอยู่ใน "เขตอันตราย (zone of danger)"
นั่นก็คือพื้นที่รูปกรวยเริ่มจากตำแหน่งของถังน้ำมัน (โดยปกติจะถูกติดตั้งไว้ด้านท้ายของรถ) ไปยังด้านหลังของรถ
เพราะถ้าหากถังน้ำมันเกิดระเบิดขึ้น มันจะส่งแรงระเบิดอันน่ากลัว ซึ่งเป็นอันตรายถึงตายเลยทีเดียว
ให้อยู่ออกมาจากทางด้านหลังของรถเป็นระยะทาง 50 ถึง 100 ฟุต (15-30 เมตร)
(เสริม-พื้นที่รูปกรวยให้ท่านนึกภาพเปลวไฟ ที่พุ่งออกมาจากปลายของจรวดขับดันยานอวกาศขณะส่งขึ้นจากฐาน)




เคล็ดลับที่ 7
ในแต่ละปี (ที่อเมริกา) จะมีรถประเภทอเนกประสงค์และกระบะบรรทุกจำนวนมากถูกไฟไหม้
เมื่อคนขับได้จอดรถทิ้งไว้ในบริเวณที่มีหญ้าสูงๆ เพื่อไปล่าสัตว์ ตกปลาหรือเดินเที่ยว
เนื่องจากอุปกรณ์เครื่องกรองมลพิษจากไอเสีย (catalytic converter) ที่ยังร้อนอยู่ไปทำให้หญ้าเกิดติดไฟขึ้นมา
และลุกลามไปทั้งทุ่งหญ้าหรือกลายเป็นไฟป่า ซึ่งมันจะเผาผลาญทุกอย่างที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้น

ดังนั้นเพื่อเห็นแก่รถของท่านและสิ่งแวดล้อม
อย่าจอดรถใกล้กับสิ่งใดๆ ก็แล้วแต่ที่เครื่องกรองมลพิษจากไอเสีย (catalytic converter)
หรือท่อไอเสียของรถ
จะสามารถทำให้เกิดการลุกไหม้ได้




เคล็ดลับที่ 8
ถ้าหากท่านใช้ "motorhome" หรือลาก "camper-trailer"
(รถที่ออกแบบให้มีบริเวณคล้ายห้องนอนด้านหลังคนขับ คนอเมริกันใช้เป็นบ้านหรือที่พักค้างแรม)

ก็ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นสองเท่า
เพราะรถประเภทนี้มีการติดตั้งถังแก๊สหุงต้ม เพื่อใช้ในการประกอบอาหารด้วย
ซึ่งจะเป็นแหล่งเชื้อเพลิงอีกอย่างหนึ่งของการเกิดไฟไหม้ หรือการระเบิด
รถประเภทนี้มีแนวโน้มการเกิดเพลิงไหม้ อันเนื่องมาจากไฟฟ้าลัดวงจรด้วย
เนื่องจากความซับซ้อนของระบบสายไฟในรถ
ดังนั้น ต้องแน่ใจว่ารถของท่านได้ติดตั้งเครื่องตรวจจับควัน หรือแก๊สรั่วไว้แล้วด้วย




เคล็ดลับที่ 9
บางครั้งท่านเองก็สามารถทำให้เกิดเพลิงไหม้รถได้ หรือเกิดการบาดเจ็บหรือถึงแก่ชีวิตของตัวท่านเอง
หากท่านทำการเติมน้ำมันจากภาชนะบรรจุซึ่งเกิดมีไฟฟ้าสถิตย์อยู่
ประกายไฟจะกระโดดจากภาชนะบรรจุน้ำมันไปยังตัวถังของรถ และไปจุดระเบิดไอระเหยของน้ำมันขึ้นได้
ดูเหมือนว่าไฟฟ้าสถิตย์จะเกิดขึ้นกับภาชนะบรรจุ ที่บรรทุกไว้ในรถกระบะที่มีการติดตั้งพื้นปูกระบะพลาสติก
หรืออันที่บรรทุกไว้บนหลังคาของรถ เนื่องจากการขับรถด้วยความเร็วบนทางหลวงนั้น
จะทำให้อากาศเกิดการเสียดสีกับผิวของภาชนะบรรจุ จนมีการเก็บประจุเกิดขึ้น

ก่อนที่จะเทน้ำมันออกมานั้นท่านต้องมั่นใจว่า
ได้ล้างไฟฟ้าสถิตย์ด้วยการลงกราวด์ภาชนะบรรจุก่อนแล้วทุกครั้ง
เพื่อป้องกันการเกิดเหตุดังกล่าวข้างต้น
และจำไว้ด้วยว่าภาชนะบรรจุน้ำมันที่ใกล้หมด สามารถเป็นอันตรายได้มากกว่าอันที่ยังเต็มอยู่
เพราะไอระเหยของน้ำมันด้านใน จะเกิดการระเบิดได้ง่ายกว่าที่น้ำมันที่ยังมีสภาพเป็นของเหลว



ที่มา : //www.4x4.in.th


*** สารบัญรู้เรื่องรถ



Create Date : 19 มกราคม 2552
Last Update : 16 มกราคม 2555 11:41:39 น. 0 comments
Counter : 1022 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.