รู้เท่าทัน 'ไฟไหม้รถ' !! ชีวิต-ทรัพย์สินไม่สูญ

เป็นข่าวพาดหัวตัวไม้บ่อยขึ้นในระยะไม่กี่เดือน สำหรับเหตุการณ์ "รถยนต์ไฟไหม้" ทั้งไฟลุกเพียงเล็กน้อยไปจนถึงลุกโชน เผาผลาญรถหรูให้กลายเป็น "เศษเหล็ก" เดชะบุญบางรายรอดตายหวุดหวิด ขณะที่อีกหลายคนกลับถูกกองเพลิงคลอกอย่างอนาถ
ผู้เคราะห์ร้ายพอเจอเหตุการณ์เช่นนี้ได้แต่ยืน "อึ้งกิมกี่" หยิบจับอะไรไม่ถูก อาจจะเป็นอย่างที่เขาว่า "ตั้งสติก่อนสตาร์ต" แต่ก่อนสตาร์ตควรตรวจความพร้อมของเครื่องยนต์และส่วน ต่าง ๆ เสียก่อน ยิ่งรถเก่า ซึ่งมีวี่แววประสบกับปัญหา อย่าได้นิ่งนอนใจ เพราะแทนที่จะเสียเงินค่าซ่อมแต่ต้องเสียรถไปทั้งคัน ถึงจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงก็มีความสุ่มเสี่ยงไม่แพ้กัน
ครั้นเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นกับตัวมัวรอ "พระเอกขี่ม้าขาว" มาช่วยคงไม่ทันการหันมาพึ่งตนเองกันก่อนดีกว่า...
ผศ.ดร.ก่อเกียรติ บุญชูกุศล อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิศวกรรมยานยนต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าว่า การเกิดไฟไหม้ของรถยนต์เกิดจากปัจจัยนอกระบบเครื่องคือ ตัวถังภายนอกได้รับการกระทบกระเทือนจนเกิดประกายไฟ ทำให้เชื้อเพลิงปะทุ ด้านปัจจัยภายใน เกิดจากความร้อน, เชื้อเพลิง, ประกายไฟ ซึ่งเมื่อปัจจัยเหล่านี้เอื้ออำนวยต่อกันย่อมทำให้เกิดเพลิงไหม้
ส่วนใหญ่รถที่เป็นปัญหาคือ รถรุ่นเก่า ผ่านการปรับแต่ง เป็นผลจากบางครั้งช่างใส่อะไหล่รถที่ไม่มีคุณภาพมา หรือต่ำกว่ามาตรฐานเดิม เช่น ใช้สายไฟต่ำกว่าเกณฑ์กำหนดเพื่อลดต้นทุนการทำงาน ทำให้พอใช้ไปเกิดไฟฟ้าลัดวงจร หรือบางชิ้นส่วนมีขนาดเล็ก หรือใหญ่กว่าของเดิมเป็นผลให้เกิดการเสียดสีกับ ชิ้นส่วนอื่นจนเป็นประกายไฟ และเมื่อผนวกกับความร้อนและเชื้อเพลิงทำให้เครื่องยนต์ไหม้
ด้านรถใหม่ ซึ่งใช้มา ระยะเวลาหนึ่งอาจ เกิดเพลิงไหม้ได้ เนื่องจากเจ้าของไม่ดูแลระบบภายในส่วนต่าง ๆ เช่น หม้อน้ำ ที่ปล่อยไว้จนแห้ง ทำให้หม้อน้ำระเบิดแล้วไฟถึงไหม้ลุกลามไปถึงเครื่องยนต์ และส่วนอื่น ขณะเดียวกันถังเชื้อเพลิงมีส่วนสำคัญกระตุ้นให้เกิดประกายไฟ เนื่องจากอาจเกิดการปิดฝาไม่สนิท, มีรอยแตกร้าวบริเวณฝาหรือถังน้ำมัน
" การเกิดไฟไหม้รถยนต์ไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ แต่เกิดขึ้นได้ต่อเมื่อมีปัจจัยต่าง ๆ ที่เหมาะสม ซึ่งบางครั้งก็เป็นเรื่องราวซับซ้อนกว่าจะพิสูจน์ได้ เช่น เมื่อครั้งมีเหตุการณ์รถบัสไฟไหม้ มีคนถูกไฟคลอกตายพิสูจน์ได้ว่าเกิดจากเพลาขาดแล้วเศษชิ้นส่วน ไปกระแทกกับถังน้ำมันขณะรถวิ่ง ซึ่งคนขับรถพยายามเบรกแต่เบรกแตก ทำให้เชื้อเพลิงกระทบกับความร้อนจากท่อไอเสีย จึงเกิดไฟลุกท่วมกลายเป็นโศกนาฏกรรมที่น่ากลัว"
ผศ.ดร.ก่อเกียรติ แนะนำถึงการสังเกต หากเกิดเพลิงไหม้ในรถว่า ส่วนใหญ่มักเกิดตอนที่รถกำลังวิ่งอยู่ ซึ่งต้องพยายามดูบริเวณกระโปรงหน้าของรถ เพราะเป็นที่ตั้งของเครื่องยนต์ และสายไฟซึ่งเป็นตัวนำไปสู่การเกิดประกายไฟ หรือหากรถบางรุ่นที่มีตัววัดอุณหภูมิก็เป็นเครื่องช่วยอย่างหนึ่ง ให้ผู้ขับสังหรณ์ใจว่า หากมีอากาศร้อนเกินไปอาจเกิดความผิดปกติของเครื่องยนต์
หาก เกิดการไหม้บริเวณกระโปรงหลังรถ ซึ่งส่วนใหญ่จะได้กลิ่นควันไฟเร็วกว่าเกิดไฟไหม้ ในส่วนอื่น ขณะเดียวกันหากขับรถไปเกิดอาการเครื่องยนต์กระตุกก็อาจมีผลได้ เนื่องจากถังน้ำมันอาจเกิดรั่ว เพราะเมื่อเครื่องกระตุกก็เหมือนกับมีอากาศ เข้าไปในตัวถัง ทำให้เครื่องยนต์เกิดการเผาไหม้ไม่สม่ำเสมอ
ตลอดจนต้องหมั่นเปิดกระโปรงหน้ารถดูบนเครื่องยนต์ว่า มีเขม่าดำเกาะอยู่หรือไม่ หากมีแสดงว่าอาจมีชิ้นส่วนใดชิ้นส่วนหนึ่งไม่สมบูรณ์ต่อการใช้งาน พยายามดูบริเวณใต้ท้องรถและพื้นที่จอดว่า มีน้ำมันหยดหรือไม่หากมีควรแก้ไข อย่างเร่งด่วน หมั่นสังเกตว่าน้ำมันหมดเร็วหรือไม่เพราะน้ำมันเครื่องอาจจะรั่วได้
ดังนั้น การขับรถควรมีสติอยู่เสมอ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน หรือเกิดการไหม้ของเครื่องยนต์ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ต้องดับเครื่องทันทีเพื่อตัดสัญญาณไฟ ขณะเดียวกันรถ แต่ละคันควรมีถังดับเพลิงขนาดเล็ก ไว้ข้างคนขับเผื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่บางคนมีถังดับเพลิงก็จริง แต่เก็บไว้ท้ายรถซึ่งเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นยากแก่การนำออกมาใช้ แต่หากเกิดการลุกไหม้เพียงเล็กน้อย สามารถนำผ้าแห้งหรือผ้าที่เปียกน้ำมาตบ ๆ บริเวณเกิดไฟไหม้ได้
"อากาศร้อนอาจมีผลให้เกิดประกายไฟได้ในบางกรณี แต่ก็ไม่ง่ายนักเพราะต้องมีปัจจัยอื่นมาสนับสนุนให้เกิดประกายไฟ เช่น การเสียดสีของเหล็กบางตัวที่อยู่ในตัวรถ ซึ่งเหตุการณ์ไฟไหม้รถสามารถเกิดได้กับรถทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นมอเตอร์ไซค์ รถเก๋ง รถกระบะ"
รถมือสองถือว่าเป็นที่ต้องการของตลาดอย่างสูง ซึ่งบางครั้งผู้เลือกซื้อควรพาเพื่อน หรือผู้เชี่ยวชาญไปดูรถด้วยเพราะบางคัน เจ้าของเก่าอาจดัดแปลงจนเสียหาย แล้วนำมาแต่งใหม่โดยนำวัสดุอุปกรณ์ไม่ได้มาตรฐานมาใส่แทน ผู้ซื้อจึงจำเป็นต้องตรวจดูเบื้องต้นบริเวณเครื่องยนต์ว่า สายไฟได้มาตรฐาน และไม่มีน้ำมันรั่วซึม ขณะเดียวกันเมื่อสตาร์ตรถ ต้องไม่มีอาการเครื่องกระตุกเพราะนั่นแสดงว่า เครื่องยนต์ทำงานไม่เป็นปกติ ส่งผลอันตรายหากเครื่องยนต์ขัดข้อง
การ นำรถไปเช็กสภาพเป็นประจำเป็นอีกหนึ่งแนวทางแก้ไข เพื่อไม่ให้เกิดอาการเครื่องยนต์ขัดข้อง ซึ่งเป็นอันตรายต่อผู้ขับขี่ ดังนั้นการป้องกันไว้ดีกว่าแก้เพราะเมื่อถึงเวลานั้นคุณอาจ...งงงง.
10 กลเม็ดก่อนขับรถยนต์
1. ตรวจความดันลมยาง ดอกยาง และรอยฉีกขาด
2. ดูว่ามีร่องรอยน้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก หรือ น้ำรั่วซึมจากใต้ท้องรถ
3. ดูไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยวหรืออื่น ๆ รวมทั้งระดับไฟหน้าด้วยว่าเป็นปกติทั้งหมด
4. แผงควบคุมและอุปกรณ์ดูให้แน่ใจว่าทำงานปกติ ที่ปัดน้ำฝน ปัดได้เรียบร้อยสม่ำเสมอ
5. ระดับน้ำหล่อเย็น ควรมีอยู่ถึงระดับสูงสุดในถังพักสำรอง
6. หม้อน้ำและท่อยาง ควรดูว่าด้านหน้าหม้อน้ำหมดจดไม่มีเศษวัสดุ หรือใบไม้ติดอยู่ ดูท่อยางว่ามีรอยแยกเปื่อย มีรอยฉีกขาดหรือหลวม
7. สายพานขับต่าง ๆ ต้องไม่มีรอยแตก เลอะน้ำมันหล่อลื่น และความตึงสายพานอยู่ในค่ากำหนด
8. แบตเตอรี่และสายไฟ ตรวจดูและเติมน้ำกลั่นให้ได้ ระดับที่กำหนดดูเปลือกแบตเตอรี่ว่ามีร่องรอยเสียหายหรือไม่ ดูขั้วต่อและสายไฟว่าอยู่ในสภาพดีหรือไม่
9. ระดับน้ำมันเบรกและคลัตช์ ตรวจดูว่าระดับน้ำมันเบรกและคลัตช์อยู่ในระดับที่ถูกต้อง
10. ท่อน้ำมันเชื้อเพลิง ตรวจดูว่าท่อน้ำมันมีการรั่ว หลุดหรือไม่
ข้อมูลจาก เดลินิวส์ ที่มา //variety.thaiza.com/รู้เท่าทัน ไฟไหม้รถ ชีวิต-ทรัพย์สินไม่สูญ_1212_139868_1212_.html
สารบัญ ความรู้เรื่องรถ
คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 07 พฤศจิกายน 2552 |
Last Update : 2 ธันวาคม 2552 18:38:18 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1109 Pageviews. |
 |
|
|
|
|